Friday, July 13, 2012

ดูละครปิ่นอนงค์ ตอนที่ 4 Pin Anong 偷心俏冤家 04

>> Watch Online ปิ่นอนงค์ Pin Anong 偷心俏冤家 EP04

 ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 4 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
       
       

เวลาเดียวกันนั้น ใหญ่นั่งอยู่ที่ราวระเบียงห้องพักบนเรือนใหญ่ จิบกาแฟยิ้มๆ นึกถึงปิ่นอนงค์ เสียงเปิดประตูดัง ใหญ่ทำเก๊ก นึกว่าปิ่นอนงค์เข้ามา วางแผนแกล้งอีก

       
       “กาแฟเธอหวานเกินไปแล้ว ปิ่นอนงค์ เธอตั้งใจแกล้งฉัน หรือไง ไปชงมาใหม่”
       ปานเทพคว้าแก้วมา “มา ฉันกินเอง อยากกินอะไรหวานๆ แหวะ” ปานเทพเหยหน้า “ขมขนาดนี้บอกหวาน”
       “ไอ้ปาน ให้ไปแสดงบารมีผู้ช่วยเจ้าของไร่ แล้วมาเพ่นพ่านอะไรแถวนี้วะ” ใหญ่ด่า



       “พอเลย ไอ้คุณใหญ่ ฉันเกือบโดนไอ้จอมกระทืบ ทีหลังอยากไปแกก็ไปเองเลย” ปานเทพโวยลั่น
       “นี่ แกยอมแพ้ไอ้จอมเหรอเนี่ย แกเป็นเสือร้ายนะโว้ย”
       “แต่ฉันไม่อยากเป็นสง เสืออะไรทั้งนั้น ฉันเกลียดการใช้กำลัง” ปานเทพโอด
       “ถ้าแกไม่สร้างบารมีกับพวกคนงาน แกจะเข้าไปล้วงความลับจากพวกนั้นได้ไง”
       ทัศนีย์เดินมา ส่งเสียงดังลั่น “นั่งปิ่น ป้าอุ่น ไปไหนกันหมด”
       ใหญ่ร้องทัก “ไงจ๊ะ น้องสาว”
       ทัศนีย์เห็นพวกใหญ่ ชะงัก รีบหลบตา “ไม่มีอะไรค่ะ คุณใหญ่ ขอโทษค่ะ”
       ใหญ่ตบไหล่ปานเทพ ให้กำลังใจ
       ใหญ่บีบไหล่ปานเทพ
       “เห็นมั้ย ใครๆ ก็กลัวเรา แกต้องเชื่อว่า แกคือปาน ป่าหวายความโฉด..ชั่ว..ร้าย คือตัวตนของแก แสดงบทบาทบ่อยๆ จะได้ชิน”
       ปานเทพพยายามสุดชีวิต เปลี่ยนแววตาเป็นดุดัน สบตากับใหญ่
       
       ปิ่นอนงค์จัดผลไม้ใส่จานเสร็จ ยกไปที่ประตู อุ่นเรือนถือถุงเลือดหมู โผล่มาขวาง มองจานผลไม้ แล้วจ้องหน้าปิ่นอนงค์
       อุ่นเรือนมองไล่สานตาไปเห็นในครัวมีข้าวกับชามแกงที่กินเหลือในถาด มีร่องรอยการทำครัว ก็เดาออก
       “แกจะเอาไปให้ใคร”
       ปิ่นอนงค์เครียด “คุณใหญ่สั่งให้ปิ่น...”
       อุ่นเรือนสวนออกมาอย่างมีอารมณ์ “ฉันสั่งให้แกอยู่ห่างๆ คุณใหญ่ คำพูดของฉันมันไม่มีความหมายใช่มั้ย”
       “แต่ถ้าปิ่นไม่มาทำกับข้าว คุณใหญ่จะเชือดแม่มะลิ”
       “ไม่ต้องมาเถียง ถ้าไม่เชื่อฟังกัน ก็ช่างหัวแก”
       อุ่นเรือนโกรธ เดินหนีไป
       ปิ่นอนงค์รีบวางจานบนโต๊ะ “แม่...” รีบตามอุ่นไป
       
       ปิ่นอนงค์ตามมาเคาะประตูห้องแม่ ที่ขังตัวเองอยู่ในนั้น
       “แม่ แม่จ๋า ฟังปิ่นก่อน ปิ่นไม่ได้ดื้อกับแม่นะ ปิ่นทำตามแม่บอกทุกอย่างแต่คุณใหญ่.. คุณใหญ่ไปตามปิ่นมาจริงๆ ปิ่นไม่ได้โกหกแม่ ๆ”
       ปิ่นอนงค์มองประตู น้อยใจ เสียใจจนน้ำตาไหลริน แต่รีบเช็ดน้ำตา แล้วลุกลงจากเรือนจะเดินไป น้อยเดินเข้ามาหาถือโทรศัพท์ของปิ่นอนงค์มายื่นให้
       “คุณนายโทร.มาให้พี่เอาไอแพก ไอแพรดอะไรนี่แหละ ไปให้ด่วนเลย”
       ปิ่นอนงค์ฟังแล้วเครียด “คุณนายอยู่ที่ไหนน้อย”
       สองคนสบตากัน
       
       สองคนถูกขังไว้ในบ้านเสี่ยตง ครองสุขหน้าเครียดอยู่ ไม่เชื่อเรื่องใหญ่ไปช่วยปิ่นอนงค์
       “ใช่ไอ้ใหญ่จริงๆ เหรอ ที่มาช่วยนังปิ่น มาชิงเงินบ่อน”
       ธีระนั่งเครียดที่เตียง “ไอ้เสี่ยตงมันมั่วรึเปล่า”
       ครองสุขพยายามบิดลูกบิดประตู ไม่สำเร็จ “คนที่รู้ดีที่สุดคือปิ่นคนเดียวเท่านั้น” ธีระบอก
       ครองสุขเซ็งเดินมานั่งแหมะที่เก้าอี้ข้างเตียง นึกแค้นขึ้นมา
       “เห็นมั้ยล่ะ นั่งปิ่นนี่มันร้ายกว่าที่คิด รู้เห็นอะไรมันไม่บอกเราซักคำ”
       “ระวังไอ้เสี่ยเถอะพี่ เดี๋ยวเงินเราก็จะไม่ได้ ยังต้องเสียปิ่นให้มันฟรีๆ อีก”
       ครองสุขทำตาเขียวใส่ธีระ “ตกลงห่วงนังปิ่นหรือเงินกันแน่”
       “โธ่พี่ เข้าใจผิดอีกแล้ว”
       ธีระคราง แต่หลบตา
       
       ปิ่นอนงค์หน้าเครียด ถอยรถตั้งลำขับออกไป ใหญ่โผล่พรวดมาตบฝากระโปรงรถ ปิ่นอนงค์หยุดรถ
       ใหญ่เปิดประตูถาม “จะไปไหน”
       “คุณนายสั่งให้ปิ่นเอาของไปให้ในเมืองด่วนค่ะ”
       “ดี ฉันมีธุระพอดี”
       ใหญ่ก้าวขึ้นนั่งมาข้าง ๆ
       “แต่ว่า...” ปิ่นลุกลี้ลุกลนกลัวครองสุขด่า
       “อ้าว..ธุระด่วนก็รีบไปสิ”
       ใหญ่เร่งปิ่นอนงค์ต้องขับรถออกไป
       
       บริเวณริมบึงน้ำของไร่พศาล ทัศนีย์นั่งแชทกับแฟน พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ประดิษฐ์คำโต้ตอบหวานหยดย้อย
       ปานเทพเข้ามามองโดยยึดเอาคำพูดของใหญ่ที่ดังก้องในหัวเป็นสรณะ
       “แกต้องเชื่อว่า แกคือปาน ป่าหวาย ความโฉด..ชั่ว..ร้ายคือตัวตนของแก แสดงบทบาทบ่อยๆ จะได้ชิน”
       ปานเทพยิ้มเข้มหน้ากวนเข้ามานั่งด้วยทัศนีย์เขยิบหนี อย่างรังเกียจ
       “ทำอะไรอยู่จ๊ะ น้องนีคนสวย”
       ทัศนีย์ตัดเยื่อใย “ไม่ใช่เรื่องของแก เอ่อ คุณ...”
       ทัศนีย์ลุก ปานเทพลุกตาม ทัศนีย์จะไป ปานเทพจับข้อมือเอาไว้
       “เรียกพี่ก็ได้ เราไม่ใช่คนอื่นคนไกล เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก”
       ทัศนีย์ร้องลั่น โวยวาย “ปล่อยนะ ไอ้บ้า แกกับฉันมันคนละชั้น”
       ปานเทพยิงมุก “โบราณเค้าว่า ผู้หญิงด่า แปลว่า ผู้หญิงรัก”
       ทัศนีย์สะบัดมือหลุด “ฉันจะฟ้องคุณน้า ว่าแกลวนลามฉัน”
       ปานเทพสวมวิญญาณ ปาน ป่าหวาย “แค่จับมือเนี่ยยะ ลวนลาม ลวนลามมันต้องอย่างนี้”
       พลางขยับเข้ากอด ทัศนีย์ดิ้น ด่า ร้องให้คนช่วย “ไอ้บ้า ช่วยด้วยๆ”
       “แหม ยิ่งดิ้น แก้มยิ่งแดง มาขอจูบที แม่ลูกท้อแก้มแดงของพี่”
       ปานเทพพยายามจะจูบแก้ม แต่ถูกทัศนีย์ตบ
       “ตบมา ต้องจูบไป”
       ทัศนีย์ดิ้นพล่าน หลบเลี่ยง แต่ดันเกิดปากชนกันจริงๆ สองคนอึ้งกันไป
       จู่ๆ มีไม้ลึกลับฟาดกลางหลังปานเทพ ไม้ท่อนนั้นหักกระจาย ปานเทพร่วงลงไปกองกับพื้น เอามือกุมหัว
       เป็นจินตนาที่ถือไม้ที่เหลือ ชี้หน้าด่าปานเทพ
       “ไอ้ชั่วเอ๊ย ไอ้โรคจิต ชอบข่มแหงผู้หญิง ไอ้บ้ากาม”
       ปานเทพทรุดลงไปนอน ทัศนีย์วิ่งหนี “อ้าว คุณนี เดี๋ยวซิคะ” จินตนาเรียกไว้
       ปานเทพอึ้ง ตาค้าง “เธออีกแล้วเหรอ”
       “นี่ นาย นายที่ชนหมาแล้วหนีนี่” จินตนาจ้องหน้า
       ปานเทพคราง “เวรแล้ว”
       ปานเทพตกใจเพราะนึกได้ว่าเคยเจอกับทัศนีย์ รีบวิ่งหนีไปอีกทาง
       จินตนามองตาม “เฮ้ย อย่าหนีนะ”
       
       จินตนาวิ่งตามมาทัศนีย์ ชนเข้ากับจอมจังๆ “คุณจิน”
       “จอมเห็นผู้ชายผิวคล้ำๆวิ่งมาทางนี้มั้ย”
       “ไม่เห็นนี่ครับ มีอะไรครับ”
       “เกิดเรื่องไม่ดีในไร่”
       
       ฟากปิ่นอนงค์ขับรถมาตามทาง หันมามองใหญ่แล้วถาม “คุณใหญ่จะไปลงที่ไหนคะ”
       “เธอไปไหน ฉันก็ไปลงที่นั้นแหละ”
       ปิ่นอนงค์คิดหาทางชิ่ง แล้วจู่ๆ ก็จอดที่ข้างทาง หน้าร้านขายของ
       “ปิ่นจะซื้อของร้านนี้ละค่ะ”
       “เหรอ งั้นฉันก็ลงตรงนี้ ขอบใจที่มาส่ง”
       ใหญ่ลงรถ ปิ่นอนงค์แกล้งเดินเข้าร้าน แล้วเหลียวมองเห็นใหญ่เดินลับตัวไป ถึงได้รีบออกจากร้าน ขับรถออก
       ใหญ่โผล่ออกมามอง หรี่ตายิ้มกวนๆ ที่ปิ่นอนงค์หลงกล
       
       ปิ่นอนงค์นั่งรอในห้องโถงบ้านเสี่ยตง ในมือถือไอแพดเหลียวซ้ายแลขวา หวาดระแวง
       สมุน 2 คน เดินออกมาส่งครองสุขกะธีระ ปิ่นอนงค์มองสมุนจำได้ว่าเป็นลูกน้องเสี่ย
       ลูกน้องสบตาปิ่นจังๆ แล้วออกไป ปิ่นรีบเอาไอแพดยื่นให้ครองสุข
       “นี่ค่ะ ไอแพด”
       ครองสุขส่งไอแพดให้ธีระ
       “ปิ่นไปนะคะ”
       แต่แล้ว ครองสุขกลับผลักปิ่นอนงค์ลงนั่งที่เก้าอี้ “ทำไมแกไม่บอกฉันว่าไอ้ใหญ่มันไปช่วยแกที่รีสอร์ต”
       “ใคร ใครบอกคุณนายคะ”
       “ใครบอกไม่สำคัญ มันจริงหรือเปล่า” ครองสุขคาดคั้น
       “ค่ะ ลูกค้าของคุณนายจะข่มเหงปิ่น คุณใหญ่ไปช่วยปิ่นไว้”
       ครองสุขโกรธ “แกมีอะไรกับไอ้ใหญ่มันแล้วใช่มั้ย มันถึงได้ห่วงใยแกนัก”
       “ไม่นะคะ ปิ่นไม่ได้มีอะไรกับคุณใหญ่”
       “แกโกหกฉันเรื่องเงินค่าผ่าตัดแม่แก แกไม่ได้กู้มา แต่ไอ้ใหญ่มันให้เงินแกใช่มั้ย”
       “ปิ่นไม่ทราบว่าเป็นเงินของใคร ปิ่นเห็นเงินอยู่ในกระเป๋า” ปิ่นอนงค์บอกสีหน้าเครียดๆ “ปิ่นเลยเอาไปจ่ายให้โรงพยาบาล”
       ครองสุขโกรธจนบันดาลโทสะ ตรงเข้าตบปิ่นอนงค์ ติดๆ กัน 4 ฉาด
       ชี้หน้าปิ่นอนงค์ ที่ร้องไห้อย่างเสียใจ และตกใจ “อีไร้เดียงสา ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อ แกเสียตัวให้มันแล้วล่ะสิมันถึงได้ลงทุนเอาเงินที่มันปล้นจากบ่อนเสี่ยตงมาให้แก”
       ปิ่นอนงค์พนมมือ “ไม่จริงค่ะ ปิ่นกับคุณใหญ่ไม่มีอะไรกันจริงๆ ปิ่นสาบานได้ค่ะ”
       สมุน 2 คนเข้ามา คนหนึ่งบอก “คุยกันเสร็จหรือยัง เสี่ยรอปิ่นอยู่”
       ปิ่นอนงค์สะดุ้ง
       “โทษฐานที่โกหกฉัน ไป.. แกต้องไปชดใช้เงินที่เสี่ยตงถูกไอ้ใหญ่มันปล้นไป”
       สมุนตรงเข้าหาปิ่นอนงค์
       ปิ่นอนงค์รีบลุกไปนั่งพับเพียบไหว้ครองสุข
       “พาปิ่นกลับเถอะค่ะ คุณนาย อย่าทิ้งปิ่นเลยนะคะ ปิ่น...” ครองสุขสะบัดตัวเดินไป ธีระหันมามองปิ่นอนงค์ทั้งสงสารและเสียดาย “จะหาเงินมาใช้เสี่ยเค้าเอง คุณธีระๆ ช่วยปิ่นด้วยค่ะ”
       สมุนเข้าล็อกแขนปิ่นอนงค์สองข้างลากไป ปิ่นอนงค์ดิ้นขัดขืนในสภาพขาสองข้างลอยไม่ติดพื้น
       “ปล่อย ปล่อยฉัน”
       
       ครองสุขเดินออกมากับธีระ ขณะที่ธีระเหลียวหลังตาละห้อยสงสารปิ่นอนงค์
       “พี่ แล้วจะกลับไปบอกแม่ปิ่นว่ายังไง”
       ครองสุขตะคอก “มันเรื่องของฉัน ไปได้แล้ว”
       ครองสุขหยิกแขนธีระ แล้วตีแขน ทั้งคู่ขึ้นรถขับออกไป
       
        ใหญ่ซึ่งแอบมองอยู่เริ่มเป็นกังวล เพราะไม่เห็นปิ่นอนงค์ออกมาสักที

----------------------------------------------------------------------------------

ปิ่นอนงค์ถูกผลักตัวเข้ามาในห้อง จากนั้นสมุนเสี่ยตงก็ปิดประตูล็อคทันที ปิ่นอนงค์พยายามเขย่าประตู
       
       “ปล่อยฉันออกไปนะ เปิดประตูซิ คุณนาย ผู้จัดการ”
       เสี่ยตงใส่เสื้อคลุมเดินออกมาจากด้านใน “อย่าร้องให้เหนื่อยเลย คราวนี้ เธอหนีฉันไม่พ้นอยู่แล้ว”
       ปิ่นอนงค์ปาดน้ำตา ตั้งสติแล้วไหว้อ้อนวอน
       “ถ้าเสี่ยอยากได้เงินที่คุณใหญ่ปล้นไปคืน ปิ่นจะหามาให้อย่าทำอะไรปิ่นเลยนะคะ”
       “แต่ฉันไม่อยากได้เงินแล้ว”
       เสี่ยเดินเข้าหา ปิ่นอนงค์ลุกถอยหนี “เสี่ยทำอย่างนี้ บาปนะคะ ปิ่นมีคนที่ปิ่นรักอยู่แล้ว”
       “อ๋อ.. ไอ้ใหญ่น่ะเหรอ เดี่ยวเรามีความสุขกันแล้ว ฉันจะไปคิดบัญชีมันอีกที”
       ปิ่นอนงค์พุ่งไปที่ประตู เสี่ยตงกระโดดเข้ากอดข้างหลัง กระซิบข้างหู ปิ่นอนงค์รังเกียจเหลือเกิน
       
       “ยอมฉันดีๆ เถอะปิ่น เป็นของฉัน แล้วเธอจะมีทุกอย่าง บ้านรถ เงินทอง ไม่ต้องไปเป็นขี้ข้าคุณนายครองสุขอีกต่อไป”
       อ้อนวอนแล้วไม่เป็นผลปิ่นอนงค์ขอสู้ตาย อาศัยทีเผลอเอาหัวหงายไปโขกหน้าเสี่ยตงสุดแรง จนเสี่ยผงะ ปิ่นอนงค์วิ่งไปเข้าห้องน้ำ ปิดประตูล็อค เสี่ยตงปากแตกเลียเลือด ด้วยความโมโห
       “ปิ่นอนงค์ เปิดประตู อย่าใช้ฉันโมโห ไม่งั้นเธอเจ็บตัวแน่”
       
       มือใหญ่ยื่นออกไปสับคัทเอาท์ ตรงแผงควบคุมไฟลง ทำให้ภายในห้องเสี่ยตงที่ปิดม่านหมด ไฟดับพรึ่บ เสี่ยตงกำลังกระชากประตูห้องน้ำ ชะงัก
       
       บรรดานักพนันชายหญิงกว่า 20 คน ที่นั่งกันอยู่ตามโต๊ะ ตามมุมต่างๆ เห็นไฟดับ ต่างตกใจกันอลหม่าน ตะโกนถามงงๆ
       “เฮ้ย อะไรวะ”
       ต่างคนต่างลุกพรวดพราด มีเสียงดังขึ้นอีก “ตำรวจบุกรึเปล่า เฮ้ย”
       
       ด้านเสี่ยตงถอดเสื้อเหงื่อแตกพลั่ก ยืนเกาะระเบียง สมุนเดินสอดส่องที่หน้าต่าง เลิ่กลั่ก
       “อะไรกันวะ ตำรวจรึเปล่า” เสี่ยตงตะโกนถาม
       สมุนคนนั้นเลิ่กลั่ก “ไม่ใช่เสี่ย”
       “ไม่ใช่ก็ไปดูที่ คัทเอาท์ สิวะ ไอ้โง่”
       เสี่ยตวาด สมุนรีบออกไปกัน
       
       ส่วนปิ่นอนงค์อกสั่นขวัญแขวนอยู่ในห้องน้ำ เสียงเคาะประตู
       “ปิ่น เปิดประตู ปิ่น”
       ปิ่นอนงค์ยินเสียงก็จำได้ “คุณใหญ่” รีบเปิดล็อคมือไม้สั่น เห็นใหญ่ยิ่งดีใจ
       “คุณใหญ่ มาได้ยังไงคะ”
       “ไม่ต้องถาม ออกไปจากที่นี่ เร็ว”
       ใหญ่ฉุดข้อมือปิ่นอนงค์ออกไป
       
       ใหญ่จูงมือปิ่นอนงค์เดินลงมาชั้นล่าง ไม่มีใครอยู่ ใหญ่ชักปืนที่ซ่อนไว้ในเสื้อออกมา ระแวดระวังตัว
       ไฟเปิดพรึ่บ ใหญ่กับปิ่นอนงค์สะดุ้ง เสี่ยกับสมุน 4 คน เข้ามาจากด้านหนึ่ง เล็งปืนในมือมาที่สองคน
       
       ไวเท่าความคิดใหญ่ฉุดข้อมือปิ่นอนงค์ไปที่ประตู ประตูเปิด สมุนอีก 4 คน โผล่เข้ามาดัก เล็งปืนใส่ใหญ่
       ใหญ่ได้แต่ส่ายปืนไปมา จับตัวปิ่นอนงค์ไว้มั่น
       “กล้ามากนะ แกเอาเงินฉันไป ทำร้ายฉันกับลูกน้องแล้วยังมีหน้ามาเหยียบบ้านฉันอีก” เสี่ยตงโกรธจัด
       “เรื่องของแกกับฉันไม่เกี่ยวกับปิ่นอนงค์ ปล่อยผู้หญิงไปแล้วแกกับฉันมาเคลียร์กัน”
       “คิดไม่ผิดจริงๆ ว่าแกต้องมาช่วยปิ่น อย่างว่าแหละ ผัวมันก็ต้องรักต้องห่วงเมียธรรมดา ฉันไม่สนผู้หญิงมีราคีอย่างเธอแล้วปิ่น ฉันสนใจส่วนแบ่งหลังจากไอ้ใหญ่ตายมากกว่า”
       ปิ่นอนงค์ตกใจ หันไปมองหน้าใหญ่ร้องเตือน “คุณใหญ่ ระวัง”
       ใหญ่ชะงักด้ามปืนตีเข้าท้ายทอยสุดแรง ร่างใหญ่ทรุดลงซวนเซสลบคาที่ สมุนที่ตีใหญ่ข้างหลังเก็บปืน หน้าเหี้ยม ปิ่นตกใจ หน้าซีด
       ลูกสมุนกะเสี่ยตงยิ้มเหี้ยมเกรียม
       
       ครองสุขฟังโทรศัพท์อยู่ในสายที่ห้องทำงาน ธีระมองสนใจใคร่รู้ ครองสุขหน้าเหี้ยม
       “ตกลงตามนั้น ไอ้ใหญ่มันไปช่วยนังปิ่นจริงๆ เธอเห็นรึยัง ธีระ”
       ครองสุขวางสาย
       “นังปิ่นมันไม่ได้ซื่อบริสุทธิ์อย่างที่มันแสดงให้เราเห็นหรอก”
       “แล้วไอ้เสี่ยตง มันจะเอายังไงกับไอ้ใหญ่กับปิ่น ต่อไปพี่”
       “เอายังไงก็ช่างมัน รู้แต่ว่าตอนนี้เรามีคนช่วยกำจัดไอ้ใหญ่โดยที่เราไม่ต้องเหนื่อยแล้ว”
       ครองสุขยิ้มเหี้ยม ธีระครุ่นคิด
       
       ห้องทั้งห้องที่ขังสองคนไว้ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์สักชิ้น ใหญ่ที่ยังสลบอยู่ถูกใส่กุญแจมือไพล่หลัง นอนตะแคงหนุนตักปิ่นอนงค์
       ปิ่นอนงค์เองก็ถูกใส่กุญแจมือข้างหน้า สีหน้าหญิงสาวกังวลหนัก บีบไหล่บีบแขนใหญ่เบาๆ
       ใหญ่ขยับตัว ค่อยๆ ลืมตา กะพริบตาถี่ๆ ฟื้นความจำ
       ปิ่นอนงค์ดีใจนัก “คุณใหญ่ คุณใหญ่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เจ็บมากมั้ย”
       ใหญ่ยันกายลุกนั่งพิงข้างฝา มีปิ่นอนงค์ช่วยประคอง
       “ปิ่นขอโทษค่ะ ปิ่นทำให้คุณใหญ่เดือดร้อน เจ็บตัวเพราะปิ่น” ปิ่นอนงค์เอาแต่โทษตัวเอง
       สายตาใหญ่ที่มองปิ่นอนงค์อยู่ยามนี้เต็มไปด้วยความห่วงใย “ช่างเถอะ แล้วเธอล่ะ ปิ่นอนงค์ ปลอดภัยดีใช่มั้ย ไอ้เสี่ยนั่นมันทำอะไรเธอรึเปล่า”
       “เปล่าค่ะ มันเอาเรามาขังที่นี่ พวกมันยึดโทรศัพท์ปิ่นไปด้วยแล้วพวกมันก็หายไปไหนไม่รู้ เราจะทำยังไงกันดีค่ะ”
       ใหญ่ยิ้มเครียด “สถานการณ์อย่างนี้ ฉันคงไม่รอดแล้วล่ะ แต่สำหรับเธอ” คิดอยากลองใจ “ฉันจะพูดกับไอ้เสี่ยมันอย่างลูกผู้ชายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตายว่าเธอกับฉันไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ รับรองเธอยังมีทางรอด”
       ปิ่นอนงค์ส่ายหน้า “ไม่เอา ปิ่นไม่เอาวิธีนี้”
       ใหญ่ตีหน้าซื่อ “แสดงว่าเธอต้องการมีอะไรกับฉันจริงๆ เหรอ ปิ่น”
       ปิ่นอนงค์ฟังแล้วหน้าตาตื่น “ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ปิ่นหมายความว่าปิ่นไม่เอาตัวรอดไปคนเดียวหรอกค่ะ รอดไปเจอไอ้เสี่ยนั่น ปิ่นยอมตายพร้อมคุณใหญ่ดีกว่า”
       ใหญ่ยิ้มชื่นใจเหลือหลาย “ปิ่น เอามือเธอล้วงเข้าไปในกางเกงฉันที”
       ปิ่นอนงค์ตาโต “อะไรนะคะ”
       ใหญ่กระซิบ “มันหยิบไม่ได้ มีโทรศัพท์ซ่อนอยู่ ตรงขอบกางเกงใน ช่วยหยิบให้ที”
       พลางใหญ่บุ้ยใบ้ทำปากไปที่ขอบกางเกงด้านหน้าค่อนไปทางเอว
       ปิ่นอนงค์หน้าแดงมองใหญ่เขม็ง ใหญ่อดขำไม่ได้ “นี่ เวลาคอขาดบาดตายแบบนี้ชั้นไม่มีอารมณ์มาแกล้งเธอหรอก”
       ปิ่นอนงค์เคอะเขินเอามือสองข้างเขยิบเข้ากางเกงใหญ่
       “ไม่ใช่ตรงนั้น ขวา...ขวา…”
       ปิ่นอนงค์ดีใจมาก หยิบโทรศัพท์ออกมา “แจ้งตำรวจเลยนะคะ”
       ใหญ่หน้าเครียด ส่ายหน้า “กดเบอร์ที่ฉันบอก”
       
       เวลาเดียวกันปานเทพนั่งเอาผ้าขนหนูใส่น้ำแข็งประคบหัวที่ถูกจินตนาตีอยู่ในห้องนอนใหญ่ เสียงโทรศัพท์เข้า ปานเทพดูหน้าจอแล้วโกรธขึ้นมา ด่านำร่องก่อน
       “ไอ้คุณใหญ่ ไอ้บ้า ให้ฉันแสดงบทบาทผู้ร้ายจะได้ชินแล้วไง เจ็บตัวอีกจนได้”
       ปานเทพนั่งฟัง 4 วิ สีหน้าค่อยๆ เครียด “แกว่าอะไรนะ ถูกจับ ใครจับ”
       
       ปิ่นอนงค์ถือโทรศัพท์แนบหูใหญ่
       ใหญ่พูดหน้าเครียด “บอกอาปลอดว่าฉันต้องการความช่วยเหลือด่วน ใช้แผน...” ปิ่นอนงค์ฟังอย่างตั้งใจ ใหญ่บอกแผนต่อ “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ที่ถ้ำจอมพล ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ที่ถ้ำจอมพล”
       ประตูถูกเปิดผางเข้ามา ใหญ่รีบโผเข้าจูบคอปิ่นอนงค์ ปิ่นอนงค์ไม่ทันตั้งหลักหงายหลัง ใหญ่อยู่ในอาการคุกเข่าทับตัวปิ่นอนงค์อยู่
       
       ใหญ่กระซิบ “ปิด ซ่อนเร็ว”

---------------------------------------------------------------------------------

ปานเทพแต่งตัวรัดกุมทะมัดทะแมงหิ้วเป้ออกมาจากเรือนใหญ่ ตรงรี่ไปยังโรงรถ ทำท่าจะขึ้นรถกระบะคันใหญ่ปิดท้ายที่มีกุญแจคารถอยู่       
       แต่จอมดันมาเจอเข้า “จะทำอะไร”
       ปานเทพเซ็ง พยายามพูดดีๆ “ชั้นจะออกไปข้างนอก”
       “นายเป็นคนนอก ไม่มีสิทธิ์เอารถที่ไร่ออกไป”
       “แต่คุณใหญ่สั่งให้ชั้นรีบไปรับ”
       “จะรีบไปรับคุณใหญ่ หรือจะรีบหนีกันแน่”
       ปานเทพอึ้ง “ชั้นจะหนีทำไม”
       “แกปล้ำคุณนีย์ใช่มั้ย”
       “เฮ้ย กล่าวหากันแบบนี้เจอข้อหาหมิ่นประมาทนะโว้ย”
       “ได้ งั้นไปหาตำรวจกัน”
       “ไปตอนนี้ไม่ได้ไม่ว่าง” ปานเทพตั้งท่าจะไปจอมไม่ให้ไป “ถอยไป ไม่งั้นชั้นจะ...ฟ้องคุณใหญ่”
       ปานเทพผลัก แต่จอมล็อคตัวไว้ปานเทพสะบัดหลุดแล้ววิ่งหนี
       จอมกระโดดคว้าตัว แล้วจากนั้นสองคนก็สู้กัน ปานเทพต่อยแล้วจอมหลบได้ จะต่อยปานเทพ ปานเทพห้าม
       “เฮ้ย อย่าต่อยหน้านะโว้ย ฉันเสียโฉมขึ้นมาฉันฟ้องแกหมดตัวนะ”
       จอมหมั่นไส้ ต่อยท้องปานเทพจุก เจิด ก้านเข้ามา
       “เฮ้ย ทำไรวะ ใหญ่มาจากไหนมารังแกเพื่อนเจ้านายแบบนี้” เจิดตะโกน
       “ไม่เกี่ยวกับแก” จอมไม่สน
       “ทำไมจะไม่เกี่ยว ผู้จัดการสั่งให้ ชั้นสองคนคอยดูแลคนของคุณใหญ่” ก้านเสริม
       ปานเทพคุยข่มเสียงดัง “ได้ยินรึยัง ไอ้จอม แกต้องรู้ซะมั่งนะโว้ยว่าใครเป็นใคร” หันมาหาเจิดกะก้าน “นายสองคนทำดีมาก ถ้านายอัดไอ้จอมให้หมอบได้ ชั้นจะบอกคุณใหญ่ให้ขึ้นเงินเดือนแก”
       ก้านรับคำ “คุณปาน ได้ตามที่ขอเดี๋ยวนี้”
       ทั้งสองเข้าตะลุมบอนกับจอม ปานเทพจอมกะล่อนทำเป็นเชียร์เอะอะแล้วก็หาโอกาสกระโดดขึ้นรถกระบะขับออกไป
       จอมเห็นพยายามอัดพวกเจิด กระเด็นกระดอน แล้ววิ่งตามปานเทพไป แต่ก็ไม่ทันแล้ว จอมได้แต่โมโหฮึดฮัดขัดใจ
       
       ทางด้านปิ่นอนงค์รีบซ่อนโทรศัพท์ ยัดเข้ากางเกงใหญ่อีกที
       เหล่าสมุนยืนมองนึกว่าสองคนล้วงควักกัน “จะตายอยู่แล้ว ยังมีอารมณ์กันอีกจะแกสองคน”
       ใหญ่กับปิ่นอนงค์ผละออกจากกัน “อ้าว.. ไม่ได้สิ เมียฉันสวยอย่างนี้ก็ต้องสั่งลากันหน่อยล่ะ”
       เหล่าสมุนตรงเข้าไปลากสองคนออกไป
       
       เสี่ยตงยืนรออยู่ที่ลานจอดรถ สมุน 2 คนขนาบหลัง
       เสี่ยตรงยื่นมือจะจับแก้มปิ่นอนงค์ ปิ่นอนงค์เอียงหลบไปแนบไหล่ใหญ่
       “ไปครองรักกันในนรกเถอะนะ คุณชาลิต ปิ่นอนงค์”
       เสี่ยตงเย้ยหยัน แล้วพยักหน้าส่งสัญญาณ ลูกน้อง 8 คน ดันใหญ่กะปิ่นอนงค์ขึ้นรถตู้ แล้วขับออกไป
       
       ลูกน้อง 5 คนยืนล้อมวง หน้าเครียดฟังปลอดบอกแผนที่โถงในบ้านเพ็ญยืนอยู่หลังปลอด สีหน้ากังวลใจ
       “เรามีเวลาแค่สี่ชั่วโมง นั่งเจ็ตโบ้ตไปเพชรบุรี นายปานรออยู่แล้วต่อไปถ้ำจอมพล อำเภอจอมบึง ราชบุรี ต้องไปให้ทัน ไป”
       เพ็ญแทรกขึ้น “พี่ปลอด ระวังตัว นะพี่”
       ปลอดพยักหน้า เดินนำลูกน้องไป
       
       ใหญ่นั่งตรงกลางปิ่นอนงค์อยู่ริมหน้าต่าง สมุนหนึ่งคนอยู่ติดประตู
       ปิ่นอนงค์จับแขนใหญ่ เพราะกลัวมากสีหน้าเครียด เหลือบเหลียวมองสมุนเสี่ยตงไปมา
       ใหญ่เหลียวซ้าย มองหน้าสมุนที่นั่งติดกันนิ่งๆ
       “มองทำไมไอ้ใหญ่ อยากเจ็บตัวก่อนตายเหรอ”
       “เปล่า แต่มีเรื่องสำคัญอยากคุยด้วย” ใหญ่ว่า
       “เรื่องสำคัญอะไรวะ”
       “ฉันมีสมบัติที่ปล้นมาซ่อนเอาไว้เยอะด้วย จะแบ่งให้ถ้าพวกแกปล่อยเรา”
       สมุนรายนั้นนิ่งคิดแล้วหัวเราะขำกลิ้ง
       “เฮ้ยพวกเรา ไอ้ใหญ่บอกมีสมบัติก้อนใหญ่โว้ย.. นึกว่าพวกฉันโง่ ปัญญาอ่อนหรือยังไง ไอ้เวร”
       “ชีวิตฉันก็ไม่ต่างกับพวกแกหรอก แต่ฉันเน้นปล้นบ่อนใหญ่ๆ ปล้นคนเล่นรวยๆ ที่ข้ามไปเล่นแถวๆ ชายแดนแล้วก็เอา ไปฝังไว้ที่ถ้ำ เงินมีมากกว่าที่แกคิดเยอะ ถ้าไปแล้วไม่มี พวกแกก็ฆ่าฉันทิ้งได้อยู่แล้ว แถมแถวนั้นติดชายแดนด้วย กำจัดศพง่ายจะตาย”
       สมุนเสี่ยตงครุ่นคิด เหลียวมองลูกน้องไปมา “ถ้าเจอเงิน พวกแกเอาไปแบ่งกันแล้วปล่อยปิ่นไป ส่วนฉันกับพวกแก เรามาร่วมมือเป็นแก๊งเดียวกัน”
       เหล่าสมุนสบตากันไปมา ชั่งใจ คิดหนัก
       จู่ๆ ใหญ่ทำเครียด ปิ่นอนงค์มองใหญ่งงๆ
       
       จัดโต๊ะกินข้าวที่เรือนใหญ่เสร็จ อุ่นเรือนเอาแต่ชะเง้อมองที่ประตู
       ครองสุขเดินเข้ามาที่โต๊ะ “วันนี้ ฉันให้ธีระรอข่าวสำคัญ ไม่มากินด้วย ตักข้าวเลย”
       “คุณนายคะ ได้ยินว่าคุณนายให้ปิ่นออกไปหาข้างนอก มันไม่ได้กลับมาพร้อมคุณนายเหรอคะ” อุ่นเรือนร้อนใจนัก
       “มันเอาของมาให้ แล้วก็บอกว่าจะไปธุระต่อ” ครองสุขทำเนียน
       อุ่นเรือนวิตก “เอ๊ะ แล้วทำไมป่านนี้ยังไม่กลับ”
       ครองสุขเยาะ “หนีตามผู้ชายไปแล้วมั้ง”
       “ไม่หรอกค่ะ นั่งปิ่นมันไม่ทำอย่างนั้นหรอกค่ะ”
       “นังปิ่นมันร้ายกว่าที่แกคิดเยอะนะ แกตามมันไม่ทันหรอกนังอุ่น”
       น้อยเดินลงมาจากชั้นบน “นังน้อย ฉันให้แกไปตามยัยนีลงมากินข้าวตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่ลงมาอีก”
       “คุณนีไม่ลงมาค่ะ สั่งให้น้อยเอาข้าวขึ้นไปให้ข้างบนค่ะ”
       ครองสุขฉุนขาดกระแทกช้อนวางคาจาน
       
       ครองสุขเข้าห้องมา “ยัยนี”
       ทัศนีย์นั่งหน้ามุ่ยที่เตียง “คุณน้าจะด่า จะตีนีย์ยังไงก็ได้ แต่นีย์ไม่มีวันไปนั่งร่วมโต๊ะกับไอ้ปานเพื่อนโจรของไอ้ใหญ่อีกแล้ววันนี้มันก็ปล้ำนีด้วยดีที่ยัยจินตนามาช่วยเอาไว้”
       ครองสุขเข้าไปนั่งเชิดหน้า “ถือว่าทำทานให้หมามันไปเหอะ ต่อไปนี้แกจะไม่เห็นหน้าพวกมันอีก คืนนี้จะมีคนส่งไอ้ใหญ่ลงนรก ส่วนไอ้ปาน เราก็แจ้งตำรวจว่ามันปล้ำแก แค่นี้ก็เฉดหัวมันพ้นไร่ของเราแล้ว”
       ทัศนีย์ระรื่น “จริงหรอคะคุณน้า คุณน้านี่ยอดหญิงจริงๆ เลย”
       สองแม่ลูกที่โลกภายนอกรู้ว่าเป็นน้าหลานกอดกันดีใจ
       
       ปานเทพจอดรถรอที่ท่าเรือริมทะเล ตามแผน ปลอดเดินนำลูกน้อง มาจากสะพานเทียบเรือ ท่าทางเร่งรีบ ร้อนรน ปานเทพรีบลงไปตรงเข้าไปจับแขนพ่อ
       “พ่อ ผมเอง”
       ปลอดตบกบาลลูกชาย “แกพลาดให้คุณใหญ่โดนจับตัวไปได้ไง”
       “ก็มันจะทำอะไรเคยบอกให้รู้ตัวก่อนมั้ยล่ะ นึกจะทำอะไรก็ทำ” ปานเทพโอดครวญ
       ปลอดบอกทุกคน “รีบไปช่วยคุณใหญ่ก่อน ความผิดแกค่อยชำระสะสางทีหลัง”
       ปานเทพเกาหัวแกรก รีบนำทุกคนไปที่รถ
       
       ใหญ่กับปิ่นอนงค์ถูกคุมตัวมาถึงหน้าถ้ำตอนเย็น เหล่าลูกน้องพกปืนเห็นชัดเจน สมุนหัวโจกถือไฟฉาย 2 กระบอก ยื่นให้สุ่นลูกน้อง พร้อมกับสั่ง
       “แกเข้าไปกับฉัน ไอ้ใหญ่ พวกแกคุมนังปิ่นเอาไว้ ถ้าแกเบี้ยวนะไอ้ใหญ่ นังปิ่นไม่เหลือแน่ ไอ้สุ่นเข้าไประวังหลังให้ฉันด้วย”
       สมุนหัวโจกดันหลังใหญ่ไป สุ่นถือปืนตามใหญ่เดินเข้าไปได้สิบก้าว
       ปิ่นอนงค์ขวัญเสียห่วงใหญ่ “คุณใหญ่” แล้วร้องไห้ วิ่งไปหาใหญ่
       ใหญ่ก้มลงที่ซอกคอปิ่นอนงค์กระซิบบอก “ไม่ต้องกลัว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะไม่ทิ้งเธอปิ่นอนงค์”
       สมุนหัวโจกเข้ามากระชากคอเสื้อใหญ่ “ร่ำไรอยู่ได้ไปเร็ว”
       มันจับคอเสื้อให้ใหญ่เดินนำเข้าถ้ำไป สุ่นถือปืนเล็งหลังใหญ่ตามติด
       สมุนที่เหลือข้างนอกรายล้อมปิ่นอนงค์ห่างๆ นั่งบ้างยืนบ้าง
       ปิ่นอนงค์มองตามใหญ่อย่างเป็นห่วง
       
       กลุ่มของปลอดคืบคลานเข้ามาแอบดูตามพุ่มไม้ ก้อนหิน ต้นไม้ พงษ์ทำท่าเล็งปืนลูกซองแฝด ปลอดจับปืนไว้
       “เฮ้ย เดี๋ยว มีผู้หญิงด้วย” ปลอดร้องบอก เมื่อเห็นปิ่นอนงค์ถูกคุมตัวที่หน้าปากถ้ำ
       ปลอดหันมากระซิบถามปานเทพ “ผู้หญิงนั่นใครวะ”
       ปานเทพเพ่งมองจ้อง “น่าจะเป็นปิ่นอนงค์ ลูกสาวป้าอุ่นเรือนที่ใหญ่มันไปช่วยออกมาจากเสี่ยตง น่ะพ่อ”
       ปลอดปรับแผน “งั้นอย่าเพิ่งโจมตี เดี๋ยวปิ่นอนงค์โดนลูกหลง”
       
       ลูกน้องทุกคนรับทราบและเตรียมพร้อมทุกขณะ

----------------------------------------------------------------------------

เหตุการณ์ที่ไร่ไพศาลเวลานั้น จินตนายังรอฟังเรื่องปานเทพอยู่ที่คอกสัตว์ พอเห็นจอมเดินหน้าเครียดเข้ามา จินตนารีบถาม       
       “ว่าไงจอม”
       “มันขับรถของไร่ออกไปแล้ว บอกว่าจะออกไปหาคุณใหญ่ ท่าทางพิรุธ” จอมบอกท่าทีขัดใจไม่หาย
       “ไอ้คนนี้มันเคยขับรถทับหมาแล้วเอาไปทิ้งไว้ที่ที่ทำงานจิน แล้วก็หนีไป จินสงสัยตั้งแต่เจอกันที่คอกสัตว์ ที่เค้าใส่หนวด ใส่เคราแล้วว่าเคยเจอกันที่ไหน”
       “ไม่รู้มันมีคดีติดตัวกี่คดี ถึงหนีมาหลบในไร่เรา” จอมไม่พอใจใหญ่เป็นทุนอยู่แล้วเลยใส่ปานเทพหนัก
       อุ่นเรือนเดินเข้ามาด้วยท่าทีร้อนใจ “หนูจิน นี่ป้ากำลังจะโทร.หาหนูพอดี ปิ่นไปหาหนูหรือเปล่า”
       “ไม่นี่คะ หนูผ่านมาแถวนี้เลยแวะมาหาปิ่น ทำไมคะ”
       ฟังแล้วอุ่นเรือนยิ่งกลุ้มหนัก
       
       ขณะเดียวกัน ภายในถ้ำ ใหญ่เดินเยื้องหน้าสมุนหัวโจก และสุ่นถือปืนตามหลัง
       ใหญ่เดินไถลลื่นไปมา สมุนชักโมโห “เฮ้ย...เมื่อไหร่จะถึงซะทีวะ ไอ้ขุมทรัพย์สมบัติแก ไอ้ใหญ่”
       “ก็ช้าหน่อย ทางมันลื่น แล้วฉันทรงตัวได้ที่ไหน โดนใส่กุญแจมือข้างหลังอย่างนี้ เปลี่ยนมาใส่ข้างหน้าได้รึเปล่าจะ ได้ไปถึงเร็วๆ”
       วายร้ายสบตากันไปมา สมุนหัวโจก ชักปืนออกมาเล็งอกใหญ่แล้วสั่ง
       “ไอ้สุ่น ไขกุญแจมือให้มัน”
       สุ่นเหน็บปืนที่หลัง ควักกุญแจไขมือให้ใหญ่ด้านหลัง กุญแจมือหลุด สุ่นถือเอาไว้ สุ่นบอก “หันมา”
       สมุนหัวโจกเล็งปืนจดจ้องสั่งสำทับ “ช้าๆ ไอ้ใหญ่ ช้าๆ ระยะแค่นี้ชั้นไม่พลาดแน่”
       ใหญ่กลับหันไปหา สุ่นรีบใส่กุญแจมือบีบให้แน่น ดังกิ๊กๆ
       สุ่นสบตาลูกพี่ “เรียบร้อย เฮีย”
       ใหญ่หันกลับมาหาสมุน หัวโจก แต่ตาจ้องที่กุญแจมือ
       สมุนหัวโจกงง ก้มมองกุญแจมือ สุ่นเก็บลูกกุญแจกำลังจะหยิบปืนที่เอว
       ไวเท่าความคิดใหญ่เงยหน้า กำมือพร้อมกับเอาโซ่ระหว่างมือยกสวนขึ้น
       โซ่กระแทกปืนในมือสมุนหัวโจกกระเด็นขึ้นบน โซ่พุ่งพรวดพาดสู่จุดหมายคือลูกกระเดือกของสมุนหัวโจกเต็มๆ มันทรุดลงไปนั่งกุมคอตาเหลือก
       ใหญ่หันกลับมากระโดดเข้าบีบคอสุ่นที่กำลังเลิ่กลั่ก จับกระแทกกับผนังถ้ำสี่ครั้ง สุ่นสลบเหมือดใหญ่ล้วงลูกกุญแจออกมาจากกระเป๋าสุ่น
       สมุนหัวโจก ทุรนทุรายจะหยิบปืน ใหญ่ลุกหันมาเตะเข้าปลายคาง จับหัวโขกหินอีกทีวูบคาที่
       
       ค่ำมากแล้วปิ่นอนงค์นั่งหน้ากองไฟ ชะเง้อดูหน้าถ้ำเป็นระยะ สมุนที่เหลือออกอาการเครียด มองหน้ากันไปมา ต่างถือไฟฉายส่องไปรอบๆ บ้าง ส่องหน้าถ้ำบ้าง
       สมุนคนหนึ่งลุกขึ้น ชี้บอกสมุนอีกคน ให้ลุกตามมา พลางร้องบอก
       “เฮ้ย นานไปแล้วว่ะ แกเฝ้าผู้หญิงไว้”
       สมุน 2 คน ตามกันเข้าถ้ำไป
       กลุ่มของปลอดเครียด ปลอดไล่เช็คจำนสนคน ส่งสัญญาณชี้สมุนเสี่ยตงว่าเหลือที่หน้าถ้ำ 4 คน
       พงษ์กับลูกน้องกระจายกำลังกันหายไปในความมืด
       สมุนที่เหลือจ้องปิ่นอนงค์เขม็ง ปิ่นอนงค์กลัวมาก ผวาหลบตา
       
       สมุน 2 คนเดินถือปืนระแวดระวังมาตามทางในถ้ำ ส่องไฟฉายไปมา
       เห็นสมุนสุ่นกับหัวโจกนอนอยู่ สมุน 2 คนรีบเข้าไปดูด้วยความตกใจ ใหญ่รออยู่ในมุมมืดเข้ามาเตะเสยสมุนคนหนึ่งจนกระเด็น สมุนอีกคนจะยิงใส่
       ใหญ่โผนทะยบานเข้ามาแย่งปืนแล้วจับยิงขาสมุนอย่างแม่นยำ แต่มันไม่หมดฤทธิ์ ถองใหญ่แล้วดิ้นหลุด พร้อมกับเข้าสู้แย่งปืนกัน ปืนลั่นอีกหลายนัด สมุนหัวโจกที่สลบอยู่ดันฟื้น วิ่งหนีออกจากถ้ำไป
       
       สมุนหัวโจกซึ่งหัวแตกวิ่งออกมา ตะโกนบอกลูกน้อง “ไอ้ใหญ่มันเล่นไม่ซื่อจัดการ อีปิ่นซะ พวกเราเข้าไปอัดมันให้เละ”
       สมุนที่จับปิ่นอนงค์อยู่ ทำท่าจะยิง แต่ถูกปืนยิงมือปืนกระเด็น ระเบิดควันถูกโยนเข้ามา พงษ์ที่เคลื่อนมาซุ่มใกล้ๆ ก็ พาลูกน้องกระโดดเข้ามา อัดกับพวกสมุนเสี่ยตงอย่างดุเดือด ปลอดวิ่งมากับปานเทพ
       “ไอ้ปานเอ็งดูปิ่น พ่อจะไปช่วยคุณใหญ่”
       ปานเทพดึงปิ่นอนงค์ซึ่งตื่นตกใจอยู่หนีไปอีกทาง
       
       ปลอดวิ่งเข้ามา เห็นใหญ่ต่อยอยู่กับสมุนที่ตามมาทีหลังและไอ้สุ่น ซึ่งฟื้นแล้ว ใหญ่เพลี่ยงพล้ำเพราะโดนรุม ปลอดเข้าช่วยจนสองคนนอนหมอบ ปลอดจะยิง แต่ใหญ่จับไว้
       “อย่าครับอา”
       พงษ์กับลูกน้องบางส่วนเข้ามา “จัดการข้างนอกเรียบร้อยแล้วครับ”
       ใหญ่ถามเครียด “ไม่ได้ฆ่าใครใช่มั้ย”
       “ก็เลือดตกยางออกนิดหน่อย แต่ไม่ถึงตาย”
       ปลอดสั่งลูกน้อง “มัดไอ้สามคนนี่ด้วย”
       ลูกน้องเข้ามา เอาเชือกมัดสมุนเสี่ยตง
       ปลอดเห็นเสื้อแถวเอวใหญ่มีเลือดเป็นดวงใหญ่
       “คุณใหญ่ คุณใหญ่ถูกยิงเหรอครับ”
       ใหญ่ก้มลงมอง กุมที่เลือดงงๆ
       
       สมุนเสี่ยถูกจับมัด โดนยืนล้อมเอาปืนจี้ ปานเทพอยู่กับปิ่นอนงค์ที่ชะเง้อมองหน้าถ้ำปานเทพถาม “เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย”
       “ไม่ค่ะ” ปิ่นอนงค์มองๆ
       “ฉัน ปาน ลูกพ่อปลอด”
       “ปาน” ปลอดประคองใหญ่ที่กุมท้องออกมาเรียก พงษ์ตามออกมา ปิ่นอนงค์หันไปเห็น
       “คุณใหญ่” ปิ่นโผเข้าหา “คุณใหญ่บาดเจ็บ”
       ใหญ่นั่งซบปิ่นอนงค์ “ฉันไม่เป็นไรหรอก”
       “ไม่เป็นไรได้ไงค่ะ เลือดออกเยอะอย่างงี้ ช่วยคุณใหญ่ด้วยคุณใหญ่ถูกยิง พาคุณใหญ่ไปหาหมอเร็วค่ะ” ปิ่นอนงค์ลนลานไปหมด
       ปานเทพตกใจไปด้วย เพราะกลัวเลือด “ไปไอ้ใหญ่ ช่วยกันหน่อยพี่พงษ์”
       พงษ์ยืนเฉยๆ มองหน้าปลอด “เอ้าเป็นไรกัน ไม่ได้ยินเหรอ”
       ปลอดจิกเสื้อปานเทพลากไป ร้องสั่ง “ไม่ใช่เรื่องของแก เฮ้ย พงษ์ ต้อนพวกแดนนรกนี่เข้าไปรวมกันในถ้ำ”
       พงษ์ไปจัดการสมุนที่เหลือตามสั่ง ปานเทพถูกปลอดลากไป
       ปานเทพตามมาในอาการงง “พ่อ ทำไมไม่เอาไอ้ใหญ่ส่งโรงพยาบาล เดี๋ยวก็เลือดหมดตัวกันพอดี”
       ปลอดฉุนนัก “คุณใหญ่เค้าไม่ใจเสาะอย่างแกหรอก เดี๋ยวเค้าก็หาย แกน่ะมาเล่าให้ฉันฟังให้หมดว่า ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นที่ไร่”
       ใหญ่ทำเป็นแย่ ปิ่นอนงค์ใจคอไม่ดี “คุณใหญ่อดทนไว้นะคะ คุณใหญ่ต้องไม่เป็นไร”
       “เธอไม่ได้อยากให้ฉันตายเหรอ”
       “ปิ่นไม่เคยอยากให้คุณใหญ่ตายเลยนะคะ”
       “จริงเหรอ”
       “จริงซิคะ เราต้องห้ามเลือดก่อน ขอปิ่นดูแผลได้มั้ย”
       “แต่คุณนายของเธอเกลียดฉัน ถ้าเค้าอยากให้ฉันตายเธอจะกล้าขัดคำสั่งเค้าเหรอ”
       “ปิ่นจะทำให้คุณนายหายเกลียดคุณใหญ่ เองค่ะ จริงๆ นะคะ”
       ใหญ่มองเหมือนจะประเมินว่าปิ่นอนงค์พูดอย่างจริงใจหรือเปล่า
       ปิ่นอนงค์เปิดเสื้อใหญ่ดูจนได้ “เอ๊ะ ไม่เห็นมีแผลเลย”
       “อ้าวเหรอ แสดงว่ามันเป็นเลือดของพวกไอ้เสี่ยน่ะสิ”
       ใหญ่ลุกขึ้น ปิ่นอนงค์มองงงๆ ใหญ่ยื่นมือ “ไปเถอะ”
       นั่นละปิ่นอนงค์ถึงรู้ว่าถูกใหญ่แกล้ง จึงทั้งงอนทั้งโกรธ ลุกขึ้นเดินไปเอง
       
       ใหญ่พาปิ่นอนงค์เดินมาที่รถ ปานเทพกับปลอดยืนรออยู่แล้ว ใหญ่ยกมือไหว้ปลอด
       “ขอบคุณนะครับอาปลอด ถ้าไม่ได้อา ผมแย่แน่ๆเลย”
       “แล้วคุณใหญ่จะเอาไงกับพวกเสี่ยตง ส่งมันให้ตำรวจมั้ย”
       ใหญ่กระแอม “ไม่ได้หรอกอา พวกเราก็มีชนักติดหลังอยู่เยอะ อย่าลืมซิ เก็บมันไว้ก่อน ดูว่าทางไร่จะ
       เอาไงต่อ”
       ปิ่นอนงค์มองปลอดจับอาการ
       ใหญ่แตะมือปิ่นอนงค์ ทำเอาปิ่นอนงค์สะดุ้ง “เธอจำอาปลอดได้มั้ย”
       ปิ่นอนงค์ยกมือไหว้ ปลอดรับไหว้
       “ที่ฉันบอกเธอว่าไปปล้นใครต่อใครเค้า อาปลอดนี่แหละคือ…” ปลอดสะดุ้งกระแอมมองใหญ่ว่าเล่น
       อะไร “หัวหน้าแก๊ง เธอเห็นฝีมือแล้วนี่ เป็นไงใช้ได้มั้ย”
       ปิ่นอนงค์ผวาสบตาปลอดแล้วรีบหลบตา “ไปเถอะอา ผมหิวมาก ไปหาข้าวต้มรอบดึกรองท้องดีกว่า”
       
       เช้าวันต่อมาอุ่นเรือนนั่งสะอึกสะอื้นอยู่ระเบียงบ้าน น้อยนั่งที่พื้น บีบขาปลอบใจ จอมเข้ามาอาการซึมๆ อุ่นเรือนรีบลุก “ว่ายังไงจอม ได้ข่าวปิ่นมั้ย”
       จอมส่ายหน้า “ไม่มีวี่แววเลยป้า แต่ชั้นไปลงบันทึกที่โรงพักแล้ว อีกสองวันถ้าปิ่นยังไม่กลับมา เราค่อยไปแจ้งความกัน”
       อุ่นเรือนทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ คร่ำครวญ
       “หรือว่าปิ่นมันจะน้อยใจ ที่คุณนายกับป้าไปดุมันเรื่องคุณใหญ่”
       “ใช่เรื่องนี้แน่เลย เพราะพี่ปิ่นไม่เคยไปยุ่งกับคุณใหญ่ มีแต่คุณใหญ่นั้นแหละที่คอยมาวอแว เกาะแกะยุ่งเกี่ยวกับพี่ปิ่น”
       อุ่นเรือนสะท้อนในใจ “ความผิดของฉันแท้ๆ ฉันผิดเอง”
       จอมตาขวาง “ไม่ใช่ความผิดของป้า ความผิดของคุณใหญ่คนเดียว”
       หวานวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา “ป้าอุ่น น้อย คุณนายตามหา บอกให้ขึ้นไปที่เรือนใหญ่เดี๋ยวนี้”
       
       รถตู้แล่นเข้ามาตรงทางเข้าบ้านของปลอด ภายในรถปิ่นอนงค์หลับซบอิงกับไหล่ใหญ่อยู่ ใหญ่ก็กอดอกหลับ
       ปานเทพก็สัปหงกเหมือนกัน ปลอดหันมามองคิดๆ
       รถจอดที่หน้าบ้าน ปลอดถองปานเทพ “ไอ้ปานตื่น”
       ปานเทพตื่นมองรอบๆ พอรู้ก็โวยลั่น “ถึงแล้วเหรอ เฮ้ยนี่มันบ้านเรานี่พ่อ ทำไมไม่กลับไร่ไพศาลล่ะ”
       “แกถามคุณใหญ่เองแล้วกัน คุณใหญ่ครับ คุณใหญ่” ปลอดหันไปปลุกใหญ่
       ใหญ่ลืมตาขึ้นมามอง เห็นปิ่นอนงค์ยังหลับซบอยู่ใหญ่เรียกปลุก “ปิ่น ปิ่น”
       ปิ่นอนงค์ยังนิ่ง “สงสัยฤทธิ์ยายังไม่หมด”
       ปานเทพงงก่อนจะนึกได้ “ยา ยาอะไร เฮ้ยอย่าบอกนะว่า ที่ร้านข้าวต้ม แกวางยายัยปิ่น”
       
       ใหญ่ไม่ตอบใบหน้าเหมือนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชัวโมงก่อน

----------------------------------------------------------------------------------

ที่ร้านข้าวต้ม ใหญ่เปลี่ยนเสื้อแล้ว แอบเอายาใส่ในแก้วน้ำเก็กฮวยเม็ดหนึ่ง ปานเทพโซ้ยข้าวไม่ได้มอง ปลอดเห็นแต่ทำเป็นไม่สน ปิ่นอนงค์เข้าห้องน้ำเสร็จเดินกลับมาที่โต๊ะ ใหญ่ยกแก้วยื่นให้        
       “น้ำเก็กฮวย เย็นๆ กินซะจะได้หายเหนื่อย หายเพลีย”
       “ขอบคุณค่ะ” ปิ่นอนงค์รับไปดื่ม
       
       ใหญ่ก้าวลงจากรถ ปานเทพโวยใส่
       “ไอ้ใหญ่ แกนี่มันเข้าขั้นโรคจิตแล้วนะโว้ย จะแกล้งอะไรยัยปิ่นนักหนา”
       ใหญ่ไม่ตอบอุ้มปิ่นอนงค์ลงไป ปานเทพมองตามไม่วางตา
       “ดูมันพ่อ ผมว่าไอ้คุณใหญ่มันอินกับบทโจรเกินไปแล้วอีกหน่อย พวกเราคงถูกตำรวจไล่ล่าตั้งค่าหัวกันจริงๆ สักวัน”
       ปลอดผลักหัวลูกชาย “มากไปแล้ว คุณใหญ่เป็นเพื่อนเล่นแกเหรอไอ้ปาน”
       
       เพ็ญเดินออกมาจากหลังบ้าน เห็นใหญ่อุ้มปิ่นอนงค์เข้ามาในบ้าน เพ็ญตื่นตกใจ
       “อุ๊ย คุณใหญ่”
       “ห้องรับรองเปิดอยู่รึเปล่าครับ”
       “ค่ะ ที่นอนก็ปูเรียบร้อยตามที่โทร.มาสั่ง”
       ใหญ่อุ้มปิ่นอนงค์เดินขึ้นชั้นบนไปอย่างรีบเร่ง ปลอดกับปานเทพเดินเข้ามา
       “ผู้หญิงคนนั้นใครกันพี่ปลอด”
       “ปิ่นอนงค์ลูกแม่บ้านไร่ไพศาล อย่าเพิ่งถามอะไรมาก เดี๋ยวคุณใหญ่ก็คงอธิบายทุกอย่างเอง ตอนนี้คุณใหญ่สั่งให้ทำอะไรพูดอะไรก็ทำไปก่อน”
       ปลอดพูดจบก็เดินไป เพ็ญมองปานเทพเป็นเชิงถาม
       “อย่าถามผม น้าเพ็ญ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย”
       ปานเทพเดินไป ทิ้งเพ็ญยืนงงอยู่คนเดียว
       
       น้อยเหงื่อโชก ลากกล่องกระดาษใบใหญ่สองใบออกมาจากห้องทรรศนะ อุ่นเรือนก็เก็บเอาผ้าเช็ดตัวให้ห้องน้ำออกมา เห็นหมอน ผ้าปู ผ้าห่ม ล้นกล่องออกมา โดยมีครองสุขยืนเท้าสะเอวสั่งการอยู่หน้าห้อง
       “ดูดีๆ หมดรึยัง ข้าวของเสื้อผ้าของมัน อย่าให้เหลือ”
       “จะเอาของคุณใหญ่กับคุณปานไปบริจาคเหรอคะ” น้อยถามงงๆ
       “เผา เอาไปเผา แล้วอย่าลืมเอาน้ำยาฆ่าเชื้อมาราดในห้องด้วยทุกซอกทุกมุม”
       น้อยตกใจรีบเอามือปิดปากปิดจมูก “อุ๊ย คุณใหญ่เป็นไข้หวัดนกเหรอคะ”
       “อีบ้า ฉันจะทำความสะอาดล้างเสนียดล้างซวยต่างหาก นี่มันห้องตานะหลานฉัน ไม่ใช่ห้องของไอ้ใหญ่” ครองสุขตวาดด่า
       “แล้วถ้าเกิดคุณใหญ่กลับมาละคะ” อุ่นเรือนสงสัย
       “มันไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว”
       ครองสุขยิ้มเยาะแล้วเดินเชิดออกไป อุ่นเรือนงง
       “แสดงว่าคุณใหญ่ก็ออกไปจากไร่แล้ว หรือว่าปิ่น...”
       
       ครองสุขเดินลงมาจากชั้นบนเจอกับธีระที่เดินเข้ามาในห้องโถงพอดี ธีระรายงาน
       “ไอ้ปานก็หายหัวไปด้วย ไอ้เจิดบอกว่า มันขับรถของเราออกไป
       “ก็คงออกไปตามเพื่อนมันน่ะสิ เดี๋ยวเธอไปแจ้งความไว้เลยนะ ว่าไอ้ปานมันขโมยรถ กลับมาเมื่อไหร่จะให้ตำรวจลากคอมันเข้าคุก”
       ครองสุขสั่งการ แล้วหันไปเห็นทัศนีย์เดินร่าเริง ลงมาแต่งตัวสวยเช้ง
       “นี่จะแต่งตัวออกไปไหนอีก”
       ทัศนีย์ยิ้มประจบประแจง “แหมนีย์ขอออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาบ้างซิคะ เครียดกับพวกโจรมันมาหลายวัน”
       ครองสุขมองอย่างชั่งใจ “ก็ได้ แต่รีบๆกลับมานะ พรุ่งนี้ตานะจะกลับมาแล้ว จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันหน่อย”
       ทัศนีย์ยิ้ม กราบลงตรงไหล่ครองสุข แล้ววิ่งออกไป ครองสุขมองตามทัศนีย์ไป แล้วหันกลับมา
       ธีระนั่งเครียด เหม่อมองไปอีกทาง ครองสุขยิ้มกริ่ม
       “คิดอะไรอยู่จ๊ะ”
       ธีระครวญ “สงสารปิ่นครับ ที่ต้องมารับเคราะห์ไปกับไอ้ใหญ่ด้วย”
       ครองสุขตบโต๊ะด้วยความโมโห “ก็มันทำตัวของมันเอง อยากเอาใจออกห่างไปเข้ากับศัตรูไม่งั้นก็ไม่ต้องมาประสบชะตากรรมแบบนี้หรอก”
       อุ่นเรือนตามลงมาแต่ไม่ได้ยินอะไร
       “คุณนายคะ คุณใหญ่ไปจากไร่ตั่งแต่เมื่อไหร่คะ ก่อนหรือหลังปิ่นหายไป”
       ครองสุขฉงน “อะไรของแกอีก”
       “อุ่นกลัวว่าคุณใหญ่จะเอาตัวปิ่นไป”
       ครองสุข สบโอกาส “นี่นังอุ่น ไหนไหนเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้ ฉันบอกแกเลยแล้วกัน มีคนเค้าเห็นว่าลูกแกขับรถไปกับไอ้ใหญ่ แล้วมันก็จอดรถทิ้งไว้แล้วก็หายไปไหนด้วยกันก็ไม่รู้ ธีระเป็นคนขับรถคันนั้นกลับมาเองจริงมั้ยธีระ”
       ธีระจำใจ “ครับ”
       อุ่นเรือนตกใจ “จริงเหรอเนี่ย นังปิ่นมันต้องโดนบังคับแน่ๆ เชื่ออุ่นซิคะ”
       ครองสุขถือโอกาสปั่นเต็มๆ “นี่อุ่น...ฟังนะ นังปิ่นน่ะมันไม่ใช่เด็กอายุ ห้าขวบ ไม่มีใครบังคับมันได้หรอก มันน่ะคงจะอยากเป็นคุณนายไร่ไพศาลเต็มแก่ ก็เลยยอมเป็นเมียไอ้ใหญ่แต่โชคไม่ดีไอ้ใหญ่มันอาจจะเจอตำรวจก็เลยพานังปิ่นหนีไปด้วย ทำใจเถอะ ถือเป็นกรรมของแกนะนังอุ่น”
       พลางครองสุขลูบหลังลูบไหล่อุ่นเรือนที่ตัวสั่นงันงก ลงไปนั่งแหมะหมดแรงคาพื้นบ้าน
       ครองสุขเดินหนีไป ธีระถอนหายใจแล้วเดินตาม
       
       เวลาเดียวกันนั้นที่บ้านปลอด เพ็ญ ยกถาดผลไม้มาแล้วหยิบมีดปอกเพิ่ม ปานเทพกะใหญ่และปลอดชุมนุมกัน
       “คุณใหญ่อยากให้ทางไร่คิดว่าคุณใหญ่กับปิ่นอนงค์ถูกฆ่าตาย!” ปลอดถามย้ำ
       ใหญ่พยักหน้ารับ “ใช่ครับ”
       “ปลอดงง “แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาละครับ”
       ปานเทพสาระแน “ความมันส์ไงพ่อ สะใจได้แกล้งคน”
       ปลอดฉุน “ไอ้ปาน”
       “ที่ปานพูดมันก็มีส่วนถูก ผมอยากสั่งสอนบทเรียนให้คนพวกนั้น” ใหญ่ว่า
       “แต่ผมว่ามันเสี่ยงเกินไป ถ้าพลาดพลั้ง นอกจากคุณใหญ่จะเป็นอันตราย ทุกอย่างที่เราทำก็จะสูญเปล่า” ปลอดไม่เห็นด้วย
       “คราวนี้ผมยอมรับว่าผมประมาทไปหน่อย แต่ต่อไปผมรับรองว่าจะระวังมากขึ้น”
       ปานเทพตั้งข้อสังเกต “สรุปแล้ว แกจะปล่อยให้ไอ้เสี่ยมันลอยนวล แกคิดเหรอว่ามันจะไม่มาเอาคืน”
       “มันอาจจะไม่กลัวตำรวจนะ แต่มันคงไม่อยากมีเรื่องกับแก๊งเสือปลอดหรอก”
       ระหว่างนั้นปิ่นอนงค์เดินท่าทางเพลียๆ ลงมา ทันได้ยินประโยคท้ายถึงกับชะงัก เพ็ญหันไปเห็น
       “อ้าว ปิ่นอนงค์ ตื่นแล้วเหรอ”
       ปิ่นอนงค์ไม่คุ้นสถานที่ “ที่นี่ที่ไหนคะ”
       ใหญ่ลุกขึ้นอย่างกร่าง “ขอต้อนรับสู่รังเสือปลอด”
       ปลอดทำหน้าไม่ถูก ปานเทพสะใจ “รังเสือปลอด”
       ปิ่นมองบ้านปลอดตื่นตา แปลกใจ “ทำไมเหรอปิ่น เธอนึกว่าโจรต้องอยู่ในถ้ำในป่า หรือปลูกกระต๊อบอยู่เหรอ เชยจริงๆ พวกเราเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายปล้นเงินมาได้ ก็ต้องใช้ให้คุ้มหน่อย”
       ใหญ่ผายมือไปที่เพ็ญ “แล้วนี่น้าเพ็ญ เมียเสือปลอด”
       ปิ่นอนงค์ไหว้เพ็ญ เพ็ญรับไหว้ มีดยังอยู่ ปิ่นอนงค์เห็นมีดอึ้งๆ เพ็ญรีบวางมีด
       “หนูปิ่นหิวหรือยัง กินอะไรดี”
       “ไม่ค่ะ ปิ่นยังไม่หิว”
       “ไม่ต้องเกรงใจ ที่นี่ของกินเหลือเฟือ พวกฉันไม่ใช่โจรกระจอกนะ”
       “ใช่ๆๆๆ เราปล้นแต่คนรวยๆ ทั้งนั้น กินทิ้งกินขว้างได้เลย ไม่ต้องเสียดาย ฮ่ะๆๆๆๆ จริงมั้ยพ่อเสือ ฮ่ะๆๆ” ใหญ่หยิบผลไม้มากิน “ปลอดจำต้องหัวเราะไปด้วย ปิ่นมองแปลกๆ ประมาณเว่อร์เกิน โดยเฉพาะเพ็ญที่หลบๆ ตา”
       
       อีกมุมบ้านปลอด ปิ่นเดินตามใหญ่มา
       “คุณใหญ่ ทำไมคุณใหญ่ไม่พาปิ่นกลับไร่ไพศาลคะ”
       “ตอนแรกก็ว่าจะไป แต่ฉันคิดว่า กลับไปตอนนี้ยังไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่”
       “แต่ป่านนี้คนที่นั่นคงเป็นห่วงเรามาก” ปิ่นอนงค์
       “ปิ่นอนงค์ นี่เธอคิดว่ายังมีใครเป็นห่วงเราสองคนอีกเหรอ คุณนายครองสุขหลอกเธอมาหาเสี่ยตง แล้วก็กะจะให้ไอ้เสี่ยนั่นเอาเราไปฆ่า รู้ไว้ซะด้วย”
       “เสี่ยนั่นอาจจะคิดร้ายกับเราเอง คุณนายไม่ใจร้ายอย่างที่คุณใหญ่คิดหรอกค่ะ”
       ปิ่นอนงค์หลบตา “จริงๆ แล้วก็คิดว่าคุณนายร้าย แต่ไม่อยากยอมรับกับใหญ่”
       ใหญ่บอก “เธอเชื่ออย่างนั้นจริงๆ เหรอ”
       “ค่ะ อีกอย่างแม่ก็คงกลุ้มใจมากที่ปิ่นหายมาอย่างงี้ ปิ่นขอร้องนะคะคุณใหญ่ ถ้าคุณใหญ่ยังไม่อยากกลับก็ปล่อยปิ่นไปเถอะค่ะใหญ่ทำเป็นคิด”
       
       อุ่นเรือนนอนซมหน้าเครียดอยู่ จินตนานั่งข้างเตียงเกลี้ยกล่อม
       “ป้าอุ่น ไปโรงพยาบาลกับจินเถอะนะคะ ให้คุณหมอตรวจดูซักหน่อย ก็ยังดี”
       “ไม่ สิ้นเปลืองเปล่าๆ แค่นี้คุณนายก็เดือดร้อนใจมากพอแล้ว”
       จินตนากล่อมทั้ง “ใจเย็นๆ นะป้า จินไม่เชื่อหรอกว่าปิ่นจะทำแบบที่คุณนายพูด”
       “แต่ปิ่นมันเป็นคนหัวอ่อน มันอาจถูกคุณใหญ่หลอกก็ได้ หนูจิน นี่ป้าควรจะทำไงดี ถ้าปิ่นมันไม่กลับมา” อุ่นเรือนรำพัน
       “ปิ่นต้องกลับมา จินเอาหัวเป็นประกัน ปิ่นไม่มีวันทิ้งป้าอุ่นแน่ อีกอย่าง ปิ่นรอวันที่คุณทรรศนะจะกลับมาตลอด ยังไงปิ่นก็ต้องกลับมาเจอคุณนะ ป้าเชื่อจินซิจ๊ะ”
       
       น้อยกำลังลากลังของปานเทพกับใหญ่ออกมา แค่สองลังก็ลิ้นห้อย แล้วหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์ขยำเอาไฟแช็กจุด
       จินตนาเดินมาเห็น “น้อย!”
       จินตนาวิ่งมา “ทำอะไรน่ะ”
       “คุณนายให้เผาของคุณใหญ่กับคุณปาน”
       จินตนาสงสัย “เผาทำไม”
       “แกบอกว่าสองคนนี่จะไม่กลับมาแล้ว ท่าทางมีความสุขมากเลยค่ะคุณจิน”
       จินตนาจับมือน้อยไว้ “เดี๋ยวน้อย อย่าเพิ่ง ลังไหนของนายปาน”
       น้อยบอก “นี่ค่ะ”
       จินตนาหยิบของในลังขึ้นมาดู เป็นพวกเสื้อผ้า ผู้ชาย กางเกงใน จินตนาคีบอย่างรังเกียจ
       น้อยถาม “คุณจินจะทำอะไรคะ”
       “ฉันสงสัยว่าเพื่อนคุณใหญ่คนนี้ไม่ธรรมดา”
       “ไม่ธรรมดาแน่ค่ะ ก็เคยเป็นโจรปล้นฆ่านี่คะ”
       “นั่นแหละที่ฉันสงสัย”
       จินตนาคุ้ยของเจอกระเป๋าใส่ของจุกจิก เปิดดูเจอพวกโรลออน น้ำมัน โลชั่น ที่โกนหนวดแบบทันสมัย ครีมอาฟเตอร์เซฟ ผ้าเช็ดหน้าลายหรู
       “นายปานใช้ของขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
       “ของปล้นมามั้งคะ”
       จินตนาค้นอีก เจอพวกวิตามินซี น้ำมันปลา สองสามขวด และสุดท้าย เจอหนังสือกฎหมายฉบับพกพา
       “ตำรากฎหมาย แน่ใจเหรอน้อยว่านี่ของนายปาน ป่าหวาย”
       น้อยมองงงๆ
       ปิ่นอนงค์นั่งดูปฎิทินหน้าหมอง จำได้ “คุณนะ พรุ่งนี้คุณนะจะกลับแล้ว ไม่รู้ปิ่นจะมีโอกาสได้ไปเจอคุณนะมั้ย ปิ่นคิดถึงคุณนะมากนะคะ”
       ใหญ่ยืนหน้าเครียดมองอยู่ ในมือถือโทรศัพท์กำแน่น “อย่างงี้นี่เอง”
       ปิ่นหันขวับไปเจอใหญ่ก็ตกใจ “คุณใหญ่”
       “ตอนแรกฉันก็เห็นใจนะ นึกว่าเธอคิดถึงแม่จริงๆ ก็เลยจะเอาโทรศัพท์มาให้โทรหา แต่...ถ้าแค่อยากกลับไปเจอหน้าไอ้นะ ยังไม่ต้องก็ได้มั้ง”
       ปิ่นอนงค์วิ่งถลาไปหาใหญ่ร้องขอ “คุณใหญ่...ขอโทรศัพท์เถอะค่ะ ปิ่นอยากโทร.ไปหาแม่จริงๆ”
       ใหญ่กระชากมือออก เดินหนีไปไม่ใยดี แล้วกระแทกประตูปิด ล็อคจากด้านนอก
       “คุณใหญ่ๆๆ” ปิ่นทุบประตูครวญคร่ำ
       
       ปานเทพหาหนังสือกฎหมายในเป้ “ตำราคู่ใจอยู่ไหนวะ หรือลืมไว้ที่ไร่”
       ใหญ่เดินหน้าบอกบุญไม่รับลงมา “ไอ้คุณใหญ่เห็นตำรากฎหมายฉบับย่อของฉันมั้ยวะ”
       “รถคันที่เอามาจากไร่ไพศาลอยู่มั้ย”
       “อยู่ จะไปไหน” ปานเทพถามงงๆ
       “ไปเหมือง” ใหญ่เดินออกทันที
       
       ใหญ่มาถึงเหมืองใส่หมวกเดินเข้ามาที่คนงานกำลังใส่แท่งไดนาไมท์ตามช่องหินที่เจาะไว้ เตรียมระเบิด
       “มาชั้นทำเอง”
       ใหญ่แย่งไปทำเองสีหน้าเคร่งเครียด โกรธแกมโมโหปิ่นอนงค์เรื่องทรรศนะกรุ่นๆ 

---------------------------------------------------------------------------------------

เวลาเดียวที่ไร่ไพศาล ครองสุขอยู่ในห้องนอนบนเรือนใหญ่ กำลังเอาชุดมาวางเรียงรายบนเตียงเพื่อเลือก และคุยโทรศัพท์กับทรรศนะที่ยังอยู่เมืองนอก        
       “ตกลงนะ จะมาถึงกี่โมงแน่ น้าจะได้กะเวลาไปถูก”
       ทรรศนะใส่สูทเตรียมตัวเดินทาง “คุณน้าไม่ต้องมารับหรอกครับ”
       “อ้าว ทำไมล่ะ”
       “ไหนๆ ผมก็จะกลับไปที่ไร่อยู่แล้ว ย้อนไปย้อนมาเสียเวลา เดี๋ยวผมหารถกลับเอง” ทรรศนะบอก
       “ไม่เสียเวลาหรอกนะ น้าอยากรู้จักกับหนูอรด้วย”
       “ยังไงผมก็ต้องพาอรไปกราบคุณน้าอยู่ดี เอาเป็นว่า คุณน้ารอผมอยู่ที่ไร่ดีกว่านะครับ” ทรรศนะตัดบทกดวางสายทันที
       ครองสุขงง “ฮัลโหลๆๆๆ เดี๋ยวซิตานะ”
       
       ทรรศนะอยู่ในห้อง ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย อรสอางค์เดินเข้ามา
       “ตายแล้ว นะจะใส่สูทตัวนี้เดินทางเหรอ”
       “ครับ”
       “โอ๊ย ไม่เอา เห่ยจะตาย ไม่แมทกับอรเลย เปลี่ยนสูทเถอะค่ะ ให้มันดูเริ่ดๆ หน่อย คุณพ่อกับคุณแม่อุตส่าห์มารับ”
       อรสอางค์จัดแจงเปิดกระเป๋าเอาสูทตัวใหม่ออกมา “ใส่ตัวนี้ดีกว่า เปลี่ยนซิคะ เดี๋ยวไม่ทัน” ทรรศนะจำต้องเปลี่ยน “อ้อ แล้วนะกำชับคุณน้าชาวไร่ของนะ หรือยังว่าควรแต่งตัวยังไงมาเจอกับครอบครัวอร”
       “พอดี คุณน้า ติดธุระกะทันหันน่ะครับ เลยมารับไม่ได้” ทรรศนะปดอรสอางค์
       “เหรอ ก็ดี กำลังกลัวเลยว่าจะใส่เสื้อผ้ามากันยังไง ถ้าพร้อมแล้วก็ตามเด็กมายกกระเป๋าเลยนะ นะ เดี๋ยวต้องไปแล้ว”
       “ครับ”
       อรสอางค์เจ้ากี้เจ้าการเช็คของ ทรรศนะได้แต่ทำตามอย่างเซ็งๆ
       
       เวลานั้นปิ่นอนงค์นั่งพิงประตูหมดอาลัยตายอยาก ยินเสียงปลดล็อค ปิ่นดีใจ เปิดประตู
       “คุณใหญ่” หันไปเห็นเพ็ญยืนอยู่ “คุณน้า...”
       “น้าเอาเสื้อผ้าใหม่มาให้ อาบน้ำซะแล้วลงไปกินข้าวนะคะ”
       เพ็ญยื่นเสื้อกับกางเกงให้
       ปิ่นอนงค์รับมา สีหน้าผิดหวัง “ขอบคุณค่ะ”
       
       ปิ่นอนงค์เปลี่ยนเสื้อแล้วเปิดประตูออกมา มองหาบันได พอจะเดินลงไปก็ผ่านห้องใหญ่ที่เปิดอยู่ ปิ่นอนงค์ชะงักมองเข้าไป
       เห็นใบปริญญาอยู่ในกรอบรูป แต่เห็นแค่ใบปริญญา ไม่มีรูป
       ปิ่นอนงค์สงสัยหน้านิ่วคิ้วขมวด เดินเข้าไปเพ่งดูรูป
       เสียงเพ็ญเรียก “หนูปิ่น” พร้อมกับที่เพ็ญรีบเข้ามาฉุดปิ่นอนงค์ออกไป
       “ออกมาเดี๋ยวนี้ถ้าคุณใหญ่เห็นละตายแน่”
       
       บนโต๊ะมีกับข้าว 4 อย่าง เพ็ญบอก “กินเลยนะคะน้ากินแล้ว”
       ปิ่นอนงค์ไหว้ขอโทษเพ็ญ “ปิ่นขอโทษน้าเพ็ญ จริงๆ ปิ่นไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปในห้อง...”
       เพ็ญยิ้มเอ็นดู “ไม่เป็นไรค่ะ ช่างมันเถอะ”
       ปิ่นอนงค์คาใจไม่หาย “คุณใหญ่เรียนจบวิศวะเหรอคะ”
       เพ็ญไม่ตอบ “กินเถอะจ้ะ เดี๋ยวคุณใหญ่ดุเอานะ”
       ปิ่นอนงค์มองดูกับข้าว มีปลากะพงทอด ผัดผักใส่กุ้ง แกงเหลือง ไข่ต้มยางมะตูม
       เพ็ญตักให้ปิ่นอนงค์ตักกินนิดหนึ่ง “ไม่อร่อยเหรอจ๊ะ”
       ปิ่นอนงค์หลบตาลงพลางส่ายหน้า
       “เปล่าค่ะ ปิ่นคิดถึงแม่ แม่ไม่รู้ว่าคุณใหญ่พาปิ่นมาที่นี่ ปิ่นขอโทรศัพท์หาแม่ได้มั้ยคะ”
       เพ็ญหน้าสลดสงสาร แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ใหญ่สั่งไว้ “คงไม่ได้หรอกค่ะ ต้องขออนุญาตคุณใหญ่ก่อน”
       ปิ่นอนงค์มองเพ็ญอย่างเห็นใจ “ทำไมน้าเพ็ญไม่พูดกับลุงปลอดให้เลิกเป็นโจรละคะ มันบาป ต้องติดคุกติดตะรางเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย”
       “มันเป็นเรื่องของผู้ชายเค้า เราพูดอะไรไม่ได้หรอกค่ะ” เพ็ญรู้เพราะปลอดบอกกำชับไว้แล้ว
       “คุณใหญ่เรียนจบปริญญา แต่ทำไมไม่หางานดีดีทำละคะ” ปิ่นอนงค์ถามอย่างสงสัย
       ยินเสียงระเบิดดัง “เอ๊ะ...ทำไมเสียงระเบิดดังมากอย่างนี้”
       เพ็ญลุกไปชะเง้อชะแง้ที่หน้าต่าง
       
       เพ็ญร้อนใจมาก จึงขับรถมาที่เหมืองมีปิ่นอนงค์นั่งมาด้วย
       “ธรรมดา บ้านเราอยู่ไกลจากเหมืองมาก ไม่น่าได้ยินเสียงดังขนาดนั้น มันผิดปกติ”
       รถเพ็ญแล่นมาจอด เห็นบรรยากาศสับสนอลหม่าน คนงาน กว่า 20 คน แบกกันมา เลือดโชก ฝุ่นคลุ้งพงษ์กำลังสั่งการ วุ่นวาย “เอาคนเจ็บไปออฟฟิศก่อน ดูรถไปโรงพยาบาลด้วย”
       เพ็ญกะปิ่นอนงค์เข้ามาหาพงษ์ “นายหัวล่ะ”
       พงษ์ชี้ไปบอก “โน่นครับ”
       เพ็ญเดินไป ปิ่นอนงค์เดินตามเห็นปานเทพนอนดมยาดม แขนมีเลือดไหลโดนสะเก็ดหิน
       “ปาน เป็นอะไรหรือเปล่า โดนสะเก็ดระเบิดเหรอ” เพ็ญถาม
       ปานเทพได้แต่ส่ายหน้า ปลอดเข้ามา “สะก่งสะเก็ดอะไร เห็นเลือดเข้าหน่อยมันก็เข่าอ่อนแล้วไม่รู้เป็นลูกนายเหมืองได้ยังไงขายหน้า”
       ปานเทพแก้ตัว “ผมแพ้ฝุ่นต่างหาก”
       เพ็ญสงสัย “แล้วมันเป็นอย่างงี้ได้ยังไงคะ”
       ปานเทพบ่นอุบ “ก็ไอ้คุณใหญ่น่ะซิ ไม่รู้อารมณ์เสียมาจากไหน มาขอวางระเบิดเอง แล้วใส่ซะซาดิสต์เหมือนจะระเบิดทั้งเหมืองเลย”
       ปิ่นอนงค์รู้สึกผิด รู้ตัวทันทีว่าใหญ่โมโหตัวเอง “แล้วคุณใหญ่ละคะ”
       “แกเข้าไปช่วยค้นคนงานที่ถูกหินถล่มทับ เพ็ญพาปิ่นอนงค์กลับไปก่อน แถวนี้ยังไม่ปลอดภัย”
       ปลอดบอกแล้ววิ่งหายไป เพ็ญชะเง้อตาม แล้วหันไปหาปิ่นอนงค์
       “หนูปิ่น อ้าว”
       ปรากฏว่าปิ่นอนงค์หายตัวไปแล้ว
       
       ที่มุมหนึ่งในเหมืองที่ติดกับเขาฝุ่นควันคลุ้งไปทั่ว ปิ่นอนงค์วิ่งเข้ามาสวนกับคนงานที่ได้แผลเห็นเลือดออก แต่ยังพอวิ่งได้ บางคนโซเซบ้าง แต่ละสวนผ่านไป ไม่มีใครสนใจ ปิ่นอนงค์ร้องถามหา
       “คุณใหญ่ คุณใหญ่” ปิ่นอนงค์ป้องปากตะโกน “ใครเห็นคุณใหญ่บ้างคะ”
       ปิ่นสูดเอาฝุ่นเข้าไปเริ่มไอ รีบเอามือปิดจมูกใหญ่ตะโกนมา
       “ปิ่นอนงค์”
       หญิงสาวหันไปทางเสียง เห็นใหญ่เดินออกมาจากควันฝุ่น เนื้อตัวมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย
       “คุณใหญ่”
       สองคนเดินเข้าหากัน ปิ่นอนงค์มองสำรวจทั่วตัวใหญ่
       ใหญ่หน้าดุ “นี่เธอมาทำอะไรแถวนี้ปิ่น จะบ้าหรือยังไง”
       “ก็ปิ่น...เป็นห่วงคุณใหญ่”
       สองสบตากันซึ้งๆ แต่จู่ๆ ก้อนหินใหญ่น้อยดันร่วงลงมาข้างๆ ใหญ่ตกใจรวบตัวปิ่นอนงค์พุ่งเข้าชะง่อนเขา กอดโอบเอาหัวปิ่นอนงค์แนบอกปกป้อง อีกมุมหินร่วงประปราย ก่อนจะค่อยๆ หยุด
       ปิ่นคลายวงแขนสองคนสบตากันนิ่ง
       ปลอดวิ่งเข้ามาดีใจ “คุณใหญ่ คุณใหญ่ปลอดภัยดีนะครับ ผมใจไม่ดีเลย”
       ใหญ่กะปิ่นอนงค์ผละจากกัน
       “ผมเข้าไปดูที่ด้านในว่ามีใครติดอยู่บ้าง คิดว่าไม่น่ามีแล้ว ผมขอโทษนะครับอา”
       ขณะที่ใหญ่พูด ปิ่นอนงค์แอบสังเกตความอ่อนโยนของใหญ่ “รีบไปห่างๆ ดีกว่าครับ”
       ใหญ่กอดโอบบังหัวปิ่นอนงค์แล้วตามปลอดออกไป
       
       ตรงระเบียงบ้านปลอด เพ็ญปิดพลาสเตอร์ที่แผลให้ปานเทพ แล้วเอาแอลกอฮอล์เช็ดเลือดทำความสะอาดแผลให้
       ปานเทพร้องลั่น “โอ๊ย แสบ”
       ปลอดเห็นแล้วหงุดหงิด “หมั่นไส้จริงๆ ไอ้ลูกแหง่ แผลเท่าแมวข่วน ร้องยังกะถูกควายเชือด เดี๋ยวพ่อเตะซ้ำ”
       ปานเทพเถียง “ก็พ่อให้ผมเรียนกฎหมายทำไม รู้งี้เรียนทหารดีกว่า ไปอยู่ชายแดน จะได้โดนยิงให้ชินไปเลย”
       ปลอดเยาะ “ถุย จะได้เป็นลมคาปืนน่ะสิ”
       เพ็ญต้องห้าม “พอแล้วพ่อลูกคู่นี้ เถียงอะไรกันก็ไม่รู้ ไม่สงสัยบ้างเหรอคุณใหญ่กับหนูปิ่นนี่เค้ายังไงกันแน่ดูคลุมเครือ คลุมเครือ”
       ปานเทพรีบคุย “โธ่ น้าเพ็ญ ผมทั้งฟันธงทั้งคอนเฟิร์ม ไอ้คุณใหญ่ชอบปิ่น ชัวร์”
       ปลอดได้ยินแล้วก็รู้สึกกังวลใจ
       
       ด้านใหญ่นั่งถอดเสื้อวางบนโต๊ะในครัว ปิ่นอนงค์เอาผ้าขนหนูใส่น้ำแข็งก้อนจากตู้เย็นพันๆม้วนๆประคบใหญ่ ตามรอยฟกช้ำ เป็นปื้น แดงๆ แถวอก
       ใหญ่แอบมองหน้าปิ่นอนงค์ “เดี๋ยวต้องทำน้ำแข็งเยอะๆ ต้องประคบบ่อยๆ ยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วค่อยประคบร้อนหรือทายาหม่อง”
       ใหญ่ไม่สนใจฟัง “ทำไมเธอต้องเสี่ยงวิ่งไปตามหา ฉันแบบนั้น”
       “ปิ่นกลัวว่า คุณใหญ่จะเป็นอะไรไปเพราะปิ่น”
       ใหญ่อึ้ง ฉงน “เพราะเธอ?”
       “ปิ่นทำให้คุณใหญ่โมโห ก็เลยไปลงที่ระเบิด”
       “เธออยากให้ชั้นหายโมโหมั้ยล่ะ”
       “อยากซิคะ ถ้าปิ่นทำได้”
       “เธอทำได้แน่ ไม่ไปพบกับนายทรรศนะตลอดชีวิต” ใหญ่บอก ทำเอาปิ่นอนงค์นิ่ง ใหญ่คาดคั้น “นิ่งทำไมล่ะ ทำไม่ได้ใช่มั้ย” ใหญ่กระชากที่ประคบขว้างทิ้ง ลุกขึ้นจะเดินไป ปิ่นอนงค์ระบายความในใจ
       “คุณใหญ่ไม่มีคนรักเหรอคะ” ใหญ่ฟังแล้วชะงัก นึกสะท้อนใจ ปิ่นอนงค์ครวญต่อ “ถ้าคุณใหญ่มีคนที่คุณใหญ่รัก คุณใหญ่ก็จะเข้าใจว่าความทุกข์ของคนรักที่ต้องพลัดพรากจากกันเป็นยังไง”
       ใหญ่เจ็บปวดนักเพราะที่จริงแล้วเขารักปิ่นอนงค์หมดใจ
       “นั่นซินะ ไอ้ฉันมันไม่ค่อยรู้จักความรักบ้าบออะไรที่เธอพูดซะด้วย เพราะถ้าฉันอยากได้ผู้หญิงคนไหน ฉันก็จะฉุดมาไม่สนใจว่าเป็นลูกเค้าเมียใครใหญ่เดินเข้าไปหาปิ่นอนงค์ แล้วกระชากตัวเข้ามา
       “สงสัยฉันต้องเปลี่ยนวิธีการซะแล้ว”
       ปิ่นอนงค์งวยงง “คุณใหญ่จะทำอะไรคะ”
       ใหญ่ยิ้มโหดฉุดปิ่นอนงค์เข้าบ้าน
       ใหญ่ฉุดปิ่นอนงค์เข้ามาที่ระเบียง ประกาศลั่นต่อหน้าปลอด เพ็ญและปานเทพ
       “นายปานเตรียมตัว พรุ่งนี้เราจะกลับไร่ไพศาล”
       
       ทั้งหมดพากันอึ้ง ทำใจไม่ทัน ปิ่นอนงค์ดีใจมาก วาดหวังว่าจะชายแสนดีคนที่เธอเฝ้ารอ

--------------------------------------------------------------------

บ้านของอรสอางค์ทั้งโอ่อ่าหรูหราและใหญ่โต สมฐานะบิดาที่เป็นถึงปลัดกระทรวง และมารดาซึ่งเป็นคุณหญิง เช้าวันนี้ จิ๋วแม่บ้านหัวหน้าคนรับใช้ เดินตรวจแถวคนใช้หญิงทั้งหมด 6 คน จิ๋วจัดเสื้อผ้าหน้าผมคนใช้ไปมา ส่วนจิ๋วนั้นแต่งตัวหรูและไฮโซ เสื้อลูกไม้นุ่งผ้าไหม มองผาดๆ นึกว่าเป็นคุณหญิงคุณนาย        
       ทุกคนรอการมาถึงของอรสอางค์
       ไม่นานนัก มีรถลีมูซีนแล่นเข้ามาหน้าบ้าน คนขับจอดรถแล้วรีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้อรสอางค์ และทรรศนะก้าวลงรถมายืนเคียงข้าง อรสอางค์เดินนำเข้าบ้าน ขบวนการคนใช้พูดและไหว้อรสอางค์กับทรรศนะพร้อมเพรียงกัน
       “สวัสดีค่ะ คุณหนู”
       อรสอางค์พยักหน้ารับ แล้วไปเข้ากอดจิ๋ว “คิดถึงจังเลยค่ะ”
       “ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้ไปรับที่สนามบิน ท่านกับคุณหญิงติดธุระด่วนจริงๆ ค่ะ” จิ๋วหันไปมองทรรศนะ “นี่คงเป็นคุณทรรศนะซิคะ”
       ทรรศนะที่กำลังมองตะลึง อึ้งในความหรูหราโอ่อ่าของบ้าน รีบไหว้จิ๋ว
       “สวัสดีครับ คุณหญิงแม่”
       อรสอางค์ดุเอา “ใช่ที่ไหนล่ะ นะก็ พี่จิ๋วเป็นพี่เลี้ยงอร”
       ทรรศนะหน้าแตก
       “คุณพ่อ คุณแม่ มีธุระอะไรด่วนนักหนาคะ ถึงไม่ได้ไปรับอร”
       “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ช่วงนี้ท่านออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าทุกวัน นี่ก็เพิ่งกลับมา เชิญค่ะ ท่านรออยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว” จิ๋วบอก พร้อมกับผายมือเชื้อเชิญทรรศนะ
       ครู่ต่อมาทรรศนะก้มกราบท่านปลัดกับคุณหญิงซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกรออยู่
       “อรเล่าให้ฟังว่าเรียนเก่งไม่เบา” ปลัดรับไหว้พลางออกปากชื่นชม
       “นะได้เอทุกวิชาเลยค่ะ ถ้าเป็นเมืองไทยก็ต้องเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง” อรสอางค์ฟุ้งอย่างภูมิใจ
       คุณหญิงถามขึ้น “ฟาร์มกับรีสอร์ต อยู่จังหวัดไหนจ๊ะ”
       “เชื่อมต่อสองจังหวัดครับ นครราชสีมากับสระบุรี” ทรรศนะบอก
       คุณหญิงร้องตาโต “โอ้โห คงจะหลายร้อยไร่” ปลัดมองปรามๆ คุณหญิง
       ทรรศนะบอกต่อ “ที่ใช้งานประมาณสี่ร้อยไร่ครับ แต่เนื้อที่ทั้งหมดเกือบสองพันไร่ครับ”
       คุณหญิงยิ้มเยื้อน “อุตส่าห์เรียนมาสูงขนาดนี้ แล้วกลับไปเป็นชาวไร่ชาวสวน มันจะคุ้มเหรอ”
       “คุณพ่อก็ฝากงานในกระทรวงให้นะซิคะ” อรสอางค์ว่า
       “ถ้าฝากผู้ใหญ่ท่านก็ต้องดูว่านามสกุลอะไร มาจากสายตระกูลไหน” ปลัดบอก
       คุณหญิงผสมโรง “นั่นซิ คุณแม่น่าจะมาด้วยวันนี้ จะได้พูดคุยรู้จักกันมากกว่านี้”
       “เอ่อ คุณแม่ผมเสียแล้วครับ เหลือแต่คุณน้า ท่านเป็นคนอุปการะผมกับน้องสาว” ทรรศนะว่าคุณหญิงอึ้ง “อ้าว แล้วใครล่ะที่เป็นเจ้าของไร่ไพศาลที่ว่า”
       อรสอางค์รีบจ้อ “คุณน้าของนะแต่งงานใหม่กับเจ้าของไร่ไพศาลน่ะค่ะ แต่ไม่มีลูก นะก็เหมือนลูกชายแหละค่ะ”
       ทรรศนะรับลูก “ครับ ผมถึงต้องกลับไปรับช่วงดูแลกิจการ นี่เจ้าชายจากตะวันออกกลางเจ้าของบ่อน้ำมันกับครอบครัวมาขอเหมาพักที่รีสอร์ตพอดี คุณน้าเลยต้องอยู่เทคแคร์ดูแลท่าน”
       คุณหญิงตื่นเต้น อรสอางค์รีบบอกทรรศนะ “ไหนของขวัญที่คุณเตรียมมาไหว้คุณพ่อกับคุณแม่ล่ะคะ”ทรรศนะชะงัก แล้วล้วงกระเป๋าสูท “ขอโทษครับ เกือบลืมไป”
       ทรรศนะหยิบปากกากล่องสีทองไปกราบ มอบของให้ท่านปลัดๆ รับมา เชิดๆ แล้ววางลงบนโต๊
       ทรรศนะยื่นกล่องแก้วใสบรรจุเข็มกลัดทองคำขาวฝังเพชรพลอยให้คุณหญิง
       คุณหญิงชม พอใจมาก “สวย สวยมาก ขอบใจๆ”
       ระหว่างนั้นจิ๋วเข้ามานำคนใช้เสิร์ฟกาแฟและของว่างพอดี
       “ของพี่จิ๋วก็มีค่ะ” อรสอางค์ยิ้มบอก
       ทรรศนะหยิบกล่องแป้งส่งให้จิ๋ว “ขอบคุณค่ะ แหมลำบากเปล่าๆ”
       ท่านปลัดกับคุณหญิงแอบมองทรรศนะ จิ๋วรีบร้อนไม่สนใจของขวัญในมือ แต่ยืนกุมมือที่หน้าท้อง
       อรสอางค์ยิ้มให้พ่อแม่ และยิ้มให้กำลังใจทรรศนะ
       
       จิ๋วยืนเมียงมองอยู่หน้าบ้าน คนขับรถขนกระเป๋าสามใบ ถุงของฝาก 3-4 ถุง ใส่ท้ายรถตู้ดูดีใหม่เอี่ยมรุ่นล่าสุดอรสอางค์จูงทรรศนะไปส่งที่รถ ทรรศนะมองรถ มองอรสอางค์อาการงงๆ
       “ไม่ต้องงงหรอกนะ อรโทร.ไปเช่ามาเอง บอกว่าเป็นรถจากไร่ส่งมารับคุณ”
       คนขับเปิดประตูให้ทรรศนะ แล้วไปยืนรอปิดประตูที่ข้างประตูหน้าข้างคนขับ ทรรศนะจะขึ้นรถ
       อรสอางค์พูดเบาๆ “ไม่อึดอัดนะ ที่ถูกสัมภาษณ์”
       ทรรศนะยิ้ม “ไม่ครับ แต่ไม่รู้ว่าพ่อแม่อรคิดยังไงกับผม”
       “แม่ดูโอเค แต่พ่อยังดูขวางๆ อยู่ เอาเถอะ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เดินทางปลอดภัยนะคะ”
       พลางอรสอางค์ยื่นหน้าจะจูบทรรศนะ แล้วได้สติว่ามีคนมองอยู่ จึงผละตัวออกมาโบกมือล่ำลา
       ทรรศนะ โบกมือตอบ “แล้วเจอกันอร”
       
       ทรรศนะไปแล้วคุณหญิงมองผ่านหน้าต่าง “ท่าทางแฟนยัยหนูก็เรียบร้อยดีนะคะ คุณ”
       ปลัดไม่ปลื้มทรรศนะ “แค่หลานเจ้าของฟาร์ม อย่าไปเห่อจนออกนอกหน้านักเลย”
       คุณหญิงบ่น “แต่ถ้าปัญหาของคุณแพร่งพรายออกไปในสังคม อย่าว่าแต่หลานเจ้าของฟาร์มเลยนะคะ แม้แต่ลูกชาวนา ชาวสวน จะยังอยากเป็นลูกเขยเราอยู่หรือเปล่า”
       ปลัดฉุนขึ้นเสียง “เอ๊ะ คุณหญิงนี่ ผมบอกแล้วไงว่า ผมแก้ปัญหาได้ อย่าทำเป็นกระต่ายตื่นตูมไปหน่อยได้มั้ย”
       อรสอางค์เดินเข้ามามองอย่างสงสัย “มีอะไรกันเหรอคะ”
       “เปล่า เพิ่งมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนเถอะ” ปลัดตัดบทเดินหนีไป
       “คุณพ่อดูอารมณ์ไม่ดีเลยนะคะ ไม่ชอบนะเหรอ” อรสอางค์งง
       คุณหญิงรีบบอก “ไม่ใช่หรอก มีปัญหาที่กระทรวงนิดหน่อยน่ะ เออ แล้วนายทรรศนะคนนี้ ฐานะมั่นคงคู่ควรกับลูกแน่แล้วเหรอ”
       อรสอางค์ฟุ้งอย่างภูมิใจ “โธ่ทรัพย์สินเงินทองของนะ ใช้สิบชาติก็ไม่หมด ทั้งของฝาก ตั๋วเครื่องบินอะไรๆนี่นะก็จ่ายให้อรทุกอย่างนะคะ คุณแม่ไม่ต้องห่วง ลองอรเลือกแล้ว ไม่พลาดแน่”
       คุณหญิงดูมีท่าทีโล่งอกโล่งใจ “งั้นก็ดีแล้วละจ้ะ”
       ทรรศนะมาถึงไร่ไพศาลอีก 3 ชั่วโมงถัดมา รถตู้มาจอดที่หน้าเรือนใหญ่ ทรรศนะก้าวลงมาคนขับรถช่วยขนของลง ทุกคนเดินออกมาต้อนรับครองสุขหน้าบานมองออกว่าดีใจมาก ทรรศนะไหว้ครองสุข
       “ทรรศนะ ของน้า โอ๊ย หน้าตาสดใส ดูภูมิฐานจริงๆ ลูก”
       “เดี๋ยวค่อยคุยกันครับ คุณน้า แต่ตอนนี้ผมขอเงินจ่ายค่าเช่ารถก่อน สองพันห้า”
       ทุกคนอึ้งๆ กันไปทั้งแถบ 
       ครองสุขลูบหลังลูบไหล่ ขณะพาทรรศนะมานั่งในห้องรับแขก
       “เหนื่อยมั้ยลูก น้าคิดถึงจริงๆ มาให้กอดให้ชื่นใจหน่อย”
       “ดูท่าจะทั้งเหนื่อย ทั้งซีดเลยละ เงินสองพันห้ายังไม่มีจ่ายค่ารถเลย” ทัศนีย์เหน็บพี่ชาย
       ครองสุขฉุนกึก “ยัยนี”
       ทรรศนะอาย พูดโกหกเสียงดุ “พี่ถูกล้วงกระเป๋า ก่อนบินกลับมา ผมไม่อยากเล่าให้ฟังกลัวคุณน้ากลุ้มใจ”
       “จริงเหรอลูก โชคดีจริงๆ ที่มันไม่ทำร้ายเอา ช่างมันนะ ฟาดเคราะห์ไป”
       “แต่ผมก็มีของฝากมาให้ทุกคนนะครับ ป้าอุ่นด้วย”
       อุ่นเรือนยิ้มฝืนๆ ยังกลุ้มเรื่องปิ่นอนงค์ “ขอบคุณค่ะ แค่คุณนะกลับมาทุกคนก็ดีใจมากแล้ว”
       ธีระเข้ามาสมทบ “จัดการค่ารถเรียบร้อยแล้วนะครับ”
       ทรรศนะมองธีระสองคนสบตากัน ครองสุขรีบบอก “ยังไม่ได้แนะนำ ธีระ เป็นผู้ช่วยของน้า”
       “อ๋อ ครับ สวัสดีครับ ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยแบ่งเบาภาระคุณน้า”
       ทัศนีย์เยาะ “แบ่งเบาได้เยอะ ช่วยได้ทุกอย่างเลยละ เข้าใจมั้ย” ท้ายประโยคทัศนีย์กระซิบบอกพี่ชายเป็นนัย
       ครองสุขตวาด “ยัยนี ระวังปากบ้างแก”
       ทรรศนะเหลี่ยวหาปิ่นอนงค์เจอน้อยยืนยิ้มพลางไหว้ “น้อยค่ะ มือขวาของป้าอุ่น มือซ้ายของพี่ปิ่น”ทรรศนะแปลกใจเหลียวหาปิ่นอนงค์ แล้วถามยิ้มๆ “แล้วปิ่นล่ะครับ ไปไหนทำไมไม่เห็นเลย”
       ครองสุขหลุกหลิก ตัดบททันที “ไปที่ห้องดีกว่า อุ่น นังน้อย ขนของเร็ว” ครองสุขจูงทรรศนะเดินไป
       อุ่นเรือนกับน้อยรีบเข้ายกข้าวของต่างๆ ตามขึ้นไปบนเรือน
       ขนของเสร็จอุ่นเรือนกับน้อย รีบเดินตัวลีบออกจากห้องไป
       ครองสุขรีบปิดประตู ทรรศนะมองรอบๆ ห้อง “เป็นยังไง น้าสั่งจัดห้องใหม่ให้นะเลยนะ ถูกใจมั้ย”
       ทรรศนะยิ้มๆ ขณะมองไปมารอบห้อง “เป็นฝีมือปิ่นอนงค์แน่ๆ และปิ่นล่ะครับ อยู่ที่ไร่หรือไปรีสอร์ต”ครองสุขส่ายหน้า แล้วทำหน้าเครียด เดินไปนั่งที่เก้าอี้ “มีเรื่องไม่ดี เกิดขึ้นที่นี่”
       ทรรศนะฉงนเครียดตาม “เรื่องไม่ดี อะไรครับ” แล้วเดินไปนั่งจ้องมองครองสุข รอฟัง
       “ไอ้ใหญ่กลับมาที่ไร่”
       ทรรศนะตกใจมาก “หะ คุณใหญ่ ชาลิตน่ะเหรอครับ”
       รถยนต์คันที่ปานเทพขับมาจากไร่ไพศาลจอดอยู่ในปั๊ม ใหญ่กับปานเทพนั่งกินกาแฟในร้านเล็กๆ ภายในปั๊ม ใหญ่มองปิ่นอนงค์ที่นั่งอยู่ในรถ ดูกระวนกระวายมาก
       “ตกลงแกจะบอกได้รึยังว่า กลับไปนี่แกมีแผนอะไรต่อ” ปานเทพถาม
       ใหญ่บอกท่าทีนิ่งเฉย “ไม่มี”
       “ไอ้คุณใหญ่ สิ่งที่เราทำไป มันเรื่องใหญ่นะโว้ย แกจะทำเพื่อความสนุก สะใจมันไม่ได้ บ้านเมืองมีกฎหมาย”
       “ก็เพราะอย่างงั้นไง ชั้นถึงต้องให้มือกฎหมายอย่างแกมาช่วย” ใหญ่ว่า
       ปานเทพหงุดหงิด “แต่ตอนนี้ชั้นกลายเป็น ปาน ป่าหวาย สมุนแก๊งโจรเสือปลอดไปแล้ว เพราะความบ้าของแก ชั้นไม่เข้าใจจริงๆ เรามีหลักฐานสู้คดีแน่นหนาทุกอย่างที่แกจะเอาชนะคุณนายครองสุขได้ แต่แกกลับมาใช้วิธีนอกกฎหมายแบบนี้
       ใหญ่สวนคำ “เพราะเอาชนะแค่นี้มันไม่พอน่ะซิ”
       “แล้วแค่ไหนวะ ถึงจะพอ” ปานเทพสงสัย
       ใหญ่ไม่ตอบ มองไปอีกทีปิ่นอนงค์ไม่อยู่ที่รถ ใหญ่ตกใจมาก
       “ปิ่นอนงค์หายไปไหน” ใหญ่รีบวิ่งไปเร็วรี่
       
       ปานเทพเซ็งสุดๆ “ปิ่นอนงค์อีกแล้ว”

----------------------------------------------------------------------------------------------

โปรดติดตามตอนที่ 5

No comments:

Post a Comment