Thursday, July 19, 2012

ดูละครปิ่นอนงค์ ตอนที่ 12 Pin Anong EP 12 No Sub

>> ปิ่นอนงค์ Pin Anong 偷心俏冤家 EP012

ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 12 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ใหญ่เข็นรถมาชิดเตียงคนไข้วางของเยี่ยมไว้บนโต๊ะ ก้มลงช้อนขาอุ่นเรือนจะอุ้มขึ้นเตียง แต่อุ่นเรือนกลับคิดว่าใหญ่จะทำร้าย จึงผลักใหญ่สุดแรงจนใหญ่เซไป        
       “อย่านะ แกจะทำอะไรฉัน”
       ใหญ่ชักไม่พอใจจึงขึ้นเสียง “ทำไม กลัวผมมาแก้แค้นเหรอ”
       อุ่นเรือนหวาดกลัวหนัก รีบเหลียวมองสัญญาณกดกริ่ง เอื้อมมือไปสุดแขนแต่ไม่ถึง ใหญ่ยืนมองเฉยๆ อุ่นเรือนหมุนล้อรถเข็นเพื่อไปให้ถึงที่กดกริ่ง ใหญ่เดินสบายๆ เข้าไปยืนขวาง
       “เวลาป้าทำผมทำไมไม่รู้จักกลัวบาป”




       อุ่นเรือนหมุนล้อถอยหนีทีละนิด ใหญ่เดินเข้าหาเชิงข่มขู่ให้อุ่นเรือนหวาดกลัว
       อุ่นเรือนทำใจกล้าตวาดกลับ “อย่ามาพูดเรื่องบาปบุญกับฉัน คุณเองก็เคยฆ่านายผา ทำร้ายใครต่อใครไปทั่ว ทั้งคุณนาย คุณนะ แล้วก็นังปิ่น”
       ใหญ่เย้ยหยัน “คุณนายครองสุขยัดข้อมูลพวกนี้ใส่หัวป้าล่ะสิ รวมทั้งบงการให้ป้าใส่ยาพิษฆ่าผมด้วย”
       อุ่นเรือนแก้ตัวพัลวัน “คุณนายไม่เกี่ยว ปิ่นมันก็ไม่เกี่ยว ฉันทำเอง ทำคนเดียว”
       ใหญ่ยิ่งโมโหย่อตัวลงนั่งตรงหน้าอุ่นเรือน จับที่วางแขนของรถเข็นทั้งสองข้างแน่น ไม่ให้อุ่นเรือนขยับรถเข็นได้ ใหญ่เร่งเร้ากดดัน และคาดคั้นอุ่นเรือน
       “คุณนายเป็นคนฆ่าพ่อผม ป้ารู้ใช่มั้ย ป้าต้องเห็น บอกผมมา”
       อุ่นเรือนโวยวายลั่น “ไม่ใช่ ไม่จริง คุณนายไม่เคยฆ่าใคร”
       “ผู้หญิงคนนี้เป็นคนใจคอโหดเหี้ยม ทำไมป้ายังหัวปักหัวปำเชื่อเค้าแบบไม่ลืมหูลืมตาอย่างนี้”
       อุ่นเรือนเจ็บปวดฝังลึกในใจ “ถ้าไม่มีพ่อของคุณนาย อุ้มฉันขึ้นมาจากถังขยะที่นังผู้หญิงใจยักษ์ใจมารทิ้งฉันไว้ ฉันก็คงตายอยู่ในกองขยะไปแล้ว”
       พลางอุ่นเรือนร้องไห้ออกมา “ฉันสาบานว่าจะตอบแทนบุญคุณท่านทุกอย่าง แม้แต่ตายแทนลูกของท่าน หรือต้องตกนรกหมกไหม้ ฉันก็ทำได้”
       ใหญ่อึ้ง อุ่นเรือนจ้องหน้าใหญ่เขม็ง “คุณเป็นคนไม่รู้จักบุญคุณของผู้ให้กำเนิด คุณคงไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันหรอก จริงมั้ย”
       ถูกพูดแทงใจดำ ใหญ่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น “ถ้าผมต้องตอบแทนบุญคุณใคร ด้วยวิธีทำร้ายคนอื่นเหมือนอย่างที่ป้าทำ ผมยอมเป็นคนอกตัญญู”
       อุ่นเรือนจ้องหน้าใหญ่ เถียงไม่ออกสักคำ
       
       ครองสุขถือบัตรเครดิต จดจ้องเจ้าหน้าที่แผนกการเงินของโรงพยาบาลผ่านช่องเคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่กดคีย์คอมพิวเตอร์ อ่านข้อมูล
       “คุณอุ่นเรือน ห้อง...” เจ้าหน้าที่บอกเลขห้อง “คุณชาลิตเป็นเจ้าของไข้ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดค่ะ”
       ครองสุขหันกลับ หน้าดุดัน กัดฟันแน่น “ไอ้ใหญ่ นังอุ่นแกทรยศชั้น!”
       
       อุ่นเรือนขึ้นนอนอยู่บนเตียง สายตามองใหญ่ตาขวางอย่างไม่ไว้ใจ ใหญ่กำลังยกที่กั้นเหล็กขึ้นทั้งสองข้าง ใหญ่ยิ้มกวนๆ
       “ป้าคงเกลียดผมมากสินะ”
       “อย่าตามรังควานคุณนายอีก” อุ่นเรือนเสียงกร้าวแข็ง
       “ป้าคงไม่เคยรู้ตัว คนที่ได้รับผลจากการกระทำของป้าไม่ใช่ผม แต่เป็นปิ่นอนงค์ลูกสาวคนเดียวของป้า ป้าเกลียดชังแม่ตัวเองว่าใจยักษ์ใจมาร แล้วป้าทำอะไรกับลูกสาวป้าบ้าง”
       อุ่นเรือนสะอึก คำพูดของใหญ่แทงใจดำเต็มๆ ตวาดไล่ใหญ่ “คุณต่างหากที่ทำร้ายลูกสาวฉันมาตลอด มันหมดอนาคตก็เพราะไปแต่งงานกับผู้ชายไม่มีความรับผิดชอบอย่างคุณ”
       ใหญ่โดนย้อนแทงใจดำเข้าบ้างถึงกับนิ่งอึ้ง
       
       ครองสุขเดินคุยโทรศัพท์น้ำเสียงหงุดหงิดมาก
       “ทำไมต้องเร่งชั้นด้วยอรสอางค์ ฉันกำลังจะไปที่รถเดี๋ยวนี้แหละ” ครองสุขมองตรงไปเห็นใหญ่เดินไปอีกทาง “เธอพาตานะกลับไปก่อน พอดีฉันเจอคนรู้จัก”
       ครองสุขรีบตัดสาย มองไปทางที่ใหญ่เดินออกมา ซึ่งเป็นทางเดินไปยังห้องอุ่นเรือนที่ครองสุขเจอครั้งแรก
       ที่หัวมุมทางเดินมีช่างซ่อมไฟฟ้า 2 คน ช่างคนหนึ่งปีนถอดกล้องวงจรปิดส่งให้ช่างอีกคนที่จับบันไดให้
       “สงสัยสายวงจรช็อร์ต”
       ครองสุขมองมุมเพดานว่างเปล่าเหลือแต่สายไฟโด่ๆ ไม่มีกล้องแล้ว ครองสุขมองไปตลอดทางเดินทั้งชั้นถ้าทำอะไรไม่มีกล้องบันทึกไว้แน่ๆ ยิ้มอย่างมีแผนร้าย
       
       อุ่นเรือนนั่งเหม่อลอย ยินเสียงใหญ่ก้องในหัว “ป้าคงไม่เคยรู้ตัว คนที่ได้รับผลจากการกระทำของป้า
       ไม่ใช่ผม แต่เป็นปิ่นอนงค์ลูกสาวคนเดียวของป้า ป้าเกลียดชังแม่ตัวเองว่าใจยักษ์ใจมาร แล้วป้าทำอะไรกับลูกสาวป้าบ้าง”
       อุ่นเรือนน้ำตาไหลริน เสียงโทรศัพท์สายภายในของโรงพยาบาลดังขึ้น อุ่นเรือนสะดุ้ง
       
       ปิ่นอนงค์เข็นรถขายข้าวแกงมาจอดหลบแดดตรงตลาดโบราณ จะโทรศัพท์มือถือแต่แบตหมด
       ปิ่นอนงค์แต่งชุดปอนๆ ใส่หมวกบังหน้าตา เดินไปที่โทรศัพท์เครื่องแดงหยอดเหรียญ ที่วางบนตู้ไม้บุกระจกใส่สินค้าเป็นชั้นๆ หน้าร้านขายทอง
       “แม่เป็นยังไงบ้างจ๊ะ”
       อุ่นเรือนฟังโทรศัพท์นิ่ง เช็ดน้ำตาทำสีหน้าเป็นปกติ
       “เดี๋ยวขายของเสร็จ ปิ่นจะรีบไปเฝ้าแม่นะจ๊ะ”
       อุ่นทำเสียงปกติ ยกมือปาดน้ำตา “แกไม่ต้องมาหรอกปิ่น แม่ดีขึ้นมากแล้ว ขายของเสร็จก็กลับบ้านพักผ่อนซะ เดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน”
       “โธ่แม่ ปิ่นยังไหว ขายข้าวแกงแค่นี้เอง”
       อุ่นเรือนทำเสียงเข้ม “อย่ามาเถียงแม่ ทำเป็นอวดเก่งไปได้ แกต้องหัดดูแลตัวเองบ้าง แม่เองคงอยู่กับแกไม่ได้ตลอดชีวิตหรอกนะ”
       ปิ่นอนงค์ตกใจ “แม่ ทำไมพูดอย่างนั้น”
       อุ่นเรือนอยากบอกว่ารักและห่วงปิ่นอนงค์ แต่พูดไม่ออก “แม่ ...อภัยให้แม่นะลูก”
       ปิ่นอนงค์ไม่ทันได้ฟัง เห็นคนยืนดูแกงในหม้อ ที่รถเข็น “อุ๊ย แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ แม่ เดี๋ยวค่ำนี้เจอกัน”
       ปิ่นอนงค์รีบวางโทรศัพท์ พุ่งไปที่รถเข็น ถามลูกค้า “รับอะไรดีจ๊ะ”
       อุ่นเรือนลดหูโทรศัพท์ลง “แม่รักแกมากนะปิ่น แม่ขอโทษที่ทำทุกอย่างเพื่อคุณนายจนลืมนึกถึงแก” อุ่นเรือนเสียใจ ร่ำไห้ สะอื้นฮักๆ “แม่เสียใจ”
       มีเสียงเคาะประตูสองครั้ง อุ่นเรือนมองไปที่ประตู เห็นประตูค่อยๆ แง้มเข้ามาอุ่นเรือนดีใจ ไม่คาดฝัน
       “คุณนาย!”
       
       ตกกลางคืน ปิ่นอนงค์เดินเข้ามาตามทางเดิน หิ้วกล่องใส่อาหารมาด้วย มาถึงห้องแม่ปิ่นอนงค์เปิดประตูเข้าห้องผู้ป่วย พอเข้าห้องมาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นบนเตียงว่างเปล่า ปิ่นอนงค์เหลียวมองรอบห้องวางกล่องใส่อาหารที่เตียง แล้วรีบไปเปิดประตูห้องน้ำ
       “แม่.. แม่จ๋า”
       ปิ่นอนงค์ถอยจากประตูห้องน้ำ ป้าพยาบาลเปิดประตูเข้ามาถือเครื่องวัดดัน
       “คุณป้าค่ะ แม่หายไปไหนก็ไม่รู้”
       ป้าพยาบาลครุ่นคิด “เอ..เมื่อตอนเย็นพยาบาลพิเศษยังเห็นอยู่เลยนี่น่า เห็นว่าคุณใหญ่มาเยี่ยมก็เลย...”
       ปิ่นอนงค์ได้ยินก็ตกใจจับแขนพยาบาลถาม “คุณใหญ่.. คุณใหญ่มาเยี่ยมแม่หรือค่ะ”
       ป้าพยาบาลรู้สึกตัว อ้ำอึ้งแตะมือปิ่นอนงค์เบาๆ
       “หนูปิ่น อย่าโกรธป้าเลยนะ ป้าขอโทษจริงๆ ความจริงแล้วคุณใหญ่คือเจ้าของไข้ ช่วยดูแลค่าห้องค่าใช้จ่ายต่างๆให้แม่อุ่น เค้าขอร้องไม่ให้ป้าบอกหนูปิ่นกลัวหนูกับแม่อุ่นจะปฏิเสธความหวังดีของเค้า”
       ปิ่นอนงค์เครียดครุ่นคิดมองในแง่ร้ายว่าต้องเป็นใหญ่อุ้มแม่ไปแน่นอน
       
       เช้าวันต่อมา ปิ่นอนงค์บุกไร่ไพศาลหน้าตาเอาเรื่องเดินมาตามทาง พอกำลังจะผ่านต้นไม้ มีมือลึกลับจับแขนดึงไปหลบหลังต้นไม้
       ปิ่นอนงค์ร้องลั่นใช้อีกมือต่อสู้ทุบตีพัลวัน
       ที่แท้เป็นใหญ่ เขาใช้อีกมือจับแขนปิ่นอนงค์ดันไปจนหลังปิ่นอนงค์ติดต้นไม้ใหญ่ ปิ่นอนงค์หลับหูหลับตากรีดร้องดิ้นไปมาไม่หยุด
       ใหญ่ตัดสินใจประกบปากปิดปาก รสสัมผัสคุ้นเคย ทำเอาปิ่นอนงค์ชะงักหยุดกึก ตาโต พอรู้ตัวสะบัดผลักใหญ่ออกไป
       ปิ่นอนงค์เอาหลังมือเช็ดปาก “ใจร้ายชอบรังแกผู้หญิง เห็นปิ่นเป็นผู้หญิงข้างถนนหรือยังไงคิดอยากจะทำอะไรก็ทำ”
       ใหญ่จุ๊ปาก เหลียวดูซ้ายขวา “เบาๆ สิ ก็เธอร้องเสียงดังอย่างเมื่อกี้ ถ้าอาปลอดได้ยินเข้าจะทำยังไง อาปลอดไม่ได้ใจดีเหมือนกับฉันหรอกนะ”
       “คุณใหญ่ไม่ต้องมาขู่ ปิ่นไม่กลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว คืนแม่อุ่นให้ปิ่นเดี๋ยวนี้”
       ใหญ่ตกใจมองสบตาปิ่นอนงค์เขม็ง
       
       ยามนั้นหน้าตาปลอดดูดุดันขณะเช็ดถูปืนพกสั้น อยู่ตรงโต๊ะในสนามหญ้าข้างเรือนใหญ่ สักครู่หนึ่งถวิลเดินเร่งรีบระแวดระวังเข้ามา ถวิลเข้าชะโงกพูดกับปลอดพลางชี้มือไปอีกทาง
       ถวิลมาบอกปลอดว่าเห็นทัศนีย์ที่เรือนพักเก่าของอุ่นเรือน
       ปลอดตบโต๊ะ “ดี วันนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้มันหนีไปได้อีก..ไป”
       
       ปลอดเหน็บปืนเดินเร่งรีบไปกับถวิล

----------------------------------------------------

สองคนอยู่ตรงริมลำธาร สีหน้าใหญ่เครียดเคร่งขณะพูดอธิบาย       
       “ฉันสาบานได้ปิ่นอนงค์ ฉันไม่ได้พาป้าอุ่นออกจากโรงพยาบาลมาที่นี่หรือพาไปไหนทั้งนั้น”
       ใหญ่อัดอั้นอธิบายวุ่นวาย
       ปิ่นอนงค์จ้องหน้าใหญ่ “คุณใหญ่แอบมาเป็นเจ้าของไข้ให้แม่ คุณใหญ่ต้องการแก้แค้นแม่ปิ่น คุณใหญ่เป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับแม่ อย่าโกหกปิ่นอีกต่อไปเลยค่ะ คืนแม่ให้ปิ่นเถอะนะค่ะ แม่ยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่
       ปิ่นเป็นห่วงแม่”
       ใหญ่โกรธเอามือทุบต้นไม้อย่างแรง ปิ่นอนงค์สะดุ้ง “ปัดโธ่โว้ย.. อะไรกันเนี่ย..ทำดีไม่ได้ดี เธอคิดจริงๆหรือปิ่นอนงค์ว่าฉันจะเป็นคนเลวคิดร้ายกับป้าอุ่นได้ขนาดนั้น”
       ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอด ใหญ่ตกใจคว้าข้อมือปิ่นอนงค์
       “อาปลอด เป็นเรื่องแล้ว หลบกันก่อนเร็ว”
       ใหญ่ลากปิ่นอนงค์ลุยน้ำไป ปิ่นอนงค์ตกใจ เหลียวหน้าเหลียวหลังล่อกแล่กตามใหญ่ไป
       
       ใหญ่จูงปิ่นอนงค์หนีลุยน้ำมา เหมือนมีคนตามไล่ล่า สองคนลุยน้ำลับโขดหิน และต้นไม้มาได้พอควร
       ปิ่นอนงค์หน้าซีดเหงื่อตกตาพร่ามัว ดึงแขนใหญ่ให้หยุด
       “คุณใหญ่..ปิ่น..ปิ่น”
       ใหญ่ชะงักมอง ปิ่นอนงค์พยายามจะพูด แต่ทรุดลงเป็นลม ใหญ่เข้ารับร่างปิ่นอนงค์ประคองแนบอก
       เสียงย่ำน้ำดังเข้ามา ใหญ่คิดว่าเป็นปลอดแต่พอหันไปดูเห็นเป็นเพ็ญ ใหญ่โล่งใจ
       “น้าเพ็ญ ผมก็นึกว่าอาปลอด”
       เพ็ญมองไปที่ปิ่นอนงค์
       
       ขณะที่ทัศนีย์กำลังตากชุดชั้นในที่ราวระเบียงบ้าน ปานเทพกระหืดกระหอบเข้ามาลากแขนทัศนีย์อย่างร้อนรน ทัศนีย์ตกใจ มือยังถือชุดชั้นในอยู่ “หนีเร็วทัศนีย์”
       ทัศนีย์ฉุนตีแล้วแกะมือปานเทพออก “ไอ้บ้า ปล่อยฉัน”
       ทัศนีย์มองปานเทพที่ยึดชุดชั้นในไว้ในมือ “อ๊าย นี่นาย ไอ้โรคจิต คิดจะมาขโมยชุดชั้นในชั้นเหรอ
       ปานเทพหยุดมองมือตัวเองที่จับชุดชั้นในกำมือทัศนีย์ไปด้วย ตกใจรีบปล่อยมือจากทัศนีย์
       “เฮ้ย ไม่ใช่อย่างนั้น พ่อฉันกำลังมาจับตัวเธอ”
       ปานเทพดึงแขนทัศนีย์จะลงบ้าน แต่ชะงักทั้งคู่ เห็นปลอดเดินมากับถวิลใกล้ถึงแล้ว ปานเทพดึงทัศนีย์กลับเข้าห้องหน้าตาตื่น
       
       หน้าต่างห้องบนบ้านถูกเปิดออก ปานเทพปีนขอบหน้าต่างกระโดดลงมา ชูมือจะรับทัศนีย์ ที่อาการเลิ่กลั่ก กล้าๆกลัวๆ
       “มันสูงอ่ะ”
       “โดดสิ โดด แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า อย่างมากก็แค่พิการ”
       ทัศนีย์คว้าขอบหน้าต่างแต่พลาดหล่นลงมา ปานเทพรับตัวทัน แต่เสียหลักล้มลง ทัศนีย์หัวฟาดพื้นสลบคาที่
       ปานเทพเลิ่กลั่กเงยหน้ามองหน้าต่างกลัวปลอดตามทัน รีบประคองกึ่งลากทัศนีย์ไปหลบ
       ปลอด ถวิล โผล่ที่หน้าต่างเหลียวมองหาไปมา ปานเทพกอดทัศนีย์แนบอกหลบอยู่ใต้หน้าต่าง
       ปานเทพมองหน้าทัศนีย์ รู้สึกวาบหวิวในใจ จนเผลอตัวอมยิ้ม
       “ตอนไม่มีพิษสง ก็น่ารักดีแฮะ”
       
       เวลาต่อมาปานเทพอุ้มทัศนีย์เอาหลังดันประตูห้องบ้านพักที่รีสอร์ตหลังเก่าเข้ามา พอหันมองในห้อง ต้องสะดุ้งโหยงท่าทีน่าขัน
       “เฮ้ย...”
       ปานเทพเห็นปิ่นอนงค์นอนบนเตียง เพ็ญกำลังเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าตาเนื้อตัวให้ ใหญ่ยืนมองอยู่อีกมุม ทุกคนมองปานเทพ ต่างคนต่างตกใจ ปานเทพรีบเอาทัศนีย์ไปวางลงบนเตียงข้างๆ ปิ่นอนงค์
       ใหญ่ชี้ทัศนีย์ ส่วนปานชี้ปิ่นอนงค์ สองหนุ่มประสานเสียง “อะไรกันวะ”
       “พ่อ..พ่อฉันตามล่ายัยชะนีนี่อยู่”
       “แล้วแกพายัยนีมาที่นี่ทำไมวะเดี๋ยวก็ได้ซวยกันหมด”
       “อ้าวแล้วทีปิ่นอนงค์ล่ะ แกพามาทำไม”
       “ปิ่นเค้าเป็นลม ฉันเลยพามาพักผ่อนก่อน ดีขึ้นเมื่อไร ก็จะส่งกลับ”
       “ยัยชะนีก็เหมือนกัน ฟื้นจากสลบเมื่อไรฉันก็จะพา...ไปซ่อนที่อื่น”
       ใหญ่โวยวายไม่ยอม “ไม่ได้โว้ย”
       “ทำไมไม่ได้วะ”
       เพ็ญเอ็ดเอา “หยุดทั้งคู่ น้าดูแลหนูปิ่นกับทัศนีย์เอง”
       เสียงปลอดดังเข้ามา “ค่อยๆ ดูไปทีละหลัง ถ้าเจอก็จับตัวไว้เลย”
       ใหญ่กะปานเทพสะดุ้ง มองหน้ากันไปมา “อาปลอดมา” / “พ่อมา” สองหนุ่มประสานเสียง
       ทั้งใหญ่ ปานเทพ และเพ็ญ รีบไปแหวกม่านหน้าต่างแอบดู แล้วสบตากันด้วยความตกใจ
       
       ปลอดยืนมองถวิลเดินลับตัวไป หันมาหน้าตาดุดันขยับจะเข้าบ้านพัก
       ใหญ่ กะปานเทพ รีบพุ่งออกมาปลอดงง “คุณใหญ่ ไอ้ปาน มาทำอะไรกันแถวนี้ครับ”
       “อ๋อ..คนงานไปรายงานว่าเรามีปัญหาเรื่องปลวก ผมกับปานเลยมาตรวจดู หลังนี้ปลอดภัยครับ” ใหญ่ว่า
       ปานเทพรีบสนับสนุน “ใช่ๆ ครับ หลังนี้ไม่มีอะไรเลย”
       แล้วได้ทีขยับเดินหนีไปอีกทาง ปลอดตวาดลั่น “ไอ้ปาน อย่าเพิ่งไป”
       ปานเทพสะดุ้งโหยง รีบรับคำ “ครับพ่อ”
       ปลอดคาดคั้น “แกเอาทัศนีย์ไปซ่อนที่เรือนคนงานใช่ไหม ฉันสั่งให้ไล่ออกไปจากไร่ แกกล้าขัดคำสั่งฉันหรือ”
       ปานเทพปากคอสั่น พูดติดๆขัดๆ “พ่อพูดอะไร ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
       ปลอดเข้าไปจับคอเสื้อปานเทพด้านหลัง ลากไป ตบกบาลไปหนึ่งที ปานเทพร้อง “โอ๊ย”
       “งั้นแกไปคุยกับฉันให้รู้เรื่อง หนอย..กางเกงใน ยกทรง ตากอยู่ที่ราว น้ำหยดติ๋งๆ บอกไม่รู้เรื่อง…”
       ใหญ่ตกใจ รีบเดินไปขวางปลอด “อาปลอดใจเย็นๆ ไอ้ปานอาจจะไม่รู้เรื่องจริงๆ ก็ได้”
       ปลอดลดเสียงนุ่มนวลกับใหญ่ “มันลูกผม สบตาก็รู้ว่ามันพูดจริงหรือโกหก คุณใหญ่เองก็เหมือนกัน ถ้ารู้ว่าปิ่นอนงค์อยู่ไหนต้องรีบบอกผม ผมจะได้รีบๆ ปิดบัญชีกับไอ้แก๊งชั่วร้ายนี้ซะที”
       ใหญ่แกล้งสนับสนุนปลอด ทำเสียงขึงขัง “ไม่ต้องห่วงครับอา ผู้หญิงพรรณ์นั้นถ้าผมเจอ ผมจะฆ่าเอง
       กับมือ ส่วนเรื่องทัศนีย์ ผมจะทำให้ไอ้ปานมันเปิดปากบอกอาเอง มานี่เลยไอ้ปาน”
       ใหญ่เข้าไปกระชากปานเทพออกจากปลอด ใหญ่ชกท้องปานเทพไป 2 ที ปานเทพทรุด ปลอดกะปานเทพ ตะลึง มองใหญ่งง
       “สั่งอะไรไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ยังกล้ามาขัดใจอาปลอดอีก”
       ใหญ่บุ้ยใบ้ปากให้ปานเทพรู้ว่าตนจะเตะขวา แต่ปานเทพไม่เข้าใจพุ่งไปทางขวา ใหญ่เตะสวนเข้าครึ่งอกครึ่งท้อง
       ปานเทพนอนจุกแน่น ด่าใหญ่ไปกุมท้องไป ใหญ่หน้าเสียทำปากพูด “ขอโทษ”
       “ไอ้....อู๊ยจุก”
       ปลอดใจอ่อนสงสารลูกรีบจับแขนใหญ่ “พอเถอะครับคุณใหญ่ ผมว่าพอสมควรแล้ว”
       “ไม่ได้ครับ มันประชด พุ่งสวนแข้งผม อย่างนี้ต้องซ้อมให้หนัก รีดความจริงออกมาให้ได้ มานี่”
       ใหญ่ทำทีจับคอปานเทพ ลากติดมือตามไป ปานเทพเล่นละครแกล้งแหกปากร้องโวยวาย
       ปลอดรีบวิ่งตามใหญ่ ที่แท้ห่วงลูกชาย “ให้ผมจัดการมันเองดีกว่า คุณใหญ่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
       
       เพ็ญแอบดูอยู่ที่หน้าต่างยิ้มส่ายหน้า พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “พี่น้องคู่นี้กะล่อนกันจริงๆ”
       เพ็ญหันมามองสองสาวที่เตียง เดินไปคลี่ผ้าห่ม คลุมห่มตัวให้ทั้งคู่
       
       ครองสุขพาอุ่นเรือนมาซ่อนตัวและขังไว้ในบ้านไม้ซอมซ่อ อยู่ห่างไกลบ้านผู้คน ในบ้านมีห้องน้ำผนังไม้ผุๆ ไว้ขับถ่าย อุ่นเรือนนอนหลับคุดคู้ที่เสื่อผืนหมอนใบ มีผ้าห่มเก่าๆ คลุมครึ่งตัว
       อุ่นเรือนตบยุงสะดุ้งตื่นในตอนเช้าวันต่อมา งัวเงียยันตัวลุก เหลียวมองรอบตัวไปมา กะพริบตาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
       
       สีหน้าอุ่นเรือนตกใจระคนดีใจเรียก “คุณนาย”
       ครองสุขเดินยิ้มเข้าประตูมา เหลียวมองกลับประตูระแวดระวัง ครองสุขเข้าไปจับแขนท่าทีลุกลี้ลุกลน อุ่นเรือนดีใจจับมือครองสุข
       “คุณนายหายไปอยู่ที่ไหนมาค่ะ อุ่นเป็นห่วงคุณนายมาก ไม่รู้จะติดต่อกับคุณนายได้ยังไง”
       ครองสุข เป่าหูทันที “แกต้องรีบหนีไปกับฉันเดี๋ยวนี้ ไอ้ใหญ่มันวางแผนฆ่าแก มันแอบมาเป็นเจ้าของไข้ให้แก แล้วจ้างพยาบาลวางยาเพื่อแก้แค้น”
       อุ่นเรือนเอามือทาบอกกลืนน้ำลาย ครองสุขเร่ง
       “ไป..รีบไป ฉันจะช่วยแกเอง”
       “แล้วถ้ามันมาเจอปิ่นล่ะคะ รอบอกนังปิ่นก่อนเถอะค่ะ”
       ครองสุขช่วยประคองอุ่นเรือนลงจากเตียง “ฉันส่งคนไปเตือนนังปิ่นมันแล้ว แกไม่ต้องห่วง”
       ครองสุขประคองอุ่นเรือนขึ้นรถเข็น เข็นไปที่ประตู ประตูเปิดครองสุขเหลียวดูไปมา
       
       เสียงครองสุขเปิดประตู อุ่นเรือนผวาหันไปมองอย่างตกใจ เห็นครองสุขหิ้วถุงข้าว ขนม และน้ำเข้ามา
       ครองสุขจัดแจงเปิดกล่องข้าวหมูแดง เอาช้อนวางให้อุ่น
       “แกไม่สบายกินข้าวซะ ขนมก็มี เสร็จแล้วจะได้กินยา”
       ครองสุขพูดไป หยิบขนม ขวดน้ำ และยาหมอตี๋ออกมาวางข้างหน้าอุ่น
       อุ่นเรือนตักข้าวกิน มองครองสุขตื้นตันใจ
       “ไอ้ใหญ่มันแกล้งมาทำดีกับแก มันเคยหลอกถามอะไรแกบ้าง แกบอกอะไรมันบ้างหรือเปล่า อุ่น”
       “ไม่เลยค่ะ อุ่นไม่ได้บอกอะไรมัน อุ่นไล่มันไปพ้นๆ ด้วยซ้ำ อุ่นไม่มีวันทรยศคุณนาย”
       ครองสุขจ้องตาอุ่นวัดใจ แล้วยิ้มให้ “ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นแกหลบอยู่ที่นี่ไปก่อน อย่าโผล่หน้าออกไปไหนเชียวนะ ป่านนี้ไอ้ใหญ่คงส่งคนตามหาแกอยู่”
       “แล้วนังปิ่นละค่ะ มันรู้หรือยังว่าอุ่นอยู่ที่ไหน”
       ครองสุข โกหก “รู้แล้ว มันฝากฉันมาบอกว่าจะมาเยี่ยมแกทีหลัง”
       อุ่นเรือนวางกล่องข้าว จับมือครองสุขมากุม “ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยชีวิตอุ่น”
       ครองสุขทำยิ้มใจดี ตบหลังมืออุ่นเรือน
       ครองสุขออกมาบรรจงคล้องกุญแจล็อกประตูขังอุ่นเรือน มองจิกตาเข้าไปในห้อง
       
       เช้านั้นปิ่นอนงค์นอนหลับอยู่กับทัศนีย์บนเตียง ทัศนีย์รู้สึกตัวก่อนค่อยๆ หยีตา จับหัวตรงที่ฟาดพื้นหน้าตาเจ็บปวด
       ทัศนีย์เหลียวมาเจอปิ่น อนงค์ก็งง “นังปิ่น แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
       ปิ่นอนงค์ยังหลับ ทัศนีย์จ้องหน้าอย่างแค้นเคือง แล้วลุกขึ้นคร่อมร่าง บีบคอ จนปิ่นอนงค์รู้สึกตัวพยายามแกะมือทัศนีย์ออก
       “แก นังปิ่น นังมารชีวิต ฉันไม่มีที่ซุกหัวนอนก็เพราะแก ฉันเกือบโดนไอ้เสี่ยบ้ากามข่มขืนก็เพราะแกเป็นต้นเหตุ อย่าอยู่เลย”
       ปิ่นอนงค์ดิ้นรน ถีบทัศนีย์จนกระเด็น แล้ววิ่งหนีออกมาท่าทีหอบเหนื่อย
       
       ปิ่นอนงค์วิ่งหนีออกมาที่ระเบียง ทัศนีย์ ตามมากระชากจิกหัว
       “จะหนีไปไหน แกทำลายชีวิตฉัน ทำลายอนาคตฉัน นังปิ่น”
       “ปิ่นไปทำอะไรให้คุณนี ปล่อยปิ่น ปล่อย..ช่วยด้วยๆ…”
       น้อยถือถาดอาหารเข้ามา พร้อมกับหวานที่ถือขวดน้ำตามติด
       น้อยกะหวาน ตะลึงภาพที่เห็น “ขอยืมเอ็งเป็นตัวช่วยหน่อยนะนังน้อย”
       น้อยงงๆ “ช่วยยังไงพี่หวาน”
       หวานผลักน้อยเข้าใส่ทัศนีย์ น้อยร้องกรี๊ดพุ่งเข้าหาทัศนีย์ถาดอาหารเทใส่หน้าทัศนีย์เต็มๆ
       ทัศนีย์ล้มลงกับพื้น อาหารเต็มหน้าเต็มตัว ปิ่นอนงค์ไปตั้งหลักนั่งพิงข้างฝา
       ทัศนีย์ร้องกรี๊ดๆ ชี้หน้าปิ่นอนงค์ “แก..แก แกเอาลูกน้องมารุมทำร้ายฉันเหรอ”
       ทัศนีย์ตะเกียกตะกายจะคลานไปหาปิ่นอนงค์ น้อยกะหวานจับทัศนีย์แต่ทำเป็นห้าม
       “อย่าค่ะคุณนี” / “หยุดค่ะหยุด” / “อย่าทะเลาะกัน”
       น้อยกะหวานมือจับอาหารหวาน คาว ป้ายหน้าทัศนีย์ อาหารเข้าปาก เข้าจมูก
       เสียงปลอดดังเข้ามา “หยุดเดี๋ยวนี้..หยุด” แต่สองคนยังไม่หยุด “ฉันสั่งให้หยุด”
       
       ทุกคนตกใจหยุดกึกมองปลอดที่ยืนหน้าดุ มองปิ่นอนงค์กับทัศนีย์ด้วยนัยน์ตาแข็งกร้าว 

---------------------------------------------------------------------------

ปิ่นอนงค์กับทัศนีย์ถูกจับมัดนั่งเคียงกันในห้อง ใหญ่กะปานเทพ ยืนสลดรู้สึกผิดอยู่อีกมุม เพ็ญยืนข้างปานเทพ ส่วนน้อยกับหวานนั่งนิ่งอยู่อีกมุม
       
       ปลอดเดินมามอง ปิ่นอนงค์กับทัศนีย์ สีหน้าโกรธขึ้ง หงุดหงิดอยู่ไปมา ปลอดหยุดตรงหน้าใหญ่ ชี้หน้าสองสาว
       “ผู้หญิงพวกนี้เป็นสมุนของนังอสรพิษ ที่คุณใหญ่เดือดร้อนอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะพวกมัน พวกมันร่วมมือกันฆ่าคุณไพศาลแล้วยังกล้าจะวางยาฆ่าคุณใหญ่อีกคน”
       ใหญ่แก้ต่าง “แต่ปิ่นไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนะครับ ปิ่นกับทัศนีย์ก็เป็นแค่เบี้ยเป็นแพะรับบาปให้คุณนายเท่านั้น”
       ปานเทพเสริม “เราอาจจะใช้เป็นพยานฝ่ายเรา เอาคุณนายเข้าคุกได้นะครับพ่อ”
       “ฉันไม่มีวันปรักปรำคุณน้า ใครฆ่าใคร ฉันไม่รู้เรื่องด้วย” ทัศนีย์ปากดี
       “ปากดีนักนังนี่ ไอ้เปี๊ยกเตรียมรถ ฉันจะเอานังนี่ไปถีบลงเขา”
       เปี๊ยกเลิ่กลั่ก มองทุกคนไปมาเพ็ญท้วง “พี่ปลอด เราไม่เคยรังแกใคร ทำร้ายใครก่อนนะคะ เราได้แต่
       ตอบโต้ป้องกันตัวเองเท่านั้น ใครจะผิดจะถูกก็ให้กฎหมาย หรือกฎแห่งกรรมตัดสินลงโทษเองเถอะค่ะ”
       ปานเทพรีบผสมโรง “สองคนนี้เป็นผู้หญิงนะครับพ่อ สุภาพบุรุษอย่างเราไม่ควรรังแกผู้หญิงที่อ่อนแอกว่า”
       ปลอดเถียงไม่ออก ยิ่งฮึดฮัดโมโห “เอาเข้าไป เข้าข้างกันเข้าไป ฉันมันเสียงข้างน้อยหัวเดียวกระเทียมลีบแล้วนี่ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่รู้จะอยู่ที่นี่ต่อไปทำไมผมกลับเหมืองดีกว่า”
       ปลอดงอนเดินหนีออกไป ใหญ่ตกใจ “อาปลอด”
       เพ็ญดึงใหญ่ไว้ “ปล่อยเค้าไปเถอะ เดี๋ยวก็หายงอนเอง เชื่อน้า
       เพ็ญรีบเข้าไปแก้เชือกให้ปิ่นอนงค์ หวานกะน้อย แก้เชือกให้ทัศนีย์ ที่ออกอาการกระฟัดกระเฟียด
       ปิ่นอนงค์ลุกแล้วหน้ามืดจะอ้วกเอามือปิดปาก รีบวิ่งออกไป หมู่มวลมองตามไป ใหญ่ห่วงใยมากกว่าใครๆ
       
       ปิ่นอนงค์นั่งพิงหัวเตียงดูท่าทางอิดโรย เพ็ญถือแก้วยาหอมเข้ามาให้ ปิ่นอนงค์ไหว้ขอบคุณรับมาจะดื่ม แต่พอได้กลิ่น ก็อ้วกออกมารีบคว้ากระโถน แล้วรีบซับปากไปมา
       เพ็ญมองอย่างครุ่นคิด เพ็ญแตะแขนปิ่นอนงค์ “หนูปิ่น..เอ้อ..ประจำเดือนมาปกติดีหรือเปล่า”
       ปิ่นอนงค์ครุ่นคิด “ความจริงควรจะมาแล้ว แต่..แต่ ยังไม่เห็นมาเลยค่ะ”
       “นับหรือเปล่ากี่เดือนแล้ว”
       “ปิ่น..ปิ่นไม่ได้นับหรอกค่ะน้าเพ็ญ ที่ผ่านมามีแต่เรื่องยุ่งๆ วุ่นวายไปหมด ปิ่นเลยไม่ได้สนใจอะไร ลืมเรื่องส่วนตัวไปหมด”
       “ถ้าอย่างนั้นไม่ได้แล้ว ไป..เตรียมแต่งเนื้อแต่งตัวไปหาหมอกัน”
       “ไม่เป็นไรหรอกค่ะน้าเพ็ญ เอาไว้ปิ่นไปหาหมอเองก็ได้ น้าเพ็ญค่ะ คุณใหญ่ไม่ได้จับแม่อุ่นมาจริงๆ หรือค่ะ”
       “จริงๆ ถ้าคุณใหญ่จับป้าอุ่นมาน้าต้องรู้สิ”
       “ถ้าอย่างนั้น ปิ่นขอลากลับเลยนะคะ ปิ่นจะไปตามหาแม่”
       ปิ่นอนงค์ลุกจะไปแล้วเซ เพ็ญเข้าประคองให้นั่ง “หนูปิ่นไม่สบายอยู่จะไปได้ยังไง”
       “ปิ่นเป็นห่วงแม่”
       ปิ่นอนงค์รั้น จะลุกแล้วหน้ามืดอีก เพ็ญประคองเอาไว้ “โธ่..แค่จะเดินก็ยังไม่ไหว”
       ใหญ่เดินหน้าเข้มเข้ามา “อย่าทำเป็นอวดเก่งหน่อยเลย ฉันจะไปตามหาป้าอุ่นเอง เธอพักอยู่ที่นี่แหละเธอขัดเค้าไม่ได้หรอก ถ้ารู้จักเค้าดี”
       ใหญ่เดินออกไปเลย ปิ่นอนงค์พูดโต้อะไรไม่ทัน ต้องจำยอม
       
       ใหญ่ร้อนใจ แวะมาที่โรงพยาบาล เวลานี้ยืนมองป้าพยาบาลเปิดสมุดบันทึกดูที่เคาน์เตอร์
       “กล้องวงจรปิดถูกถอดไปซ่อม ตั้งแต่วันที่แม่อุ่นหายไปตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จเลยค่ะ ทางตำรวจก็เพิ่งมาขอดูไปเหมือนกัน
       “ขอบคุณครับ ถ้าได้เรื่องอะไร อย่าลืมโทรบอกผมนะครับ ผมลาละครับ”
       ใหญ่ไหว้ลาป้าพยาบาลแล้วออกไป ป้ามองตาม
       
       ใหญ่เดินเครียดมาตรงลานจอดรถ จะเปิดประตูรถ จอมเดินปรี่เข้ามาผลักใหญ่กระเด็น
       “แกเอาปิ่นกับป้าอุ่นไปซ่อนเอาไว้ที่ไหน”
       ใหญ่ยิ้มกวน “อวดดีจะมาแทนที่ฉันงั้นเหรอ แต่เท่าที่ดู ไม่เห็นแกจะมีน้ำยาดูแลปกป้องปิ่นได้เลย”
       จอมโกรธพุ่งเข้าชกใหญ่ ใหญ่หลบ จอมหมุนคว้าง ใหญ่ถีบหลังจอม ล้มลุกคลุกคลานไปกับพื้น
       จอมลุก จินตนาเข้ามาจับแขนจอมเอาไว้ จอมชี้หน้าใหญ่
       “ปิ่นอยากหย่ากับแกจะตาย แน่จริงก็รีบๆ เซ็นใบหย่าสิ ไม่ต้องมาทำจับป้าอุ่นกับปิ่นไปต่อรองหรอก”
       ใหญ่หน้าเข้มมองจินตนากับจอม “ฉันไม่รู้จริงๆว่าป้าอุ่นหายไปไหน แต่ปิ่นอนงค์อยู่ในความดูแลของฉัน ปลอดภัยและสบายดีไม่ต้องห่วง”
       ใหญ่ขับรถออกไป จอมชี้ตาม “ไอ้ใหญ่... แก ฉันจะเอาปิ่นกลับให้ได้”
       จินตนาสุดทนผลักจอมออกจากตัว “เขาเป็นผัวเมียกัน เขารักกัน คิดบ้างหรือปล่า”
       จอมหันมามองจินตนาตาขวาง “ทำไม ฟังความจริงไม่ได้เหรอ”
       จินตนาด่าแล้วเดินหนีทันที
       
       เวลาเดียวกันนั้นทรรศนะ กำลังรีบเร่งเดินไปหน้าประตูบ้านจอม ทรรศนะเขย่าประตู เคาะเรียกไปมา “ปิ่น ปิ่นอนงค์”
       เสียงเงียบ ทรรษนะ หงุดหงิดเกาหัว ถอยออกมาเขย่งเมียงมองเข้าไปในบ้าน
       ระหว่างนั้นจอมขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามา ทรรศนะรีบถอยไปหลบฉาก เพราะเคยต่อยตีกัน จอมไขกุญแจเข้าบ้านไป
       ทรรศนะไม่รู้ว่าอรสอางค์ นั่งแอบดูอยู่ในรถด้วยใบหน้าเครียดเพราะโกรธจัด
       
       ในเวลาต่อมาปานเทพถือถาดเก่าๆ มีไส้เดือนยั้วเยี้ยในถาด ปานเทพจับไส้เดือนมาดูแล้วด่าๆๆ
       “เธอนี่มันสอนไม่จำ ชอบทำร้ายคนอื่นนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น เธอทำให้พ่อชั้นต้องเสียใจ น้อยใจเธอ”
       ปานเทพชูไส้เดือนแล้วหันไปทางทัศนีย์ที่ถูกจับมัดติดอยู่กับต้นไม้ใหญ่ ทัศนีย์กรี๊ด
       “อ๊าย.. ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ยี้ เอามันออกไป”
       “ไส้เดือนมันยังช่วยพรวนดินเป็นประโยชน์กับต้นไม้ต้นไร่ แต่เธอมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิดเดียว จะมารังเกียจมันทำไม ผู้หญิงนิสัยอย่างเธอ ไม่มีผู้ชายคนไหนเค้ารักหลงหรอก อย่างมากก็แค่เล่นๆ”
       ทัศนีย์สะอึก จะกรี๊ดแต่กรี๊ดไม่ยอม
       “แล้วคนหน้าตาเหมือนไส้เดือนกิ้งกืออย่างนาย คิดว่าผู้หญิงจะแลเหรอ ให้ผู้ชายทั้งโลกกลายเป็นตุ๊ดเป็นเกย์กันหมด แล้วเหลือนายเป็นผู้ชายคนเดียว ฉันยอมมีแฟนเป็นตุ๊ดดีกว่า”
       ปานเทพแค้นมากที่ถูกปรามาส จับหน้าทัศนีย์หันมาระดมจูบแรงๆ ทัศนีย์ตาโต ยืนแข็งทื่อคล้ายจะเป็นลม
       ปานเทพถอนปากออก หัวเราะร่า “เป็นไง รสจูบฉันมันร้อนแรงจนพูดไม่ออกเลยล่ะสิ”
       ทัศนีย์โกรธจัดยกขาเตะปานเทพอยู่ไปมา แต่ปานเทพหลบล่อหลอก จูบแก้มซ้ายขวา
       เพ็ญเดินเข้ามาดึงปานเทพออก “ใครสั่งใครสอนให้รังแกผู้หญิงแบบนี้ฮึ” 
       “ก็ยัยนี่ด่าผม”
       “ด่าแล้วยังไง ก็แค่ด่า แล้วตัวเองบุบสลายตรงไหนมั้ยต่อให้โดนผู้หญิงทำร้ายร่างกาย ก็ห้ามตอบกลับ จำไว้”
       เพ็ญเข้าไปแก้เชือกให้ทัศนีย์ พอเป็นอิสระทัศนีย์ก็ร้องด่า “ไอ้ทุเรศ”
       ทัศนีย์จะพุ่งเข้าใส่กำหมัดแน่นจะทุบปานเทพ แต่ปานเทพอ้าแขนรับ จู๋ปากเตรียมกอดจูบ
       “มาเลยมา เข้ามาเลย”
       ทัศนีย์ชะงัก เต้นเหยงๆ ไม่ได้ดั่งใจ แล้ววิ่งหนีไป
       เพ็ญตีปานเทพอีกที ปานเทพร้องโอ๊ย
       “ผู้หญิงเค้าชอบความสุภาพ นุ่มนวล ที่สำคัญต้องให้เกียรติกันไปข่มเหงรังแกเค้าอย่างนี้เค้าไม่รักหรอกจะบอกให้”
       ปานเทพชะงักทำหน้าเหลอหลา “ใครว่าผมอยากให้รัก”
       แล้วเดินหนีไป เพ็ญมองตามยิ้มๆ รู้ทัน
       
       ใหญ่ตั้งใจจะมาหาปิ่น แต่ทัศนีย์โผล่มากอดใหญ่ ทัศนีย์ทำทีเป็นร้องห่มร้องไห้
       “คุณใหญ่ต้องให้ความยุติธรรมกับนีนะคะ ผู้จัดการข่มเหงรังแกนี ลวนลามนี คุณเพ็ญก็เห็นเป็นพยานให้นีได้”
       ใหญ่จับไหล่ทัศนีย์พยายามดันออกจากตัว แต่ทัศนีย์โอบเอวใหญ่แน่นไม่ยอมปล่อย
       “ถอยออกไปห่างๆ ฉันก่อน แล้วค่อยคุยกัน”
       “นีไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากคุณใหญ่คนเดียว” ทัศนีย์ครวญคร่ำ
       “ก็ได้ๆเธออยู่ที่ไร่นี้ได้ แต่ต้องสัญญากับชั้นก่อนว่าจะไม่ก่อเรื่องอะไรกับปิ่นอีก”
       “นีสัญญาค่ะ แต่ต้องให้นีอยู่ที่เรือนใหญ่เหมือนเดิมนะคะ นายปานจะได้ไม่กล้ามายุ่มย่ามกับนีอีก นะคะ นะคะ” ทัศนีย์ออดอ้อน
       ใหญ่อ้ำอึ้งครุ่นคิด เห็นปิ่นอนงค์เดินออกมาตรงระเบียง ใหญ่รีบดึงทัศนีย์เข้ามากอดทำไม่เห็น
       ส่วนอีกด้าน ปานเทพที่เดินตามทัศนีย์มา หยุดชะงักมอง เห็นเป็นภาพใหญ่กอดทัศนีย์ ขณะที่ปิ่นอนงค์ยืนอึ้ง ตะลึง พอๆ กับปานเทพ
       ใหญ่พูดดังๆ ให้ปิ่นอนงค์ที่นิ่งอึ้งได้ยิน
       “โถ ชั้นจะปฏิเสธเธอได้ยังไงดีซะอีก เธอเดือดเนื้อร้อนใจมากอย่างนี้ ชั้นจะได้มีคนคุยด้วย เมียชั้นเค้าอยากหย่ากับชั้นใจจะขาด เค้าไม่สนใจใยดีอะไรกับชั้นหรอก มาเลยย้ายมาอยู่ห้องเดิมเธอ บนเรือนใหญ่กับฉันนั่นแหละ”
       ปานเทพไม่พอใจเพราะหึงหวง เข้าไปดึงทัศนีย์ออกจากใหญ่
       “ชั้นบอกเธอกี่ครั้งแล้ว คุณใหญ่เค้ามีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วเธอจะมาวอแวอะไรกับเค้าอีก”
       ปานเทพมองไปที่ปิ่นอนงค์ ทัศนีย์มองตาม “มีเมียแล้วก็หย่ากันได้ จริงมั้ยปิ่น”
       ปิ่นอนงค์ยิ้มเศร้า นึกน้อยใจ มองใหญ่ สลับกับมองทัศนีย์
       ปิ่นอนงค์จะพูด แต่อ้วกจ่อคอ “ชั้น…” รีบปิดปากวิ่งเข้าเรือนไป
       “ปิ่นอนงค์” ใหญ่รีบตามไป
       ทัศนีย์เชิดหน้าใส่ปานเทพจะตามไป ปานเทพคว้าแขนหมับดึงมาจ้องหน้า
       “กลับไปเรือนป้าอุ่น ไม่อย่างนั้นชั้นจะจับเธอแก้ผ้าตรงนี้แหละ”
       
       ทัศนีย์กลัวหัวหด รีบจับเสื้อผ้าตัวเองไว้ แล้ววิ่งหนีไปแต่โดยดี 

--------------------------------------------------

 ที่หน้าห้องน้ำเวลานั้น ใหญ่เข้ามายกมือจะเคาะประตู ยินเสียงปิ่นอนงค์อ้วกสามสี่ครั้ง เสียงชักโครก ใหญ่เคาะประตูเรียกเบาๆ 
       
       “ปิ่น ปิ่นอนงค์เป็นอะไรรึเปล่าไม่สบายรึเปล่า เป็นยังไงบ้าง”
       ที่ด้านในปิ่นอนงค์เปิดก๊อกน้ำ เอามือลูบหน้า ลูบปาก ตะโกนบอก
       “ปิ่นไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณใหญ่ไปตามห่วงใยคนอื่นเถอะ”
       ใหญ่ชอบใจเท้าสะเอวยิ้มเยาะอยู่หน้าห้องน้ำ “ทำไมหึงเหรอ” ปิ่นอนงค์เงียบ “เธอไม่ได้เป็นเจ้าเข้าเจ้าของฉันสักหน่อย ฉันจะยุ่งกับใคร นอนกับใครก็ได้ทั้งนั้น ไม่เห็นจะแปลก”
       ปิ่นอนงค์ตะโกนกลับออกมาอีก “แต่คุณใหญ่ยังไม่หย่า”
       “หย่าหรือไม่หย่า ผู้ชายก็ไม่เสียหาย ไม่เหมือนเธอ”
       ปิ่นอนงค์โกรธ “เห็นแก่ตัว”
       ปิ่นอนงค์จะอ้วกอีก ใหญ่เป็นห่วง “นี่บอกให้เปิดประตูได้ยินมั้ย”
       ปิ่นอนงค์ไม่ตอบเอามือลูบท้องตัวเองพึมพำเบาๆ “ถ้าเราท้องขึ้นมา จะทำยังไงดี”
       ใหญ่โมโหที่ปิ่นอนงค์เงียบไป “ได้ ไม่เปิดก็ตายอยู่ในห้องน้ำไปคนเดียวแล้วกัน คิดว่าห่วงนักเหรอ”
       ปิ่นอนงค์หันไปมองที่ประตู
       
       ปิ่นอนงค์แง้มประตูห้องน้ำย่องออกมา ใหญ่แอบอยู่ข้างประตู เข้าอุ้มปิ่นอนงค์ทันที ปิ่นอนงค์ร้องอย่างตกใจ พอมองหน้าเห็นเป็นใหญ่ ซึ่งใหญ่ทำหน้าเฉยเมยอุ้มมาวางลงที่เตียงอย่างนุ่มนวล
       ใหญ่ยังโอบรอบคอปิ่นอนงค์อยู่กับหมอน มองตาปิ่นอนงค์
       ปิ่นอนงค์อ้ำอึ้งหลบตา ใหญ่เขี่ยจมูกปิ่นอนงค์ พูดเย้า “หลอกง่ายนะเรา คิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอตายคาห้องน้ำจริงๆเหรอ” ปิ่นอนงค์เงียบ “กินยารึยัง”
       “คงเป็นโรคกระเพาะ ปล่อยปิ่นได้แล้วค่ะ”
       “ถ้าไม่ปล่อยล่ะ”
       ปิ่นอนงค์จะลุก ใหญ่ก้มลงหมายจะจะจูบ ปิ่นอนงค์เคลิ้ม ขณะปากชนปาก ปิ่นอนงค์รู้สึกตัว รีบยันตัวลุกเขยิบไปนั่งพิงหัวเตียง
       ปิ่นอนงค์รีบถามเรื่องแม่เพื่อเปลี่ยนเรื่อง “คุณใหญ่ไปตามหาแม่ ได้ข่าวอะไรบ้าง”
       ใหญ่ส่ายหน้าลุกนั่งบนเตียงเคียงกัน
       “ยังไม่ได้เบาะแสอะไร แต่ชั้นให้คนไปสืบดูที่บ้านเสี่ยตงแล้วอีกไม่นานคงได้ข่าว”
       ปิ่นอนงค์ตาโต “คุณใหญ่คิดว่าแม่ไปอยู่กับคุณนายเหรอคะ”
       “ก็เดาเอาไว้ก่อน ในโลกนี้ ป้าอุ่นจะไปหาใครได้ นอกจากคุณนายผู้มีพระคุณเหลือล้น” ท้ายประโยคน้ำเสียงใหญ่ประชดแดกดัน
       ปิ่นอนงค์จับแขนใหญ่ “แม่ทำกับคุณใหญ่ขนาดนี้ ทำไมคุณใหญ่ยังช่วยปิ่นตามหาแม่ละค่ะ”
       
       จู่ๆ ใหญ่ก็ฉุกคิดไปถึงคำพูดจอม
       “ปิ่นอยากหย่ากับแกจะตาย แน่จริงก็รีบๆเซ็นใบหย่าสิ ไม่ต้องมาทำจับป้าอุ่นกับปิ่นไปต่อรองหรอก”
       ใหญ่ลุกจากเตียงมองปิ่นอนงค์ “ก็เธอหาว่าชั้นลักพาแม่เธอไป ชั้นก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์น่ะสิ”
       พูดจบใหญ่ก็เดินออกไป ปิ่นอนงค์งงๆ ตามไม่ทันกับพฤติกรรมเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดีของใหญ่
       
       ครองสุขนั่งทาครีมประทินโฉมอยู่หน้ากระจก ยินเสียงเคาะประตู
       “เข้ามาได้”
       เป็นอรสอางค์เดินเข้ามา “มีอะไร อรสอางค์ ถ้าเป็นเรื่องขอเงิน ไม่ต้องพูด”
       “คุณนะหลานคุณน้า งานการไม่ทำ เอาแต่ไปคอยเฝ้านังปิ่นอนงค์”
       ครองสุขหูผึ่ง “ตานะ ไปหานังปิ่น ที่ไหน”
       “บ้านของคนงานเก่าที่ไร่ ชื่อไอ้จอม” อรสอางค์บอก
       “นังปิ่นมันใฝ่ต่ำ เลิกกับไอ้ใหญ่ไปอยู่กับไอ้จอมเชียวเหรอ”
       “ไม่รู้ล่ะ คุณน้าต้องรีบจัดการนังปิ่นให้อรด้วย ไม่อย่างนั้นอรจะบอกเสี่ย ว่าคุณน้าร่วมมือกับอรโกหกเสี่ยเรื่องคุณพ่อ”
       ครองสุขไม่ได้สนใจฟังอรสอางค์ กำลังคิดบางอย่างในใจ “ไอ้จอม มันรักนังปิ่นมากขนาดนี้เลยเหรอ ของเหลือเดนจากไอ้ใหญ่มันก็ยังเอา
       นางมารร้ายจอมมารยาครองสุข ส่ายตาล่อกแล่ก คิดแผนชั่วออก ยิ้มหวานให้อรสอางค์
       “น้าก็ต้องเข้าข้างหลานสะใภ้ของน้าอยู่แล้ว บอกที่อยู่ไอ้จอมมา”
       
       ไม่นานนักจอมเปิดประตูบ้าน เข็นรถมอเตอร์ไซค์ออกมา สมุนเสี่ยตง 2 คน นั่งรออยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์อีกคัน คนซ้อนท้ายถือเหล็กแป๊ปสองฟุต
       สมุนทั้งคู่ตรงเข้าใส่จอมไม่ให้ตั้งตัว คนซ้อนท้ายตีจอม จอมหลบฉากจับทุ่มเข้าใส่รั้วสังกะสี หัวโขกรั้วมึน อีกคนเข้าต่อยจอม จอมเซไป สมุนจะเข้าซ้ำ
       จอมเอี้ยวตัวถีบข้าง ไซค์คิกเข้าที่ท้องสมุน จนมันคุกเข่าตัวงอหัวติดพื้น
       สมุนที่ถือเหล็กหายมึนกระชับเหล็กพุ่งเข้าหาจอม แต่ถูกกจอมกระโดดเหยียบหลัง คนถูกถีบโดดเตะก้านคอสมุนถือเหล็กล้มคว่ำไป สมุนช่วยกันประคอง
       เสียงครองสุขดังขึ้น “พอแล้ว!”
       ครองสุขเดินตบมือเข้ามาอีกทาง จอมมองงงๆ สมุนเสี่ยเข้าไปยืนหลังครองสุข
       “ไม่เลวๆ ฝีมือแบบนี้ล้มไอ้ใหญ่ได้สบายๆ”
       สองคนสบตากัน ครองสุขยิ้ม จอมงง
       
       จอมนั่งมองครองสุขครุ่นคิด ครองสุขรินเครื่องดื่มให้จอม
       “ถ้าแกฆ่าไอ้ใหญ่ได้ ปิ่นอนงค์ก็จะเป็นของแก ชั้นจะให้ทุนแกตั้งตัวสร้างครอบครัวกับนังปิ่นมัน รับรองแกเลี้ยงนังปิ่น ได้สบายไปทั้งชาติ
       จอมรู้ทันลุกยืนไม่พอใจ “คุณนายก็แค่หลอกใช้ผมกำจัดไอ้ใหญ่”
       ครองสุขพูดแทงใจ “หรือแกอยากให้นังปิ่นอยู่กับไอ้ใหญ่ คิดเหรอว่าไอ้ใหญ่มันจะรักนังปิ่นจริงๆ มันคิดว่านังปิ่นวางยามัน ถ้ามันยังอยู่ มันก็จะตามรังควานชีวิตแกกับนังปิ่นไม่มีสิ้นสุด”
       จอมนั่งลงคิดตาม เริ่มห่วงปิ่นอนงค์ ครองสุขยุต่อ “มันเป็นคนอาฆาตพยาบาทขนาดไหน ดูได้จากที่มันกลับมาล้างแค้นฉันที่ไร่ จนฉันต้องระเห็จออกมานี่”
       จอมเครียด ชั่งใจ ครองสุขยุส่งอีกเอาปิ่นอนงค์มาอ้าง
       “หรือแกอยากเสียนังปิ่นไป ก็ตามใจนะ”
       
       เวลานั้นเพ็ญยกกาแฟให้ใหญ่ที่โต๊ะทำงาน ใหญ่เงยหน้าจากงาน ยิ้มหวานอ้อนเพ็ญ
       “แค่ได้กลิ่นก็รู้ว่าฝีมือน้าเพ็ญ เพราะมันหอมฟุ้งชื่นใจจริงๆ”
       เพ็ญยิ้มพูดเย้า “กับปิ่นอนงค์คุณใหญ่น่าจะหัดพูดแบบนี้บ้าง”
       ใหญ่หุบยิ้มปากไม่ตรงกับใจ “ผมกับเค้าก็แค่แต่งงานเพราะเงื่อนไขบางอย่าง ไม่ใช่รักใคร่อะไรกันนักหนาหรอกครับ”
       “รักหรือไม่รักคงไม่สำคัญ เพราะตอนนี้น้าสงสัยว่า…” เพ็ญลังเลที่จะพูด ใหญ่จดจ่อรอฟัง “รับปากน้าได้มั้ย ถ้ารู้จะไม่วู่วาม”
       ใหญ่รับปาก “ครับผม”
       “หนูปิ่นมีอาการเหมือนคนท้อง” เพ็ญบอก
       ใหญ่ตกใจลุกพรวด “ปิ่นท้อง! ท้องกับใคร”
       เพ็ญเสียงเข้ม “อย่าถามเค้าด้วยคำถามนี้เชียวนะคุณใหญ่”
       ใหญ่ดูหงุดหงิดร้อนรน สติแตกไปแล้ว “แต่ปิ่น กับไอ้จอม”
       เพ็ญรีบจับมือใหญ่พูดปลอบ “ตั้งสติก่อนคุณใหญ่ น้าแค่คาดเดา ปิ่นอนงค์อาจท้อง หรือไม่ท้องก็ได้ รอหน่อย ให้มันชัดเจนกว่านี้”
       “ผมรอไม่ไหวหรอกครับ คงต้องบ้าตายไปก่อน”
       ใหญ่พุ่งออกไปจากห้อง เพ็ญส่ายหน้าระอาใจนัก
       “คุณใหญ่! เฮ้อ นิสัยเหมือนกันไปหมดทั้งหัวหงอกหัวดำ โมโหไม่ได้ เป็นลืมทุกอย่าง”
       
       ที่หน้าห้องเวลาเดียวกัน น้อยแอบฟังอยู่ตาโตไม่อยากเชื่อ
       
       หวานกำลังเทอาหารผสมที่รางอาหารคอกวัว น้อยปั่นจักรยานเร็วจี๋ ตะโกนบอกหวาน
       “เรื่องใหญ่แล้วพี่หวาน”
       หวานก้มหน้าก้มตาทำงาน “จะมีเรื่องอะไรใหญ่กว่าการลุ้นหวยบ่ายนี้วะ”
       น้อยรีบจอดจักรยาน เสียงแตกตื่น “พี่ปิ่นท้องแล้วพี่หวาน”
       หวานยังก้มหน้าทำงานต่อ ไม่ตื่นเต้น “หวาน ก็ดีแล้วนี่มีลูกไวๆ ทันใช้” แล้วนึกได้ตกใจ “เฮ้ย” หันขวับมาหาน้อย “ปิ่นท้อง!”
       “คุณเพ็ญเป็นคนบอกคุณใหญ่ ว่าพี่ปิ่นแพ้ท้อง”
       “ท้องกับใครวะ” หวานแปลกใจ
       “ไม่ได้ท้องกับพี่เปี๊ยกก็แล้วกัน ไม่ต้องห่วงไป” น้อยประชด
       “เอ้อค่อยยังชั่วหน่อย เย้ย อีบ้า คนกำลังอยากรู้ อย่ามาชักใบให้เรือเสีย”
       “ไม่เห็นคิดยาก พี่ปิ่นอยู่กับพี่จอมก็ต้องท้องกับพี่จอมสิ” น้อยว่า
       หวานรีบนับนิ้วไปมา “จะเป็นไปได้ไง อยู่กันถึงเดือนแล้วเหรอวะ ทำไมมันสายฟ้าแลบขนาดนั้น แล้วคุณใหญ่ว่าไงบ้าง”
       สองสาวเมาท์มอยต่อ โดยไม่รู้ว่าทัศนีย์ยืนแอบฟังอยู่ ยิ้มสะใจออกมา
       
       ใหญ่ตรงดิ่งมาที่หน้าประตูบ้านพักในรีสอร์ตหลังนั้น แล้ว ผลักเข้าไปทันที
       “ปิ่นอนงค์ ฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอ” ใหญ่ชะงัก ไม่มีปิ่นอนงค์อยู่ในห้อง
       เปี๊ยกวิ่งกระหืดกระหอบมาหน้ารีสอร์ต ส่งเสียงโหวกเหวกเรียกใหญ่ ใหญ่รีบเดินไปที่ระเบียง “มีอะไรเปี๊ยก”
       เปี๊ยกส่งเสียงอ้อแอ้ทำท่าทางว่าปิ่นอนงค์อนงค์ไปแล้ว
       “คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงทำไม”
       เปี๊ยกบอกซ้ำ พร้อมมีท่าเชือดคอตัวเองว่าเป็นเรื่องคอขาดอีกด้วยใหญ่ตกใจ
       “คุณผู้หญิงโดนเชือดคอเหรอ”
       เปี๊ยกโบกมือไม่ใช่ๆ ชี้ไปทางนอกไร่ “ปิ่นออกจากไร่ไปแล้วเหรอ” เปี๊ยกรีบพยักหน้า
       ใหญ่โมโห “ทำไมไม่ห้ามไว้ ไปเอารถมาให้ฉัน”
       เปี๊ยกรีบวิ่งจู๊ดไป ใหญ่ร้อนใจวิ่งลงจากระเบียง
       
       พริบตานั้นใหญ่บึ่งรถแวนออกมาตามปิ่นอนงค์ กวาดตามองหาตรงทางออกไร่

-----------------------------------------------------------------

ปิ่นอนงค์ยืนรอรถโดยสารอยู่ มีรถสองแถววิ่งมาจอด แต่ผู้โดยสารเต็มคันจนล้นยืนออกมาตรงทางขึ้น ปิ่นอนงค์ขึ้นไม่ได้ รถวิ่งออกไป ปิ่นอนงค์รอต่อไป
       
       รถใหญ่วิ่งไปบนถนน เบื้องหน้ามีรถมอเตอร์ไซค์วิบากพุ่งมาจากทางแยก จอดขวางกลางถนน หันด้านข้างรถให้ใหญ่ ใหญ่เพ่งตามองว่าอะไรอยู่กลางถนน จึงชะลอรถ
       ที่แท้คือจอมใส่หมวกกันน็อคนั่งก้มหน้านิ่งไม่ขยับ
       ใหญ่จอดรถในระยะห่างๆ บีบแตรให้หลบไป จอมยังนิ่งเฉยก้มหน้านิ่ง
       ใหญ่แปลกใจ ลงจากรถ เดินไปหา “นี่คุณ รถมีปัญหาหรือเปล่า ต้องการให้ช่วยมั้ย”
       จอมสตาร์ทมอเตอร์ไซด์ตวัดหัวรถมาทางใหญ่อย่างฉับพลันทันใด พุ่งมอเตอร์ไซค์เข้าหา ใหญ่สะดุ้งถอยหลัง
       “เฮ้ย!”
       ใหญ่หันกลับโกยหนีไม่คิดชีวิต จอมซิ่งไล่บี้ใหญ่ ชักปืนออกมาเล็งไปที่ใหญ่ ใหญ่วิ่งเหลียวหลังมอง จอมยิงเปรี้ยง 1 นัด ใหญ่กลิ้งตัวหลบไปข้างทาง
       ใหญ่ลุกขึ้นมาได้ วิ่งหนีลงข้างทางเป็นที่รกร้างว่างเปล่า จอมซิ่งตามลงไปยิงใส่อีก 1 นัดแต่ไม่โดน
       
       รถโดยสารสองแถววิ่งมาจอดตรงหน้า มีที่นั่งว่าง ปิ่นอนงค์ขึ้นรถไป
       
       ใหญ่วิ่งหนีหลบไปหลบมาไม่คิดชีวิตมาถึงที่รกร้างว่างเปล่า มีหนองน้ำตื้นๆ จอมซิ่งไล่ยิงปืนใส่ ลูกปืนโดนต้นไม้ ใหญ่วิ่งมาถึงกองฟืน คิดหาวิธีหยุดจอม ใหญ่หยุดวิ่งหยิบท่อนฟืนแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับจอมมาดอย่างเท่
       มอเตอร์ไซค์วิบากพุ่งเข้ามาพร้อมกับจอมเล็งปืนมาที่ใหญ่ตรงๆ ชนิดที่เรียกว่าโดนแน่
       ใหญ่เหวี่ยงท่อนฟืนไปที่รถมอเตอร์ไซค์สุดแรงเกิด ท่อนฟืนลอยละลิ่วไปโดนหมวกกันน็อคอย่างจัง มอเตอร์ไซค์เสียหลักล้ม จอมกระเด็นตกจากรถนอนสลบในท่าหันหลังให้ใหญ่ หมวกกันน็อคกระเด็นหลุด ปืนหลุดร่วง
       ใหญ่อยากเห็นหน้า เข้าไปจับบ่ากะพลิกให้หันมา จอมโดนพลิกตัวหันมา ใหญ่ตะลึง
       “ไอ้จอม!”
       จอมลืมตาปึ้ง! ชกหน้าใหญ่จนหงายหลัง ใหญ่ยกขาตวัดขาจอมเสียหลักล้ม
       สองคนลุกยืนตะลุมบอนกันทั้งหมัดทั้งเท้า จอมพลาดโดนใหญ่หมุนตัวเตะยอดอก ตกลงหนองน้ำตื้นๆ จอมลุยน้ำหนี
       “ไอ้ขี้ขลาด คิดว่าจะหนีรอดเหรอ”
       ใหญ่มองปืนที่พื้น รีบวิ่งไปเก็บ เล็งปืนกะยิงหลัง จอมหันมามองแล้วรีบลุยน้ำต่อเพื่อหนีไปอีกฟาก
       เหมือนว่าใหญ่จะยิงจอมแน่ๆ แต่แล้วก็ยิงไม่ลง เปลี่ยนใจลุยน้ำตาม
       
       เวลาเดียวกัน ถวิลกับเปี๊ยกนำคนงานวิ่งมาหาปานเทพ “ไอ้เปี๊ยกมันไปเจอรถคุณใหญ่จอดทิ้งอยู่นอกไร่ แต่ตัวคุณใหญ่หายไป”
       ปานเทพตกใจมาก
       
       ทางด้านใหญ่ลุยขึ้นจากน้ำ จอมวิ่งหายไปในป่าแล้ว ใหญ่วิ่งตามเข้าไป ถือปืนเดินหาจอม
       จอมแอบซุ่มอยู่ พอใหญ่เดินผ่าน จอมออกมาฟาดไม้ใส่หลังใหญ่พลั่ก ปืนหล่น ใหญ่หัวทิ่มล้มคว่ำ
       จอมรีบเก็บปืนเล็งไปที่ใหญ่ จอมลุ้นจะเหนี่ยวไก และยิงออกไปเสียงปืนดังเปรี้ยง!
       ถวิลวิ่งมาเอาตัวบังใหญ่หันหลังให้จอม กระสุนโดนหลังถวิล
       ใหญ่มองหน้าถวิล ถวิลสะดุ้งเฮือก “นายหวิน!”
       ถวิลเหลียวหน้าหันมามองจอม จอมตะลึงตาค้าง “พ่อ!”
       ถวิลหมดแรง สลบคาไหล่ใหญ่
       “พ่อ!”
       จอมจะวิ่งไปหาถวิล ปานเทพกับเปี๊ยกวิ่งเข้ามาจับจอมคนละข้าง จอมดิ้น ร้องไห้ สติแตก
       “พ่อๆ”
       ใหญ่เขย่าร่างถวิลห่วงมาก “นายหวินๆ”
       
       ปิ่นอนงค์เปิดประตูเข้าบ้าน ท่าทางเหนื่อยอ่อน ร้องเรียกหาจอม
       “จอม ปิ่นกลับมาแล้ว”
       จินตนากระหืดกระหอบวิ่งเข้ามา “ปิ่น จอมมันถูกตำรวจจับ”
       ปิ่นอนงค์ตกใจถามระล่ำระลัก “จอมทำอะไรผิด ไปชกต่อยกับใครอีกแล้วเหรอ”
       “ไม่ใช่แค่ชกต่อย แต่ลอบฆ่าคุณใหญ่”
       ปิ่นอนงค์ช็อก “แล้วคุณใหญ่เป็นอะไรหรือเปล่า”
       “ไม่เป็นอะไร แต่ลุงหวินนี่สิ” น้ำเสียงจินตนาสั่นจะร้องไห้ “จอมมันยิงลุงหวินอ่ะปิ่น”
       ปิ่นอนงค์ยิ่งช็อกกว่าเดิม
       
       หวานวิ่งหน้าเริดเข้ามาหาเพ็ญที่เรือนใหญ่ เพ็ญนั่งจัดดอกไม้อยู่กับน้อย
       “ตายแล้วคุณเพ็ญ ตายแล้ว”
       เพ็ญวางมือ “ใจเย็นก่อนแม่หวาน ค่อยๆ พูด”
       “ใครตายพี่หวาน” น้อยถาม
       “ลุงหวิน”
       เพ็ญกับน้อยตกใจ ลุกยืนพร้อมกัน “หา ลุงหวินตายเหรอ เป็นไปได้ไง”
       หวานฉุน “ยังไม่ตายโว้ย คำว่าตายเป็นคำอุทานเวลาฉันตกใจ”
       น้อยคว้ากรรไกรตัดดอกไม้ “โหย ระวังน้อยตกใจเหวี่ยงกรรไกรเนี่ยไปโดนหน้าพี่บ้างนะ”
       หวานรีบบอกเพ็ญ “ไอ้เปี๊ยกมันโทร.มาบอกว่าลุงหวินอยู่ในห้องไอซียู”
       เพ็ญตกใจ “มันเกิดอะไรขึ้น แล้วคุณใหญ่รู้หรือยัง”
       
       ที่โรงพยาบาลใหญ่นั่งขรึมสีหน้าเครียดจัดอยู่หน้าห้องผ่าตัด เปี๊ยกเดินพล่านตรงหน้าใหญ่ ห่วงถวิล “หยุดเดินได้มั้ยไอ้เปี๊ยก ถ้าไม่อยากโดนเตะ”
       เปี๊ยกหัวหด รีบถอยไปนั่งเรียบร้อย
       
       สองคนอยู่ในห้องรับแขก ครองสุขลุกพรวดโมโหที่ใหญ่รอดไปได้อีก
       “ไอ้ใหญ่มันรอดไปอีกแล้วเหรอ ไอ้จอมมันอยู่ไหน หลงไว้ใจนึกว่าจะได้เรื่อง”
       “มันถูกตำรวจจับ แต่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา” เสี่ยตงบอก
       “นับว่ามันยังฉลาด”
       “ไว้ใจมันได้แค่ไหน ระวังจะชักศึกเข้าบ้าน”
       “เสี่ยเคยได้ยินมั้ย ผู้ชายฆ่ากันตายเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว”
       เสี่ยตงพยักหน้าเห็นด้วย ครองสุขยิ้มร้าย “เราแค่นั่งดู ปล่อยให้มันกัดกันตายไปข้างหนึ่ง”
       
       ตำรวจสองนายล็อกแขนจอมคนละข้าง จอมคลุ้มคลั่งออกแรงรั้งตัวไม่ยอมเดิน จะพุ่งไปหน้าโรงพักให้ได้ ปานเทพกับลูกน้องยืนมอง
       “ผู้จัดการ ขอผมไปหาพ่อก่อน แล้วจะทำกับผมยังไงก็ได้”
       ตำรวจจับจอมกดที่โต๊ะ “ปล่อยผม” จอมโวยลั่น
       “จะไม่มีการไกล่เกลี่ยใดๆ ทั้งสิ้น แกกับฉัน เจอกันในศาล”
       ปานเทพหันตัวจะกลับออกไป เจอกับปิ่นอนงค์ที่รีบร้อนเข้ามาพร้อมจินตนา
       สองสาวชะงัก ปานเทพมองปิ่นอนงค์กับจินตนาสีหน้าไม่พอใจ เดินออกไปโดยไม่ทักทาย
       ปิ่นอนงค์มองไปที่จอม จอมมองปิ่นอนงค์อย่างอ้อนวอนทำท่าจะร้องไห้น่าเวทนา
       “เราอยากไปหาพ่อ ปิ่นช่วยเราด้วยนะ”
       
       ครู่ต่อมาจอมนั่งกอดเข่าอยู่ในห้องขัง จินตนายืนหน้าลูกกรง
       “เห็นหรือยัง ผลจากการทำอะไรไม่รู้จักคิด ไม่ใช่แค่ตัวเองเดือดร้อน แต่ทำเอาลุงหวินปางตาย นรกเลยนะจอม”
       “พอแล้วไม่อยากฟัง” จอมปิดหู จินตนาตะโกนด่า “เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว คิดว่าปิดหูปิดตาไม่รับรู้ได้เหรอ”
       ปิ่นอนงค์คุยกับตำรวจเสร็จเดินเข้ามา จินตนารีบหันไปหา “ตำรวจบอกว่าถ้าไม่มีหลักทรัพย์ หรือบุคคลน่าเชื่อถือมาเป็นหลักประกัน ก็ประกันตัวชั่วคราวไม่ได้”
       จอมเงยหน้ารีบลุกไปหาปิ่นอนงค์ น้ำตาไหล “ปิ่นเชื่อเรานะ เราไม่ได้ตั้งใจยิงพ่อ มันเป็นอุบัติเหตุ”
       “ไม่ใช่หรอกจอม มันเป็นกฎแห่งกรรม”
       ปิ่นอนงค์พูดแน่วนิ่ง แล้วก้มหน้าเดินออกไปเงียบๆ จอมอึ้ง จินตนาเดินตามปิ่นอนงค์ไป
       
       ถวิลถูกย้ายมาที่ห้องไอซียู หวานนั่งรอ เปี๊ยกหลับบนไหล่หวาน น้อยเดินไปเดินมา
       “คุณใหญ่กับคุณเพ็ญเข้าไปตั้งนานแล้วทำไมยังไม่ออกมาอีก”
       ประตูเปิด ใหญ่กับเพ็ญเดินออกมา หวานรีบลุกยืน เปี๊ยกหัวทิ่มจะตกเก้าอี้ ตื่นทันที
       “ลุงหวินพ้นขีดอันตรายแล้วใช่มั้ยคะคุณใหญ่”
       ใหญ่พูดไม่ออก สีหน้าเรียบเฉย เดินคอตกออกไป
       “นายหวินเสียเลือดไปมาก ยังไม่รู้สึกตัวเลย หมอบอกว่าต้องรออย่างเดียว บอกไม่ได้ว่าจะฟื้นตอนไหน” เพ็ญบอก
       หวานโมโห “ไอ้จอม ไอ้ลูกอกตัญญูอย่าให้เจอหน้ามันนะ แม่จะศอกให้หน้าหงายเชียว”
       หวานฮึดฮัดของขึ้นเหวี่ยงศอกไปโดนหน้าเปี๊ยกร่วงลงไปนั่งที่พื้น หวานรีบเข้าไปประคอง
       “อ้าวไอ้เปี๊ยกแกลงไปนั่งทำไมที่พื้นวะ”
       
       ปิ่นอนงค์หิ้วตะกร้าผลไม้เยี่ยมไข้มา เดินตรงไปกำลังจะเลี้ยวมุม
       ใหญ่ก็เดินมาถึงมุมเลี้ยวพอดี ต่างคนต่างเลี้ยว ชนกันปึ้ง ตะกร้าผลไม้หล่น ปิ่นอนงค์เซจะล้ม ใหญ่ประคองไว้ทัน ปิ่นอนงค์รีบถอยห่างทันที “ลุงหวินเป็นยังไงบ้างคะ”
       “ยังไม่ฟื้น”
       “ปิ่นอยากไปเยี่ยม”
       “จะเก็บข่าวไปบอกไอ้จอมมันหรือไง”
       “เค้าเป็นพ่อลูกกันนะคะ”
       “ลูกที่ยิงพ่อตัวเอง ยังนับเป็นลูกอีกเหรอ” ปิ่นอนงค์อึ้ง ใหญ่พูดซีเรียส “ฉันจะไม่ให้อภัยมัน จะทำให้มันติดคุกไปจนตาย”
       “ถ้าจอมติดคุก แล้วลุงหวินจะเป็นยังไง จะทุกข์ใจแค่ไหนคุณใหญ่เคยคิดถึงเรื่องนี้มั้ย”
       ใหญ่ฉุนบีบแขนปิ่นอนงค์ “ยังจะเข้าข้างมันอีก มันจะฆ่าฉัน แต่นายหวินมารับกระสุนแทน”
       ปิ่นอนงค์ไม่เชื่อ “ยังไงปิ่นก็ไม่เชื่อ จอมไม่ได้ร้ายกาจถึงขนาดคิดฆ่าคนได้”
       จู่ๆ ลมตีขึ้นมา ปิ่นอนงค์จะอาเจียน รีบเอามือปิดปาก วิ่งไปที่หน้าต่าง ใหญ่รีบตาม
       “เธอแพ้ท้องเหรอ”
       ปิ่นอนงค์ตกใจหันมามองใหญ่ แล็วจู่ๆ ก็หน้ามืดเป็นลมใหญ่รับไว้ทัน
       
       “ปิ่นอนงค์”

---------------------------------------------------------------

ปิ่นอนงค์เปิดประตูห้องตรวจครรภ์ เดินซึมๆ ออกมา ใหญ่ที่นั่งรออยู่รีบพุ่งเข้าไปหา
       
       “หมอว่ายังไง ท้องใช่มั้ย”
       ปิ่นอนงค์มองหน้าใหญ่ แล้วเดินหนี ใหญ่รีบเดินตาม คาดคั้น
       “ฉันถามได้ยินหรือเปล่า เด็กในท้องเป็นลูกฉัน ฉันมีสิทธิ์รับรู้ถ้าเธอคิดจะเก็บไว้คนเดียว ฉันจะฟ้องศาล ขอสิทธิ์เลี้ยงลูกเอง เพราะเธอมีผู้ชายคนใหม่ทั้งที่ยังไม่หย่า”
       ปิ่นอนงค์หยุดเดิน นึกถึงคำพูดจอม “เราอยากไปหาพ่อ ปิ่นช่วยเราด้วยนะ”
       ปิ่นอนงค์หันมาหาใหญ่พูดท่าทางแน่วน้ำเสียวนิ่ง “ปิ่นท้องกับจอมค่ะ”
       ใหญ่รู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาด ใจหายพึมพำออกมา “ไม่จริง เธอโกหก”
       “คุณใหญ่ ช่วยประกันจอมให้ทีนะคะ เห็นแก่เด็กในท้องปิ่นกราบ”
       ปิ่นอนงค์กราบที่อกใหญ่ ใหญ่ยืนตัวแข็งทื่อ
       ระหว่างนั้นทัศนีย์เดินมาหยุดมองฟังการสนทนา ใหญ่จับมือปิ่นอนงค์ออกจากอกตัวเอง
       “เธอเห็นฉันเป็นอะไร มันจะฆ่าฉัน แต่เธอจะให้ฉันช่วยมัน”
       “ปิ่นผิดเอง ปิ่นคือต้นเหตุที่ทำให้จอมเป็นแบบนี้ ถ้าคุณใหญ่ช่วยจอม ปิ่นจะยอมทำตามที่คุณใหญ่ต้องการทุกอย่าง”
       ทัศนีย์เข้ามาผลักปิ่นอนงค์เซออกไป “ผู้หญิงอะไรหน้าด้าน”
       ทัศนีย์คล้องแขนใหญ่โชว์ปิ่นอนงค์ “คุณใหญ่ขา เมื่อกี้นีเจอกับคุณเพ็ญ คุณเพ็ญจะกลับแล้วค่ะ”
       ใหญ่เหลือบมองปิ่นอนงค์ ตั้งใจแกล้ง “นีมาได้จังหวะพอดี ฉันกำลังเบื่อฟัง พวกปากอย่าง ใจอย่างที่ดีแต่ล่อหลอกผู้ชายไปวันๆ”
       ใหญ่เน้นคำหลังตั้งใจหันมามองปิ่นอนงค์ แล้วโอบไหล่ทัศนีย์เดินเคียงคู่ไปด้วยกัน
       ปิ่นอนงค์ยืนมองตาม ทัศนีย์หันมายิ้มเย้ย ปิ่นอนงค์เสียใจ
       
       ทัศนีย์กับเพ็ญนั่งที่โซฟาในห้องรับแขก ทัศนีย์ยุเพ็ญ
       “นังปิ่นเนี่ยทำตัวสำส่อนจริงๆ ยังไม่ทันหย่าให้ถูกต้อง ก็ท้องซะละคุณเพ็ญ”
       เพ็ญมองไปทางใหญ่ที่ยืนครุ่นคิดมองไปข้างนอก
       “คุณใหญ่ลองคำนวณเวลาให้ดีนะคะ น้าไม่รู้ว่าหนูปิ่นไปอยู่กับนายจอมถึงเดือนหรือเปล่า เลยไม่กล้าปักใจเชื่อใคร”
       เพ็ญปรายตาไปทางทัศนีย์ แต่ทัศนีย์รีบค้าน “อุ๊ย คุณเพ็ญไม่รู้อะไร นังปิ่นอาจมีอะไรลึกซึ้งกับไอ้จอมตั้งแต่ตอนอยู่ในไร่แล้วก็ได้”
       “เรื่องในครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เดาสุ่มไปมันจะบาปนะจ๊ะหนูนี”
       ทัศนีย์ลุกพรวดไปหาใหญ่ “แต่นังปิ่นพูดเองไม่ใช่เหรอคะ ว่าเด็กในท้อง...”
       ทัศนีย์ยังพูดไม่ทันจบ ใหญ่ตวาดกลับ “พอแล้วทัศนีย์ ฉันไม่อยากได้ยิน”
       ใหญ่เดินหนีออกไปเลย
       “คุณใหญ่ จะไปไหนคะ นีไปด้วย”
       ทัศนีย์จะวิ่งตาม ปานเทพมายืนขวางประตู “ผมว่าง ไปกับผมได้นะจ๊ะ”
       ทัศนีย์รีบถอยหลังไปหาเพ็ญ กลัวโดนปานเทพแกล้งแรงๆ อีก
       
       ยามโพล้เพล้ตะวันใกล้ตกดิน ใหญ่ยืนนิ่งอยู่อย่างเดียวดายกลางทุ่งหญ้าสวยตรงจุดเดียวกับที่เขาเคยนอนซบตักปิ่นอนงค์ ใหญ่นึกถึงวันที่คุยกับปิ่นอนงค์เรื่องลูก
       “ปิ่น”
       “คะ”
       “เราจะมีลูกกันกี่คนดี” ปิ่นอนงค์เขินไม่กล้าพูด ใหญ่อมยิ้ม “ลูกของเราจะมีเราอยู่พร้อมหน้า มันคือความฝันของฉัน”
       ใหญ่ดึงตัวเองกลับมา แล้วทิ้งตัวลงนอนมองท้องฟ้าอย่างผิดหวัง หัวใจสลายแล้ว
       
       ใหญ่หิ้วกระเป๋าเงินเข้ามาในโรงพัก ปานเทพไม่ยอมเข้ามาดึงกระเป๋าไป ใหญ่หันขวับไปหา
       “ฉันไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่แกกำลังจะทำ มันคิดจะฆ่าแกนะโว้ย” ปานเทพโวยลั่น
       ใหญ่ยื่นมือออกไป “ส่งเงินมานี่”
       “ปิ่นอนงค์อาจร่วมมือกับไอ้จอม ล่อให้แกออกไปให้ไอ้จอมฆ่าก็ได้”
       “ฉันไม่ได้ทำเพื่อปิ่นหรือไอ้จอม แต่ฉันทำให้นายหวิน”
       ใหญ่กระชากกระเป๋าจากมือปาน ร้อยเวรที่นั่งฟังอยู่ ลุกยืน
       “ถ้าจะมาประกันนายจอม คงไม่ต้องแล้ว เพราะมีคนมาประกันออกไปเมื่อตอนรุ่งสางนี้เองครับ”
       ใหญ่งง ปานเทพถามแทน “ผมเป็นทนายครับ ขอทราบได้มั้ยครับว่าใครมาประกันไป”
       “ชื่อนายสมหมาย เห็นว่าเป็นเพื่อนกัน” ร้อยเวรบอก
       ปานเทพกระซิบถามใหญ่ “รู้จักมั้ยวะ”
       ใหญ่ส่ายหน้า เสียงโทรศัพท์ดัง ใหญ่รับสายทางโรงพยาบาลโทร.มา ใหญ่ฟังเสร็จรีบบอกปาน
       “นายหวินรู้สึกตัวแล้ว”
       
       ที่โรงพยาบาล จอมยืนนิ่งอยู่ปลายเตียง ถวิลมองเมินไปทางอื่นไม่ยอมมองหน้าจอม
       “ไอ้แก่หนังเหนียวอย่างข้า ไม่ตายง่ายๆ หรอก เอ็งไม่ต้องห่วงว่าจะกลายเป็นฆาตกร”
       จอมคุกเข่ากราบที่เท้าพ่อ “พ่อยกโทษให้ฉันด้วย ฉันขอโทษ” จอมร้องไห้ “ฉันเสียใจ”
       ถวิลหันมาชักใจอ่อน แต่ไม่วายด่าจอม “เอ็งนึกเสียใจเป็นด้วยเหรอ ถ้าเอ็งรู้จักผิดชอบชั่วดี เอ็งคงไม่ยิงคุณใหญ่”
       จอมฉุนกึก “ก็มันตามรังควานปิ่น ไม่ยอมปล่อยปิ่นไป”
       “อะไรๆก็ปิ่นอนงค์ ชีวิตเอ็งมีแต่ผู้หญิงคนนี้ คนเดียวหรือไง”
       จอมย้อนพ่อ “แล้วพ่อล่ะ อะไรๆ ก็ปกป้องไอ้ใหญ่ พ่อรักมันมากกว่าฉัน”
       “ใครบอกแก”
       “ตาของฉันไงที่เห็น พ่อเอาตัวรับกระสุนแทนมัน ไม่สนว่าฉันจะถูกคนมองว่าเป็นไอ้ลูกทรพียิงพ่อตัวเอง พ่อไม่รู้หรอกว่าฉันหลับตาทีไรก็เห็นแต่ภาพนั้น”
       ถวิลหอบแรงโกรธจอมมากชี้หน้าด่า “เอ้อสิวะ ข้ามันผิดเอง ผิดตั้งแต่ทำให้เอ็งเกิด เอ็งไปซะ ต่อนี้ไปไม่ต้องมาเป็นพ่อเป็นลูกกันอีก”
       จอมร้องไห้ออกมาด้วยความคับแค้นใจ
       
       นอกห้องที่ตรงประตู ใหญ่ยืนฟังได้ยินหมด เห็นประตูเปิด ใหญ่รีบหลบหลังรถเข็นขนพวกผ้าปูที่นอน ความสูงๆ ท่วมหัว จอมเดินโมโหผ่านไปโดยมองไม่เห็นใหญ่
       ใหญ่เดินมาหยุดหน้าห้องถวิลครุ่นคิด
       
       ปิ่นอนงค์กำลังเข็นรถขายข้าวแกงออกมาหน้าบ้าน
       ยินเสียงจอมเรียกอย่างอ่อนแรง “ปิ่น”
       ปิ่นอนงค์หันหลังไปมอง เห็นจอมนั่งซุกตัวอยู่ข้างเสาไฟฟ้าในสภาพมึนเมา
       “จอม!”
       ปิ่นอนงค์ดีใจประคองจอมเข้ามาในบ้าน “ทำไมถึงดื่มหนักอย่างนี้ เดี๋ยวปิ่นจะเช็ดหน้าเช็ดตาให้”
       จอมเมาปลิ้นผลักปิ่นอนงค์ แต่ตัวเองเซล้มไปที่โซฟาซะเอง จอมเมาโวยวายเหมือนกำลังพูดกับพ่อ
       “พ่อเกลียดฉัน ไล่ฉัน ตัดขาดฉัน พ่อทำอย่างนี้ได้ยังไง”
       “จอมไปเยี่ยมลุงหวินมาแล้วเหรอ”
       จอมไม่สนใจฟังปิ่นอนงค์ เอาแต่พร่ำรำพัน “ในหัวพ่อมีแต่ไอ้ใหญ่ พ่อรักมัน พ่อกลัวมันตาย แล้วฉันล่ะพ่อ ฉันเป็นลูกพ่อนะ”
       ใหญ่ยืนที่ข้างเตียงถวิล “ทำไมนายหวินต้องเสี่ยงชีวิตช่วยผม ผมมันก็แค่นายจ้างแต่จอมมันเป็นลูกนายหวินนะครับ”
       ถวิลนิ่งไปนิดหนึ่ง “ผมไม่ได้ช่วยคุณใหญ่ แต่ผมต้องการช่วยไอ้จอมไม่ให้มันติดคุกเพราะฆ่าคนตาย”
       ใหญ่สะท้อนใจ ถามต่ออีก “แล้วถ้านายหวินตาย จอมมันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง ถ้าผมเป็นมัน ผมคงเหมือนตกนรกทั้งเป็น”
       “ถ้าผมตายแล้วหยุดความบ้าระห่ำของมันได้ ก็คุ้มครับ” ถวิลบอกอย่างมุ่งมั่น
       
       ทางด้านจอมหันไปทางปิ่นอนงค์ ตาลายเห็นปิ่นอนงค์เป็นใหญ่ ยืนยิ้มเยาะ
       จอมแค้นชี้หน้าใหญ่ “เพราะแก แกแย่งทุกอย่างไปจากฉัน แกแย่งปิ่น แย่งพ่อไปจากฉัน ฉันจะฆ่าแก ไอ้ใหญ่ ไอ้ลูกไม่มีพ่อ”
       ใหญ่กลับเป็นปิ่นอนงค์เหมือนเดิม “จอม จอมเมามากแล้วนะ”
       จอมพุ่งเข้าหาปิ่นอนงค์ บีบคอแน่น “แกกับฉัน ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”
       ปิ่นอนงค์ตาเหลือก จอมออกแรงบีบอีก ดันปิ่นอนงค์ไปชิดผนังห้อง
       ปิ่นอนงค์พยายามแกะมือออก จอมจ้องเขม็งมองปิ่นอนงค์เป็นใหญ่
       
       ใหญ่บอกถวิลเสียงเศร้า “จอมคงหยุดแล้วล่ะ เพราะเค้ากำลังจะเป็นพ่อคน”
       ถวิลตกใจ “อะไรนะ”
       “ปิ่นท้อง เด็กในท้องคือลูกจอม”
       ถวิลอึ้ง พยายามจะลุกนั่ง “คุณใหญ่ ให้อภัยมันนะครับ อย่าเอาเรื่องมันเลย ถ้ามันติดคุกคนที่รับกรรมก็คือเด็กตาดำๆ ที่ไม่รู้ประสีประสา ให้ผมกราบเท้าคุณใหญ่ ผมก็ยอม”
       ถวิลจะลุกให้ได้ ใหญ่รีบจับไว้ “จอมถูกเพื่อนประกันตัวออกไปแล้ว ส่วนเรื่องคดีผมจะไม่เอาเรื่อง นายหวินอย่าห่วง รักษาตัวให้หายเถอะ”
       ปานเทพเดินเข้ามา “ถึงคุณใหญ่จะไม่เอาความ แต่ทางตำรวจคงเดินหน้าต่อ เพราะมันเป็นคดีอาญา”
       
       เวลาเดียวกันจอมยังบีบคอปิ่นอนงค์เพราะเห็นเป็นใหญ่ “ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะแกให้ได้”
       ปิ่นอนงค์ย่ำแย่ จินตนาวิ่งเข้ามาเจอทันเวลาพอดี “ปิ่น!”
       จินตนาเข้าไปดึงจอมออก “ปล่อยปิ่น นายบ้าไปแล้วเหรอ”
       ทว่าจอมอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง “อย่ามายุ่ง ไอ้ใหญ่มันต้องตาย”
       จินตนาหันรีหันขวางไปเจอของแข็งใกล้มือตีหัวจอมเปรี้ยง จอมล้มลงไป
       ปิ่นอนงค์หมดแรงทรุดนั่ง พยายามหายใจเข้าออกแรงๆ
       จินตนาเข้ามาประคองปิ่นอนงค์ “ไหวมั้ย ต้องหาหมอหรือเปล่า”
       ปิ่นอนงค์ส่ายหน้า มองจอมที่เริ่มขยับตัว จอมกุมหัวมีเลือดไหลออกมา
       
       จอมนอนอยู่ในห้องมีผ้าพันรอบหัว เลือดซึมออกมาอีกนิดหน่อย จอมจับมือปิ่นอนงค์ระร่ำระลักในความผิด
       “เราไม่เหลือใครแล้ว ปิ่นอย่าทิ้งเราไปนะ ยกโทษให้เราด้วยเราไม่ได้ตั้งใจทำร้ายปิ่น เราทำไปเพราะความเมา”
       จินตนายืนอยู่ที่ประตู มองมาอย่างเอือมระอา “เมาแล้วเป็นข้ออ้างไม่ต้องรับผิดได้เหรอ ไม่มีใครอภัยให้นายได้หลายๆ ครั้งหรอกนะจอม เพราะนายโตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ”
       จินตนาไม่พอใจผละออกไป ปิ่นอนงค์ดึงมือออกจากมือจอม
       “ปิ่น ปิ่นอย่าเกลียดเรานะ”
       “จินเค้าพูดถูกนะจอม ไม่มีใครอภัยให้กันได้หลายๆ ครั้งหรอก”
       จอมพาลพาโล “แม้แต่ปิ่นก็ไม่ต้องการเรา เหมือนพ่อที่ไล่เรางั้นเหรอ”
       ปิ่นอนงค์หน้านิ่ง เสียงนุ่มนวล “ปิ่นไม่เคยเกลียดจอม ตอนนี้ก็ไม่เกลียด วันข้างก็จะไม่เกลียดเพราะจอมเป็นเพื่อน เพื่อนรักของปิ่น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของปิ่นตอนนี้คือแม่ ปิ่นต้องหาแม่ให้พบ แม่มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลก”
       ปิ่นอนงค์แตะมือจอมเบาๆ “พ่อของจอมก็มีค่าเหนือทุกอย่าง” เสียงปิ่นอนงค์เครือๆ ขณะพูด “รักษาไว้นะจอม”
       
       ปิ่นอนงค์น้ำตาไหลเมื่อนึกถึงแม่ ลุกเดินออกไป ปล่อยจอมยืนนิ่งงันอยู่อย่างนั้น

---------------------------------------------------------

อรสอางค์น้ำตาไหลรินในมือถือโทรศัพท์ค้างแล้วตัดสาย จิ๋วนั่งที่พื้นรอฟังข่าว อรสอางค์ยกมือปาดน้ำตา 
       
       “บ้านถูกยึดแล้ว คุณแม่พาคุณพ่อไปอยู่ที่บ้านเก่าของคุณยาย”
       “เรากลับไปหาท่านดีมั้ยคะ ท่านคงต้องการคุณหนู” จิ๋วสงสารนายจับจิต
       อรสอางค์เชิดหน้า “ไม่ ฉันจะไม่กลับไปอยู่บ้านเท่ารูหนูอย่างนั้น ฉันคืออรสอางค์ จะไม่ยอมให้ไอ้อีคนไหนมองฉันอย่างสมเพช”
       จิ๋วพึมพำเบาๆ “ตอนนี้น่าสมเพชยิ่งกว่า”
       อรสอางค์ตวาดแว้ด ไล่ตะเพิด “พี่จิ๋วพูดอะไร ออกไปเลยนะ จะไปไหนก็ไป”
       จิ๋วจะคลานออกไป ทรรศนะเดินเข้ามา พอเห็นอรสอางค์อารมณ์บูด ทรรศนะรีบหันกลับเดินหนี อรสอางค์วิ่งตาม
       “พอเห็นหน้าอรก็หนีเลยเหรอ นะๆ”
       
       อรสอางค์วิ่งตามมาตรงทางเดินหน้าห้องนอน กระชากแขนทรรศนะให้หันกลับมา
       “ทำอะไรผิด ทำไมต้องหนี”
       “ไม่ได้ทำ แต่รู้ว่าคุยทีไรก็ไม่พ้นหาเรื่องจนได้ อย่าคุยดีที่สุด”
       ทรรศนะสะบัดตัวอรสอางค์ออก จะเดินหนี อรสอางค์วิ่งมาขวางหน้า “กลัวโดนจับได้มากกว่ามั้ง แสดงว่ายังติดต่อนังปิ่นอยู่”
       ทรรศนะสุดจะทน “อรสอางค์ ผมเบื่อ”
       “ที่เบื่อเกิดจากใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะไม่รู้จักพอ มักมาก”
       “เห็นมั้ย พออ้าปาก ก็หาเรื่อง สู้ผมหุบปากเงียบๆ ดีกว่า”
       ทรรศนะเดินหนีไม่ไยดี อรตะโกนไล่หลัง “ถ้าอรจับได้ว่านะยังไม่เลิกยุ่งกับนังปิ่นอนงค์”
       ทรรศนะหันขวับมาเอาเรื่อง “ทำไม อรจะทำอะไรผม”
       อรสอางค์ยิ้มเยาะ “อรไม่ทำนะหรอก แต่อรจะทำมัน อรจะเล่นงานมันถ้าทำให้เสียโฉมได้ก็จะทำ ถ้าทำให้พิกลพิการได้ก็จะทำถ้าทำให้ตายได้เลย ก็จะทำ”
       ทรรศนะสยอง ดูกลัวๆ กับท่าทางเอาจริงของอรสอางค์
       “ประสาทไปแล้ว”
       ทรรศนะรีบเดินหนี อรสอางค์สะอื้นออกมาเจ็บช้ำใจ
       
       ทรรศนะไม่สบายใจมาเคาะประตูห้องครองสุขอยากมาปรึกษาเรื่องอรสอางค์
       “คุณน้าครับ ผมเข้าไปได้มั้ย”
       ไม่มีเสียงตอบ ทรรศนะเปิดประตูเข้าไป ครองสุขไม่อยู่ในห้อง
       
       ครองสุขนั่งเล่นไพ่อยู่คนเดียวที่โซฟาห้องเสี่ยตง ลูกน้องเสี่ยชื่อสมหมายยืนรายงาน
       “เสี่ยให้ผมเอาเงินไปประกันไอ้หมอนั่นเรียบร้อยแล้วนะครับ”
       ครองสุขเงยหน้ายิ้ม “ดีมากนายสมหมาย แล้วเรื่องนังอุ่นเรือน”
       ที่หน้าห้อง ทรรศนะกำลังเดินตรงมา
       “อีแก่มันอาการไม่ค่อยดี จะให้พาไปหาหมอมั้ยครับ” สมหมายบอก
       “ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละ หาหมอให้สิ้นเปลืองทำไม”
       ทรรศนะฟังอยู่หน้าห้อง ตกตะลึง
       ครองสุขเดินไปเปิดประตู เดินออกมาหน้าห้อง ปากสั่งงานไปด้วย แต่ไม่มีทรรศนะอยู่ตรงนั้นแล้ว
       “แกแค่เอาข้าวเอาน้ำไปส่งให้มันกินวันละมื้อก็พอ กินมากกินน้อยก็ตายอยู่ดี”
       ครองสุขเดินลับตัวไป สมหมายแยกไปอีกทาง ทรรศนะ ยืนหลบอยู่อีกมุม มองไปทางสมหมาย
       
       เวลาต่อมาสมหมายหิ้วกล่องข้าวมาหยุดหน้าห้องที่ขังอุ่นเรือน แก้โซ่ที่ล็อกไว้ออก สมหมายหายเข้าไป
       ไม่นานนักประตูเปิดอีกที สมหมายเดินออกมา คล้องโซ่กับกุญแจ แล้วออกไป
       ทรรศนะเดินออกมาจากด้านข้างของห้องเช่า รีบตรงไปที่ประตู ทรรศนะลองเคาะประตู แต่ไม่กล้าส่งเสียงเรียก 
       
       อุ่นเรือนนอนซมอยู่ ตะโกนถามออกไป “ใคร!”
       ไม่มีเสียงตอบ อุ่นเรือนพยุงตัวลุกนั่ง แต่ไม่มีแรง “ปิ่นเหรอ ปิ่นหรือเปล่า ปิ่นมาหาแม่แล้วเหรอลูก”
       
       ทรรศนะมั่นใจว่าเป็นอุ่นเรือนแน่นอน เสียงอุ่นเรือนไอหนักดังออกมา ทำให้ทรรศนะเป็นห่วง
       ทรรศนะมองกุญแจ แล้วมองหาตัวช่วย
       ทรรศนะหยิบก้อนหินมาทุบตรงตัวยูคล้องกุญแจได้แค่2-3ที มีมือใครคนหนึ่งยื่นมาจับมือทรรศนะให้หยุด
       ทรรศนะสะดุ้งเงยหน้าเห็นครองสุขมองหน้าตาดุดัน “คุณน้า!”
       ครองสุขดึงแขนทรรศนะออกห่างจากประตู “ไม่ว่าจะเห็น จะได้ยินอะไร ไม่ต้องถาม ไม่ต้องพูด อยู่เฉยๆ แล้วจะดีเอง”
       “ผมแค่อยากจะพาป้าอุ่นไปหาหมอ” ทรรศนะว่า
       ครองสุขเสียงแข็ง “ไม่ได้เด็ดขาด ไอ้ใหญ่มันต้องการตัวนังอุ่น ให้เจอไม่ได้”
       “ถ้าเค้าทำอะไรป้าอุ่น ผมจะแจ้งตำรวจ”
       ครองสุขตกใจ ร้องเสียงหลง “แจ้งไม่ได้ น้าจะซวยไปด้วย”
       “คุณน้าไปเกี่ยวอะไรด้วย หรือว่า...” ทรรศนะตกใจ นึกขึ้นได้ “เรื่องวางยาพิษไอ้ใหญ่ คุณน้าเป็นคนสั่งป้าอุ่นให้ทำจริงๆ”
       ครองสุขโพล่งออกไป “น้าทำเพื่อนะ ทำเพื่อความอยู่รอดของเรา ไอ้ใหญ่มันกดดันเราทุกทาง นะก็รู้”
       “แต่ปิ่นห่วงป้าอุ่นมาก”
       “ช่างหัวมันปะไร” ครองสุขจับมือนะ “เชื่อฟังน้า รออีกนิด อีกนิดเดียวเท่านั้น นะจะไม่ต้องทนอยู่ในบ้านไอ้เสี่ยตง ไม่ต้องทำงานที่นะไม่ชอบ นะจะได้กลับไร่ไพศาลอย่างสง่าผ่าเผย”
       ทรรศนะคล้อยตาม สายตามองไปที่ประตูห้องขังอุ่นเรือน ครองสุขดึงมือทรรศนะให้เดินไปด้วยกัน
       “กลับไปกับน้า ปล่อยนังอุ่นมันตายซากอยู่นี่แหละ”
       ครองสุขลากทรรศนะกลับไป
       
       อุ่นเรือนปิดปากนั่งซบอยู่ที่ประตู ได้ยินทั้งหมด อุ่นเรือนเอามือออก ปล่อยโฮออกมาอย่างเสียใจ
       “อุ่นรักคุณนาย ทำไมคุณนายทำกับอุ่นอย่างนี้” อุ่นเรือนนึกถึงปิ่นอนงค์ขึ้นมา “ปิ่นอยู่ไหนลูก แม่คิดถึงแก”
       อุ่นเรือนยกมือที่อ่อนแรงทุบประตู “ช่วยด้วย มีคนโดนขังอยู่ในนี้ ช่วยด้วย”
       
       ที่โรงออกกำลังกายในไร่ ซึ่งเป็นที่ออกกำลังกายแบบเปิดโล่ง มีเครื่องออกกำลังกายหลายอย่าง รวมอยู่กับที่ซ้อมยิงปืน
       ใหญ่มาออกกำลังแต่เช้า นอนอยู่บนม้านั่งยกน้ำหนัก ยกน้ำหนักโชว์กล้ามแขน
       ระหว่างเปี๊ยกเข้ามา ใหญ่ลุกนั่งเดินไปหยิบผ้าเช็ดเหงื่อเช็ดหน้าตา ปากก็พูดไปด้วย
       “ว่าไง ไอ้จอมมันไปอยู่ที่ไหน”
       เปี๊ยกบอกว่ากลับไปอยู่กับปิ่นอนงค์ ใหญ่หึงขึ้นมาเดินไปคว้าปืนที่วางอยู่ ยิงใส่เป้าเปรี้ยงๆหลายนัดระบายอารมณ์
       เปี๊ยกหลับตา อุดหู ใหญ่เดินรีบร้อนออกจากโรงออกกำลังกายเพื่อไปหาปิ่นอนงค์
       เปี๊ยกลืมตาเห็นใหญ่ไปแล้ว เปี๊ยกวิ่งตาม
       
       ปิ่นอนงค์ยกอาหารมาที่ห้องจอม เปิดประตูเข้าไป ด้านในว่างเปล่า ปิ่นอนงค์มองหาจอม เห็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง ปิ่นอนงค์หยิบอ่าน
       “เรารักปิ่น เราจะไม่เลิกหวัง”
       ปิ่นอนงค์ทอดถอนใจ ทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียง
       
       เช้าวันเดียวกัน ทรรศนะเดินเข้ามาในบ้าน เห็นปิ่นอนงค์นั่งคุยโทรศัพท์กับตำรวจ ทรรศนะยืนฟัง
       “ยังไม่เจอเหรอคะ คุณตำรวจกรุณาตามต่อได้มั้ยคะ ดิฉันขอร้อง ดิฉันกลัวโรคหัวใจแม่จะกำเริบ” นิ่งฟัง “ขอบคุณค่ะ”
       ปิ่นอนงค์สะอึกสะอื้น สงสารและเป็นห่วงแม่ ทรรศนะสงสารตัดสินใจจะบอก
       “ปิ่น”
       ปิ่นอนงค์เงยหน้า รีบปาดน้ำตาลุกยืน “เข้ามานานแล้วเหรอคะ ทำไมไม่เรียกปิ่น”
       ทรรศนะเดินเข้าไปหา “เรื่องป้าอุ่น คือ พี่...”
       ปิ่นอนงค์ดีใจจับแขนทรรศนะแน่น “ได้ข่าวแม่ปิ่นแล้วเหรอคะ”
       ทรรศนะกำลังจะบอก แต่คิดถึงที่รับปากครองสุขตอนกลับไปบ้านเสี่ยตงขึ้นมา
       
       ตอนนั้น ทรรศนะลงจากรถ ครองสุขรีบตามลงมา ครองสุขดึงแขนทรรศนะไว้
       “ถ้านะอยากให้น้าติดคุก ก็ไปแจ้งความ หรือไปบอกนั่งปิ่นมันได้เลย” ครองสุขเล่นละครบีบน้ำตา “น้ามันไม่มีความหมาย แม้แต่...” ลดเสียงพูดเบาๆ “ลูกชายคนเดียว ก็ยังเห็นผู้หญิงสำคัญกว่า”
       ครองสุขทำเป็นร้องไห้เดินหนีเข้าตึกไป
       
       คิดดังนั้นทรรศนะตัดสินใจไม่บอก “เปล่าจ้ะ เรื่องป้าอุ่นพี่จะช่วยตามหานะ”
       ปิ่นอนงค์ผิดหวังดึงมือออกจากแขนทรรศนะ 
       
       ทรรศนะเดินออกมา ปิ่นอนงค์ตามมาส่ง ทรรศนะจับมือปิ่นอนงค์ปลอบโยน
       “ปิ่นต้องกินให้มากหน่อยรู้มั้ย ดูสิข้อมือเล็กนิดเดียว”
       ปิ่นอนงค์กุมมือทรรศนะ “คุณนะก็เหมือนกัน ต้องมีความสุขนะคะ ปิ่นจะได้สบายใจ”
       ทรรศนะพยักหน้าฝืนยิ้มรู้สึกผิดในใจ ต่างกุมมือให้กำลังใจกัน
       สองคนไม่รู้ว่าที่รถใหญ่เวลานั้น ใหญ่นั่งอยู่ในรถ เปี๊ยกเป็นคนขับ เห็นทรรศนะจับมือถือแขนปิ่นอนงค์ ก็หึงหวงไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม
       ใหญ่จะเปิดประตูลงไป ชะงักนึกถึงคำเตือนของปานเทพ
       
       ตอนนั้นปานเทพยืนหน้าห้องผู้ป่วย คุยกับใหญ่ซีเรียส
       “แกตัดใจจากปิ่นอนงค์ไม่ได้เหรอวะ ถ้าแกยังพัวพันอยู่กับผู้หญิงคนนี้ แกต้องตายเข้าสักวัน”
       
       ใหญ่คิดแล้วถอนหายใจออกมา “ฉันรับปากแกแล้ว แต่ฉันก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมฉันทำไม่ได้”
       
       ใหญ่มองไปที่เดิมอีกทีทรรศนะไม่อยู่แล้ว เห็นปิ่นอนงค์กำลังเข็นรถขายข้าวแกงออกจากบ้าน

---------------------------------------------------------------

 ในขณะที่ปิ่นอนงค์เข็นรถข้าวแกง มีนักเลงหัวไม้ 3 คน เดินเข้ามายืนขวางทาง ปิ่นอนงค์ชะงัก
       
       “เค้าร่ำลือกันว่า แม่ค้าขายข้าวแกงแถวนี้หน้าตาสะสวยรวยเสน่ห์ พวกเราก็เลยอยากจะมาขอเชยชมสักหน่อย” นักเลงหนึ่งในสามเอ่ยขึ้น
       ปิ่นอนงค์ใจดีสู้เสือ “พวกพี่อยากกินอะไรจ๊ะ เดี๋ยวฉันตักให้ ไม่ต้องจ่ายเงินก็ได้”
       นักเลขที่พูดเดินกวนๆ เข้าไปหา “อยากกินแม่ค้าคนสวยมากกว่า” พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ “ได้มั้ยจ๊ะ”
       ใหญ่เดินมาข้างหลังนักเลงชะตาขาด สะกิดไหล่ แต่มันปัดมือใหญ่ออกนึกว่าเพื่อน
       “เฮ้ย อย่ายุ่ง ข้ากินก่อน เอ็งนะทีหลัง”
       ใหญ่ตบที่ไหล่แรงๆ นักเลงกิ๊กก๊อกหันกลับมา “พูดไม่รู้เรื่องเหรอวะ ไอ้...”
       ใหญ่ชกเปรี้ยงเข้าหน้ากุ๊เต็มๆ แถมเตะจนกระเด็นไปนอนกองที่พื้น เปี๊ยกรีบมายืนยืดข้างใหญ่
       ปิ่นอนงค์ตาค้าง “คุณใหญ่!”
       นักเลงอีกสองคนจะเข้ามาลุย เปี๊ยกเสนอหน้าเข้าไปก่อน โดนชกเซถลาไปเกาะรถเข็น ใหญ่ลุยเองแลกหมัดกับนักเลง
       เปี๊ยกคว้าฝาหม้อใบใหญ่ 2 ฝาเป็นอาวุธใหญ่ชงให้ ชกหน้านังเลงเซไปหาเปี๊ยก
       เปี๊ยกเอาฝาหม้อตบบ้องหูจนสลบร่างรวงลงไปกองที่พื้นอย่างน่าขัน
       จังหวะต่อมาใหญ่เตะนักเลงไปทางเปี๊ยกอีก เปี๊ยกรอท่าเอาฝาหม้อตบหัว แล้วตบบ้องหูซ้ำ กุ๊ยทั้ง 3นอนกองรวมกันร้องโอดโอย
       ใหญ่ชี้หน้า เปี๊ยกยืนยืดข้างๆ “ถ้ายังไม่อยากตาย อย่ามาเข้าใกล้เมียฉันอีก”
       “ไม่กล้าแล้วจ้าพี่ โหยมีผัวดุก็ไม่บอก” นักเลงที่แทะโลมปิ่นอนงค์ว่า
       เปี๊ยกเดินเข้าหา ตีฝาหม้อเหมือนตีฉาบเสียงดังข่มขู่ พวกนักเลงกลัวรีบพยุงกันวิ่งเตลิด
       ใหญ่หันมาทางปิ่นอนงค์ที่ยืนหลบอยู่ห่างๆ ใหญ่เข้าไปจับแขนปิ่นอนงค์ ดึงให้ตามไป
       “ตามมานี่”
       
       เวลาต่อมาใหญ่ผลักปิ่นอนงค์เข้ามาในห้องรับแขกเล็กๆ ในบ้านไม้ที่แอบมาซื้อไว้ ปิ่นอนงค์ยืนมองงุนงง กลัวๆ
       “ที่นี่บ้านใครคะ”
       “บ้านเธอไง ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ฉันต้องเห็นเธอย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ถ้าผิดจากที่ฉันสั่ง ฉันจะส่งคนตามไปซ้อมไอ้คุณนะของเธอให้น่วม แล้วยังไอ้จอมอีกคน”
       ปิ่นอนงค์ฉุนกึก “ปิ่นไม่ใช่สมบัติของคุณใหญ่นะคะ”
       ใหญ่พูดจาแดกดันเช่นเคย “ทำไมจะไม่ใช่ ผู้หญิงก็เหมือนเครื่องประดับ ใครเป็นคนใส่คนนั้นก็คือเจ้าของ”
       “แต่เราแยกทางกันแล้ว แล้วปิ่นก็กำลังจะมีลูก...”
       ใหญ่สวนออกมา “ถ้าฉันยังไม่หย่าให้เธอ เธอก็อยู่กับใครไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นไอ้จอมหรือไอ้ทรรศนะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องศาลว่าเธอคบชู้”
       ปิ่นอนงค์ประชดส่ง “คุณใหญ่อยากฟ้องปิ่นก็ฟ้องได้เลย ปิ่นคงไม่มีปัญญาอะไรไปสู้กับคุณใหญ่ได้”
       ปิ่นอนงค์จะไปเปิดประตู ใหญ่กระชากเข้ามาปะทะอก
       “อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าฟ้องเธอ”
       “คุณใหญ่กล้าค่ะ คุณใหญ่กล้าทำทุกอย่างโดยที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด”
       ใหญ่โกรธจู่โจมจูบปิ่นอนงค์แรงๆ ปิ่นอนงค์พยายามดันออก แต่ไม่สำเร็จ มือของปิ่นอนงค์จากที่ผลักใหญ่กลายเป็นอ่อนปวกเปียก
       ใหญ่เบียดปิ่นอนงค์ให้เอนนอนบนโซฟา เหมือนว่าปิ่นอนงค์จะร่วมมือแต่โดยดี
       ทว่าเห็นมืออีกข้างของปิ่นอนงค์คว้าแจกัน ฟาดหัวใหญ่ ดังโป๊ก! ใหญ่ร้องโอดโอยนอนบิดไปมา ปิ่นอนงค์สบโอกาสวิ่งไปที่ประตู ใหญ่ตามมาคว้าตัวจับปิ่นอนงค์หันกลับมา
       ปิ่นอนงค์ยืนพิงประตูหน้าตื่น “เธอรู้มั้ยผู้ชายเกลียดที่สุดก็คือถูกหมิ่นศักดิ์ศรี เธอไม่แคร์ว่าฉันจะอับอายผู้คน ฉันก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติเธอ”
       ใหญ่จะจูบ ปิ่นอนงค์บอกเสียงแข็ง “คุณใหญ่ยังเหมือนเดิม
       ใหญ่ชะงัก ยิ้มยียวนลอยหน้าลอยตา “ความหล่อ หรือรสจูบล่ะจ๊ะ”
       เสียงปิ่นอนงค์ดังก้อง “คุณใหญ่เกลียดพ่อ เพราะคิดว่าพ่อไม่รัก คุณใหญ่เกลียดปิ่นเพราะปิ่นไม่รักคุณใหญ่ ถ้าอย่างนั้น คุณใหญ่คงต้องเกลียดคนทั้งโลก เพราะคุณใหญ่เอาแต่เรียกร้องความรักจากคนอื่น”
       ใหญ่โกรธโดนแทงใจดำ ค่อยๆ ปล่อยมือจากปิ่นอนงค์ หันหลังให้ พูดเสียงเรียบ
       “ไปให้พ้น! ฉันไม่ได้อยากเรียกร้องความรักจากเธอ ผู้หญิงอย่างเธอมีอะไรดี อย่าสำคัญตัวเองผิด”
       ปิ่นอนงค์น้ำตาคลอ เปิดประตูออกไป ความบาดหมางของคนทั้งคู่ นับวันยิ่งบาดลึกมากขึ้น
       
       เวลานั้น ตรงถนนในตลาดโบราณ สถานที่ปลอดคน สมหมายเดินนำจอมมาที่รถเสี่ยตง ก่อนที่จะเห็นครองสุขเดินลงมายิ้มหวานให้จอม
       “ตามผมมาทำไม” จอมถามเสียงขุ่น
       “ไอ้ใหญ่มันคิดฆ่านังอุ่น” ครองสุขเริ่มบิ้วท์
       จอมตกใจ “เจอตัวป้าอุ่นแล้วเหรอ”
       “นังอุ่นมันหนีตายมาหาฉัน ฉันก็เลยพามันอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว เรื่องนี้บอกนังปิ่นไม่ได้นะ เพราะไอ้ใหญ่มันส่งคนคอยประกบนังปิ่นอยู่”
       “ปิ่นรักแม่มาก ผมจะไม่ยอมให้ป้าอุ่นเป็นอะไรไป”
       ครองสุขป้อนคำหวาน “ฉันก็รักนังอุ่นมันมาก เราหัวอกเดียวกัน ต้องช่วยกันกำจัดไอ้ใหญ่ให้ได้”
       “คุณนายมีแผนอะไรก็บอกมาเลย ไม่ต้องอ้อมค้อม”
       ครองสุขยิ้ม “ล่อไอ้ใหญ่ออกมาให้ฉัน ทางฉันจะจัดการฆ่ามันเอง”
       
       ครองสุขเปิดประตูเข้ามาในรถนั่งข้างเสี่ยตง “เรียบร้อย มันโง่กว่าที่ฉันคิด”
       เสี่ยตงหวั่นใจ “แน่ใจเหรอว่ามันจะฆ่าไอ้ใหญ่ได้ ฝีมือมันน่าจะไม่ถึง”
       “คราวนี้ไม่ฆ่า แต่จะย้ายมันไปอยู่ในคุกแทน”
       ครองสุขหยิบมือถือเสี่ยมากดๆ ส่งให้
       “นี่เบอร์นังปิ่น รอให้ไอ้จอมล่อไอ้ใหญ่ออกมาให้ได้ก่อนเสี่ยก็โทร.บอกให้นังปิ่นรู้ว่าแม่มันอยู่ที่ไหนก็พอ” ครองสุขยิ้มร้ายออกมา
       “อย่าลืมส่วนแบ่งที่ตกลงกันไว้ก็แล้วกัน” เสี่ยตงบอก
       “แหม ฉันเอาตัวเองเป็นมัดจำวางไว้ เสี่ยยังกลัวฉันเบี้ยวอีก”
       ครองสุขชมดชม้อย เสี่ยตงยิ้มหื่น
       
       วันต่อมาอุ่นเรือนยืนอยู่ในห้องน้ำ มองหาที่หลบหนี พลันสายตาก็ไปสะดุดที่ผนังห้องน้ำผุซึ่งเป็นไม้ตอกปิดไว้ อุ่นเรือนรีบหาของหนักๆ มากระทุ้งๆ
       
       ครองสุขเดินนำ สมหมายกับลูกน้องอีกคนเดินตาม ครองสุขมาหยุดยืนที่หน้าห้อง
       “จัดการให้เงียบที่สุด แล้วเอาศพมันไปฝังให้มิดชิด”
       สมหมายกับลูกน้องอีกคนไขกุญแจเข้าไป
       ครองสุขยืนรอ มีเสียงสมหมายร้องบอก “คุณนายครับ มันหายไปแล้ว”
       
       ครองสุขเดินตามเข้ามา ยืนสำรวจทั่วบริเวณ แล้วสายตามองเห็นช่องโหว่ตรงห้องน้ำ ขนาดใหญ่พอที่คนสามารถลอดออกไปได้ ครองสั่งเสียงกร้า 
       “รีบไปตามหาเร็วสิ ฆ่ามันให้ได้”
       
       ลูกน้องรีบไป ครองสุขตามติด
       ---------------------------------------------------------------


       โปรดติดตาม "ปิ่นอนงค์" ตอนที่ 13


No comments:

Post a Comment