Wednesday, July 18, 2012

ดูละครปิ่นอนงค์ ตอนที่ 10 Pin Anong EP 10

>> ปิ่นอนงค์ Pin Anong 偷心俏冤家 EP010

ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 10 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


 เหตุการณ์ที่ไร่ไพศาลเวลานั้น ใหญ่ยืนอยู่ข้างม้าคู่ใจ ยื่นมือให้ปิ่นอนงค์จับเพื่อจะให้ขึ้นไปนั่งด้านหน้าของม้า ปิ่นอนงค์ออกอาการเขินๆ
       
       “ปิ่นขอไม่นั่งได้มั้ยคะ”
       “ถ้าไม่นั่ง ฉันจะผูกเชือกให้ม้าลากเธอไป” ใหญ่ยิ้มกวนๆ “แล้วจะหาว่าผัวใจร้ายกับเมียไม่ได้นะจ๊ะ”
       ปิ่นอนงค์จ๋อย “ไหนคุณใหญ่เรียกปิ่นมา เพื่อให้ปิ่นช่วยทำงานไงคะ”







       “ก็นี่แหละงาน ส่งมือมา” ใหญ่คะยั้นคะยอ
       ปิ่นอนงค์ยอมส่งมือให้ ใหญ่ยกตัวปิ่นอนงค์ขึ้นนั่งบนหลังม้าสำเร็จ ตัวเองขึ้นนั่งข้างหลัง
       ใหญ่ควบพาม้ามาหยุดที่บริเวณทุ่งดอกไม้อันสวยงาม ชายหนุ่มชะลอม้าให้เยื้องย่างไปอย่างช้าๆ ปิ่นอนงค์มองวิวสวยเบื้องหน้า ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดชื่น
       ใหญ่แอบมองใบหน้าปิ่นอนงค์แล้วยิ้มๆ เอ่ยขึ้นลอยๆ “สวย”
       ปิ่นอนงค์เหลียวมามองหน้าใหญ่ “อะไรนะคะ”
       ใหญ่เบือนหน้าไปมองทุ่งกลบเกลื่อน “อ๋อ ทุ่งสวยดีน่ะ มองแล้วเพลินตาเพลินใจ”
       พลางใหญ่ส่งสายตาเจ้าชู้ กรุ้มกริ่ม ปิ่นอนงค์เขินก้มหน้าต่ำ หลบสายตา ใหญ่หยุดม้า ลงจากหลังม้าแล้วรับตัวปิ่นอนงค์ลงมาที่พื้น
       ใหญ่มองไปที่ทุ่งกว้าง อธิบายไอเดีย “ฉันต้องการปรับพื้นที่แถวนี้ให้เป็นทุ่งดอกไม้หลากสายพันธุ์คล้ายกับที่ผาแต้ม คิดว่านักท่องเที่ยวน่าจะชอบ อยากเข้ามาพักที่รีสอร์ตเราเพิ่มขึ้น เธอคิดว่าไง”
       “แล้วแต่คุณใหญ่เถอะค่ะ”
       “อย่าเอาแต่ตามใจคนอื่นสิปิ่น เธอควรกล้าคิดกล้าแสดงความต้องการของตัวเองออกมา ไม่ใช่เอาแต่คอยรับคำสั่ง”
       “จะมีคนฟังคนที่เคยเป็นสาวใช้เหรอคะ” ปิ่นอนงค์พูดอย่างเจียมตน
       “ตอนนี้เธอไม่ใช่แล้ว เธอคือคุณผู้หญิงของไร่ ไม่ว่าใครจะสั่งให้เธอทำอะไร เธอไม่จำเป็นต้องทำตาม ไม่ว่าจะเป็นคุณนายครองสุข หรือ แม่ของเธอ”
       ปิ่นอนงค์สะดุ้ง ใหญ่เดินดูไปเรื่อย ปิ่นอนงค์ตามหลัง
       “คุณใหญ่คะ ถ้าเกิดแม่ของปิ่นเค้า...” ปิ่นอนงค์ลองหยั่งเชิงเรื่องแม่
       แต่เสียงมือถือดังกลบคำพูดของปิ่นอนงค์พอดี ใหญ่เลยไม่ทันได้ยิน
       ใหญ่เห็นชื่อปลอดโทร.เข้ามา
       
       ปลอดคุยโทรศัพท์ระบบ 3G เห็นหน้าใหญ่ในจอ
       “ว่าผมก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวของคุณใหญ่เลยนะครับแต่อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ”
       ขณะฟังใหญ่เหลียวมองไปทางปิ่นอนงค์ ที่ยืนอยู่กลางทุ่งแล้วเดินเก็บดอกไม้
       “ผมไม่ได้หลงเมียอย่างที่ไอ้ปานมันฟ้องนะครับ แต่ปิ่นสารภาพเรื่องเครื่องเพชรหมดแล้ว ว่าเอาไปให้คุณนายครองสุขยืม ปิ่นเป็นคนใจดีคิดแต่จะช่วยคนอื่น เลยไม่ทันความเจ้าเล่ห์ของยัยคุณนาย” ใหญ่บอก
       ปลอดตัดสาย ถอนใจหันมาทางเพ็ญ “เข้าข้างกันอีกตามเคย อย่างที่ไอ้ปานมันว่า”
       เพ็ญพยายามหาเหตุผลมาว่า “เค้าเป็นผัวเมียกันนะคะ ไม่เข้าข้างสิถึงแปลก”
       “แต่ปิ่นอนงค์เป็นพวกคุณนายครองสุข ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าหลงเชื่อผู้หญิงคนนี้ไปได้ยังไง” ปลอดบ่นอุบ
       “ความรักไงพี่ปลอด” เพ็ญว่า
       “นายไพศาลมีจุดจบที่น่าสงสารก็เพราะความรัก หรือว่าสวรรค์ตั้งใจให้ลูกเดินตามรอยพ่ออีกคน”
       “เพ็ญว่านะ สวรรค์อาจต้องการให้คุณใหญ่ได้เรียนรู้ความรู้สึกของพ่อตัวเองได้ดีขึ้น”
       ฟังเพ็ญแล้วปลอดขมวดคิ้ว “พูดอะไรของเธอไม่เห็นจะเข้าใจ”
       “เหมือนพี่ปลอดกับนายปานไงคะ พี่ปลอดทั้งรักทั้งห่วงลูกแต่ลูกชายของพี่กลับคิดว่าพี่รักคุณใหญ่มากกว่า นายปานมองไม่ออกหรอกว่าที่พี่โทรถามข่าวคุณใหญ่กับเค้าบ่อยๆ เพราะพี่คิดถึงลูกชาย อยากคุยกับลูกชาย เพ็ญพูดถูกมั้ย”
       ปลอดคิดตาม ก่อนจะพยักหน้า “ไอ้ลูกโง่ต้องรอให้มันเป็นพ่อคน มันถึงจะเข้าใจ”
       เพ็ญส่ายหน้ายิ้มๆ
       
       พอใหญ่มองไปกลางทุ่งดอกไม้ไม่เห็นปิ่นอนงค์อยู่ที่เดิม ใหญ่ใจหายรีบเดินแหวกทุ่งหญ้าตามหา
       “ปิ่น เธออยู่ไหนอ่ะ”
       ใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลนัก ปิ่นอนงค์นั่งพิงต้นไม้เคลิ้มหลับอยู่ ยินเสียงทรรศนะแว่วมา
       “ปิ่นจ๊ะ ปิ่น ปิ่น”
       ปิ่นอนงค์ค่อยๆ ปรือตา เห็นทรรศนะนั่งอยู่ตรงหน้า ปิ่นอนงค์ดีใจนัก
       “คุณนะ คุณนะมาที่นี่ได้ยังไงคะ คุณนะอยู่กรุงเทพฯไม่ใช่เหรอ”
       ทรรศนะจับมือปิ่นอนงค์ น้ำตาคลอ ดึงปิ่นอนงค์เข้ามากอดแนบอก
       “พี่แต่งงานกับอรไม่ได้แล้ว อรเค้าไม่ได้รักพี่ พี่อยากกลับมาหาปิ่น มีปิ่นเท่านั้นที่ดีกับพี่ รักพี่อย่างจริงใจ พี่มันโง่ไปเอง”
       ปิ่นอนงค์มองหน้าทรรศนะเขม็ง ทรรศนะค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปหา
       
       เสียงมือถือดัง ทำให้ปิ่นอนงค์ตื่นจากภวังค์ สะดุ้งลืมตา ปิ่นอนงค์ลนลานหยิบมือถือดูชื่อ
       “คุณนะ”
       เสียงใหญ่ลอยมาจากทางอื่น “ปิ่นอนงค์ ได้ยินฉันเรียกหรือเปล่า”
       ปิ่นอนงค์กลัวใหญ่โกรธถ้าคุยกับทรรศนะรีบพูดไวๆ “ฮัลโหลคุณนะเหรอคะ คืนนี้ปิ่นจะโทร.ไปหานะคะ”
       ใหญ่เข้ามาแต่ไม่ทันได้ยินชัด “คุยกับใครน่ะ”
       ปิ่นอนงค์รีบตัดสาย คิดหาข้อโกหก “เออ น้อยค่ะ น้อยโทร.มาถามเรื่องอาหารมื้อเย็นวันนี้”
       ใหญ่ไม่ติดใจสงสัย
       “นึกว่าแอบมานัดเจอใครตรงนี้ บอกไว้ซะก่อนนะ ฉันขี้หึงห้ามเธอเข้าใกล้ผู้ชายทุกคน แม้แต่วัวตัวผู้ ม้าตัวผู้ กระต่ายแพะ แกะตัวผู้ ฉันก็หึง”
       ปิ่นอนงค์หัวเราะคิก ขำในความตลกของใหญ่ เห็นเมียขันใหญ่เก๊กหน้าดุ
       “ขำอะไร อย่ามาคิดว่าฉันล้อเล่นนะ ถ้าฉันรู้ว่าเธอปันใจให้ไอ้ผู้ชายคนไหน ฉันจะฆ่ามัน”
       ปิ่นอนงค์หน้าเสีย ยิ่งกลัวว่าใหญ่จะรู้เรื่องทรรศนะติดต่อมา ปิ่นอนงค์เลยต้องปิดๆ บังๆ ไม่กล้าเล่าให้ฟัง
       
       ค่ำแล้ว ปิ่นอนงค์เดินระแวดระวังกลัวใหญ่เห็น ในมือกำโทรศัพท์แน่น เลี้ยวมุมไป ทัศนีย์เปิดประตูออกมาจากอีกห้องเห็นเข้าพอดี สงสัยท่าทางปิ่นอนงค์ดูแปลกๆ
       “มืดค่ำแล้วมันจะออกไปไหน”
       ทัศนีย์ตามออกมาที่สวนด้านหลังเรือนใหญ่ มองหาปิ่นอนงค์ไม่รู้หายไปไหน ทัศนีย์เดินเลยไปทางสวนด้านหลัง ได้ยินเสียงปิ่น
       “ฮัลโหล ปิ่นเองค่ะ”
       ทัศนีย์ย่องไปทางเสียง เห็นปิ่นอนงค์หลบอยู่มุมมืดยืนคุยโทรศัพท์ ทัศนีย์หาที่ซุ่มดูแต่ไม่ได้ยินเสียง
       “ไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯเหรอคะ แล้วตอนนี้คุณนะอยู่ที่ไหน”
       
       ทรรศนะนั่งอยู่บนเตียงในห้องแคบๆ โรงแรมเล็กๆ สีหน้าเครียดจัด
       “พี่อยู่ที่โรงแรมในตัวอำเภอ ปิ่นมาหาพี่หน่อยได้มั้ย พี่มีเรื่องร้อนใจมาก แต่ไม่รู้จะบอกกับใครได้ นอกจากปิ่น”
       
       ทัศนีย์เงี่ยหูฟังแต่ไม่ได้ยิน พยายามจะขยับไปใกล้ๆ กว่าเดิม แต่กิ่งไม้บนหัวดันเกี่ยวผม พอทัศนีย์เดินไปกิ่งไม้ก็กระชากผมไว้ ทัศนีย์ร้องออกมาเบาๆ
       “อ๊อย!”
       ปิ่นอนงค์ตัดสายพอดี ตกใจมองหาเสียง ทัศนีย์รีบดึงผมออก ก้มหลบที่หลังต้นไม้แทบไม่ทัน
       ปิ่นอนงค์มองไม่เห็นใคร รีบเดินเข้าเรือน ทัศนีย์โผล่หน้าออกมามอง
       “ทำไมมันต้องหลบมาโทรศัพท์ด้วย ท่าทางเหมือนมีลับลมคมในอะไร” ทัศนีย์ตกใจ “หรือว่ามันแอบติดต่อกับผู้ชาย อี๊ นังปิ่นแกนี่มันร้ายนักนะ ฉันต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา”
       ทัศนีย์จิกตาร้าย มาดหมายมุ่งมั่นว่าจะต้องรู้เรื่องให้ได้
       
       เสียงนกร้องยามเช้า ส่งให้บรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติของไร่ไพศาลยิ่งสวยจับจิต ใหญ่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ รอบปากทาครีมโกนหนวดไว้ ปิ่นอนงค์บรรจงโกนหนวดให้ใหญ่อย่างชำนิชำนาญ จนเสร็จ
       “เสร็จแล้วค่ะ”
       ปิ่นส่งกระจกให้ ใหญ่ส่องดูยิ้มปลื้ม “ทำไมเธอทำเป็น” ชักหึงกรุ่นๆ “หรือโกนให้ใครบ่อยๆ”
       “ก็ต้องโกนให้กับผู้ชายสิคะ”
       “ไอ้คุณนะหวานใจของเธอหรือไง”
       “คุณลุงไพศาลค่ะ”
       ใหญ่หน้าขรึมทันที ปิ่นอนงค์เล่าต่อ “ตอนที่คุณลุงป่วยขยับตัวไม่ได้ คุณนายให้ปิ่นเป็นคนเช็ดเนื้อเช็ดตัว ดูแลเรื่องตัดผม เรื่องโกนหนวดให้ค่ะ ปิ่นก็เลยทำเป็น”
       ใหญ่เริ่มอยากรู้ “พ่อฉันเค้านอนเจ็บแบบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยเหรอ”
       “ค่ะ แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้”
       “แล้วก็ปล่อยให้นอนแบ่บอยู่อย่างนั้นไม่พาไปโรงพยาบาลให้อยู่ในความดูแลของหมอ”
       “คุณไพศาลนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเดือน ก่อนจะกลับมาบ้าน เพราะหมอบอกไม่มีทางรักษาแล้ว”
       “งั้นเหรอ...” ใหญ่เปลี่ยนเรื่อง “ฉันต้องออกไปที่ไร่แล้ว”
       ใหญ่จะไป ปิ่นอนงค์รีบบอก “คุณใหญ่คะ เช้านี้ปิ่นจะขอออกไปหาจินที่ปศุสัตว์หน่อยนะคะ ตั้งแต่เค้ามาช่วยงานแต่ง ปิ่นยังไม่ได้ซื้อของขวัญไปขอบคุณเลย”
       ใหญ่หันกลับมา “ให้เปี๊ยกขับรถไปส่งแล้วกัน”
       “ไม่เป็นไร ปิ่นไปเองดีกว่า ให้เปี๊ยกไปนั่งรอ จะเสียงานทางไร่เปล่าๆ”
       “ตามใจ” ใหญ่จุ๊บแก้มลาอย่างรวดเร็ว “ไปนะจ๊ะ”
       ใหญ่ยิ้มกริ่มเดินออกไป ปิ่นอนงค์จับแก้มด้วยความเขินอาย
       
       ปิ่นอนงค์เดินออกมาหน้าเรือนหลังใหญ่ น้อยตามหลัง ปิ่นอนงค์อดกังวลไม่ได้หันกลับมาย้ำ
       “อย่าลืมที่พี่บอกนะน้อย”
       น้อยทบทวนคำสั่ง “ต้องอุ่นอาหารที่คุณผู้หญิงทำเตรียมไว้ให้คุณใหญ่กินเท่านั้น ถ้าป้าอุ่นเอาอาหารมาส่งให้เก็บไว้ในตู้กับข้าว ห้ามจัดขึ้นโต๊ะให้คุณใหญ่กินเด็ดขาด แต่เอ๊ะ ทำไมกินไม่ได้ละคะ”
       “คุณใหญ่ไม่ถูกปาก แต่ปิ่นไม่อยากให้แม่เสียน้ำใจ ก็เลยไม่อยากบอกแม่ให้หยุดทำ น้อยก็อย่าพูดไปนะ”
       “รับรองเหยียบมิด” น้อยยิ้มๆ
       ปิ่นอนงค์ยิ้มให้ เดินไปขึ้นรถแวน ขับออกไป
       ที่รถกระบะอีกคัน นีโผล่หัวขึ้นมามอง แล้วรีบเปิดประตูรถขับตามปิ่น
       
       ปิ่นอนงค์ขับรถมาถึงปากทางออกจากไร่ รถของทัศนีย์แล่นตามมาในระยะห่างพอควร ปิ่นอนงค์ขับรถพ้นประตูไร่ออกไปแล้ว ทัศนีย์เร่งเครื่องตาม แต่จู่ๆ เครื่องดันกระตุก สามสี่ที แล้วเครื่องดับ
       “บ้าเอ๊ย มาดับอะไรเอาตอนนี้ ติดสิติด”
       ทัศนีย์พยายามสตาร์ทเครื่อง แต่ไม่ติดจนนึกโมโห ลงจากรถ มองตามรถปิ่นอนงค์ที่ไปไกลจนลับตาแล้ว ทัศนีย์หันหลังจะเดินกลับไร่ เห็นปานเทพขับรถกอล์ฟมาถึง รีบโบกมือเรียก
       “ผู้จัดการ ฉันขอไปด้วยคน”
       ปานเทพจอดรถกอล์ฟ ลงมาหา ตำหนิเอา “ชาวบ้านชาวช่องเค้าเร่งรีบทำงานกันสายตัวแทบขาด แต่เธอมาเอ้อระเหยลอยลมอยู่แถวนี้ ไม่ละอายใจบ้างหรือไง”
       “ก็จะรีบไปอยู่นี่แหละ ถ้านายไม่เอาแต่บ่นๆๆ ป่านนี้ฉันคงถึงออฟฟิศแล้ว”
       ทัศนีย์ขึ้นไปนั่งรถกอล์ฟ “มาคันไหนก็ไปคันนั้นสิแม่คุณ” ปานเทพรีบบอก
       “ไปได้ไง ไอ้รถบ้านี่อยู่ๆ มันก็ดับไปซะงั้น”
       “ดับก็ทำให้มันติดสิ ไม่เห็นจะยาก ไปเข็น” ปานเทพขึ้นไปนั่งที่คนขับ
       ทัศนีย์ตาเหลือก เปลี่ยนมาเล่นบทลูกอ้อนตอแหลสุดฤทธิ์
       “ผู้จัดการคะ ใจคอผู้จัดการจะใช้ผู้หญิงที่แสนจะบอบบาง ไปเข็นรถคันเบ้อเริ้มเทิ้ม ใครมาเห็นจะผู้จัดการจะดูไม่ดีนะคะ”
       ปานเทพชะโงกหน้าออกมา ทำเสียงดัดจริตตามทัศนีย์
       “ไม่เป็นไรจ้ะ สมัยนี้หญิงชายเท่าเทียมกัน พี่ปานไม่ถือ เร็วสิจ๊ะ เวลาแดดร้อน เสือปานโมโหร้ายกัดไม่เลือกนะ”
       ทัศนีย์กลัวลนลานรีบวิ่งไปที่ท้ายรถกระบะ ปานเทพติดเครื่อง ตะโกนออกมา
       “ดันให้สุดแรง แรงอีก”
       ทัศนีย์ออกแรงผลัก ดัน จนหน้าดำหน้าแดง รถพุ่งออกไป ทัศนีย์เสียหลักถลาล้มคะมำไปข้างหน้า
       ท่อไอเสียปล่อยควันดำเข้าหน้าพอดี ใบหน้าทัศนีย์ดำปี๋
       ปานเทพจอดรถ หันมามองทัศนีย์ “เฮ้ย ใครเอาหลินปิงมาปล่อยไว้แถวนี้วะ ฮ่าๆๆๆ”
       ทัศนีย์รีบวิ่งมาส่องดูหน้าที่กระจกส่องหลัง พอเห็นสภาพตัวเองทัศนีย์กรี๊ดลั่น ปานเทพหัวเราะก๊ากขันทัศนีย์ 
       
       ทรรศนะเดินไปเดินมารอปิ่นอนงค์ ยินเสียงเคาะประตู ทรรศนะดีใจรีบไปเปิดเร็วรี่
       เห็นปิ่นอนงค์ยืนอยู่หน้าประตู ทรรศนะจับมือปิ่นอนงค์อย่างดีใจ
       “ขอบใจนะปิ่น ที่อุตส่าห์มา”
       ปิ่นอนงค์รีบชักมือออก หน้าเจื่อนๆ
       “คุณนะได้ทานอะไรบ้างหรือยังคะ ปิ่นซื้อข้าวกล่องมาฝากยังร้อนๆ อยู่เลยค่ะ”
       
       ที่ห้องพักในโรงแรมเล็กๆ แห่งนั้น ทรรศนะนั่งมองกล่องข้าวตรงหน้า
       “พี่กินไม่ลงหรอกปิ่น นึกถึงสิ่งที่อรทำกับพี่แล้ว มันตื้อไปหมดเค้าหลอกใช้พี่ เค้าไม่ได้รักพี่เลยสักนิด”
       “คุณนายรู้หรือยังคะ”
       ทรรศนะส่ายหน้า
       “พี่ไม่กล้าบอก ถ้าคุณน้ารู้ว่าพี่โดนหลอกให้จดทะเบียนสมรสต้องช่วยอรใช้หนี้ คุณน้าฆ่าพี่แน่”
       ทรรศนะซบหน้าบนโต๊ะ ดูหมดกำลังใจ ปิ่นอนงค์ค่อยๆ เอื้อมมือไปหมายจะแตะบ่า แต่ชะงักลังเล สุดท้ายชักมือกลับ
       “คุณนะเผชิญกับความจริงดีกว่าค่ะ ถ้าคุณนายมารู้เอาเองทีหลังจะยิ่งเคืองคุณนะมากกว่านี้”
       ทรรศนะเงยหน้าขึ้นมามอง “ขอพี่หลบอยู่ที่นี่เพื่อทำใจสักพักก่อนนะปิ่น แล้วพี่จะกลับไร่ แต่ปิ่นต้องรับปากพี่ ห้ามบอกใครว่าพี่อยู่ที่นี่”
       ปิ่นอนงค์พยักหน้า มองนาฬิกา “ปิ่นคงต้องกลับแล้ว คุณนะอยากได้อะไรก็โทร.หาปิ่นนะคะ”
       “พี่ละอายใจที่จะเออ ขอยืมเงินปิ่น ถ้าพี่พักอยู่หลายวัน เงินพี่ที่มีอยู่ตอนนี้คงไม่พอจ่ายแน่ แต่พี่จะรีบใช้ปิ่นนะจ๊ะ”
       ปิ่นอนงค์หยิบเงินจากกระเป๋าวางบนโต๊ะให้ทรรศนะสามพัน ทรรศนะมองปิ่นอนงค์อย่างซาบซึ้งใจ
       
       ครองสุขถือหูโทรศัพท์ค้าง ธีระอึ้ง งง “คุณนะโทร.มาเร่งเรื่องสินสอดหรือพี่”
       ครองสุขหันมา สีหน้าไม่ค่อยดี “หนูอรบอกว่าตานะกลับมาที่ไร่แล้ว”
       “กลับมาทำไมล่ะพี่ ยังไม่ถึงวันแต่งเลย
       “เค้าว่ามีปัญหาทะเลาะกันนิดหน่อย เอ๊ะ ถ้าตานะกลับมาที่ไร่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วทำไมป่านนี้ยังมาไม่ถึง”
       “หรือว่าโดนไอ้ใหญ่มันจับไปอีก” ธีระตั้งข้อสังเกต
       ครองสุขตกใจ
       
       ครองสุขตัดสินใจมาลองหยั่งเชิงดูท่าทีใหญ่เรื่องทรรศนะหายตัวไป ใหญ่หันขวับมาทางครองสุขทันทีที่ถูกถาม
       “ผมไม่จำเป็นต้องมารับรู้นี่ครับว่าใครจะกลับมาตอนไหนหรือคุณน้าคิดว่าผมจับนายนะไปขังไว้”
       ครองสุขหน้าเจื่อน “น้าไม่กล้าแม้แต่จะคิดปรักปรำคุณใหญ่หรอกจ้ะ แต่ที่มาถามก็เผื่อว่าคุณใหญ่จะเห็นตานะบ้างก็เท่านั้น”

       “เจ้าบ่าวหายตัวไปแบบนี้ เจ้าสาวคงแทบบ้า น่าเสียดายนะครับ เครื่องเพชรเอย สินสอดเอย อุตส่าห์เตรียมไว้พร้อม แต่ต้องมากลายเป็นหม้ายขันหมากเสียก่อน
       ใหญ่ยิ้มเยาะ ครองสุขสะดุ้ง สะดุดหูเรื่องเครื่องเพชร มั่นใจว่าใหญ่ต้องจับทรรศนะไป
       
       อุ่นเรือนกำลังหยอดยา 5 หยดลงในจานเนื้อย่างที่หน้าเรือนใหญ่ มือครองสุขจับมืออุ่นเรือนที่ถือขวดยาพิษ
       “หยอดเพิ่มลงไปอีกเยอะๆ”
       อุ่นเรือนตกใจ “จะดีเหรอคะคุณนาย เกิดหัวใจวายขึ้นมากะทันหัน จะเป็นที่สงสัยได้นะคะ”
       “ช้าไม่ได้แล้วอุ่น ไอ้ใหญ่มันคงรู้เรื่องที่ฉันเอาเครื่องเพชรมันไปขายแล้ว มันถึงได้แค้น จับตัวตานะไป” ครองสุขเล่าเรื่องเท็จอีก
       “คุณพระช่วย” อุ่นเรือนตกใจ
       “ถ้ามันไม่ตาย ตานะก็ต้องตาย ถ้าตานะของฉันมีอันเป็นไปฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่เหมือนกัน ถ้าแกไม่กล้า ฉันทำเอง”
       
       ว่าแล้วครองสุขก็คว้าขวดยาพิษมาเหยาะใส่อีกหลายหยด อุ่นเรือนมองดูกิริยาครองสุขด้วยท่าทีตื่นตระหนกและหวาดกลัวอย่างยิ่ง

-------------------------------------------------------------






       ใหญ่กอดอกยืนพิงหน้าต่าง ครุ่นคิดเรื่องทรรศนะ ส่วนปานเทพนั่งเอนหลังสบายๆ ที่เก้าอี้โต๊ะทำงาน 
       
       “อยู่ๆ นายนะหายไปอย่างนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องปกติ แกช่วยไปสืบดูทีวะ”
       “หายไปก็ชั่งหัวมันสิ ดีซะอีกหมดศัตรูไปอีกคน”
       “กลัวมันหายไม่จริงน่ะสิ ยัยคุณนายอาจจะมีแผนใหม่ เล่นไม้ไหนกับเราอีกก็ไม่รู้”
       ปานเทพพยักหน้าคิดตามคำพูดใหญ่
       
       เย็นนั้นปิ่นอนงค์ยกชามต้มบ๊วยหมูสับเข้ามาวางที่โต๊ะกินข้าว บนโต๊ะยังมีน้ำพริกกะปิ ปลาทู ชะอมผัดไข่ ผัดผัก ใหญ่นั่งมองกับข้าวบนโต๊ะไปมา “ไหนน้อยบอกว่าป้าอุ่นทำเนื้อย่างเสือร้องไห้มาให้ ไม่เห็นมีเลย”
       ปิ่นอนงค์อ้ำอึ้ง “ก็น้อยนั่นแหละ วางจานไม่ดู หมามาเขี่ยเนื้อกิน จานตกแตกหมดเลยค่ะ”
       ใหญ่ฮึดฮัด “ไอ้หมาบ้าที่ไหนมากินกับข้าวที่แม่ยายฉันทำ ต้องวางยาเบื่อให้เข็ด”
       ปิ่นอนงค์ร้องห้าม “อย่านะคะ คุณใหญ่ บาปกรรม”
       ใหญ่แกล้งต่อ “งั้นไล่น้อยออก”
       “ไม่ได้ค่ะ”
       ใหญ่แกล้งทำเป็นยัวะ “โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้”
       “ถ้าจะทำโทษ ก็ทำโทษปิ่นเถอะค่ะ”
       “ได้ เอาไว้คืนนี้นะ” ใหญ่ยิ้มทำตาปิ๊งปั๊ง กรุ้มกริ่ม ถูกปิ่นอนงค์ค้อน ใหญ่ฉุดลงนั่งด้วยกัน “จะไปไหน มา กินข้าวด้วยกันก่อน”
       ปิ่นแกะปลาทูตักให้ใหญ่ ตักน้ำพริกกะปิ ชะอมผัดไข่ให้ด้วย
       ใหญ่ยิ้มหน้าบานรับตักกินไปมาอย่างเอร็ดแอร่ม
       จู่ๆ จังหวะนั้นเองใหญ่กะปิ่นอนงค์ก็พูดขึ้นพร้อมกัน “ปิ” / “คุณใหญ่คะ”
       ใหญ่บอก “เธอพูดก่อน”
       ปิ่นอนงค์ว่า “คุณใหญ่พูดก่อนเถอะค่ะ”
       “ฉันจะถามว่านายนะติดต่อปิ่นมั่งรึเปล่า”
       “เอ่อ เปล่าค่ะ ทำไมคะ”
       “ก็แค่อยากรู้ว่า เค้าจะแต่งกันวันไหน ฉันจะได้พาปิ่นไปตัดชุดสวยๆเตรียมไปร่วมงาน แล้วปิ่นล่ะจะพูดอะไรกับฉัน”
       “ไม่สำคัญหรอกค่ะ ปิ่นลืมไปแล้ว”
       ใหญ่ตักผัดผัก ตักปลาทูให้เมียสุดที่รัก ปิ่นอนงค์ยิ้มเจื่อนๆ
       ใหญ่เย้าอารมณ์ดี “ยังไม่ทันไร ก็เป็นยัยแก่ขี้ลืมซะแล้ว เอาปลาไปกินเยอะๆ บำรุงสมอง”
       
       รุ่งเช้า ภายในห้องอาหารโรงแรมเล็กๆ ทรรศนะนั่งเมาตัวโอนเอนไปมา บนโต๊ะมีขวดเบียร์ราวสองโหล บ๋อยนั่งฟุบหลับอยู่โต๊ะข้างๆ ทรรศนะควานหาหยิบโทรศัพท์กดหาปิ่นอนงค์
       
       ใหญ่อยู่หน้าเรือนจะขึ้นรถ กวักมือเรียกปิ่นอนงค์ที่ยืนใกล้ๆ ปิ่นอนงค์งง เขยิบเข้าหาใหญ่ ใหญ่หน้าดุ กวักมือให้เข้าหาใกล้ๆ อีก
       ปิ่นอนงค์เข้าใกล้อีก ใหญ่ป้องปากทำท่าจะกระซิบบางอย่าง แต่หาไม่ ใหญ่จูบแก้มปิ่นอนงค์ แล้วรีบขึ้นรถขับออกไป
       ปิ่นอนงค์เริ่มคุ้น ยิ้มพลางส่ายหน้า เหลียวไปมากลัวมีคนเห็น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในนาทีนั้น ปิ่นอนงค์ดูหน้าจอ หน้านิ่วคิ้วขมวด
       “คุณนะ”
       ปิ่นอนงค์กดรับสาย
       ทรรศนะ โทร.มาจากที่ห้องอาหาร นั่งโงนเงนพูดโทรศัพท์
       “ยกโทษให้พี่นะ พี่เลือกผิด คนหลอกลวง พี่จะไปหาปิ่น”
       ปิ่นอนงค์มีสีหน้างงๆ
       ด้านทรรศนะลุกโงนเงนแล้วล้มคว่ำลงกับโต๊ะ ขวดแก้วตกแตกกระจาย หมดสติไป บ๋อยตื่นเพราะเสียงโครมครามเห็นก็ตกใจ
       ปิ่นอนงค์เองก็ตกใจ “คุณนะๆๆ ฮัลโหล คุณนะๆ”
       ระหว่างนั้นทัศนีย์ ซึ่งเปลี่ยนชุดพนักงานรีสอร์ตแต่ยังใส่ยังไม่เรียบร้อย แอบดูปิ่นอนงค์ตาโตอยู่ที่หลังพุ่มไม้ ปิ่นอนงค์วิ่งไปที่รถอีกคันขับออกไป
       ทัศนีย์เก็บชุดเที่ยวเปลี่ยนเป็นกระโปรงสั้นม้วนๆใส่ตะกร้าหน้ามอเตอร์ไซค์ รีบขี่ตามไป
       
       ปิ่นอนงค์จอดรถ รีบวิ่งเข้าไปในโรงแรมทันที ทัศนีย์พุ่งรถเข้ามาจอด มองอยู่ไกลๆ
       
       ที่ห้องอาหารโรงแรม ทรรศนะเมาเละ เนื้อตัวเลอะเทอะ ชี้หน้าบ๋อยปิ่นอนงค์เข้ามาเห็นก็ตกใจ
       “อย่ามายุ่งกับอั๊ว” ทรรศนะตวาด
       ปิ่นอนงค์เดินไปหา “คุณนะ”
       “กินตั้งแต่เมื่อคืน ผมจะพาไปห้องก็ไม่ยอม” บ๋อยบอก
       ทรรศนะปรือตามองปิ่นอนงค์กิริยาสะลึมสะลือ จู่ๆ ทรรศนะก็ร้องไห้ออกมา โผตัวมากอดปิ่นอนงค์ทั้งที่ยังนั่งอยู่ ใบหน้าทรรศนะซุกอยู่ตรงหน้าท้องปิ่นอนงค์พอดี
       ทัศนีย์เข้ามายืนหลบมุมแอบดู บ๋อยเกาหัว
       “พี่ไม่เหลืออะไรแล้วปิ่น ปิ่นอย่าทิ้งพี่นะ”
       ทรรศนะร้องไห้โหยหวน ปิ่นอนงค์เอามือแตะไหล่ สงสารจับใจ
       ปิ่นอนงค์หันไปบอกบ๋อย “เดี๋ยวพี่จัดการเอง ขอบใจมาก”
       
       ครู่ต่อมาปิ่นอนงค์พยายามไขกุญแจห้อง ในขณะที่ทรรศนะกอดคอปิ่นอนงค์ในอาการโงนเงนไปมา
       ทัศนีย์ถือโทรศัพท์แอบถ่ายคลิป
       
       ใหญ่อธิบายแผนงานปรับปรุงทัศนียภาพในไร่ ที่เคยหารือกับปิ่นอนงค์ว่าจะปลูกดอกไม้เพิ่ม กับคนงานอยู่บนรถไถ เปี๊ยกยืนอ้อแอ้ๆ อธิบายอยู่ข้างๆ ใหญ่ เห็นรถแวนที่ใหญ่ขับมาจอดอยู่ไม่ไกลมากนัก
       ใหญ่ยกมือปิดปากไอ เริ่มมีไข้ไม่สบาย
       “ไม่ต้องลงหน้าดินลึกนะ ชั้นจะปลูกดอกไม้ เบิกปุ๋ยอินทรีย์กับเมล็ดพันธุ์ที่ลุงหวินได้เลยนะ”
       คนงานประสานเสียงรับคำ “ครับ คุณใหญ่”
       คนงานรีสอร์ตขับรถแวนเข้ามาจอด เห็นประไพหน้าตื่นลงรถวิ่งมาหาใหญ่
       ใหญ่ฟังไป ไอสลับไปสองสามครั้ง “แย่แล้วค่ะคุณใหญ่ แขกที่รีสอร์ตขึ้นไปเที่ยวบนเขาเกิดอุบัติเหตุค่ะ คุณปานก็ไปธุระในเมือง”
       
       ระหว่างนี้ ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ไม่นานก็มีเสียงฟ้าร้องครืนๆ ใหญ่มองฟ้ามืดครึ้ม ก่อนจะหันมาบอกประไพ
       “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมขึ้นไปดูเอง”
       ใหญ่รีบขึ้นรถ เปี๊ยกตามติด
       
       ปิ่นอนงค์ถอดเสื้อทรรศนะออก ให้นอนอยู่บนเตียง ส่วนตัวเองถือผ้าขนหนูชุบน้ำเข้ามานั่ง แล้วเช็ดหน้า เช็ดตัวให้ทรรศนะไปมา
       ทรรศนะลืมตาเห็นปิ่นอนงค์ ยังเมาอยู่ลืมตัวดึงปิ่นอนงค์เข้าไปกอด
       “ปิ่น ทำไมพี่ถึงมองข้ามปิ่น มีปิ่นเท่านั้นที่รักพี่ ห่วงพี่”
       ทรรศนะซุกไซ้หมายจะปลุกปล้ำด้วยความเมา ปิ่นอนงค์พยายามดันออก
       “อย่าคะคุณนะ อย่าทำแบบนี้ ปล่อยปิ่น”
       ทรรศนะไม่ฟัง “ปิ่นไม่รักพี่แล้วเหรอ”
       ปิ่นอนงค์ดันร่างทรรศนะไว้ สุดแรง ร้องไห้ออกมา “ปิ่นมีสามีแล้วนะคะ คุณนะจะทำอะไร พูดอะไรให้นึกถึงใจปิ่นด้วย มันสายไปแล้วที่คุณนะจะมาถามปิ่นแบบนี้”
       ทรรศนะได้สติปล่อยมือ ปิ่นอนงค์ถอยออกมา ทรรศนะลุกนั่งก้มหน้าละอายใจ
       “พี่ขอโทษ” ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “แต่พี่เพิ่งรู้สึกตัวว่าเวลาที่พี่เสียใจ พี่กลับนึกถึงแต่ปิ่น คิดถึงแต่ปิ่น”
       ปิ่นอนงค์จับมือทรรศนะปลอบโยน “คุณนะรักคุณอรค่ะ คุณอรเป็นภรรยาคุณนะ”
       ทรรนะแสดงความเห็นแก่ตัวออกมา “พี่จะหย่า ปิ่นหย่าได้มั้ย พี่รู้ปิ่นไม่ได้รักคุณใหญ่”
       ปิ่นอนงค์ชั่งใจก่อนพูดเสียงเนิบช้า “ปิ่นรักคุณใหญ่ค่ะ”
       “ไม่จริง ปิ่นรักพี่ ปิ่นรักพี่มาตลอด ปิ่นโกหกตัวเอง” ทรรศนะไม่เชื่อและโกรธ เขย่าปิ่นอนงค์จนตัวคลอน “ตอบมาสิว่าปิ่นโกหกพี่ โกหกตัวเอง”
       เสียงมือถือปิ่นอนงค์ดังขัดขึ้น ปิ่นอนงค์ถอยออก กดรับสาย “ว่าไงน้อย” สีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจ “คุณใหญ่!”
       ปิ่นอนงค์ห่วงใหญ่จนลืมทรรศนะไปเลย วิ่งออกจากห้องไป ทรรศนะงงมาก
       “ ปิ่น เดี๋ยวก่อนปิ่น”
       ปิ่นอนงค์ออกไปเร็วรี่ ทรรศนะจะตามแต่เมาจึงพลาดตกเตียง
       “ไอ้ใหญ่!”
       
       สายตาทรรศนะเจ็บปวดและแค้นจัด

------------------------------------------------------------------

ปิ่นอนงค์ขับรถ ฝ่าสายฝนมายินเสียงน้อยที่เล่าเหตุการณ์ให้ฟังทางโทรศัพท์สีหน้าวิตก ร้อนใจ       
       “คุณใหญ่ติดอยู่บนเขา ฝนตกปิดทางหมด ติดต่อก็ไม่ได้”
       ปิ่นอนงค์เหยียบคันเร่งเร็วขึ้น
       ภาพหวานแหววที่ใหญ่แอบจูบแก้มเธอ เมื่อตอนเช้าผุดขึ้นมาในหัวสลับกับทรรศนะออาอาการเกรี้ยวกราดใส่เมื่อเธอบอกว่า เวลานี้หัวใจของเธอมอบให้ใหญ่ไปแล้ว
       “ไม่จริง ปิ่นรักพี่ ปิ่นรักพี่มาตลอด ปิ่นโกหกตัวเอง” ทรรศนะเขย่าปิ่นอนงค์จนตัวคลอน “ตอบมาสิว่าปิ่นโกหกพี่ โกหกตัวเอง”
       นึกถึงตอนนี้ปิ่นอนงค์น้ำตาไหลพรากห่วงใยใหญ่ทบทวีคูณ
       “ปิ่นรักคุณใหญ่ค่ะ คุณใหญ่อย่าเป็นอะไรนะคะ”
       
       ฝนยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่อง สลับกับเสียงฟ้าร้องครืนโครมตลอดคืนนั้น ชาวไร่ไพศาลทุกคนรวมตัวอยู่ที่โถงเรือนใหญ่ สีหน้าเครียดตามๆ กัน ปานเทพยืนกดโทรศัพท์ไปมาพลางส่ายหน้า ติดต่อใหญ่ไม่ได้ จึงเดินไปหาถวิล
       “เอาไงดีนายหวิน ให้คนออกตามอีกรอบดีมั้ย”
       “มันเสี่ยงกับชีวิตคนงาน คุณใหญ่อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ ฝนตกหนักแบบนี้ ทางขาดแน่ๆน้ำป่าหลากด้วย”
       ปานเทพกดโทรศัพท์อีก “แล้วจะรออยู่เฉยๆ อย่างนี้เหรอ”
       น้อยกะหวานนั่งยกมือไหว้พระอยู่อีกมุม “ขอให้พระคุ้มครองคุณใหญ่ด้วยเถิด สาธุ” น้อยยกมือท่วมหัว
       “คุ้มครองไอ้เปี๊ยกผัวหนูด้วย เจ้าประคู้น”
       ปิ่นอนงค์มาถึงวิ่งลงจากรถตัวเปียกฝนเข้ามาถามปานเทพอย่างร้อนใจในท่าทีร้อนรน “เจอคุณใหญ่มั้ย”
       “ผมกำลังติดต่อขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ อาจต้องค้นหาทางอากาศ” ปานเทพบอก
       “แล้วเมื่อไหร่จะมาล่ะคะ ปิ่นไปเอง”
       ปิ่นอนงค์ใจหาย ไม่รีรอ พุ่งออกจากห้องโถงทันที “คุณผู้หญิงอย่าไปมันอันตราย”
       หวานตะโกนตาม “พี่ไปด้วย พี่ต้องช่วยสุดที่รักของพี่ ตายเป็นตาย”
       ปานเทพส่งมือถือให้ถวิล พูดเร็วๆ “นายหวินโทรตามเจ้าหน้าที่ให้ได้” ร้องตะโกนบอกปิ่นอนงค์ “ผมไปด้วย”
       ปานเองก็ห่วงใหญ่มาก จนทนไม่ไหวรีบวิ่งตามออกไป
       
       ปิ่นอนงค์วิ่งออกมาที่หน้าเรือนกำลังจะไปที่รถ ฝนยังกระหน่ำไม่หยุด
       ใหญ่กับเปี๊ยก เข้ามายืนขวางทาง เนื้อตัวเปียก เลอะโคลน ใหญ่ไอพิษไข้จากเมื่อบ่ายกำลังรุมๆ เพราะโดนฝน ปิ่นอนงค์ยืนตะลึง
       ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นดีใจตะโกนเรียกใหญ่ทั้งน้ำตา “คุณใหญ่!”
       พวกหวาน ปานเทพที่วิ่งตามมาต่างก็ดีใจ หวานพุ่งเข้าหาเปี๊ยก กระโดดกอดคอขี่เอว
       “ไอ้เปี๊ยก!”
       
       ฝนซาพอดี ปิ่นอนงค์เข้ามาจับแขนใหญ่อย่างดีใจ ปิ่นอนงค์มองใหญ่ทั่วร่าง เห็นชัดว่าใหญ่หน้าซีด
       “เป็นยังไงบ้างคะ”
       ใหญ่ยังมีอารมณ์ขัน “ก็คิดถึงเธอน่ะสิ ยัยเด็กโง่ ออกมาตากฝนทำไม”
       ปิ่นอนงค์โผเข้ากอดใหญ่ รักสุดหัวใจ
       “เรากำลังจะขึ้นเขาไปตามแกนะสิ” ปานเทพตอบแทน
       เพียงเนื้อต้องกายสามี สีหน้าปิ่นอนงค์ก็เปลี่ยนเป็นตกใจ ดันตัวใหญ่ออก มองจ้องหน้า
       “ทำไมตัวร้อนอย่างนี้ล่ะคะ”
       ใหญ่ฝืนยิ้ม ตาโรย ก่อนที่ร่างจะทรุดลงไปกับพื้น หมู่มวลตกใจ ปิ่นอนงค์รับหัวเอาไว้ได้ทัน
       “คุณใหญ่ๆ”
       
       ฝนหยุดตกแล้ว ปานเทพกะถวิลมายืนส่งหมอที่มารักษาใหญ่อยู่หน้าเรือน
       “ไม่มีอะไรแทรกซ้อนนะครับ ไข้ป่า มาลาเรีย”
       “ต้องดูอาการสักสองสามวัน แต่หมอว่าโดนแดดร้อนๆ แล้วไปเจอฝน คนไข้มีอาการหวัดอยู่ด้วย แถมไปออกแรงเยอะ ร่างกายเลยไม่ไหว ผมให้ยากับวิตามินไปแล้ว เดี๋ยวคงดีขึ้น” หมอบอก
       ปานเทพยกมือไหว้หมอ ถวิลรีบรับกระเป๋าพาหมอไปขึ้นรถ ขับออกไป
       หวานตบไหล่เปี๊ยก แรงจนเปี๊ยกสะดุ้งจะตบสวน แล้วรีบจับมือหวานมาจูบ
       “ทะลึ่ง เดี๋ยวแม่ตบร่วง ทำไมปล่อยให้คุณใหญ่ป่วยได้ขนาดนี้”
       เปี๊ยกตั้งใจทำท่า หวานแปลตามให้ปานเทพ กะน้อยฟัง
       “ฝรั่งที่หลงป่า ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ ลื่นหินข้อเท้าแพลง คุณใหญ่แบกมาที่รถกับไอ้เปี๊ยกตั้งไกล รถติดหล่ม คุณใหญ่ต้องเข็นอีก” พอแปลเสร็จหวานเกิดนึกได้ หันไปซักผัว “แล้วเอ็งทำไมไม่เข็น” หวานตบกบาลเปี๊ยก เปี๊ยกทำท่าอธิบายต่อ
       “คุณใหญ่สั่งให้ชั้นขับรถ เกือบไม่ทันน้ำป่า ที่สำคัญคุณใหญ่บอกต้องลงเขามาหาปิ่นให้ได้”
       ว่าพลางเปี๊ยกยกนิ้วโป้งสองนิ้วให้ใหญ่ว่าเจ๋งโครต
       
       ใหญ่นอนหลับอยู่บนเตียงในห้องนอน ปิ่นอนงค์เอาผ้าชุบน้ำในขันบิดพอหมาด แล้วทับลงบนหน้าผากใหญ่ใหญ่ออกอาการเพ้อ
       “พ่อไม่รักผม พ่อเกลียดผม ไม่มีใครรักผม ไม่มีเลย ปิ่น เธอเกลียดฉัน เธอไม่ได้รักฉัน”
       ปิ่นอนงค์ประคองหัวใหญ่เข้ามาแนบอกตน “ปิ่นรักคุณใหญ่”
       ใหญ่ยังเพ้อ “ทำไมปิ่น ทำไมถึงรักแต่ไอ้นะ”
       “ปิ่นไม่ได้รักคุณนะแล้วค่ะ”
       “ฉันรักเธอปิ่นอนงค์”
       ปิ่นอนงค์ชะงัก มองใหญ่อย่างไม่เชื่อหู “ปิ่นก็รักคุณใหญ่ค่ะ”
       ใหญ่ยินคำรักจากปากของยอดหญิงก็ได้สติ ปรือตามองปิ่นอนงค์ เอื้อมมือมาลูบแก้มปิ่นอนงค์แผ่วเบา ทะนุถนอม น้ำเสียงแห้งผาก
       “ฉันฝัน ฝันว่าปิ่นบอกรักฉัน”
       “คุณใหญ่ไม่ได้ฝัน ปิ่นบอกว่ารักคุณใหญ่จริงๆ”
       “เธอไม่ได้หลอกฉันใช่มั้ย”
       ปิ่นอนงค์โน้มหน้าก้มลงจูบที่หน้าผากใหญ่แทนคำตอบ
       ใหญ่ยิ้มมีความสุข ประคองหัวปิ่นอนงค์ นอนลงที่หมอน ใหญ่ประทับจูบที่หน้าผาก จูบแก้มสองข้าง ไล่ริมฝีปากเรื่อยมาจูบปลายจมูก
       สองคนสบตากันอย่างซาบซึ้ง ใหญ่ก้มจะจูบที่ริมฝีปาก ปิ่นอนงค์หลับตาพริ้ม
       ฟ้าแลบแปลบปลาบ สลับกับเสียงฟ้าร้อง ฝนตกกระหน่ำลงมาอีกครั้ง
       บนเตียงเวลานั้น เนื้อกายปิ่นอนงค์แนบอยู่กับเนื้อตัวของใหญ่ แทบจะเป็นร่างเดียวกัน
       
       รุ่งเช้า ครองสุข ทัศนีย์ กินอาหารเช้าอยู่ที่ห้องรับแขกบ้านพัก มีอุ่นเรือนคอยดูแล ธีระเข้ามานั่ง อุ่นเรือนเดินไปชงกาแฟมาให้
       “พวกคนงานคุยกัน ว่าไอ้ใหญ่ไม่สบายถึงกับล้มหมอน นอนเสื่อตั้งแต่เมื่อคืน”
       คำพูดธีระ ทำเอาครองสุขตะลึง วางช้อน ส้อม ยิ้มเยาะ มองสบตากับอุ่นเรือนคิดว่ายาออกฤทธิ์แล้ว
       “เห็นมั้ย มันต้องวิธีของชั้น ได้ผลเร็วดี”
       อุ่นเรือนสีหน้าเครียด รู้สึกผิดในใจ
       ธีระมองอุ่นเรือนสลับครองสุข “ฝีมือพี่เหรอครับ”
       ครองสุขพูดเบาๆที่ข้างหูธีระ “เธอคิดว่าจู่ๆ มันเป็นแบบนี้เพราะสวรรค์ช่วยเราหรือไง”
       ธีระรู้เรื่องยาพิษแล้ว ถึงกับสยอง
       ทัศนีย์ไม่รู้เรื่อง กดๆ ดูคลิปที่ถ่ายมา “เข้าทางหนูล่ะ ต้องไปเยี่ยมซะหน่อย แล้วก็โชว์หลักฐานสำคัญ ทีนี้แหละคุณทัศนีย์ก็จะได้เป็นนายหญิงของไร่ตัวจริง”
       ทุกคนงง “บ่นอะไรยัยนี หลักฐานสำคัญอะไร” ครองสุขสงสัย
       “รู้ก่อนก็ไม่สนุกสิคะ คุณน้าเล่นปูไต่กับขาประจำไปพลางๆแล้วรอฟังข่าวดีก็พอ” ทัศนีย์หัวเราะคิกคัก
       “แกนี่ลามปามขึ้นทุกวัน ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ นิสัยเลวๆ ไม่รู้ไปก๊อบปี้มาจากไหน”
       “ก็ต้องก๊อบปี้มาจากต้นฉบับซิคะ”
       ทัศนีย์รีบวิ่งหนีไป ครองสุขร่อนกล่องทิชชู่ตามปากตะโกนด่า “นังลูกปากเสีย”
       
       เป็นเช้าแรกที่ใหญ่ตื่นขึ้นมาอย่างอิ่มเอม ชายหนุ่มนอนตะแคงข้าง ชันแขนหนุนมือตัวเอง มองปิ่นอนงค์ไม่วางตา
       ปิ่นอนงค์ยังหลับอยู่ ใหญ่ยื่นนิ้ว เกลี่ยไรผมที่หน้าผาก ที่แก้ม เบาๆ ปิ่นอนงค์ตื่นลืมตา มองใหญ่แล้วหลบตา กระชับผ้าห่มด้วยความเขินอาย
       “ทำไมต้องหลบตาด้วย ยังกลัวชั้นอยู่อีกเหรอ ยัยเด็กโง่”
       “เด็ก ปิ่นโตแล้วนะคะ” ปิ่นอนงค์เถียง
       ใหญ่ขำ “ก็ตอนเด็กเธอโง่ ดีแต่ยอมคน”
       “ยอมคนคือคนโง่เหรอคะ”
       ใหญ่บิดจมูกปิ่นอนงค์อย่างรักใคร่เอ็นดู
       “เธอเป็นคนดี ใจดี ตอนเด็กๆ ชั้นถูกพ่อทำโทษ เธอยังกล้าแอบเอาข้าวมาให้ฉันกิน เธอไม่กลัวแม่มดใจร้ายทำโทษเธอเหรอ”
       “กลัวค่ะ กลัวมาก แต่สงสารคุณใหญ่มากกว่า”
       “สงสารชั้น...”
       “ปิ่นคิดว่า เราสองคนขาดเหมือนกัน คุณใหญ่ไม่มีแม่ ปิ่นไม่มีพ่อ”
       “ปิ่นโชคดีกว่าชั้น ป้าอุ่นยังรักปิ่น แต่พ่อไม่รักชั้นเลย เกลียดชั้นด้วยซ้ำ ...”
       ใหญ่จะพูดต่อ ปิ่นอนงค์เอานิ้วแตะปากใหญ่เป็นเชิงห้ามว่าพ่อ
       “เชื่อปิ่นสิคะ คุณลุงไพศาลรักคุณใหญ่มาก แต่ความโกรธทำให้คุณใหญ่มองไม่เห็น”
       “ใครจะรักไม่รักก็ช่าง แต่เมียคนนี้รักฉันคนเดียวก็พอ”
       ใหญ่พูดคำหวานแล้วรวบตัวปิ่นอนงค์เข้ามาหมายจะจูบอีก ปิ่นอนงค์เอาหมอนบัง ใหญ่เลยจูบหมอนแทน
       “ปิ่นต้องอาบน้ำอาบท่าไปทำอาหารให้คุณใหญ่ เพราะคุณใหญ่ต้องกินยาหลังอาหารนะคะ”
       ใหญ่ทำถีบถองเท้าในผ้าห่มไปมาอย่างคนเอาแต่ใจ
       “ไม่เอา ไม่เอายาอื่น เธอต้องอยู่กับชั้นก่อน ชั้นไม่สบาย ชั้นจะเอายาใจ
       ปิ่นอนงค์ทำหน้าดุใส่ “เด็กดื้อ”
       เดินเข้าห้องน้ำไป ใหญ่มองตามยิ้มกริ่ม
       
       ปิ่นอนงค์เปลี่ยนชุดแล้ว ย่องออกมาจากห้อง กดล็อกประตู ปิดประตูเบาๆกลัวใหญ่ตื่นครองสุขยืนหน้าเข้มรออยู่ ปิ่นอนงค์หันไปเห็นสะดุ้ง
       “คุณนาย”
       “ก็เออสิ ... ทำเป็นเห็นผีไปได้ ชั้นมาเยี่ยมคุณใหญ่ อาการเป็นยังไงบ้าง”
       “ดีขึ้นแล้วค่ะ”
       ครองสุขเข้าขยับลูกบิดไปมา “ขอเข้าไปดูหน่อย ไหนๆ ก็มาแล้ว ไขกุญแจเดี๋ยวนี้”
       “ตอนนี้ไม่ได้ค่ะ คุณใหญ่กำลังพักผ่อน หลับอยู่ค่ะ”
       ครองสุขฉุนกึก ชักสีหน้า “นังปิ่น แกนี่มันชักจะเหิมเกริมวางอำนาจเกินไปแล้ว”
       “เปล่าค่ะ ปิ่นแค่ทำหน้าที่ของเมียเท่านั้น”
       ครองสุขยกมือจิ้มหน้าผากปิ่น “เชอะ เมียพูดได้เต็มปากเต็มคำ คอยดูเถอะแกอยู่ชูคออย่างนี้ได้ไม่นานหรอกนังปิ่น”
       พูดจบครองสุขมองค้อน สะบัดตูดเดินหนีไป ปิ่นอนงค์มองตามหน้าเครียด
       
       ในครัวเรือนใหญ่เวลานั้น อุ่นเรือนเหลียวซ้ายแลขวา ล้วงขวดยาพิษออกมาเหยาะยาพิษใส่ชามซุป โดยไม่รู้ว่าปิ่นอนงค์แอบดูหน้าเครียดเคร่ง
       อุ่นเรือนจัดวางชามข้าวต้มใส่จานรอง เหยาะพริกไทย วางช้อน
       ปิ่นอนงค์เดินเข้ามาอีกทางทำทียิ้มแย้ม “ซุปอะไรจ๊ะแม่ น่ากินจังเลย”
       “คุณใหญ่เป็นไข้หวัด ต้องกินซุปหอมใหญ่ใส่ไก่ฉีก เอาไปเสิร์ฟได้เลยแม่ปรุงเสร็จพอดี”
       “คุณใหญ่หลับอยู่แม่ เดี๋ยวปิ่นค่อยทำอะไรให้ใหม่ ตอนนี้ปิ่นหิวจังเลย ปิ่นกินซุปแม่ก่อนดีกว่า”
       ปิ่นอนงค์นั่งลงเอื้อมมือจะเลื่อนชามซุปมากินเอง
       อุ่นเรือนใจหาย รีบเลื่อนชามหนี ขึ้นเสียงดุ “นี่มันของคนป่วย คนดีๆ กินได้ที่ไหน”
       สองแม่ลูกสบตา สู้สายตากันไปมา ปิ่นอนงค์ขยับตัวสวมกอดแม่
       “แม่ คุณใหญ่เป็นคนดี ไม่ใช่อย่างที่แม่คิดหรอกจ้ะ”
       “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”
       “ เชื่อปิ่นเถอะ แม่อย่าทำอะไรผิดๆ อีกเลยนะจ๊ะ” ปิ่นอนงค์เตือนอยู่ในที
       อุ่นเรือนสันหลังหวะ ตกใจ เลิ่กลั่ก “ใคร แกว่าใครทำอะไรผิดๆ แกว่าชั้นเหรอนังปิ่น”
       ปิ่นอนงค์ลุกไปกอดอุ่นเรือน “ถ้าคุณนายสั่งให้แม่ทำอะไรคุณใหญ่ แม่อย่าทำนะจ๊ะ ปิ่นขอร้อง”
       อุ่นเรือนผลักปิ่นอนงค์ออกด้วยความโมโห
       “แกไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมชั้น ชั้นไม่มีวันทรยศคุณนาย เหมือนแกเด็ดขาด”
       อุ่นเรือนสบตาปิ่นอนงค์ แล้วยกชามซุปเทใส่อ่างแล้วออกไปทันที
       ปิ่นอนงค์เศร้า โน้มน้าวใจแม่ไม่สำเร็จ ส่ายหน้ามองตามอุ่นเรือนที่เดินโกรธออกไป
       
       ทัศนีย์อยู่ที่หน้าห้องนอนใหญ่ยื่นมือไปเคาะประตู ใหญ่เปิดประตูยิ้มกริ่มนึกว่าเป็นปิ่นอนงค์ ทัศนีย์รีบแทรกตัวเข้าห้องไปหมุนตัวเอาสองมือถือโทรศัพท์ซ่อนเอาไว้ข้างหลัง
       ใหญ่เห็นเป็นทัศนีย์ก็หน้าเครียด “นีมาเยี่ยมคุณใหญ่ทั้งที ไม่ดีใจเหรอคะ”
       “ชั้นหายดีแล้ว เธอก็เห็น นี่ห้องนอนชั้นกับปิ่น เธออยากเดินออกไปเอง หรือให้ฉันโยนออกไป”
       ทัศนีย์กระแซะเข้าหา “คุณใหญ่มีแรงแล้วเหรอคะ ถ้างั้นนีมีของดีให้ดู จะได้รู้ว่าปิ่นมันทรยศ หักหลัง ไม่จริงใจกับคุณใหญ่ยังไง มันสวมเขาคุณใหญ่ มันคบชู้อยู่กับใคร”
       ทัศนีย์จะเอาโทรศัพท์ให้ใหญ่ดู จู่ๆ ปานเทพก็เข้ามาล็อกแขนทัศนีย์ ลากตัวออกไป
       “เล่นไม่เลิกจริงๆ ทัศนีย์ มีอะไรมาเล่นกับชั้นดีกว่า คุณใหญ่จะได้พักผ่อน”
       
       ใหญ่ยิ้ม ระอาใจทัศนีย์เหลือหลาย

-------------------------------------------------------------------

ปานเทพจอดรถที่หน้าเรือนพัก สีหน้าหงุดหงิดขณะก้าวลงรถ ทัศนีย์ลงตามมาหน้าตาร่าเริงไม่ทุกข์ร้อนสักนิด       
       “เธอนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ คุณใหญ่มีปิ่นเป็นเมียแล้ว เธอยังมีหน้าไปตอแยกับพวกเค้าอีก คราวที่แล้วหาว่าคุณใหญ่ข่มขืน ถามจริงๆ ถ้าชั้นเอาเธอไปตรวจหาดีเอ็นเอ แล้วรู้ว่าเธอโกหก เธอจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน”
       ปานเทพด่าชุดใหญ่
       “แต่คราวนี้ของจริง นังปิ่นกับพี่นะกำลังสวมเขาให้คุณใหญ่ ไม่เชื่อผู้จัดการก็ดูเอาเอง”
       ทัศนีย์กดโทรศัพท์ เปิดคลิปยืนส่งให้ปานดู เป็นภาพตอนปิ่นอนงค์เปิดห้องประคองทรรศนะเข้าไป
       ปานเทพดูแล้วตกใจนึกสงสัย
       “สองคนนี่เค้ารักกันมาตั้งนานแล้ว ใครก็รู้ ไม่กล้าให้คุณใหญ่ดูเหรอ เป็นลูกน้องภาษาอะไร เมียนายมีชู้ก็ไม่กล้าบอกนาย”
       ปานเทพหยิบโทรศัพท์ตัวเองมาโหลดภาพ “ชั้นแค่ต้องการพิสูจน์ก่อน ว่าข้อเท็จจริงมันเป็นยังไง เธอไปถ่ายมาจากไหน พาชั้นไปเดี๋ยวนี้”
       ปานเทพลากนีขึ้นรถ ขับออกไป
       
       ใหญ่นั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสือ สักครู่หนึ่ง ปิ่นอนงค์ยกถาดใส่ข้าวต้มเข้ามาเมียงมองจะยกไปที่โต๊ะ
       ใหญ่เก็บหนังสือ บอก “เอามาที่นี่ ปิ่นอนงค์ ชั้นจะกินที่เตียง”
       ปิ่นอนงค์เดินไปที่เตียง ใหญ่รับถาดข้าวไปวางบนตัก ปิ่นอนงค์หยิบแก้วน้ำออกจากถาดกิริยางง เห็นใหญ่ยังนั่งนิ่งอยู่
       “ป้อนด้วย” ใหญ่บอก
       ปิ่นอนงค์เข้าไปนั่งใกล้ๆ ป้อนข้าวต้มให้ใหญ่กิน พลางแตะแก้มใหญ่ด้วยหลังมือ
       “ตัวไม่ร้อนแล้ว หายแล้วนี่คะ ตักข้าวกินเองได้ มาอ้อนทำไม” ปิ่นอนงค์ป้อนข้าวอีกคำ “คะ”
       “ไม่ได้อ้อน แค่อยากให้ปิ่นมาอยู่ใกล้ๆ กลัวว่าปิ่นจะเป็นอย่างที่เค้าพูด แล้วหนีชั้นไป”
       ปิ่นอนงค์ไม่เข้าใจ “ใครมาพูดอะไรคะ”
       ใหญ่แกล้งพูดหยอกเย้าไม่ได้จริงจัง “มีคนบอกว่าปิ่นสวมเขาให้ชั้น แอบไปเลี้ยงผู้ชายเอาไว้อีกคน”
       ปิ่นอนงค์กำลังตักข้าวจะป้อนใหญ่อีกคำถึงกับสะดุ้ง ข้าวหกใส่มือที่รองช้อนอยู่
       “อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
       ปิ่นอนงค์วางช้อนในชาม รีบหยิบกระดาษชำระเช็ดมือไปมา
       ใหญ่ตักข้าวต้มกินอย่างเอร็ดอร่อย “แต่ชั้นเชื่อใจปิ่น ปิ่นไม่มีทางทำให้ชั้นเสียใจ”
       ปิ่นอนงค์รู้สึกผิด แอบมองใหญ่ที่กินเอร็ดอร่อย
       
       พนักงานโรงแรมไขห้องทรรศนะเข้าไป ปานเทพควักเงินให้ ทัศนีย์อยู่ข้างๆ พนักงานไหว้ ปานเทพเปิดเข้าไปไม่มีใครในห้อง
       “คงออกไปข้างนอก” ทัศนีย์ว่า
       ปานเทพสวนคำออกไป “หรือไม่ก็ไม่มีนายนะ ไม่มีใครทั้งนั้น เธอกุเรื่องขึ้น”
       “จะบ้าเหรอ ก็พนักงานที่โรงแรมเพิ่งยืนยันหยกๆว่า คนชื่อทรรศนะพักที่ห้องนี้ แล้วก็เคยเห็นผู้หญิงมาหาที่ห้องด้วย” ทัศนีย์เถียง
       “เธออาจจะจัดฉากก็ได้”
       “งั้นก็รอที่นี่ จนกว่าพี่นะจะกลับ ดูให้เห็นกับตา”
       “ได้ ถ้าเจอตัวจะได้จัดการซะ”
       ทรรศนะถือถุงของกินเข้ามา สะดุ้งโหยง รีบฉากหลบวูบ
       “ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก จะเล่นงานก็ต้องเล่นทั้งคู่มันถึงจะยุติธรรม” ทัศนีย์บอก
       ปานเทพบีบแขนทัศนีย์จนออกอาการเจ็บ “อย่าปูดเรื่องนี้กับใคร ฉันฆ่าเธอหมกป่าจริงๆ”
       ทัศนีย์เห็นท่าทาง ปานป่าหวายก็กลัวขึ้นสมอง
       ทรรศนะแอบดูอยู่ นึกสยองความโหดของปานเทพ
       
       ปิ่นอนงค์ชงชาร้อนวางในถาด จัดยาจากถุง ใส่ถ้วยเล็กๆ วางตาม เสียงโทรศัพท์เข้า ปิ่นอนงค์หยิบโทรศัพท์มาดูตกใจนิดๆ
       “คุณนะ” ปิ่นอนงค์เหลียวดูรอบตัว แล้วออกไป
       
       ปิ่นอนงค์หลบมาคุยในห้องเก็บของ สีหน้าเครียดขณะฟังโทรศัพท์
       “คุณใหญ่ส่งนายปาน มาดักฆ่าพี่ที่โรงแรม ดีนะที่พี่หนีมาได้”
       ปิ่นอนงค์ตกใจนึกสงสัย “คุณใหญ่ไม่รู้ว่าคุณนะอยู่ที่ไหน จะส่งใครไปได้ยังไงคะ คุณนะเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า”
       “ปิ่นไม่เชื่อพี่ก็ตามใจ ปิ่นไม่ได้รักพี่อีกแล้วนี่ จะมาสนใจอะไร”
       “แล้วตอนนี้คุณนะอยู่ที่ไหนล่ะคะ ปิ่นจะได้พาคุณนายไปหา มีปัญหาอะไรจะได้ช่วยกันแก้ไข”
       “เธอไม่ต้องมาพูด ขอให้ครองรักกับไอ้ใหญ่ให้มีความสุขไปเถอะ”
       ทรรศนะโกรธตัดสาย ปิ่นอนงค์เครียดส่ายหน้า
       
       คืนนั้นครองสุขเดินเข้าครัวมา เห็นถ้วยชาร้อนกับถ้วยยาวางอยู่ในถาด ครองสุขยิ้มเหี้ยมเกรียม
       “คราวนี้มาดูกัน แกมันจะอึดไปได้สักแค่ไหน ไอ้ใหญ่”
       ครองสุขเหลียวล่อกแล่ก หยิบขวดยาออกมาจากร่องอก เปิดฝาจะเทใส่ถ้วยชา มือของปิ่นอนงค์เข้า มากำมือครองสุขพร้อมขวดยายื้อแย่งกันไปมา
       ครองสุขชะงัก “นังปิ่น แก”
       “คุณนายจะวางยาคุณใหญ่ไม่ได้นะคะ”
       ครองสุขดันปิ่นอนงค์ไปติดข้างฝา “ปล่อยชั้นนังปิ่น ชั้นจำเป็นต้องฆ่ามัน มันจับตานะไป มันจะฆ่าตานะ แกยอมได้เหรอ”
       ปิ่นอนงค์หมุนตัว ดันครองสุขไปติดข้างฝาแทน หน้าเข้ม ตาดุ สู้ขาดใจและเอาจริง
       “พอได้แล้วค่ะคุณนาย ปิ่นรู้ว่า ตอนนี้คุณนะอยู่ที่ไหน”
       ครองสุขหยุดกึก ปิ่นอนงค์ปล่อยมือจากครองสุข
       ปิ่นอนงค์แบมือไปตรงหน้าครองสุข “ขอยาพิษให้ปิ่นเถอะค่ะ ปิ่นจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
       “แก ... แกหมายความว่ายังไง”
       “ปิ่นไม่ได้โง่ดักดานอย่างที่คุณนายคิดหรอกค่ะ ปิ่นเองก็อยากให้คุณใหญ่ตาย ที่แกล้งโง่อยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อให้ทุกคนตายใจ ปิ่นก็อยากเป็นเจ้าของไร่ไพศาลนี่เหมือนกัน”
       ครองสุขงง มองปิ่นอนงค์ตะลึงตาค้าง ปิ่นอนงค์มองหน้าครองสุขตาลุกวาว “นังปิ่น แก”
       “เพื่อให้ทุกอย่างง่ายขึ้น คุณนายต้องหยุดการกระทำทุกอย่าง คุณใหญ่ตายเมื่อไหร่ เราแบ่งไร่ไพศาลกันคนละครึ่ง”
       ครองสุขสะใจจิกตาร้าย ค่อยๆ ยื่นขวดยาพิษให้ ปิ่นอนงค์รับเอาไป ผุดยิ้มเหี้ยมเกรียม
       “ตอนนี้คุณนะปลอดภัยดีค่ะ เราติดต่อกันตลอด คุณนะให้ปิ่นพาคุณนายไปพบเมื่อคุณนะพร้อม”
       “นายนะหนีมาหาแกเหรอ”
       สองคนสบตากัน ปิ่นอนงค์ยิ้มดุ ครองสุขยิ้มหวานตบแก้มปิ่นอนงค์ พูดหวานรื่นหูแต่เอาเรื่องทุกคำ
       “แกร้ายมากนังปิ่น ร้ายจนฉันคิดไม่ถึง ได้ ฉันจะเชื่อแก ถ้าอยากให้แม่แกอยู่ดีมีสุข ก็อย่าคิดเล่นตลกกับฉันก็แล้วกัน”
       ใหญ่ยืนนิ่งได้ยินเรื่องทั้งหมด! และเข้าใจปิ่นอนงค์ผิดไปเต็มๆ
       
       ปิ่นอนงค์เปิดประตูเข้ามาในห้องนอน ถือถาดใส่ชาร้อนกับถ้วยยามา ปิ่นมองสงสัย ห้องว่างเปล่า ใหญ่หายไป
       
       ปิ่นอนงค์เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน เห็นใหญ่นั่งดูจอคอมพ์ฯบนโต๊ะ
       “อยู่นี่เอง ปิ่นตามหาซะทั่วเลย คุณใหญ่ต้องกินยาแล้วก็นอนพักนะคะ คุณหมอให้ดูอาการก่อนสองสามวัน”
       ใหญ่ยิ้มแย้ม “ชั้นก็รอเธออยู่เหมือนกัน แค่ชาร้อนกับยาทำไมหายไปตั้งนาน”
       ปิ่นอนงค์อ้ำอึ้ง ยิ้มเจื่อนๆ “รอน้ำเดือดค่ะ ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว”
       ใหญ่ลุก ปิดคอมพ์ฯเอามือสองข้างตบโต๊ะสองครั้ง
       “ไป ... กินยากัน”
       
       ใหญ่ยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ที่หน้าต่าง ปิ่นอนงค์ถือถ้วยชาเข้ามายื่นให้
       “ปิ่นไปชงให้คุณใหญ่ใหม่ กำลังร้อนเชียวค่ะ เอ๊ะ ... คุณใหญ่เปิดหน้าต่างทำไมคะ”
       ใหญ่รับถ้วยชามาถือ “อ๋อ...ขอสูดอากาศบริสุทธิ์หน่อย ปิ่นอนงค์ขอน้ำเปล่าชั้น” ใหญ่ยกแก้วชาจะดื่ม “แก้วนึงสิ จะได้กินยาก่อนนอนเลย”
       “ค่ะ”
       ใหญ่ยกแก้วชา สบตากับปิ่นอนงค์ “ขอบใจนะปิ่น”
       ปิ่นอนงค์ออกไป ใหญ่มองแก้วชาในมือเขม็ง
       
       ใหญ่ยืนดัดแขน หมุนคอ รับอากาศสดชื่นแจ่มใส ที่ริมระเบียงห้องนอน ปิ่นอนงค์เอาซุปเต้าหู้เข้ามาวาง น้อยถือถาดเครื่องดื่มกับยาเข้ามา
       ใหญ่นั่งยื่นหน้าดมซุป น้อยรินน้ำ จัดวางถ้วยใส่ยา “อืม หอมน่ากินจังเลย”
       “ก็ปิ่นปรุงสุดฝีมือนี่คะ”
       “ดี งั้นต้องป้อนด้วย อั้ม ๆ ...”
       ปิ่นอนงค์ตักซุป เป่าๆ แล้วป้อน ใหญ่อ้าปากกินเข้าไป ทำเคี้ยวตุ้ยๆ แล้วตาเหลือก ปากสั่น
       ใหญ่สำรอกซุปออกมา หงายล้มกับพื้น ชักดิ้นชักงอ น้อยเหวอ ปิ่นอนงค์เข้าไปประคองใหญ่ สีหน้าตกใจ
       ทัศนีย์แอบมองอยู่ รู้สึกตกใจ กดโทร. วุ่นวาย
       “คุณใหญ่ คุณใหญ่ ช่วยด้วยๆ น้อย ไปตามคนมาเร็ว” ปิ่นอนงค์ร้องลั่น สีหน้าตื่นตกใจ
       ปานเทพเข้ามาหน้าตื่น
       
       ไม่นานต่อมา ปิ่นอนงค์เช็ดหน้าให้ใหญ่ที่นอนหลับอยู่ น้อยนั่งดูอย่างห่วงใย
       ปานเทพพาหมอถือกระเป๋ายาเข้ามา บอกสองสาวหน้าเครียด
       “ปิ่นกับน้อยไปรอข้างล่างดีกว่า”
       “ทำไมเหรอคะ”
       “คุณหมอจะได้รักษาสะดวกๆไง”
       ปิ่นอนงค์ลุกอย่างลังเล น้อยพยักหน้าจูงกันออกไป
       
       ปานเทพปิดประตูล็อกห้องทันที

-------------------------------------------------------------------------------------------------

ปิ่นอนงค์ลงมานั่งรอที่ห้องโถง หน้าเครียดเพราะเป็นห่วงใหญ่จริงๆ น้อยยืนเกาะเก้าอี้เครียดตาม ปิ่นอนงค์เหลือบตามองไปข้างบนเป็นระยะ       
       ครองสุข ทัศนีย์ และอุ่นเรือน เข้ามาหน้าตื่นพร้อมกับเปี๊ยก
       “เป็นยังไงบ้าง อาการเป็นยังไงนังปิ่น” ครองสุขตื่นเต้น
       “คุณหมอตรวจอยู่ค่ะ” ปิ่นอนงค์บอก
       ปานเทพพาหมอลงบันไดมา ปิ่นอนงค์รีบไปหาหมอจะถาม ปานเทพพูดตัดหน้า
       “เปี๊ยก ไปส่งคุณหมอเร็ว คุณหมอรีบ”
       เปี๊ยกวิ่งไปรับกระเป๋ายาจากปานเทพ พาหมอออกไปทันที ปิ่นอนงค์เงอะงะถามปานเทพแทน
       “หมอว่าไงบ้างคะ”
       ปานเทพทำหน้าเครียด มองกราดทุกคน ครองสุขฉุน ลุ้นระทึกกว่าใครอื่น
       “อ้ำอึ้งกันอยู่ได้ ว่ายังไงผู้จัดการ คุณใหญ่เป็นยังไงบ้าง”
       ทันใดนั้นก็มีเสียงดังโครมบนเรือน พร้อมกับเสียงใหญ่ร้องอย่างเจ็บปวด “โอ๊ย”
       หมู่มวลตาค้าง ปิ่นอนงค์วิ่งนำไปเร็วรี่
       
       ปิ่นอนงค์ถึงก่อนใคร รีบเปิดประตูเข้าห้องมา แล้วต้องตกใจ ตาโตยกมือปิดปาก ปานเทพตามติด ทุกคนที่ตามมาข้างหลังหน้าตื่นตามๆ กัน
       ใหญ่นอนแบบอยู่กับพื้น พยายามตะเกียกตะกายเกาะขอบเตียง จะลุกแต่ลุกไม่ขึ้น เหมือนขาหมดแรง
       ใหญ่อ้าปาก พยายามจะพูดแต่พูดไม่ได้
       ปิ่นอนงค์กับปานเทพเข้าไปประคองใหญ่นั่งกับพื้น
       ปานเทพบอกหน้าเครียด “หมอบอกคุณใหญ่กล้ามเนื้อตายเฉียบพลัน อาจจะเป็นอัมพาต” ครองสุขดีใจ ทัศนีย์ตกใจ “ต้องพาไปตรวจให้แน่ชัดอีกทีถึงจะรู้”
       อุ่นเรือนหน้าเจื่อนละอายใจ ปิ่นอนงค์ไม่อยากเชื่อ “เป็นไปได้ยังไงคะ ไม่มีทาง รีบพาคุณใหญ่ไปโรงพยาบาลกันดีกว่า”
       ใหญ่ปัดมือไม้ว่อน อ้อแอ้เสียงดังลั่นฟังไม่ศัพท์ปานเทพรีบแปล
       “คุณใหญ่ไม่ยอมไปโรงพยาบาลตั้งแต่แรกแล้ว หมอยังต้องหนีเลย”
       “คุณใหญ่” ปิ่นอนงค์ตกใจร้องไห้โฮกอดใหญ่แน่น ใหญ่ผลักไสปิ่นอนงค์ มองตาขวาง ถดตัวหนี ปานเทพต้องเข้าประคองเอาไว้
       ครองสุขยิ้มสะใจ
       
       ที่เรือนพักครองสุขเวลาต่อมา
       ธีระกับครองนั่งดื่มเหล้าค็อกเทลกัน ครองสุขยิ้มกริ่ม
       “และแล้วก็มาถึงจนได้ วันนี้ที่รอคอย นังปิ่นนี่มันร้ายลึกจริงๆ ไม่มีวี่แววให้จับพิรุธได้สักนิด”
       ธีระคาดไม่ถึงเช่นกัน “ผมก็ดูไม่ออก ใครจะไปคิดว่าปิ่นจะเลือดเย็นยิ่งกว่าพี่ได้”
       ครองสุขค้อนขวับ “ชมหรือด่า”
       ธีระรีบจับมือครองสุขมาจูบ “ใครจะกล้าด่าพี่ เราจะกลับไปครองเรือนใหญ่กันเมื่อไหร่ดีพี่ อยู่อย่างนี้อึดอัดจะตาย อายไอ้พวกพนักงานด้วย”
       “อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวมันก็จะค่อยๆ ง่อยกลายเป็นผักเน่า พอไอ้ใหญ่มันตายปุ๊บ คราวนี้เรารีบแจ้งตำรวจกันเลย เอานิติวิทยาศาสตร์มาตรวจ แล้วก็โยนความผิดให้นังอุ่นกับนังปิ่น เมียกับแม่ยายใจโฉดชั่ว วางยาฆ่าผัวหวังสมบัติ หมดไอ้ใหญ่ไป ไร่ไพศาลจะได้กลับมาเป็นของพี่ซะที”
       ครองสุขปลื้มปริ่มดื่มเหล้ากิริยากระหยิ่มยิ้มย่อง ชนแก้วกับธีระฉลองที่งานลุล่วง
       
       ถวิลนอนให้เปี๊ยกนวดที่พื้น หวานกินส้มตำอยู่ใกล้ๆ น้อยหน้าเครียดเข้ามาท่าทีเร่งรีบ
       “ยังมามีความสุขกันอยู่อีก คุณใหญ่ป่วยหนักจะเป็นอัมพาตอยู่แล้ว ไม่รู้จักไปดูแล” เปี๊ยกโดดลงจากหลังถวิล หน้าตื่นตาโตปริบๆ
       ถวิลยังนอนนิ่ง หวานตกใจ “นังน้อย แกพูดอะไรของแก ไอ้เปี๊ยก แกเพิ่งไปส่งหมอมา ไม่เห็นบอกอะไรซักท่า”
       เปี๊ยกส่งภาษาไปมาหวานแปล “หมอบอก คุณใหญ่อ่อนเพลียเฉยๆ จริงเหรอไอ้เปี๊ยก”
       เปี๊ยกพยักหน้ายืนยัน น้อยโมโห “ผัวพี่เรียนแพทย์จบมาจากไหน ถึงได้คุยกับหมอรู้เรื่อง ชั้นเนี่ยเห็นมากับตา คุณใหญ่ชักกระแด่วๆ”
       เปี๊ยกกะหวาน สบตากันงง หวานหันมาทางถวิล “ลุงหวิน” ส่งสายตาถาม
       “อย่าห่วงเลย คนดีพระต้องคุ้มครอง” ถวิลเสียงเรียบๆ ไม่ตกใจสักนิด
       
       ปิ่นอนงค์พาตัวเองมายืนประจันหน้ากับครองสุข หน้าตาเอาเรื่อง
       “คุณนายผิดคำพูด”
       ครองสุขมองธีระ พยักหน้าให้ธีระออกไป ธีระส่งสายตามองปิ่นอนงค์อย่างเสียดาย
       “อะไรของแก”
       “ไหนตกลงกันว่าจะให้ปิ่นเป็นคนวางยาเอง แล้วทำไมคุณใหญ่”
       ครองสุขงงๆ เพราะคิดว่าปิ่นอนงค์เป็นคนวางยา “แกพูดเหมือนยังไม่ได้หยอดยาให้ไอ้ใหญ่”
       ปิ่นอนงค์นึกขึ้นได้ที่พลั้งปากไป “ปิ่นทำแล้ว แต่ เออ ไม่คิดว่ายาจะออกฤทธิ์เร็วอย่างนี้”
       “มันก็ดีแล้วนี่”
       “แต่ปิ่นมีแผนใหม่จะให้คุณใหญ่ทำพินัยกรรมยกสมบัติให้ปิ่นก่อน”
       ปิ่นอนงค์จับมือครองสุข “คุณนายมียาแก้พิษมั้ยคะ ขอให้ปิ่นเถอะ แล้วปิ่นรับรองว่าจะจ่ายเงินคุณนายได้ไม่อั้น”
       ครองสุขกลอกตา คิดแผนร้ายไปมา ก่อนจะสะบัดมือออก “ยาแก้พิษน่ะมี แต่แกต้องเอาเงินสินสอดของแกมาแลก”
       ปิ่นอนงค์อึกอัก “แต่สินสอดมันอยู่ในธนาคาร”
       ครองสุขกระชากแขนปิ่นอนงค์สุดแรง ข่มขู่ “ไปเบิกออกมาด้วยกัน แล้วพาฉันไปหาตานะ”
       ปิ่นอนงค์กลัวเกรงความร้ายกาจของครองสุข แต่ก็ต้องรวบรวมความกล้าเพื่อช่วยใหญ่
       
       อุ่นเรือนไม่สบายใจเรื่องใหญ่โดนยาพิษ เดินมาหยุดหน้าห้องแต่ไม่กล้าเข้าไป น้อยถือเครื่องดื่ม เดินมาเห็นเข้า
       “ป้าอุ่น มาเยี่ยมคุณใหญ่เหรอ”
       อุ่นเรือนสะดุ้ง “แค่มาดู”
       อุ่นเรือนเดินหนี น้อยรีบดึงแขนไว้ “อ้าว จะมาดูก็เข้าไปสิจ๊ะ คุณใหญ่คงดีใจที่เห็นแม่ยายเป็นห่วง”
       น้อยผลักประตู ร้องเสียงดัง “คุณใหญ่!”
       อุ่นเรือนตกใจรีบมองเข้าไปในห้อง บนเตียงว่างเปล่า ใหญ่หายตัวไป
       
       ทรรศนะย้ายที่พักมาพักที่โรงแรมราคาถูกแห่งใหม่ แต่ยังเมาแอ๋ เวลานั้นนั่งหมดสภาพข้างคอห่าน มีขวดเหล้าหลายขวดกลิ้งที่พื้น ครองสุขกับปิ่นอนงค์เข้ามาเห็นก็ตกใจ โดยเฉพาะครองสุขใจหาย
       “ตานะ”
       ทรรศนะปรือตามอง พอเห็นครองสุขนึกว่าเป็นอรสอางค์ ทรรศนะเมามายไม่รู้ตัวมือปัดป่าย โวยวาย
       “ไปให้พ้นเธอมันไม่จริงใจ อรสอางค์ อย่ามายุ่งกับฉัน”
       ครองสุขรีบเข้าไปกอด สงสารลูกชายสุดๆ “น้าเองตานะ น้ามาแล้ว”
       “คุณน้า ปิ่นเธอพาคุณน้ามาทำไม” ทรรศนะเริ่มได้สติ
       “นี่เป็นเรื่องใหญ่ คุณนะไม่ควรปิดบังคุณนายค่ะ”
       “คุณน้า อรสอางค์หลอกผม ผมมันโง่ ผมขอโทษ”
       “ไม่เป็นไร มันไม่ใช่ความผิดของนะผู้หญิงรวยๆยังมีอีกเยอะ น้าจะหาให้เอง ไม่ร้องๆ”
       ทรรศนะร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กขี้แย ปิ่นมองอย่างเห็นใจ
       
       ครองสุขกับปิ่นอนงค์ช่วยกันประคองทรรศนะให้นั่งพิงเตียง ทรรศนะคออ่อนคอพับ
       ปิ่นอนงค์มองสภาพทรรศนะรู้สึกเป็นห่วง “ปิ่นว่าคุณนายน่าจะรีบพาคุณนะไปหาที่อยู่ใหม่ ขืนปล่อยให้คุณนะอยู่คนเดียว จิตใจคงแย่ลงทุกวัน”
       ปิ่นอนงค์ยื่นซองเงินให้ “เงินสินสอดของปิ่นห้าแสนคงช่วยให้คุณนะมีชีวิตใหม่”
       ครองสุขตาลุกวาวจะรีบคว้า ปิ่นชักมือกลับ “ยาแก้พิษละคะ”
       ครองสุขโกรธตวาดปิ่น “แกอย่ามาลีลากับฉันนะนังปิ่น ส่งเงินมานี่”
       “ไม่มียาแก้พิษใช่มั้ยคะ” ปิ่นอนงค์นึกรู้ทันที
       ครองสุขพุ่งเข้าแย่งเงินจากมือปิ่นอนงค์
       “มันตายแกก็ติดคุกข้อหาวางยาผัว มรดกทั้งหมดจะตกอยู่ที่ใครถ้าไม่ใช่ฉัน นังเด็กอ่อนหัดเอ๊ย”
       ปิ่นอนงค์ยื้อไว้ไม่ยอมให้ “ไม่ ปิ่นไม่ให้”
       สองคนแย่งกันไปมา ครองสุขตบปิ่นอนงค์จนเซไปซบอกทรรศนะพอดิบพอดี เงินอยู่ในมือครองสุขแล้ว
       
       ทันใดนั้น ปานเทพก็ผลักประตูเข้ามาอย่างแรง ครองสุขหันขวับมามอง ปานเทพหลีกทางให้ใหญ่เดินเข้ามา ครองสุขตะลึงที่เห็นใหญ่ปกติดี ปิ่นอนงค์ก็ช็อก แต่เต็มไปด้วยความดีใจ ทรรศนะผงกหัวมองใหญ่
       ใหญ่จ้องปิ่นอนงค์ที่อยู่อิงอยู่กับอกทรรศนะอย่างโกรธจัด ปิ่นอนงค์รู้สึกตัวรีบผละออกทันที
       “คุณใหญ่”
       ครองสุขมองใหญ่อย่างไม่เชื่อสายตา “ทำไมแกถึงเดินได้”
       ใหญ่ยิ้มน่ากลัว เสียงเย็นเยียบ “งงว่าไอ้ยาพิษขวดนั้นมันทำให้ผมเป็นไอ้ง่อยไม่ได้เหรอครับคุณครองสุข”
       
       ใหญ่นึกถึงวันที่เขารู้ความจริง และรู้โดยบังเอิญ ขณะเดินตามหาปิ่นอนงค์
       “ปิ่นอนงค์” ใหญ่ร้องเรียก
       ใหญ่ได้ยินเสียงคนคุยกัน เดินไปหยุดหน้าครัว มองไปเห็นครองสุขกับปิ่นอนงค์แย่งขวดยาพิษกันอยู่
       ใหญ่รีบฉากหลบแอบดู ได้ยินทุกอย่างชัดเจน แต่เข้าใจปิ่นอนงค์ผิดไป
       
       อีกตอนใหญ่นั่งที่หน้าจอคอมพ์ในห้องทำงาน ที่แท้กำลังดูคลิปปิ่นอนงค์กับทรรศนะ จากมือถือปานเทพ เห็นปิ่นอนงค์ประคองทรรศนะเข้าห้องพักแล้วประตูปิดลง
       ใหญ่มือสั่นอย่างเห็นได้ชัด ที่ประตูมีเสียงลูกบิดคนกำลังจะเข้ามา ปานเทพรีบคว้ามือถือจากมือใหญ่หลบเข้าใต้โต๊ะทำงานใหญ่
       ประตูเปิด ปิ่นอนงค์ถือถาดชาร้อนกับยาเข้ามา “อยู่นี่เอง ปิ่นตามหาซะทั่วเลย...”
       ที่หน้าต่างห้องทำงาน ใหญ่ยกแก้วชา สบตากับปิ่นอนงค์ “ขอบใจนะปิ่น”
       ปิ่นอนงค์ออกไปเอาน้ำเปล่าตามที่ใหญ่บอก
       
       ใหญ่มองชาแล้วแอบเททิ้งนอกหน้าต่าง ปิ่นอนงค์ไม่ทันเห็น 

----------------------------------------------------------------------------

นึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมด ใหญ่มองจ้องหน้าปิ่นอนงค์รู้สึกผิดหวังอย่างแรง        
       “เธอต้องการฆ่าฉันก็เพื่อไอ้ชู้รักนี่ เอาของแต่งงานที่ฉันให้” มองเงินที่ครองสุขกอดไว้ “ทูนให้มันหมด ผู้หญิงเลว”
       ปิ่นอนงค์น้ำตาคลอจะโผเข้าหาใหญ่ “คุณใหญ่”
       ทรรศนะรีบยืนขึ้นสภาพโงนเงนกอดปิ่นอนงค์ไว้ทรรศนะเสียงอ้อแอ้ “ปิ่น อย่าไปนะ อย่าทิ้งพี่”
       ใหญ่แค้นจัดพุ่งเข้าชกหน้าทรรศนะจนล้มกลิ้งลงไป ส่วนปิ่นอนงค์เซล้มลงไปนั่งที่เตียง
       ครองสุขเข้ามาตบใหญ่หน้าหัน ชี้หน้ายืนขวางทรรศนะเหมือนจงอางหวงไข่
       “ถ้าแกกล้าแตะตานะอีก ฉันจะขอสู้ตายกับแก”
       ใหญ่ยิ้มร้าย มองไปทางปิ่นอนงค์ เดินเข้าไปกระชากข้อมือปิ่นอนงค์ลากตัวออกจากห้อง
       ปานเทพชักปืนออกมาเล็งไปที่ครองสุขทันที ครองสุขร้องกรี๊ดเข้าไปกอดบังทรรศนะไว้
       
       ที่ไร่ไพศาล ถวิลกับคนงานรื้อค้นห้องครองสุขกระจุยกระจาย
       ขณะที่เปี๊ยกกับคนงานลากทัศนีย์ออกจากเรือน ทัศนีย์ดิ้นรนสุดฤทธิ์
       ธีระซ่อนตัวแอบมองอยู่ ตัดสินใจรีบเผ่น
       
       เวลาต่อมาที่ลานกว้างภายในไร่ ใหญ่ยืนมองกล่องใส่ขวดยาพิษที่เหลือในมือ ถวิลกับปานเทพยืนขนาบใหญ่ซ้ายขวา ใหญ่โมโหขว้างทั้งกล่องใส่หน้าครองสุขที่ยืนรวมอยู่กับทรรศนะ และทัศนีย์
       เปี๊ยกถือปืนกับคนงานอีกคนยืนคุมเชิงกลุ่มครองสุข
       ครองสุขร้องกรี๊ดกระโดดหลบไปข้างๆ ทรรศนะที่สร่างเมาแล้ว ทรรศนะประคองครองสุขอย่างเป็นห่วง
       “คุณใหญ่ทำเกินไปแล้ว”
       ปิ่นอนงค์โดนคนงานคุมตัวอยู่อีกมุม มองไปที่ใหญ่
       “แล้วที่คุณน้าสุดสวาทขาดใจของนายเอาไอ้ยาพิษพวกนี้ให้ฉันกิน มันไม่เกินไปยิ่งกว่าเหรอ”
       ทรรศนะมองหน้าครองสุขหาความจริง ครองสุขหรือจะยอมรับ
       “น้าไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ ให้น้าไปสาบานที่ไหนก็ได้” ครองสุขแก้ตัว
       “คุณน้าวางยาผม เหมือนกับที่เคยวางยาพ่อผมใช่มั้ย”
       ใหญ่ถามแน่วนิ่ง ครองสุขหน้าตาตื่น รีบตีหน้าเล่นละคร
       “แกอย่ามาใส่ร้ายฉันนะ ฉันรักคุณไพศาลสุดหัวใจ ไม่มีวันที่ฉันจะทรยศหักหลังเค้า”
       ปานเทพรำคาญ ทนฟังไม่ได้ “เสียเวลาพูดทำไมวะ เรียกตำรวจมาเลยดีกว่า”
       ครองสุขชี้หน้าด่ากราด “เอาเลย ฉันจะได้แจ้งกลับว่าพวกแกเป็นแก๊งโจรปล้นฆ่า ข่มขู่ใส่ร้ายฉัน ดูสิตำรวจจะเชื่อฉันหรือเชื่อคำพูดโจร”
       ใหญ่หัวเราะหยัน หันไปทางปานเทพ
       “คุณปานเทพ คุณเป็นถึงทนายความไม่ใช่เหรอครับ ช่วยบอกคุณนายครองสุขเป็นวิทยาทานให้ที ว่าการแจ้งความเท็จกล่าวหาคนมีอาชีพสุจริตอย่างผมว่าเป็นขโมยขโจร จะเป็นไง”
       ทัศนีย์ไม่เชื่อหู “ไอ้หมอนี่นะเหรอเป็นทนายความ”
       ปานเทพยืด “ถ้างั้นผมขอถือโอกาสแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการเลยดีกว่าผมทนายปานเทพ” พลางปานแกะหนวดออกโยนทิ้ง ผายมือไปทางใหญ่ “ส่วนท่านผู้นี้คือ วิศวกรเจ้าของเหมือง เป็นหุ้นส่วนกับนายหัวปลอดพ่อของผม”
       กลุ่มครองสุข ทรรศนะ ทัศนีย์ และเปี๊ยกช็อก กลุ่มคนงานที่คุมตัวปิ่นอนงค์ต่างตกตะลึง ถวิลที่ยืนข้างใหญ่ยิ้มดีใจ
       “ถ้าคุณนายคิดจะสู้คดีกับคุณชาลิต” ปานเทพมองขวดยาพิษบนพื้นตรงหน้าคุณนาย “ตามหลักฐานที่เห็น ความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาและมีการไตร่ตรองไว้ก่อนล่วงหน้า มีโอกาสโดนประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือติดคุก 15 ปีถึง 20 ปี” ปานเทพเดินไปหาปิ่นอนงค์ ยืนมองจ้องหน้า “รวมไปถึงผู้สมรู้ร่วมคิดทุกคนด้วย”
       ใหญ่มองไปทางปิ่นอนงค์ในใจอดห่วงไม่ได้
       ปานเทพหันมาหาใหญ่ “จะให้โทร.เรียกตำรวจเลยมั้ย”
       ครองสุขกลัวจัดแย่งปืนจากมือเปี๊ยกอย่างไวมาก จนทุกคนทำอะไรไม่ทัน ยิงใส่ใหญ่ทันทีเสียงดัง
       “เปรี้ยง!”
       
       ปลอดมาถึงเห็นเหตุการณ์รีบพุ่งเข้ามาผลักใหญ่ออกจนพ้นทิศทางลูกปืน ล้มกลิ้งไปด้วยกัน
       ปานเทพเล็งปืน พงษ์ และลูกน้องปลอดนับสิบ เล็งปืนไปที่กลุ่มครองสุขเป็นจุดเดียว ทัศนีย์ร้องกรี๊ด
       “ฉันไม่เกี่ยวนะ อย่าๆ อย่ายิง”
       ทัศนีย์รีบหลบแอบข้างหลังพี่ชาย ทรรศนะยกสองมือหน้าตื่น ปานเทพมองนีอย่างห่วงๆ เบี่ยงกระบอกปืนไปทางครองสุขแทน
       ปลอดลุกยืนชักปืนไปที่ครองสุข “ผมขอคิดบัญชีให้คุณใหญ่เอง”
       ครองสุขกรี๊ด “อย่า”
       อุ่นเรือนวิ่งทะยานเข้ามาบังครองสุข ยกมือไหว้ปลอด
       “ฉันเป็นคนวางยาคุณใหญ่เอง ถ้าจะฆ่า ก็ฆ่าฉันแทน”
       ปิ่นอนงค์วิ่งถลาไปหาปลอดจับปืนแน่น “แม่ปิ่นไม่รู้เรื่อง แม่พูดไปเพราะห่วงคุณนาย ความจริงแล้วปิ่นเป็นคนทำเอง คุณใหญ่ก็ได้ยินกับหู”
       ปลอดยิ่งโมโห แค้นแทนใหญ่ “คุณไพศาลเลี้ยงดูพวกแก ให้บ้านอยู่ ให้ข้าวกิน แต่พวกแกอกตัญญู สมควรตายกันทั้งหมดนี่แหละ”
       ปลอดสะบัดจนปิ่นอนงค์ล้มลง แล้วเล็งปืนใส่ ใหญ่รีบห้าม “อย่าอาปลอด
       ปลอดเสียงเข้ม “คุณใหญ่ถอยไป เราใจดีให้พวกมันมามากพอแล้ว”
       ระหว่างที่ทุกคนจ้องมาที่ใหญ่กับปลอด ธีระขับรถเก๋งพุ่งเข้ามาชนกลางวง พวกปานเทพ และคนงาน รวมทั้งเปี๊ยกกระโดดหลบ
       “พี่ครองหนี”
       รถจอดที่กลุ่มครองสุข ครองสุขรีบดันทรรศนะขึ้นไปก่อน
       “ขึ้นไปเลยตานะ” มองไปทางทัศนีย์ “ยัยนี เร็วสิ”
       ครองสุขลากแขนลูกสาว ทัศนีย์ไม่ยอมไป “ขืนไปก็อดตาย นีไม่ไปด้วยหรอก”
       พงษ์ยิงออกไปก่อนแต่ไม่โดน เฉี่ยวหัวทัศนีย์ร้องกรี๊ด ลูกน้องที่รวมกลุ่มอยู่กับพงษ์ตั้งท่าจะระดมยิง
       ปานเทพห่วงทัศนีย์วิ่งมาขวางหน้ากลุ่มพงษ์
       “อย่ายิงมั่ว คนไม่เกี่ยวจะโดนลูกหลงไปด้วย”
       ธีระขับรถหนีไปแล้ว ปลอดหันมาสั่งพงษ์
       “ตามจับมาให้ได้”
       พงษ์กับลูกน้องวิ่งกรูขึ้นรถ ปลอดจ้องหน้าลูกชายอย่างตำหนิ ปานเทพหรุบตาต่ำกลัวพ่อเล่นงาน
       ปิ่นอนงค์วิ่งไปประคองแม่ที่ยืนหวาดกลัวอยู่ ใหญ่มองปิ่นอนงค์ สองคนสบตากัน
       ใหญ่มองทั้งรักทั้งแค้น ตัดสินใจเดินหนี
       
       รถธีระซิ่งหนีออกมานอกไร่แล้ว รถพงษ์ไล่ล่า พงษ์กับลูกน้องระดมยิงใส่ล้อ ครองสุข ทัศนีย์ ร้องกรี๊ดกร๊าดอยู่ในรถ
       
       เวลาเดียวกันลูกน้องเสี่ยตงยืนคุมรอบๆ บริเวณไร่แห่งหนึ่ง เสี่ยตงแย่งโฉนดมาจากชายเจ้าของไร่ ที่อ้อนวอนขอร้องอยู่
       “ฉันจะหาเงินมาใช้หนี้พนันเสี่ยให้ได้ เสี่ยอย่ายึดไร่ฉันเลย”
       เสี่ยตงดึงโฉนดมา ถีบเจ้าของไร่กระเด็นไป
       “กลับ”
       เสี่ยตงสั่งลูกน้องจะเดินไป เจ้าของไร่ถลาเข้าไปกอดขาแน่น เสี่ยตงสะบัดขาหลุด ลูกน้องเข้ามารุมยำตีน กระทืบๆ
       
       ด้านพงษ์เล็งปืนหรี่ตา ยิงใส่ที่ล้อ ล้อแตก รถส่ายไปส่ายมาลงข้างทาง
       พวกครองสุขเปิดประตูออกมาวิ่งหนีเข้าไร่ ทรรศนะประคองครองสุขวิ่ง ทัศนีย์ตามติด ธีระรั้งท้าย
       รถพงษ์วิ่งมาถึงจอด แล้วพากันไล่ตามไป
       พวกครองสุขหนีเตลิด พงษ์กับลูกน้องไล่ยิงในระยะห่างๆ
       บนทางเล็กๆ ในไร่ที่รถพอวิ่งได้ รถเสี่ยตงวิ่งตามกันมาสองคัน ครองสุขเห็นรถรีบวิ่งไปขวางหน้า
       “ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”
       คนขับรถเห็นเป็นครองสุขจำได้ เบรกกึก เสี่ยตงนั่งหลังหน้าคะมำ โกรธจัด
       “อะไรกันวะ ขับรถอย่างนี้ลากมันไปยิงทิ้ง”
       คนขับรีบหันมาอธิบาย “คุณ คุณนายครองสุข ขวางรถอยู่”
       เสี่ยตงตวาด “ใครขวางรถก็ลากไปยิงทิ้งสิโว้ย” มองผ่านกระจกหน้า “เฮ้ยนังคุณนายครองสุข นังตัวดี”
       
       เสี่ยตงแค้นเรื่องหนี้อยู่รีบเปิดประตูออกไป “ไงคุณนาย โลกมันกลมซะจริงๆ”
       ครองสุขดีใจ “เสี่ยตง! เสี่ยตงเรื่องหนี้ไว้พูดกันทีหลัง แต่ตอนนี้ช่วยฉันก่อน”
       เสียงปืนดังเปรี้ยง !
       ลูกปืนยิงเฉียดหัวเสี่ยตงไปนิดเดียว พวกธีระ ทรรศนะ ทัศนีย์ รีบวิ่งมาหลบที่อีกด้านของรถ
       ครองสุขดึงเงินออกมาให้ดูปึกหนึ่ง “ฉันมีเงินให้หนึ่งแสน ถ้าช่วยฉันหนี”
       เสี่ยกระชากเงินมาทันควัน
       พงษ์กับลูกน้องวิ่งมาถึง “จับมันมา”
       เสี่ยตงชักปืนยิงใส่พวกพงษ์ ลูกน้องคนอื่นยิงตาม พวกพงษ์รีบหาที่หลบ สองฝ่ายยิงกันสนั่น
       ลูกน้องพงษ์โดนยิงไปหลายคน
       
       ธีระ ทรรศนะ ทัศนีย์ ขึ้นมานั่งในรถเสี่ยตงเรียบร้อยแล้ว ทัศนีย์กอดทรรศนะแน่นหลับตาปี๋ ครองสุขรีบสั่งคนขับ
       “รีบขับไปสิ ไปเร็ว
       คนขับยังเงอะงะอยู่เพราะรอเสี่ยตง “อยากโดนลูกหลงไปด้วยหรือไง พันนึงพอมั้ย”
       คนขับตาโตรีบรับมา บึ่งรถไปทันที
       เสี่ยตงหันมาเห็น รีบถอยไปขึ้นรถอีกคัน ลูกน้องช่วยยิงสกัด มีบางคนโดนยิง
       
       ทั้งหมดขึ้นรถได้ก็บึ่งออกไป พงษ์วิ่งตามยิงใส่ไปหลายนัดแต่ไม่ทันแล้ว หันไปมองลูกน้องที่บาดเจ็บ

---------------------------------------------------------------------

ลูกน้องปลอดยืนคุมเข้มอยู่ที่หน้ากระท่อมท้ายไร่ มีเสียงอุ่นเรือนดังลอดออกมา       
       “ไปเรียกไอ้ใหญ่มา”
       ด้านในกระท่อมอุ่นเรือนพยายามเขย่าประตู “ฉันอยากคุยกับมัน ลูกฉันไม่เกี่ยว มาเอาชีวิตฉันไปแทนปล่อยนังปิ่นมันไป”
       ปิ่นอนงค์เข้ามาดึงอุ่นเรือน “อย่านะแม่ แม่ต้องบอกคุณใหญ่ว่าคุณนายสั่ง แต่แม่ไม่ยอมทำปิ่นเลยทำเอง”
       “คุณนายไม่ได้สั่งฉัน ฉันต่างหากที่อยากฆ่าไอ้ใหญ่ มันเกลียดคุณนาย มันพยายามทำทุกอย่างเพื่อล้างแค้นคุณนาย”
       “คุณนายต่างหากที่เป็นคนไม่ดี คุณนายหลอกใช้แม่ ทำไมแม่มองไม่ออก” ปิ่นอนงค์พยายามอธิบายกับแม่
       “แกนั่นแหละหลงไอ้ใหญ่จนตาบอด มันหลอกแกว่าเป็นโจรเพราะมันเห็นว่าแกโง่ คิดจะใช้กำลังข่มเหงแกยังไงก็ได้ ผู้ชายถ้ามันรักใครจริง มันต้องอยากให้ผู้หญิงเห็นว่ามันเป็นคนดี”
       ปิ่นอนงค์คิดตามเจ็บจี๊ดในใจ น้ำตาไหลริน
       
       ใหญ่นั่งหน้าเครียดนึกถึงแต่ปิ่นอนงค์ ปลอดเข้ามายืนตรงหน้าใหญ่
       “ดีที่ไอ้ปานมันโทร.ไปเล่าให้ผมฟัง ถึงได้มาทันเวลา ไม่อย่างนั้นผมคงเสียใจไปตลอดชีวิตที่ปกป้องคุณใหญ่ไม่ได้ งานนี้นังคุณนายมันต้องชดใช้”
       พงษ์เข้ามา ทุกคนหันไปมอง “ลากพวกมันมา”
       พงษ์หน้าเสีย “คือ เราเกือบจะจับมันได้อยู่แล้ว แต่มีคนมาช่วยมันไปได้ ไม่รู้ว่าเป็นพวกไหน
       ปลอดโกรธ “ไปสืบมามันเป็นใคร ถ้าหาที่ซ่อนตัวนังครองสุขไม่ได้ แกก็ไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้า”
       พงษ์ก้มหัวรีบออกไปทันที “แล้วปิ่นกับป้าอุ่น พ่อจะเอายังไง” ปานเทพถาม
       ปลอดมองใหญ่ “มาถามอะไรฉัน ปิ่นอนงค์เป็นเมียคุณใหญ่...”
       ใหญ่ตัดใจทำปากแข็งสวนออกไป “ผมไม่นับคนที่คิดฆ่าผมเป็นเมีย แล้วแต่อาปลอดตัดสินใจเถอะครับ”
       ใหญ่ลุกหนีไปปานเทพมองตาม “หวังว่ามันจะตาสว่าง ไม่ใจอ่อนเอาอีก”
       ปลอดหันมาดุปานเทพเรื่องห่วงทัศนีย์ออกนอกหน้า “พอกันทั้งคู่นั่นแหละ เพราะผู้หญิง!”
       “แบบนี้เรียกว่าโมโหหิวหรือเปล่า พาลไปทั่ว”
       “อย่าคิดนะว่าฉันมองไม่ออก” ปลอดชี้หน้าขู่ “อย่าแม้แต่จะคิด ถ้าคิดไปแล้วก็ให้เลิกคิด”
       ปลอดเดินโมโหออกไป ปานเทพจ๋อยที่พ่อมองออกว่าตนห่วงทัศนีย์
       
       หวานถีบเปี๊ยกหงายเก๋งลงมาที่พื้น
       “ไอ้เปี๊ยกถ้าแกหาว่าปิ่นวางยาพิษคุณใหญ่อีก คืนนี้แกไปนอนตากยุงข้างนอกเลย”
       เปี๊ยกโวยวายว่าคุณใหญ่เห็นกับตา “ถึงคุณใหญ่เห็นกับตา ฉันก็ไม่เชื่อ”
       เปี๊ยกจะพูดอีก หวานชี้หน้า “อย่านะ หยุดพูด ไม่ต้องมาเข้าข้างคุณใหญ่”
       น้อยเองก็ไม่เชื่อ “ใช่ ฉันก็ไม่เชื่อ ฉันอยู่กับพี่ปิ่นมานาน พี่ปิ่นเป็นคนขี้สงสารสงสารไปหมดแม้แต่วัวควายหมูหมากาไก่ คนแบบนี้จะฆ่าคนได้ยังไง จริงมั้ยลุงหวิน”
       “พวกเราไม่เชื่อแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร สำคัญที่คุณใหญ่เชื่อไปแล้ว” ถวิลว่า
       “ท่าทางนายปลอดโหดมาก ปิ่นมันจะโดนฆ่าหรือเปล่า”
       จินตนาเข้ามาได้ยินก็ตกตะลึง “ใครจะฆ่าปิ่น เกิดเรื่องอะไรกับปิ่นเหรอ”
       ทุกคนหันไปมองจินตนาเป็นตาเดียว
       
       จินตนาเดินรีบร้อนเป็นห่วงปิ่นอนงค์มาก ปานโผล่มาขวางหน้า เปี๊ยกเข้ามาประกบข้างปานเทพแบบยืดๆ จินตนามองเปี๊ยกรู้ทันที
       “อ๋อ มีสปายนี่เอง”
       “กลับไปซะ เรื่องของคนในครอบครัว คนนอกไม่เกี่ยว”
       จินตนากระชากคอเสื้อปานเทพ “พวกนายไม่มีสิทธิ์กักขังใคร นายเป็นถึงทนายความน่าจะรู้กฎหมายข้อนี้ดี” ปานเทพอึ้งไปนิดหนึ่ง “ทำไมตกใจเหรอที่ความลับโดนเปิดเผย”
       ปานเทพหัวเราะ ดึงมือจินตนาออก “เพิ่งจะรู้เหรอยาย ชาวบ้านชาวช่องเค้ารู้กันหมดแล้ว แต่ยังไงก็ต้องขอชมว่า สอดรู้สอดเห็นได้เก่งใช้ได้”
       จินตนาเงื้อมือจะตบ “ถ้าตบก็จูบนะ เปี๊ยกปิดตาซะ เดี๋ยวคุณจินเธอจะเขิน”
       เปี๊ยกทำตาม ปานเทพลอยหน้าให้ตบ “รอเลิฟซีนฉากนี้มานานแล้วไม่ใช่เหรอ เอาเลยสิ ตบเลย”
       จินตนาแค้นยกเข่ากระแทกเป้าปานเทพเต็มแรง ปานเทพร้องจ๊ากกุมเป้าตัวงอ
       “โอ๊ยประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
       เปี๊ยกปิดปากหัวเราะคิกคัก จินตนารีบวิ่งจะไปหาปิ่นอนงค์ เปี๊ยกรีบวิ่งไปจับไว้ จินตนาดิ้น
       ปานเทพโมโหมองจินตนาอย่างแค้นใจ “โยนออกไปจากไร่ แล้วถ้ากลับมาอีก ฉันจะแจ้งข้อหาบุกรุก”
       จินตนาจ้องปานเทพสีหน้าแค้นเคือง เปี๊ยกลากจินตนาที่ร้องโวยวายออกไป
       “ปล่อยฉัน ปล่อย”
       ปานเทพยืนกุมเป้าหน้าเขียว
       
       บ้านเช่าของจอม เป็นบ้านไม้โทรมๆ อยู่ในตลาดท้องถิ่น มีพื้นที่บริเวณหน้าบ้านสามารถเปิดขายข้าวแกงเป็นเพิงเล็กๆ ได้
       จินตนาทุบประตูรัวๆ จอมเปิดออกมาดีใจที่เห็นเป็นจินตนา รีบถาม
       “ปิ่นรู้เรื่องที่คุณจินสืบได้ว่าไอ้ใหญ่มันไม่ใช่โจรแล้วว่าไงบ้าง ปิ่นโกรธมั้ย”
       “ปิ่นแย่แล้วจอม!”
       จอมงง
       
       คืนนั้นปลอดอยู่ในห้องทำงานใหญ่ กำลังด่าปานเทพอยู่
       “ไม่ได้เรื่อง แค่ผู้หญิงคนเดียว ก็ปล่อยให้...” ปลอดมองเป้าปานเทพที่นั่งตัวลีบอยู่ “เสียชื่อฉันหมด”
       “พ่อจะย้ำทำไมนักเล่า รีบส่งตัวปิ่นกับแม่ให้ตำรวจเลยดีกว่าถ้ายัยจินตนามันเกิดไปแจ้งความก่อน เรื่องมันจะยุ่งยากขึ้น”
       ที่หน้าห้องเวลานั้น ใหญ่กำลังแตะลูกบิดได้ยินเสียงปลอดเลยชะงักฟัง
       “ไม่ได้ ก่อนมอบปิ่นอนงค์ให้ตำรวจ เราต้องทำให้แม่ลูกคู่นี้ยอมซัดทอดคุณนายครองสุขด้วย ถ้ามันยังลอยนวลกันอยู่คุณใหญ่จะไม่ปลอดภัย”
       “แต่ปิ่นอนงค์กับแม่จงรักภักดีกับคุณนายยิ่งกว่าอะไร คงไม่ยอมซัดทอดง่ายๆ”
       “ถ้าต้องทำให้เจ็บเนื้อเจ็บตัวกันบ้าง ก็จำเป็น”
       ใหญ่ตกใจ ได้ยินแค่นี้ก็ฟังต่อไม่ได้ รีบเดินออกไปเพื่อช่วยปิ่นอนงค์ทันที
       “นี่พ่อจะซ้อมผู้หญิงกับคนแก่งั้นเหรอ”
       “ไอ้บ้า เอาแค่ขู่ๆ ก็พอ แกคอยเฝ้าคุณใหญ่ไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
       ปลอดออกจากห้องไป
       
       ทางเดินไปกระท่อมท้ายไร่ ใหญ่เร่งฝีเท้า ได้ยินเสียงต่อสู้กัน ตามด้วยเสียงปืน
       “เปรี้ยง! เปรี้ยง!”
       ใหญ่สะดุ้ง ห่วงปิ่นอนงค์มาก “ปิ่น!” ใหญ่วิ่งไปเร็วรี่
       ใหญ่วิ่งมาถึงที่หน้ากระท่อม เห็นลูกน้องปลอดนอนเดี้ยงอยู่ที่พื้น คนหนึ่งบาดเจ็บที่ไหล่ อีกคนแค่จมูกหัก ปากแตก
       ใหญ่รีบวิ่งเข้ากระท่อม ไม่เห็นปิ่นอนงค์กับอุ่นเรือนแล้ว ใหญ่กลับออกมาหาลูกน้องปลอดประคองคนที่จมูกหัก
       “ปิ่นอนงค์ไปไหน”
       ปลอดวิ่งเข้ามาพร้อมลูกน้องอีก 4-5 คน “เกิดอะไรขึ้น”
       ปลอดมองใหญ่งงๆ ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ไงลูกน้องรายงาน “มีคนคลุมหน้ามาช่วยคุณปิ่นอนงค์ไปครับ มันแย่งปืนของผมไปด้วย”
       ใหญ่หลุดปาก “มันพาเมียฉันไปทางไหน”
       ลูกน้องชี้ไปทางหนึ่ง ใหญ่วิ่งตามไปทันที “คุณใหญ่” ปลอดสั่งลูกน้อง “ตามไปสิ จับสองแม่ลูกกลับมาให้ได้”
       ปานเทพ ถวิล และเปี๊ยกวิ่งเข้ามา “พ่อ ไอ้ใหญ่มันไม่อยู่ที่ห้อง”
       ปลอดสั่งถวิลพูดอย่างเร็ว “ไอ้หวินแกรวบรวมคนงานทั้งหมดตามหาชายชุดดำกับปิ่นอนงค์ให้ทั่วไร่อย่าให้เล็ดลอดหนีไปได้”
       ถวิลกับเปี๊ยกรีบไป ปลอดสั่งลูกชาย “แกไปกับฉัน”
       
       ถวิลกะเปี๊ยกถือปืนยาว คนงาน 5-6 คนถือคบไฟตามมา เดินค้นหาปิ่นอนงค์ผ่านมาทางคอกวัว เสียงวัวร้องมอๆ ถวิลชะงักมองเข้าไปในคอก
       มุมมืดในคอกวัว จอมดึงผ้าดำลงมาที่คอแล้ว ปิ่นอนงค์ กะอุ่นเรือนหลบอยู่ในฝูงวัว ปิ่นอนงค์ลูบแม่มะลิกับแม่เนื้อนวลตัวข้างๆ “ปิ่นเองนะแม่มะลิ แม่เนื้อนวล อย่าส่งเสียงนะ คนเก่ง”
       ถวิลกวาดตามองไม่เห็นอะไรผิดปกติ วัวยืนกันนิ่ง
       ถวิลหันไปสั่งคนงาน “ไปหาต่อทางโน้น”
       ถวิลนำลูกน้องเดินพ้นคอกวัวไปแล้ว
       จอมหันมาพยักหน้าให้สองคนแล้วดึงผ้าปิดหน้าเหมือนเดิม ปิ่นอนงค์ประคองแม่เดินย่องตามจอมไป
       
       ใหญ่ขี่ม้ามาดักตรงทางลัดออกจากไร่ มองหาปิ่นอนงค์สีหน้าห่วงใย ตวัดสายตาไปหยุดที่ต้นไม้ไหวๆ ใหญ่บังคับม้าเดินไปหยุดมอง เห็นจอมในชุดดำปิดหน้า แหวกต้นไม้ที่ขึ้นรกขวางทาง
       ใหญ่ชักปืนออกมาเล็งไปที่ชายชุดดำกะยิงขา แต่ใหญ่ชะงัก เมื่อเห็นปิ่นอนงค์ประคองอุ่นเรือนเดินตามเส้นทางที่คนชุดดำเปิดทางให้
       คนชุดดำเดินปิดท้ายระวังหลัง ใหญ่ยังเล็งปืนที่คนชุดดำแต่ลังเลจะยิงไม่ยิงดี
       ในใจใหญ่ต่อสู้กันรุนแรง ว่าจะปล่อยปิ่นอนงค์หนีหรือไม่ปล่อย
       
       สุดท้ายใหญ่ตัดสินใจลดปืนลงปล่อยปิ่นอนงค์หนีไป มองส่งจนลับตา 

----------------------------------------------------------------- ในเวลาต่อมาครองสุขอยู่ที่ห้องทำงานบ้านเสี่ยตง ระหว่างนั้นลูกน้องเข้ามากระซิบเสี่ยตง สีหน้าเสี่ยตงดูตกใจมากลุกยืนพรวด 
       
       “จริงเหรอ”
       ลูกน้องพยักหน้า เสี่ยตงชี้สั่ง
       “ลากคุณนายกับไอ้พวกข้างนอก ออกไปจากบ้านอั๊ว ก่อนที่เสือปลอดปาดังเบซามันจะรู้ว่าเรายิงคนของมัน”
       ลูกน้อง 2 คนที่ยืนคุมเชิงอยู่ จับครองสุขไว้
       “นายปลอดมันไม่ใช่เสือ มันทำงานเหมืองแร่อยู่ทางใต้ มันกับไอ้ใหญ่รวมหัวกันต้มเสี่ยกับฉันจนเปื่อย”
       “ว่าไงนะ” เสี่ยตงของขึ้น
       ครองสุขสะบัดหลุดจากลูกน้องเสี่ย ครองสุขเดินเข้าไปหา
       “แผนเดิมของเรา ส่วนแบ่งมรดกของไอ้ใหญ่ครึ่งหนึ่งทันทีที่มันตาย เสี่ยยังรับข้อเสนอนี้อยู่หรือเปล่า”
       ครองสุขยื่นมือออกไป เสี่ยตงยิ้มเจ้าเล่ห์จับมือกับครองสุข
       เสียงโทรศัพท์ครองสุขดัง ครองสุขชักมือออกจากมือเสี่ยตง ดูโทรศัพท์เห็นชื่ออรสอางค์ ครองสุขกลอกตาไปมา เกิดปิ๊งไอเดียหลอกเสี่ยตงใช้เป็นเครื่องมือ
       “เสี่ยอยากหาแบ็คอัพดีๆ ให้กับธุรกิจรับเหมาของเสี่ยมั้ยคะฉันช่วยได้นะ”
       เสี่ยตงตาลุกขึ้นมาทันที
       
       เวลาเดียวกันปิ่นอนงค์เดินเข้ามา จอมกับจินตนานั่งรออยู่
       “ป้าอุ่นหลับแล้วเหรอ” จินตนาถาม
       ปิ่นอนงค์พยักหน้า เดินไปนั่ง
       “ปิ่นรู้เรื่องที่ไอ้คุณใหญ่มันไม่ใช่แก๊งโจรแล้วใช่มั้ย” จอมถาม
       “เค้าบอกกับทุกคนในไร่แล้ว” ปิ่นอนงค์เสียงเศร้า
       “ไม่เข้าใจเลยว่าคุณใหญ่ทำแบบนี้ทำไม” จินตนางงไม่หาย
       จอมคุยโว ทำเป็นรู้ดี “ก็เป็นโจรมันขู่คนได้ บังคับให้คนทำตามได้ มันถึงได้ปั่นหัวปิ่น หลอกใช้ปิ่นเป็นเครื่องมือตลอดเวลา”
       จินตนาสังเกตเห็นปิ่นอนงค์หน้าเสีย “แต่ไม่เป็นโจรก็ดีแล้วนี่ อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเค้ามีอาชีพสุจริต”
       “เค้าจะเป็นอะไรก็ไม่สำคัญ” ปิ่อนงค์กล้ำกลืน “เพราะเราคงไม่เกี่ยวข้องกันอีก”
       ปิ่นอนงค์มองแหวนหมั้นที่นิ้ว ก่อนจะถอดให้จินตนา
       “ช่วยเอาไปขายให้เราทีนะจิน เราต้องการใช้เงิน”
       จินตนาตกใจ “เฮ้ย แต่นี่มันแหวนแต่งงานนะปิ่น”
       จอมคว้ามาใส่มือจินตนา “ขายไปน่ะดีแล้ว”
       
       เช้านั้นลูกน้องเสี่ยหิ้วกระเป๋าเดินทางของอรสอางค์นำเข้ามาในห้องรับแขกก่อน
       อรสอางค์กับจิ๋ว เดินตามมา ครองสุขกับเสี่ยตงยืนรอรับอยู่ ครองสุขแสร้งเล่นละครจะปรี่เข้าไปหา
       “หนูอร มาแล้วเหรอจ๊ะ”
       เสี่ยตงรีบตัดหน้ายื่นมือไปให้อรสอางค์จับ จนครองสุขเบรกแทบไม่ทัน
       “สวัสดีครับคุณอรสอางค์ ผมเสี่ยตงเจ้าของบ้านหลังนี้ ยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติต้อนรับลูกสาวท่านปลัดกระทรวง”
       อรสอางค์นึกรังเกียจไม่ยอมจับด้วย มองหน้าครองสุขขอคำตอบ
       
       อรสอางค์เหลียวขวับมาที่ครองสุข สองคนอยู่ตรงทางเดินจะไปห้องนอนทรรศนะ
       “ทำไมนะต้องมาอยู่กับไอ้คนกักขฬะพวกนี้ด้วย”
       ครองสุขยิ้มเยาะ “เพราะเสี่ยจะช่วยตานะแย่งมรดกคืนจากไอ้ใหญ่ แล้วเธอก็ต้องช่วยตานะ เอาบารมีของพ่อเธอทำให้เสี่ยมันกระสันอยากเป็นพวกเดียวกับเรา”
       จิ๋วเหน็บ “คุณนายครองสุขนี่ช่างวางแผนเหมือนกันนะคะ”
       ครองสุขยิ้มหวานกัดทุกคำ “แหม ก็คล้ายหนูอรของหล่อนนั่นแหละย่ะ”
       อรสอางค์หน้าชา รีบโกหก “ปัญหาที่บ้านอร กำลังจะเคลียร์ได้แล้วค่ะ”
       “ก็ดี อย่ามาเบียดบังเอาเงินกับหลานฉัน เพราะตอนนี้ไม่มีจะให้”
       ทรรศนะกับทัศนีย์เปิดประตูเดินออกมาเห็นอรสอางค์ อรสอางค์รีบวิ่งไปหากอดทรรศนะแน่น
       “นะ อรขอโทษ นะอย่าหนีอรไปอีกนะ ต่อไปอรจะไม่ปิดบังอะไรนะอีกแล้ว ที่อรทำไปเพราะอรกลัวนะทิ้งอร”
       ทรรศนะดันอรสอางค์ออก “แต่ตอนนี้ผมไม่มีบ้านแล้ว อรจะอยู่กับผมได้เหรอ”
       “อรจดทะเบียนกับนะแล้ว นะอยู่ที่ไหน อรก็อยู่ที่นั่น”
       ทัศนีย์เย้ย “จะมาขอเกาะพี่นะว่างั้นเหอะ”
       บ่าวดีเด่น จิ๋วโมโหกระชากแขนนีย์ “ขอโทษคุณหนูเดี๋ยวนี้”
       “อยากจะประจบเจ้านายก็ไปเห่าไกลๆ หูฉัน” ทัศนีย์ตอกไม่ไว้หน้า
       จิ๋วเงื้อมือจะตบ ทัศนีย์จับไว้ทันแล้วตบจิ๋วจนกระเด็น จิ๋วไม่ยอมวิ่งเข้ามาตีกับทัศนีย์ สองคนสู้กันนัวเนีย ทรรศนะกับอรสอางค์เข้าไปดึงจิ๋วกับทัศนีย์แยกจากกัน
       ครองสุขวิ่งเข้ามาตวาดลั่น “หยุด จะตายหมู่กันอยู่แล้ว ยังกัดกันเองอีก”
       ครองสุขด่าจิ๋ว แต่เหลือบตามองอรสอางค์
       “ใครอยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไป”
       อรสอางค์กำมือแน่น
       
       เช้าวันต่อมา ถวิลกับคนงานยืนคุมฝูงแกะกินหญ้าอยู่
       ปลอดขี่ม้าตรวจงาน พงษ์ยืนรายงาน “ผมค้นทุกไร่ ทั้งที่พัก รีสอร์ตในละแวกนี้ ไม่พบแม้แต่เงา”
       “ฉันเชื่อว่าไอ้พวกที่มาช่วย คงไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป ระดมลูกน้องทั้งหมดแยกย้ายไปสืบหาในถิ่นของพวกมีอิทธิพล ไม่จำเป็นอย่าปะทะสร้างศัตรูเพิ่ม”
       “ครับนายหัว”
       พงษ์นำลูกน้องออกไป
       
       ท้องฟ้าจากสว่าง เวลาคืบคลานผ่านไปเป็นเย็นย่ำตะวันโพล้เพล้
       ค่ำนั้นม้าในคอกมีอาการตื่นกลัวแปลกๆ ขยับตัวกันไปมา ที่แท้ในมุมสลัวนอกคอกม้า ลูกน้องเสี่ยตง 3 คน ย่องหลบๆ เข้าไปในโรงเก็บหญ้า
       
       เพ็ญกับน้อยช่วยกันจัดอาหารตั้งโต๊ะ “น้อยเคยทำอะไรก็ทำไปเหมือนเดิมนะ ฉันคงอยู่ช่วยได้สักระยะ จนกว่าคุณใหญ่จะหาแม่บ้านคนใหม่ได้”
       น้อยเศร้า “คุณผู้หญิงจะไม่กลับมาแล้วเหรอคะคุณเพ็ญ”
       “คิดว่าอย่างนั้น”
       น้อยมองซ้ายมองขวา พูดเบาๆ
       “หนูเคยเห็นคุณผู้หญิงเทอาหารของคุณใหญ่ทิ้ง แล้วยังเคยกำชับว่าอย่าให้คุณใหญ่ทานอาหารที่คนอื่นทำ”
       ปลอดเดินเข้ามาพอดี น้อยกลัวรีบหุบปากขยับออกห่าง ก้มหน้าเดินงุดๆ ไป
       ปลอดนั่ง เพ็ญรีบถาม “พี่ปลอดแน่ใจเหรอคะว่าหนูปิ่นวางยาคุณใหญ่”
       “คุณใหญ่ได้ยินกับหู เห็นเองกับตา”
       “แต่น้อยเล่าให้ฟังว่า...”
       “น้อยก็พวกปิ่น” ปลอดตัดบท
       เพ็ญประชด “ผู้ชายก็อย่างนี้ มองแต่สิ่งที่ตัวเองเห็น”
       ปลอดมองหน้าเพ็ญ เปี๊ยกวิ่งเข้ามาโหวกเหวกตื่นตระหนกว่าไฟไหม้ ปลอดฟังไม่ออกแต่รู้ว่าต้องเป็นเรื่องร้าย ปลอดลุกพรวด “มีอะไรไอ้เปี๊ยก”
       เปี๊ยกชี้โบ้ชี้เบ้ไปข้างนอก
       
       ไฟแดงฉานลุกโชติช่วงไหม้โรงเก็บหญ้า ห่างออกไปที่คอกม้า เสียงม้าร้องแตกตื่น บรรยากาศหน้าโรงเก็บหญ้าวุ่นวายอลหม่าน ถวิลสั่งการชี้ไปทางคอกม้า
       “ย้ายม้าออกไปก่อน เร็ว!”
       
       คนงานวิ่งพล่านสาดน้ำใส่ ปลอดกับเปี๊ยกวิ่งเข้ามา ปลอดเห็นเปลวไฟลุกท่วมก็ตกใจ!

--------------------------------------------------
       
       โปรดติดตาม "ปิ่นอนงค์" ตอนที่ 11 ต่อ




No comments:

Post a Comment