Sunday, July 22, 2012

ดูละครปิ่นอนงค์ ตอนที่ 17 Pin Anong EP 17

>> ปิ่นอนงค์ Pin Anong 偷心俏冤家 EP017


ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 17 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
       
       

ใหญ่นั่งหน้าเครียดอยู่ที่อีกมุมหนึ่งในบ้าน เพ็ญถือกาแฟมาให้ใหญ่ไหว้ขอบคุณแล้วรับแก้วกาแฟไป เพ็ญนั่งลงด้วย พลางเอ่ยถามเรื่องที่ใหญ่ตัดสินใจจะเข้ามอบตัวสู้คดี

       
       “คุณใหญ่คิดดีแล้วเหรอคะ เรื่องที่จะเข้ามอบตัว”
       “ครับน้าเพ็ญ ผมเป็นคนก่อเรื่องเอาไว้มากมาย ความจริงแล้ว ถ้าผมกลับไปปรากฏตัวต่อศาลตั้งแต่แรก ยืนยันว่าผมยังมีชีวิตอยู่ ให้ตำรวจสะสางเรื่องเก่าๆอย่างถูกต้อง ไม่ปลอมตัวเข้าไปก่อกวนในไร่เพราะความแค้น เรื่องมันก็คงไม่ลงเอยอย่างนี้”
       “แต่มันเสี่ยงนะคะ เรายังไม่มีทั้งพยานและหลักฐานที่จะไปสู้คดีความได้” เพ็ญทักท้วง
       “อย่างมากผมก็ติดคุก แต่ผมจะไม่ดื้อรั้นอีกต่อไปแล้ว ผมเสียใจที่ทำให้คนอื่นต้องมารับกรรมไปด้วย ป้าอุ่น พี่พงษ์ ต้องมาตาย อาปลอดก็ติดคุก นายหวินกับจอม พ่อลูกต้องมาตัดขาดกัน”
       เพ็ญยิ้มแตะแขนใหญ่ “เวลาผ่านไป คุณใหญ่ยิ่งโตขึ้น จำไว้นะคะ สิ่งที่ได้ฟังจากการสอน มันไม่ได้ผลเท่ากับสิ่งที่เราเรียนรู้เอง”
       ใหญ่ยิ้มรับ “ผมจะจำเอาไว้ครับ น้าเพ็ญ”
       สองคนสบตากัน
       
       ใหญ่ ปานเทพ และเพ็ญ ตัดสินใจให้ทัศนีย์มาพักบนเรือนหลังใหญ่ เย็นวันนั้นน้อยกับหวานเปิดประตูเดินนำทัศนีย์เข้าห้องมา ทัศนีย์กวาดสายตามองทั่วห้อง สีหน้าลิงโลดดีใจ ทัศนีย์กระโดดลงไปนอนเกลือกกลิ้งไปมาบนเตียง
       ทัศนีย์ผุดลุกนั่ง ครุ่นคิด ไม่วายรู้สึกหึงหวงใหญ่กับปิ่นอนงค์ “นี่ห้องชั้น แล้วปิ่นล่ะ นอนห้องไหน”
       น้อยบอกด้วยความหมั่นไส้ “อ้าว ... ก็นอนห้องสามีเค้าสิคะ ถามได้”
       ทัศนีย์เด้งตัวจะเดินไปที่ประตูน้อยกะหวานรีบขวาง
       “จะไปไหนคะ” หวานถาม
       “จะไปตามปิ่นมาอยู่ห้องนี้ด้วยกัน”
       หวานจุ๊ปาก จูงทัศนีย์ไปที่เตียง “โตแล้ว นอนคนเดียวได้ค่ะ”
       น้อยกะหวานรีบวิ่งออกประตูไป แล้วปิดประตูทันควัน ทัศนีย์ตามไปไม่ทัน พยายามเปิดประตู แต่เปิดไม่ออก ทัศนีย์ทุบประตู
       “เปิด ... เปิดประตูเดี๋ยวนี้อีพวกบ้า เปิดๆ”
       ประตูเปิดออก ปานเทพเดินเข้ามา หน้านิ่ง
       “คุณใหญ่กับปิ่นเค้าดีกันแล้ว เธออย่าไปทำให้มีปัญหาขึ้นมาอีกเลย ขอร้อง”
       ทัศนีย์ค้อนปานเทพปะหลับปะเหลือก แล้วกอดอกเดินไปที่หน้าต่าง เดินไปพูดไป
       “ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่จะไปชวนปิ่นมานอนที่ห้องนี้ด้วยกัน”
       ปานเทพขยับตามไปยืนข้างๆ มองทัศนีย์ ตาดุ “เธอนี่มันปากกับใจไม่ตรงกัน”
       ทัศนีย์หันเผชิญหน้าปานเทพอย่างท้าทาย “แล้วของนายมันตรงกันเหรอ”
       ทัศนีย์เอานิ้วชี้ที่ปากปานเทพ แล้วลากตรงลงมาที่อก จากนั้นก็ลากนิ้วไปที่หัวใจ
       “ก็ไม่เห็นจะตรงเหมือนกัน” ทัศนีย์เยาะหยัน
       ปานเทพปัดนิ้วทัศนีย์ หน้าดุ เสียงเข้ม “เถียงคำไม่ตกฟาก ดี ... ต้องดัดนิสัยให้เข็ด”
       ทัศนีย์ผวาหน้าเสีย “นะนาย...จะทำอะไรชั้น”
       “พรุ่งนี้ก็รู้”
       ปานเทพทิ้งท้าย แล้วเดินออกไปปิดประตูปัง ทัศนีย์มองตามหน้าเจื่อน
       
       ค่ำคืนนั้นที่ห้องนอนใหญ่ สองคนสวมชุดนอน ใหญ่ยืนพิงหน้าต่าง เหม่อมองออกไป สีหน้าเครียดเคร่ง ปิ่นอนงค์เดินเข้ามายิ้มน้อยๆ อย่างภูมิใจ
       “ปิ่นไม่เคยคิดว่าคุณใหญ่จะตัดสินใจมอบตัวสู้คดี”
       ใหญ่เหลียวมามอง “ก็เธอเป็นคนบอกเองนี่ ว่าบางทีคำตอบมันก็ง่ายนิดเดียว เธอทำให้ชั้นเห็นทางออก ชั้นมันคนโง่ก็เลยเชื่อเธอ แต่ถ้าชั้นแพ้คดีติดคุก เธอต้องเป็นคนรับผิดชอบ”
       “แล้วคุณใหญ่มั่นใจมั้ยคะ ว่าคุณใหญ่ไม่ได้ทำความผิดอย่างที่ถูกกล่าวหาไม่ว่าคดีฆ่านายผา หรือ ฆ่าแม่อุ่น” ปิ่นอนงค์พูดให้กำลังใจชายผู้เป็นที่รัก
       ใหญ่หันมาจับไหล่ปิ่นอนงค์ มองด้วยตาแน่วนิ่ง “ชั้นไม่ได้ทำ ชั้นมั่นใจ ชั้นไม่ผิด”
       “คนไม่ผิดก็ต้องไม่แพ้คดี คุณใหญ่จะต้องไม่แพ้ค่ะ”
       ปิ่นอนงค์พูดพร้อมกับมองสบตาให้กำลังใจ ใหญ่ดึงปิ่นอนงค์เข้ามากอด รักผู้หญิงคนนี้เหลือแสน
       “เธอกินอะไรเข้าไปปิ่นอนงค์ จิตใจถึงได้เข้มแข็งขนาดนี้”
       ปิ่นอนงค์ดันตัวใหญ่ออกนิดๆ มองสบตากันพลางสัพยอก
       “เคยได้ยินแต่เค้าถามกันว่า กินอะไรถึงสวยไม่ใช่เหรอคะ
       ใหญ่ฉวยโอกาสขโมยจูบที่ปากเร็วๆ ทำสายตากรุ้มกริ่ม
       “ลองพูดจายอกย้อนชั้นอีกที จะโดนอีก”
       ปิ่นอนงค์รีบเม้มปากแน่น ส่ายหน้าไปมา ใหญ่ยิ้มชอบใจ
       
       วันต่อมา จวนเที่ยงแล้วทัศนีย์นุ่งชุดกระโปรงสุดสวย สวมหมวกปีกกว้างบังแดด สองมือหิ้วปิ่นโตเถาใหญ่หนักอึ้ง ทัศนีย์เดินเอียงไปเอียงมาเพราะพื้นมีแต่เศษหิน
       จู่ๆ มีเสียงระเบิดดังตูมๆ ทัศนีย์สะดุ้งร้องกรี๊ดสุดเสียง แล้วปล่อยปิ่นโตหลุดมือ สติแตก ปิดหูวิ่งหนีเตลิด
       “อ๊าย ช่วยด้วย ๆ”
       ปานเทพเข้ามาดึงไว้ “จะไปไหน”
       “ระเบิด ระเบิด ไม่เอาแล้ว ฉันจะกลับบ้าน”
       ทัศนีย์ตกใจสะบัดหลุด จะวิ่งไป ปานเทพพลั้งปากถาม “เธอมีบ้านเหรอ”
       ทัศนีย์ชะงัก หันมาน้ำตาคลอ ปานอบรมต่อ “ถ้าอยากมีที่อยู่ ที่กิน เธอก็ต้องทำงานแลกมา จะใช้ชีวิตลอยไปลอยมา ควงผู้ชายคนนั้นที คนนี้ที อย่างที่เคยทำไม่ได้”
       เพ็ญหิ้วปิ่นโตตรงมา หยุดมองสองคนที่ตั้งป้อม ทำท่าจะทะเลาะกัน
       “เรื่องอะไรจะทำงานให้โง่ สู้หาผู้ชายรวยๆเลี้ยงดูไม่ดีกว่าเหรอ” ทัศนีย์บอก
       “ก็ลองหาดู แถวนี้มีแต่คนงาน ถ้าให้เค้าจ่ายค่าตัวเธอสักร้อยสองร้อยก็น่าจะพอมี” ปานเทพแขวะ
       ทัศนีย์เต้นเร่าๆ เงื้อมือจะตบ ปานเทพจับข้อมือทัศนีย์ “คุณพูดดูถูกตัวเอง ไม่ใช่ผม”
       ทัศนีย์อัดอั้น ร้องไห้ออกมา เพ็ญเดินเข้ามาหา “พอเถอะนายปาน จะไปไหนก็ไป น้าจะสอนงานคุณนีเอง”
       ปานเทพปล่อยข้อมือทัศนีย์ เสียงระเบิดเหมืองหินดังอีกรอบ ทัศนีย์ตกใจร้องกรี๊ดโผเข้ากอดปานเทพอย่างลืมตัว ปานเทพอึ้ง
       พอได้สติทัศนีย์ผลักปานออกอย่างแรงเพราะโกรธอยู่ ปานเทพใจเต้นระทึกแต่ทำเป็นปากดี
       “อย่าคิดมายั่วผม ไม่สำเร็จหรอก”
       ปานเทพเดินหนี ทัศนีย์ด่าตามหลัง “ทุเรศ หน้าตาบ้านๆ ตัวเตี้ยๆ อย่างนาย อย่าหวังว่าจะได้เห็นขาอ่อนฉัน”
       
       เพ็ญส่ายหน้าระอาใจทั้งปานเทพและทัศนีย์

----------------------------------------------------------------------
ปานเทพเดินหงุดหงิดเข้ามาในบ้าน เจอกับใหญ่ที่สะพายกระเป๋าเตรียมออกจากบ้านพอดี ปานเทพชี้หน้าถามใหญ่       
       “เฮ้ย นั่นแกจะไปไหน”
       “ก็บอกแล้ว ชั้นจะไปมอบตัวสู้คดีกับตำรวจ ชั้นไม่อยากรอเวลาอีกแล้ว ใจมันกังวลยังไงบอกไม่ถูก เป็นห่วงอาปลอดด้วย”
       ปานเทพรีบดึงใหญ่ไปนั่ง “ฟังชั้นก่อน แกจะไปสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างนี้ไม่ได้ ชั้นต้องปรึกษากับอาจารย์ก่อน ไหนจะต้องนัดหมายกับตำรวจอีก ใจเย็นๆ สิวะ มันต้องทำตามขั้นตอน”
       สองหนุ่มสบตากันเครียด
       
       ปานเทพกับใหญ่พาตัวเองมาอยู่ที่สำนักงานอาจารย์ทนายในเวลาต่อมา และนั่งอยู่ตรงหน้าอาจารย์ที่ดูเครียดจัด
       “ถึงคุณใหญ่จะมอบตัวตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ศาลท่านประทับรับฟ้องนายปลอดถูกส่งไปฝากขังที่เรือนจำแล้ว”
       “แต่คุณใหญ่จะให้การเป็นประโยชน์กับพ่อผมนะครับ” ปานเทพท้วง
       “มันสายไปแล้ว ปานเทพ” อาจารย์ว่าเสียงเคร่ง
       สามคนสบตากันเครียดๆ
       
       ปลอดถูกยื่นฟ้อง และนำตัวไปขังที่เรือนจำแห่งหนึ่ง ปานเทพมาเยี่ยม และอยู่ในห้องพบญาติในเรือนจำ ปานเทพกับปลอดนั่งที่โต๊ะคนละฝั่งซึ่งมีกระจกกั้น สองพ่อลูกคุยกันผ่านโทรศัพท์ มีเจ้าหน้าที่ยืนคุมฝั่งปลอด
       “คุณใหญ่กำลังจะมามอบตัวสู้คดี ความจริงกำลังจะเปิดเผยทุกอย่าง พ่อไปให้การสารภาพผิดทำไม” ปานเทพบอกพ่อ
       ปลอดพูดดังๆ ตั้งใจ และจงใจให้เจ้าหน้าที่ได้ยิน
       “แกไม่ต้องมาให้ชั้นกลับคำให้การ ชั้นพูดความจริงไปทั้งหมด”
       เจ้าหน้าที่ขมวดคิ้ว นิ่งฟัง ส่วนปานตาเหลือก ปลอดพูดต่อ “แล้ว ชั้นแค้นนังครองสุขที่มันคบชู้กับไอ้ผา ร่วมมือกันฆ่าคุณไพศาล ชั้นเลยฆ่าไอ้ผา ฆ่านังอุ่นเรือนสมุนของมัน เสียดายไปฆ่านังครองสุขไม่สำเร็จ”
       ปานเทพเคาะกระจกหน้าเลิ่กลั่ก “พ่อ เบาๆ พูดเบาๆ”
       ปลอดพูดเบาๆ หน้าเฉยตาดุใส่ปาน “ชั้นต้องการให้คุณใหญ่กลับมาอย่างผู้บริสุทธิ์ ไม่ใช่ผู้ต้องหาแกต้องห้ามไม่ให้คุณใหญ่เข้ามามอบตัวเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นไม่ต้องมาเรียกชั้นว่าพ่ออีกต่อไป”
       พ่อลูกจ้องตากัน ปานเทพเจ็บปวดสงสารพ่อจับใจ
       
       เช้าวันต่อมาที่ไร่ไพศาล ครองสุขสวมชุดคลุมชุดนอน ถือถ้วยกาแฟเดินนวยนาดออกมาที่ห้องโถง หน้าตาแจ่มใส พอครองสุขจะเดินมาที่ประตูจะออกนอกบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่ตำรวจเดินเข้ามาหน้านิ่ง ครองสุข ช็อก ตกใจสบตากับตำรวจ
       
       เวลาต่อมา ครองสุขซึ่งเปลี่ยนชุดใหม่ เดินหน้าเครียดลงบันไดโรงพักมากับทนายความ
       “ไอ้ปลอด มันกล้าดียังไงมาใส่ร้ายชั้น” ครองสุขฉุน
       ทนายปลอบ “ก็แค่คำกล่าวหา ไม่ต้องห่วงครับ ทางตำรวจยังไม่มีพยานหลักฐานอะไร”
       ครองสุขครุ่นคิด ก้าวลงมาถึงพื้นแล้ว เหลียวระแวงล่อกแล่กระแวงว่าจะมีคนได้ยิน
       “แล้วถ้ามันหาพยานหลักฐานมาได้ล่ะ”
       “ก็เรื่องใหญ่เลยครับ ต้องสู้ทั้งคดีอาญา แล้วก็เรื่องการรับมรดกของคุณนายมีปัญหาแน่ครับ”
       ครองสุขตกใจตาโต บ่นพึมพำอย่างแค้นใจ “ไอ้ปลอด ไอ้ปากหมา”
       
       ครองสุขกลับไร่ ตรงเข้าห้องทำงาน ครองสุขต้องเครียดกว่าเดิมเมื่อเข้าห้องมาตกใจ ตาค้าง
       เห็นเสี่ยตงนั่งเอนเก้าอี้เอาเท้าพาดบนโต๊ะรออยู่
       “ทำเป็นตกใจไปได้ หายหัวไปไหนมาแต่เช้า”
       ครองสุขหงุดหงิดบอกเสียงห้วน “ตำรวจมาตามไปโรงพัก”
       เสี่ยตงสะดุ้งรีบเอาขาลงจากโต๊ะ ครองสุขนั่งตรงข้าม เสี่ยรีบซัก “เรื่องอะไร ตำรวจมันรู้เรื่องอะไรบ้าง”
       ครองสุขยิ้มเหี้ยมได้เปรียบเมื่อเห็นเสี่ยตงออกอาการกลัว
       “ก็หลายเรื่องที่เราทำด้วยกัน ตอนนี้เสี่ยกับชั้นมาลืมเรื่องจุกจิกของเราก่อนดีกว่า เพราะถ้าชั้นพลาดถูกจับขึ้นมา เสี่ยก็น่าจะรอดยาก”
       เสี่ยตงลุกพรวดจ้องครองสุขเดินหงุดหงิดไปมา
       “ชั้นไม่น่ามายุ่งกับเธอเลย อัปมงคลชีวิตจริงๆ”
       ครองสุขฉุน “อย่ามาทำปากพล่อยเสี่ย เรื่องนี้เราจบได้ถ้าทำให้ไอ้ปลอดพูดไม่ได้อีกต่อไป ปิดปากมันซะ ในคุกมือไม้ของเสี่ยก็มีไม่ใช่เหรอ”
       เสี่ยตงกลอกลูกตาไปมา “ชั้นไม่โง่ทำโฉ่งฉ่างอย่างนั้นหรอก สู้ทำให้มันพูดอย่างที่เราต้องการไม่ดีกว่าเหรอ”
       ครองสุขหรี่ตามองเสี่ยตง คิดไม่ออกว่ากิ๊กแก่มีแผนอะไร
       
       ทางด้านใหญ่พอรู้จากปานเทพก็เดินงุ่นง่านไปมา เพ็ญกะปานเทพนั่งเครียดอยู่ที่โต๊ะ
       “ชั้นไปมอบตัวช้าเอง ชั้นผิดเอง แกจะให้ชั้นทำอะไรบอกมา ไอ้ปาน ชั้นจะเอาพ่อแกออกจากคุกให้ได้”
       “คนอย่างนายหัว ถ้ามุ่งมั่นจะทำอะไรแล้ว ไปหยุดเค้ายาก ให้น้าไปคุยเองดีกว่า”
       ปานเทพบอกว่าไม่มีประโยชน์ “เสียเวลาเปล่าครับ ตอนนี้พ่อไม่ยอมให้ใครเข้าเยี่ยมทั้งนั้น สั่งด้วยว่าถ้าชั้นห้ามแกไปมอบตัวไม่ได้ พ่อจะตัดลูกตัดพ่อกับชั้น”
       “ชั้นต้องไปมอบตัวกับตำรวจเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะช่วยอาปลอดได้”
       เพ็ญรันทดใจ หดหู่ใจ มองใหญ่สลับกับมองปานเทพคิดถึงและห่วงใยปลอดมาก
       ความเสียใจมาเป็นริ้วๆ เพ็ญน้ำตาไหลริน แต่รีบผินหน้าไปทางอื่น
       ปานเทพอัดอั้นตันใจ พูดอะไรไม่มีใครยอมฟัง ทั้งพ่อทั้งใหญ่ จึงลุกพรวด ยกมือยอมแพ้
       “ตามใจ ใครอยากจะทำอะไรก็เชิญ พ่อก็ทำเพื่อแก แกก็จะทำเพื่อพ่อ ชั้นจะอยู่ดูเฉยๆก็แล้วกัน เพราะชั้นมันเป็นส่วนเกิน”
       ปานเทพเดินลิ่วออกไป ใหญ่กะเพ็ญ มองตามเครียดๆ
       ปิ่นอนงค์ยืนมองอยู่อีกมุม
       
       ปานเทพนั่งเครียดอยู่นอกบ้าน ปิ่นอนงค์เดินเข้ามาเลียบๆ เคียงๆ ปานเทพหันไปเห็นจึงถาม
       “มีอะไรปิ่น”
       “ปิ่นได้ยินพวกคุณคุยกัน ปิ่นคิดว่าการที่อาปลอดยอมติดคุกไม่ใช่ทำเพื่อคุณใหญ่คนเดียว แต่ทำเพื่อคุณปานด้วย” ปิ่นอนงค์ว่า
       “ทำเพื่อชั้นตรงไหน พ่อไม่เคยนึกถึงหัวอกของชั้นกับน้าเพ็ญเลยสักนิด พ่อแก่แล้วจะทนอยู่ในคุกได้สักกี่ปีเชียว”
       ปานเทพกลั้นน้ำตาไว้ หันหน้าหนีไปอีกทาง
       “ตอนที่แม่อุ่นคอยช่วยคุณนายแบบผิดๆ จนไม่คิดถึงปิ่นเลย ปิ่นเองก็น้อยใจมาก เฝ้าถามตัวเองว่า ทำไมแม่รักคนอื่นมากกว่าเรา แต่พอแม่ตายไป ปิ่นถึงได้รู้ตัวว่า ทำไมตอนที่แม่ยังอยู่ เราไม่ทำให้แม่รู้ว่า เรารักแม่แค่ไหน แทนที่จะสงสัยว่าแม่รักเราแค่ไหน เพราะพ่อแม่มีเวลาให้เราไม่นานนักนะคะ”
       ปานเทพลุก มองจ้องหน้าปิ่นอนงค์ “ไม่ต้องมาพยายามพูดดีๆ กับชั้น ยังไงชั้นก็ไม่คิดจะญาติดีกับเธอหรอก เพราะเธอทำให้คุณใหญ่กลับไปไร่ไพศาล จนทำให้ชีวิตของพวกเราทุกคนเลวร้ายกันหมด ต้นเหตุมันมาจากเธอคนเดียว”
       
       ปานเทพเดินหนีไป ปิ่นอนงค์จ๋อยมองตามไปด้วยความรู้สึกผิดในใจ

------------------------------------------------

 เช้าวันต่อมา ใหญ่ ปานเทพ และทัศนีย์นั่งที่โต๊ะอาหารแล้ว ปิ่นอนงค์กับน้อยช่วยกันจัดเตรียมอาหารขึ้นโต๊ะ หวานเข้ามามองทุกคน แล้วเอ่ยขึ้น
       
       “หาคุณเพ็ญไม่เจอค่ะ ดูจนทั่วบ้านแล้ว”
       เสียง SMS ของปานเทพดัง ปานเทพกดอ่าน หันมามองใหญ่ ส่ายหน้าเครียด
       “น้าเพ็ญไปหาพ่อจนได้ ห้ามแล้วก็ไม่ฟัง”
       ทัศนีย์ชิมแกงจืดพลางเอ่ยขึ้นประสาคนปากไว ไม่ดูกาละเทศะ
       “ไม่แปลกนี่คะ เท่าที่เห็นคนบ้านนี้ดื้อเหมือนกันหมดเลย”
       ใหญ่กะปานเทพชะงักมองทัศนีย์ ซึ่งทัศนีย์จะตักข้าวกิน รู้ตัวมองสองหนุ่ม และหันไปสบตาปิ่นอนงค์ เจอปิ่นอนงค์เม้มปากส่ายหน้าเป็นเชิงบอกไม่ให้พูดต่อ
       ปานเทพวางช้อนส้อมลุกยืน “ฝากบ้านด้วยไอ้คุณใหญ่ ชั้นตามไปดูน้าเพ็ญเอง เดี๋ยวจะโดนพ่อด่าว่าสั่งอะไรไม่เป็นสั่ง”
       ปานเทพออกไปแล้ว ใหญ่ขยับจะตาม แต่ตัดสินใจนั่งตามเดิม สีหน้ากลุ้มใจ
       
       เพ็ญอยู่ในห้องเยี่ยมญาติที่เรือนจำ สองคนยกโทรศัพท์แนบหู สบตากันผ่านกระจก เพ็ญกับปลอด เอามือทาบกันที่กระจก ปลอดยิ้มเอานิ้วเกาะกระจกตรงมือเพ็ญ
       “นี่จะมาเกลี้ยกล่อมให้ชั้นกลับคำให้การอีกคนใช่มั้ย”
       “เปล่าสักหน่อย ชั้นรู้ว่าพี่ปลอดมีเหตุผลว่าทำไปเพราะอะไรแค่อยากมาดูว่าพี่ปลอดอยู่สบายดีมั้ย อยากกินอะไร คราวหน้าจะได้ทำมาฝาก”
       ปลอดปรายตาแอบมองเจ้าหน้าที่ “ทุกคนสบายดีมั้ย”
       เพ็ญยิ้มพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ใครมาอยู่บ้านเราต้องมีความสุข กินอิ่มนอนหลับกันทุกคนอยู่แล้ว พี่ปลอดก็รู้นี่”
       “ชั้นไม่เคยผิดหวังในตัวเธอเลยเพ็ญ เธอเข้มแข็งสมกับเป็นเมียนายเหมืองอย่างชั้น นี่ถ้าต้องติดคุกตลอดชีวิต หรือถูกประหาร ชั้นนอนตายตาหลับ ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว เพราะมีเธอเป็นหลัก คอยดูแลบ้าน ดูแลคนที่ชั้นรักแทนที่ชั้นได้เสมอ”
       “อย่าพูดอย่างนั้นสิ เดี๋ยวคุณใหญ่กับนายปานก็หาทางช่วยพี่ปลอดออกมาได้แล้ว เพ็ญจะมารับพี่กลับบ้านด้วยกัน”
       สองคนสบตายิ้มให้กัน
       
       ในขณะที่เพ็ญขับรถกระบะกลับจากเยี่ยมปลอด จังหวะที่เพ็ญเช็ดน้ำตา สงสารปลอดนั้น ก็มีรถกระบะอีกคันขับแซงขึ้นมาประกบ คนนั่งข้างคนขับยิงปืนใส่ยางข้างขวารถเพ็ญสองนัดรถส่ายไปมา
       เพ็ญตกใจบังคับรถ จู่ๆ ได้ยินเสียงเบรกดังสนั่น จากนั้นทุกอย่างก็เงียบสนิท
       แผนของเสี่ยตงที่บอกครองสุข คือจับเพ็ญเป็นตัวประกัน เพื่อให้ปลอดกลับคำให้การนั่นเอง
       
       ตกกลางคืน ใหญ่นั่งกอดเข่ามองเหม่อไปนอกหน้าต่าง ปิ่นอนงค์ขยับลุกมานั่งข้างๆ
       “เป็นห่วงอาปลอดเหรอคะ”
       ใหญ่พยักหน้า บอกเสียงเศร้า “คนที่สร้างปัญหาเอาความเดือดร้อนมาให้ครอบครัวนี้ เป็นส่วนเกินของครอบครัวนี้คือชั้นต่างหาก ไม่ใช่ปานหรอก”
       ปิ่นอนงค์ปลอบ “ความรู้สึกที่อาปลอด น้าเพ็ญ คุณปาน มีให้กับคุณใหญ่ คือความรัก ความห่วงใยที่มากมายจนปิ่นรู้สึกได้ คุณใหญ่มีความหมายกับครอบครัวนี้มากต่างหาก”
       “ไม่ใช่หรอกปิ่น มันคือความเวทนาสงสารของอาปลอดที่มีให้ชั้น เพราะชั้นไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีใครเลย แต่ปานคิดว่าอาปลอดรักชั้นมากกว่ามัน มันไม่เข้าใจ คิดว่าความสงสารคือความรัก”
       ปิ่นอนงค์ยกแขนโอบหัวใหญ่มาแนบแก้มกอดประคองเอาไว้
       “ต่อไปนี้คุณใหญ่จะไม่ขาดความรักเพราะปิ่นจะยกให้คุณใหญ่ทั้งหมดทั้งหัวใจ”
       “ไม่ว่าจะต้องติดคุก ติดตะราง ไม่ว่าชั้นจะอยู่ที่ไหนในโลกนี้ ชั้นก็จะจดจำอ้อมกอดของเธอวันนี้เอาไว้ ปิ่นอนงค์”
       สองคนถ่ายทอดความรักให้กำลังใจกันและกัน
       
       ฟากเพ็ญถูกสมุนเสี่ยตงกดให้ลงนั่ง สมุนคนนั้น ถือปืนแนบต้นขา สมุนอีกคนกำลังค้นกระเป๋าสะพายเพ็ญโยนโทรศัพท์เพ็ญตกข้างๆ ที่เพ็ญนั่งไม่สนใจ จากนั้นก็โยนตลับแป้งทิ้งไม่สนใจ
       เพ็ญนั่งมองตาขวาง จะลุกแต่ถูกกดไหล่
       สมุนที่ค้นกระเป๋าออกอาการดีใจปนตกใจ ตามองจ้องของในกระเป๋าเพ็ญ
       “เฮ้ย มีปืนด้วยโว้ย เงินเป็นฟ่อนเลย”
       สมุนที่คุมตัวเข้าเรื่อง “ชั้นมีข้อเสนอให้เจ๊สองข้อ หนึ่งกลับไปกล่อมผัวเจ๊ให้กลับคำให้การซะ สองถ้าปฏิเสธเจ๊ก็เป็นศพ ผัวเจ๊ก็เป็นศพตายในคุก เลือกเอา”
       เพ็ญถามเสียงขุ่น “ใครใช้แกมา คุณนายครองสุขใช่มั้ย”
       “ไม่สำคัญ ถ้าไม่อยากตายเจ๊ก็ทำตามที่ชั้นบอก”
       “ฝากไปบอกนายแกว่าคนอย่างฉันไม่ขี้ขลาดกลัวตาย” เพ็ญบอกเสียงกร้าว
       สมุนที่ค้นกระเป๋าเอาปืนเพ็ญออกมาดู เป็นปืนพกเล็กๆ เหมาะมือ
       “มิน่าถึงพกปืนผาหน้าไม้”
       สมุนที่คุมตัวหันไปดู เพ็ญเห็นโอกาสเหมาะโผนเข้าหาสมุนคนนั้น แล้วใช้สองมือรวบปืนที่มือของมัน
       เพ็ญทั้งเตะทั้งเข่า เอาหัวโขกหน้าสมุนเสี่ยตงจนเลือดกำเดาไหล ตัวหมุนเป็นวง สมุนอีกคนถือปืนเลิ่กลั่ก
       เพ็ญดันขัดขาสมุนคนแรก ล้มลงแถวที่นั่งที่คุมตัว เพ็ญทุ่มตัวทับตัวสมุนคนนั้นสู้ตากัน
       จังหวะนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยง สามคนต่างชะงักกึก
       
       เปี๊ยกหลับที่โซฟาห้องโถง มีโทรศัพท์บ้านวางอยู่ที่โต๊ะเล็กข้างโซฟาและโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายวางอยู่บนโต๊ะรับแขก
       ใหญ่เดินเข้ามานั่งมองเปี๊ยกยิ้มๆ “เปี๊ยก เปี๊ยก”
       เปี๊ยกสะดุ้งโหยง คว้าโทรศัพท์อ้อแอ้ ใหญ่สะกิด เปี๊ยกได้สติ ยิ้มแหยๆ “ชั้นให้นายคอยน้าเพ็ญกับนายปานกลับมา แล้วขึ้นไปปลุกชั้น ดันมาหลับซะนี่”
       เปี๊ยกวางโทรศัพท์ลง เป็นจังหวะที่เสียงโทรศัพท์ดัง เปี๊ยกสะดุ้งวางโทรศัพท์บนโต๊ะ
       ใหญ่คว้าโทรศัพท์มากดรับสาย “ฮัลโหล...”
       
       ค่ำนั้นปานเทพขับรถสอดส่ายสายตา ใช้ BLUETOOTH สื่อสารกับใหญ่เป็นระยะ สีหน้าปานเทพเครียดจัด
       “น้าเพ็ญถึงบ้านรึยัง เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าออกจากเรือนจำตั้งนานแล้ว”
       ใหญ่เครียด “ยังเลย ไม่ได้โทร.กลับมาด้วย”
       ปานเทพฟัง เขม้นตามองข้างถนน ชะลอรถ ตาเบิกโผลง ปานเทพมองผ่านกระจกหน้ารถ เห็นรถเพ็ญจอดเอียงลงข้างถนน
       ใหญ่สงสัยเห็นเป็นปานเทพเงียบไปนาน “ปานๆ ไอ้ปาน”
       “เฮ้ย เห็นรถน้าเพ็ญแล้ว แค่นี้ก่อนนะ” ปานเทพวางสายทันที
       
       รถเพ็ญจอดอยู่ริมถนนปานเทพรีบลงจากรถ ถือไฟฉายสอดส่องไปมา
       “น้าเพ็ญ น้าเพ็ญครับ”
       ภายในรถว่างเปล่า ปานเทพหน้าเครียด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
       ปานเทพรีบกดรับสาย นิ่งฟัง “น้าเพ็ญ น้าเพ็ญ อยู่ที่ไหนครับ เกิดอะไรขึ้น”
       สีหน้าปานเทพขณะฟังโทรศัพท์เครียดจัด
       
       ภายในโรงนาร้างเวลานั้น เพ็ญถูกทิ้งไว้คนเดียว เพราะลูกน้องเสี่ยตงคิดว่าตายแล้ว เพ็ญหน้าซีดเผือด ยิ้มน้อยๆ แข็งใจพูดโทรศัพท์ออกไป น้ำเสียงติดๆ ขัดๆ กำลังบอกทางปานเทพ
       “ใช่ .. ใช่ .. เลี้ยวซ้ายตรงศาลา รอ...รอรถเมล์ น้า... ไม่เป็น อะไรมาก พอ... พอทนไหว...”
       เพ็ญเข้มแข็งมาก ทั้งที่บาดเจ็บสาหัส เพราะถูกสมุนเสี่ยตงยิงเข้าที่ลิ้นปี่!!
       เพ็ญมองจ้องไฟสูงรถปานเทพที่กำลังพุ่งเข้ามาจอดในโรงนาแห่งนั้น
       ปานเทพถือไฟฉาย วิ่งเข้าโรงนามา เจอเพ็ญเข้าประคอง
       “น้าเพ็ญๆ ใคร ใครทำน้าเพ็ญ”
       เพ็ญอยู่ในสภาพเลือดท่วมลิ้นปี่ท้อง “ปานเทพ พี่ ปลอด รัก ปาน”
       เพ็ญพยายามลูบแก้มปาน มือตก ตาค้าง
       “น้าเพ็ญๆ อย่าตายนะครับ ผมจะพาไปโรงพยาบาล น้าเพ็ญ ...อย่าทิ้งผมไปอย่างนี้...”
       
       ปานเทพกอดเพ็ญทั้งตัว ชายหนุ่มจอมกะล่อนร้องไห้คร่ำครวญออกมาอย่างน่าเวทนา

-------------------------------------------------------------------------------
 ใหญ่กับปิ่นปิ่นอนงค์เกาะระเบียงบ้าน ชะเง้อชะแง้รอปานเทพใจจดจ่อ ฟากใหญ่กดโทรศัพท์หาปานเทพถี่ยิบ
       
       “ติดต่อไม่ได้เลยเหรอคะ” ปิ่นอนงค์ถาม
       ใหญ่ขยับจะออกไป “โทร.ติดแต่ไม่รับสาย เอายังไงดี ชั้นออกไปตามดีกว่า”
       รถปานเทพขับเข้ามา ปิ่นอนงค์เข้าไปแตะแขนใหญ่ชะงักมอง
       ปานเทพจอดรถลงมาเสื้อเลอะไปด้วยเลือดของเพ็ญ หลบตามองพื้นไม่สบตาใคร
       ใหญ่กับปิ่นอนงค์รีบเข้าไปหา มองสภาพปานเทพต่างก็ตกใจ ใหญ่จับแขนปานเทพเขย่าอย่างร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้น น้าเพ็ญอยู่ไหน เลือด... เลือดใคร”
       ปานเทพค่อยๆ เหลือบตาขึ้นมามองใหญ่ “น้าเพ็ญตายแล้ว...”
       พูดเท่านั้นร่างปานเทพก็ทรุดลงกับพื้น หลังพิงรถร้องไห้คร่ำครวญ
       ใหญ่ย่อตัวลงตามกับปิ่นอนงค์ ใหญ่ตะโกนก้อง “ใคร... ใครฆ่าน้าเพ็ญ ปาน... ปาน”
       เสียงโทรศัพท์ปานเทพดัง ปิ่นอนงค์กับใหญ่ชะงัก เหลียวหาต้นเสียง
       ใหญ่จับตบตามกระเป๋าเสื้อกางเกงปานเทพ จนเจอโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋ากางเกงใหญ่รีบกดรับสาย “สวัสดีครับ นั่นใครพูด”
       ถวิลได้ยินเสียงใหญ่ก็ตื่นเต้นดีใจ
       “คุณใหญ่ คุณใหญ่จริงๆเหรอครับ ผมถวิลครับ”
       ใหญ่ขมวดคิ้ว “นายหวิน”
       ถวิลคุยต่อหน้าเครียด “คุณใหญ่ นังคุณนายกับเสี่ยตงฆ่าคุณเพ็ญครับ ผมได้ยินมากับหู”
       ใหญ่ตกใจ แค้นจัด วางโทรศัพท์กับพื้น ใหญ่ลุกยืนช้าๆ มองเข้าไปในป่า “นังครองสุข แกกับชั้นอย่าได้อยู่ร่วมโลกกันอีกเลย นังปีศาจ”
       ปานเทพร้องไห้ไม่สนใจใคร
       ปิ่นอนงค์ งงงันและสับสน มองใหญ่กับปานเทพไปมา
       
       ใหญ่เหน็บปืนสั้นสองกระบอกที่เอว อีกมือถือปืนลูกซองขนาดห้านัด เดินมุ่งมั่นสีหน้าแค้นจัด กำลังจะออกประตูบ้าน
       ปิ่นอนงค์วิ่งตามมาจับแขน เปี๊ยก น้อย หวาน ตามมาติดๆ
       “คุณใหญ่มีสติหน่อยสิคะ แค่นี้เรื่องมันก็บานปลายมากไปแล้ว อย่าไปเลยค่ะ”
       ใหญ่โกรธจนไม่ฟังใครอีกแล้ว “ชั้นบอกแล้วไง นังครองสุขจะต้องตาย ชั้นจะฆ่ามัน ปล่อยชั้นปิ่น ปล่อย”
       ปิ่นอนงค์ยื้อยุดฉุดกระชากใหญ่เอาไว้ หวาน เปี๊ยก และน้อย เข้าช่วยกันจับใหญ่พัลวัน
       ใหญ่สะบัด ทุกคนกระเด็นไปคนละทาง ใหญ่เดินจะไป
       “คุณใหญ่ คุณนายจะตายไม่ได้นะคะ” ปิ่นอนงค์เอ่ยขึ้น
       ใหญ่ชะงักกึก หยุดเดิน หันมาชี้หน้าปิ่นอนงค์
       “นี่เธอเข้าข้างมันอีกแล้วปิ่นอนงค์ มันถึงขนาดฆ่าแม่เธอ เธอยังมีหน้ามาทำใจบุญกับมัน เธอทำดีแล้วคนใจบาปอย่างมันเคยหยุดทำชั่วบ้างมั้ย”
       ปิ่นอนงค์พยายามเอาน้ำเย็นลูบใจที่ร้อนดั่งไฟของใหญ่ในยามนี้
       “ไหนคุณใหญ่บอกว่าจะให้กฎหมายจัดการ คุณใหญ่จะเข้ามอบตัวสู้คดีไม่ใช่เหรอคะ”
       ใหญ่คำราม “ชั้นไม่รอกฎหมายอีกแล้ว มันช้าเกินไป สำหรับคนเลวๆ มันต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
       “ด้วยการทำเลว เหมือนกับเขาเหรอคะ เอาเลยค่ะ ถ้าคิดว่าการเป็นคนดีมันยากนัก ก็เป็นคนเลวมันไปเลย”
       ใหญ่ขัดใจและบันดาลโทสะชักปืนเล็งไปที่ปิ่นอนงค์ “พูดมากนัก”
       เปี๊ยก น้อย และหวาน ตะลึงตาโต ปิ่นอนงค์เชิดหน้าทำทีไม่เกรงกลัว แต่ใจเต้นระรัว
       
       ปิ่นอนงค์นั่งเศร้ากอดเข่าพิงข้างฝากระท่อมท้ายเหมือง ทัศนีย์เดินเข้ามาเลียบเคียง
       “แย่จังเลยนะ คุณใหญ่กับเธอดีๆ กันอยู่แท้ๆ มาทะเลาะกันอีกแล้ว”
       “คุณใหญ่ก็อย่างนี้แหละค่ะ เวลาโมโหขึ้นมาก็จะไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจ”
       “แต่เอาปืนจ่อเธออย่างนี้ มันแรงเกินไปนะปิ่น ไม่ได้แล้วนะ เธอจะทนต่อไปเหรอ เลิกกันไปเลยดีกว่า”
       ทัศนีย์ยุหวังจะเสียบ ปิ่นอนงค์ใคร่ครวญครุ่นคิด สาวเจ้าชู้ทัศนีย์แววตาเป็นประกายวิบวับ
       “ถ้าเธอเลิกกัน ชั้นขอคบกับคุณใหญ่ต่อไปไม่ว่าอะไรนะ ไม่ใช่” ทัศนีย์นั่งลงข้างๆ ปิ่นอนงค์ “อะไร ชั้นจะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าแย่งสามีเพื่อน”
       ปิ่นอนงค์หันไปสบตากับทัศนีย์ “คุณนีไม่คิดเป็นห่วงคุณนายบ้างเหรอคะ”
       ทัศนีย์ส่ายหน้าทันที “ไม่ คุณน้าร้ายจะตาย ใครจะไปทำอะไรได้ ชั้นอยู่ที่นี่สบายจะตาย พูดจริงๆนะ อยู่กับน้าเพ็ญยังดีกว่า ... ดีกว่าอยู่กับแม่อีก”
       “น้าเพ็ญถูกฆ่าตายเมื่อคืนนี้ ปิ่นลืมบอกคุณนีไปค่ะ”
       ทัศนีย์ช็อก ตาค้าง “หา ที่ไหน ใครทำ หรือว่าคุณน้า...”
       “น้าเพ็ญถูกคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์ แต่ลุงหวินได้ยินว่าเป็นฝีมือคุณนาย คุณใหญ่จะไปฆ่าคุณนายแก้แค้น”
       ทัศนีย์ถอนหายใจ “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง”
       “คุณนีไม่สงสารคุณนายบ้างเหรอคะ”
       “สงสารทำไม คุณน้าฆ่าแม่เธอนะยังจะไปสนใจใยดีเค้าอีกทำไม แปลกคนจริง เธอนี่...”
       “ถ้าคุณนีไม่หยุดคุณนายให้ได้ คุณนายต้องฆ่าคนอีก คุณนีจะได้ชื่อว่าเป็นลูกฆาตกร คุณนีทนได้เหรอคะ” ปิ่นอนงค์พยายามเกลี้ยกล่อม
       “ไม่เห็นต้องทนอะไร ไม่มีใครรู้ว่าชั้นเป็นลูกเค้าอยู่แล้วนี่” แต่เหมือนจะไม่ได้ผล
       “แต่คุณนีจะหนีความจริงไปได้อีกนานแค่ไหนกันคะ”
       
       เสียงเปี๊ยกร้องโหยหวนดังเข้ามา ปิ่นอนงค์กับทัศนีย์ตกใจ เหลียวมองหน้ากัน

------------------------------------------------------------------------------
เปี๊ยกกุมเป้านอนกลิ้งไปมาอยู่ตรงแปลงผัก หน้าตาบิดเบี้ยว หวานยืนเท้าสะเอวชี้หน้าด่าฉอดๆ น้อยอยู่ข้างหวาน       
       “เข้าข้างกันดีนัก เป็นผู้ชายแท้ๆ จะยิงผู้หญิง หน้าตัวเมียชัดๆ ทีเวลาอยากจะมีอะไรกันกับปิ่น ก็ทำเป็นยอมใจอ่อนยกโทษให้ พอเบื่อขึ้นมาก็ขุดเรื่องเก่าๆขึ้นมาด่าปิ่น ผู้ชายมันเลว”
       เปี๊ยกพยุงตัวลุก หวานตะคอกใส่หน้า “เหมือนกันหมด ทั้งเอ็ง ทั้งคุณใหญ่”
       เปี๊ยกชี้ด่าหวานวุ่นวาย น้อยแปลแล้วยุส่ง “โอ้โห ... ขุดเรื่องบนเตียงมาด่าพี่เลยนะเนี่ย พี่เปี๊ยกนี่หยาบคายจริงๆ ดูๆ เล่าละเอียดเลย”
       หวานฟังน้อยแล้วอารมณ์ขึ้น “ไอ้นี่ กินในที่ลับ มาไขในที่แจ้ง”
       หวานกระโดดเข้าลุยเปี๊ยก แต่เปี๊ยกสู้ น้อยเข้ารุมเปี๊ยกนัวเนียกัน
       ปิ่นอนงค์กับทัศนีย์วิ่งเข้ามา ปิ่นอนงค์ตะโกนลั่น “หยุดๆ ทะเลาะอะไรกัน”
       “แยกๆ กันเดี๋ยวนี้” ทัศนีย์ตะโกนตาม
       ทัศนีย์กับปิ่นอนงค์แยกสามคนได้อย่างทุลักทุเล เปี๊ยกชี้หน้าด่าหวาน แล้วหนีไป
       หวานร้องไห้ฟ้องปิ่นอนงค์ “ไอ้เปี๊ยกมันรักคุณใหญ่มากกว่าพี่ เห็นคนอื่นดีกว่าเมีย”
       ปิ่นอนงค์กับทัศนีย์เห็นแล้วสลดใจ
       หวานกอดน้อยสะอึกสะอื้น
       
       ใหญ่กะปานเทพคุยกันอยู่ตรงระเบียงบ้าน หน้าเครียดกันทั้งคู่ ใหญ่กุมหัวส่ายหน้าปานเทพ ตบไหล่ใหญ่เบาๆ
       “แกไม่ต้องมาปลอบใจชั้นไอ้ปาน ชั้นซะอีกที่ต้องเป็นฝ่ายปลอบใจแก”
       ปานเทพก้มหน้าเศร้า ใหญ่ตบไหล่ปลอบปานเทพบ้าง
       “ชั้นจะไม่ยอมให้อาปลอดเป็นอะไรทั้งนั้น อาปลอดต้องได้กลับบ้าน ชั้นจะทำให้คุณนายครองสุขต้องชดใช้กรรมให้น้าเพ็ญ ชั้นสัญญาเพื่อน”
       สองหนุ่มสบตากัน แววตามุ่งมั่นทั้งคู่
       
       ฟากทัศนีย์สับสนวุ่นวายใจอย่างหนัก ยืนหน้าเครียดเคร่ง มองออกไปที่หน้าต่าง สักครู่หนึ่งปิ่นอนงค์เดินเข้ามาหน้าเข้ม
       “ถ้าเราห้ามคุณใหญ่ไม่ได้ เรารีบหนีไปจากที่นี่กันดีกว่า ถ้าเราไปถึงไร่ไพศาลก่อนคุณใหญ่ เราอาจจะหยุดเรื่องร้ายๆ ได้นะคะ”
       “จะไปได้ยังไง พวกไอ้เปี๊ยก นังหวาน นังน้อย ถ้ามันเห็นเรา มันก็ไปรายงานคุณใหญ่อยู่แล้วไหนจะพวกคนงานอีก คุณใหญ่ดูแล้วก็ยังไม่ไว้ใจเธอเท่าไหร่ ดูสิ ขนาดเธองอนจะกลับมานอนที่นี่ ยังไม่ยอมตามมาง้อเลย”
       ปิ่นอนงค์จับแขนทัศนีย์ “เรื่องอื่นชั่งมันเถอะค่ะ ว่าแต่คุณนี แน่ใจนะคะว่าจะยอมช่วยเกลี้ยกล่อมคุณนายให้มอบตัวกับตำรวจ”
       “เพื่อความสงบสุขของทุกคน ชั้นต้องพยายามทำให้ได้”
       “เราต้องทำให้คุณนายกลับใจให้ได้ ปิ่นจะคอยช่วยคุณนีอีกแรงค่ะ”
       สองสาวสบตากันอย่างมุ่งมั่น
       
       จู่ๆ กระท่อมท้ายเหมืองเกิดไฟลุกท่วม ไฟกำลังโหมไหม้ลุกลาม เปี๊ยกกับคนงาน 6 คนกำลังดับไฟกันวุ่นวาย ใหญ่กับปาน ขับรถเข้ามา เปี๊ยกรีบเข้ามาหาใหญ่
       “ปิ่นกับทัศนีย์ล่ะ”
       เปี๊ยกปัดมือ ปิดตา อธิบายว่าไม่เห็น
       ปิ่นอนงค์ทัศนีย์ แอบดูอยู่ในพุ่มไม้ ใหญ่ประกาศกร้าว “เกณฑ์คนงานออกตามหาเร็ว”
       ปิ่นอนงค์รีบดึงทัศนีย์ วิ่งหนีไป
       
       เวลาต่อมา ริมถนนเส้นทางมุ่งเข้าสู่ตัวเมือง ปิ่นอนงค์วิ่งลัดเลาะพุ่มไม้อยู่ข้างทาง มากับทัศนีย์
       สองสาวหลบนั่ง เหลียวดูไปมา
       “จะวิ่งไปเหรอปิ่น เมื่อไหร่จะถึงถนนใหญ่ ชั้นเหนื่อยแล้วนะ”
       “แข็งใจหน่อยค่ะ ปิ่นรู้ทางลัด”
       พลางปิ่นอนงค์ลุกฉุดข้อมือทัศนีย์ วิ่งข้ามถนน
       ระหว่างนั้นมีรถแวนสองตอนวิ่งเข้ามาเบรกดังเอี๊ยด สองสาวชะงัก
       ทัศนีย์ดึงปิ่นอนงค์จะหนีต่อ เป็นน้อยกับหวาน วิ่งลงจากรถเข้ามาหาสองสาว
       “คุณนี ปิ่น เร็วขึ้นรถ”
       ปิ่นอนงค์งง น้อยรีบบอก “โหย กว่าจะขโมยรถมาได้”
       “ปิ่นกับคุณนีจะหนีกลับไร่นะ” ปิ่นอนงค์บอก
       “พี่จะเลิกกับไอ้เปี๊ยก อยู่ที่นี่อดอยากกลับไร่ไพศาลดีกว่า”
       “คุณนีช่วยพูดกับคุณนายให้รับเรากลับไปทำงานที่ไร่ด้วยนะคะ” น้อยอ้อน
       ทัศนีย์งงๆ ปิ่นอนงค์ชวนให้รีบๆ ไป “ไปค่ะคุณนี รีบไปกันได้แล้ว”
       
        หมู่มวลขึ้นรถ หวานขับออกไปฝุ่นคลุ้งกระจาย

---------------------------------------------------------------
ครองสุขแค้นนักที่ถูกลอบยิง หารืออยู่กับจอมและเสี่ยตงที่เรือนใหญ่ ครองสุขคิดว่าต้องเป็นปานเทพแน่นอน เพราะใหญ่ก็ตายแล้ว ส่วนปลอดก็อยู่ในคุก
       
       “คนที่มันลอบเข้ามาในไร่เราวันก่อนเป็นใคร ในเมื่อไอ้ปลอดก็นอนอยู่ในตาราง คงไม่มีปัญญาไปสั่งงานลูกน้องมันได้ หรือจะเป็นพวกไอ้ปาน เหลือมันคนเดียวที่ยังลอยนวลอยู่” 
       จอมกลัวพ่อเดือดร้อน รีบออกโรงสนับสนุน “ผมว่าน่าจะใช่ เพราะลูกน้องของพ่อมันก็ต้องภักดีอยู่กับมันด้วย มันอาจแค้นคุณนายเรื่องเอาพ่อมันเข้าคุก”
       ครองสุขปรายตามองแขนล่ำๆ ของจอมแล้วหวามไหว จ้องที่ต้นแขนล่ำบึ๊กตาไม่กระพริบ ครองสุขเดินไปหาเสี่ยตงแต่ชม้ายตามองจอมอย่างมีความหมาย จอมรีบก้มหน้าหลบตาวูบ
       “เราคงต้องเพิ่มกำลังคน เฝ้าทางเข้าออกไร่ให้เข้มงวดมากขึ้น”
       ยินเสียงคนทะเลาะกันดังเข้ามา ทุกคนหันไปมองต้นเสียง
       
       ที่หน้าเรือนใหญ่ ทัศนีย์แต่งตัวมอมแมมเหมือนคนงานในไร่ แถมผมเผ้ายุ่งเหยิงปิดหน้าปิดตา กำลังตบตีกับอรสอางค์ อย่างเมามันทั้งคู่ จิ๋ววิ่งเข้าไปจับอรสอางค์ชุลมุนวุ่นวายมาก ปากก็ตะโกนบอก
       “อย่าทำร้ายคุณหนูนะ”
       แต่กลายเป็นว่าจิ๋วมาจับล็อกอรสอางค์ไว้ จึงโดนทัศนีย์ตบไปอีกหนึ่งฉาดใหญ่
       อรสอางค์โกรธจิ๋วหันไปตะคอก “ปล่อย มาจับอรทำไม จับนังนี่สิ”
       จิ๋วตกใจ นึกขึ้นได้ แต่พอปล่อยอรสอางค์ จะพุ่งเข้าไปหาทัศนีย์ ก็โดนทัศนีย์ที่กำลังมันมือตบจนเซถลาไป อรสอางค์พุ่งเข้าไปบีบคอทัศนีย์หมับ ออกแรงบีบสุดแรงเกิด
       ครองสุขพรวดพราดเข้ามาตวาดลั่น แต่ยังไม่เห็นหน้าทัศนีย์ชัดนัก คิดว่าเป็นพวกคนงาน
       “หยุด ไร่ฉันไม่ใช่ตลาดสดนะยะ มาตบตีกันทำไม” ชี้หน้าด่าทัศนีย์ “แล้วนังนี่มันใคร ไปมีเรื่องกับมันทำไม”
       ทัศนีย์หันมา ครองสุขมองจ้องหน้า “คุณน้า”
       ครองสุขตกใจ “ยัยนี!” คาดไม่ถึง
       จอมกับเสี่ยตงก็มองอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะทัศนีย์ดูโทรมมาก
       
       ทุกคนเข้ามาในห้องรับแขก ทัศนีย์นั่งเชิดๆใส่อรสอางค์
       ครองสุขดีใจที่ลูกสาวโผล่หัวมา แต่ก็ทำปากร้ายใส่เหมือนเคย “นี่แกหายหัวไปไหนมา แล้วดูสภาพแกสิ ทำไมมันตกต่ำดูเหมือนขอทานข้างถนนอย่างนี้”
       อรสอางค์ได้ที ยิ้มเยาะ “เห็นหรือยังล่ะ ใครเห็นเธอ ก็ต้องทักว่าเหมือนขอทานนี่คุณน้าเธอพูดเอง ทำไมไม่เข้าไปตบเหมือนที่ทำกับฉันล่ะ”
       ทัศนีย์ตวาดกลับ “นังไฮโซ อย่ามายั่วฉันอีกนะ” พลางลุกยืนพรวดถลาจะไปตบอีก จิ๋วรีบลุกบังอรสอางค์ทันควัน ครองสุขรีบคว้าทัศนีย์ไว้ รีบหันไปบอกอรสอางค์
       “เธอออกไปก่อน”
       อรสอางค์ลุกยืนเชิดๆ มองหน้าทัศนีย์อย่างสมเพชแล้วออกไปพร้อมจิ๋ว
       “ว่าไง จะตอบฉันได้หรือยัง”
       “ที่นีหายไป เพราะไปเจอคนๆ หนึ่ง ที่คุณน้าต้องคาดไม่ถึง”
       ครองสุขสงสัยว่าเป็นใครกัน
       
       ที่ศาลา ซุ้มสวยๆ ปากทางเข้าไร่ไพศาล ทัศนีย์ขับรถของไร่เข้ามาจอด ครองสุขลงจากรถ มองไปที่ศาลาเห็นผู้หญิง 3 คน แต่งตัวเหมือนพวกคนงานไร่ยืนหันหลังให้ ครองสุขเดินเข้าไป ปิ่นอนงค์ หวาน และน้อยหันมา ยกมือไหว้
       “สวัสดีค่ะคุณนาย”
       ครองสุขตกตะลึง ถอยหลังไปสองก้าว “นังปิ่น แก แกยังไม่ตายอีกหรือ”
       ทัศนีย์เดินเข้ามาสมทบข้างๆ ครองสุข
       ปิ่นพูดแดกดันครองสุขกลายๆ “วิญญาณแม่คุ้มครองไว้ ปิ่นก็เลยรอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์”
       ครองสุขไม่ใส่ใจ สนแต่เรื่องใหญ่ “แล้วไอ้ใหญ่ล่ะ มัน มัน มันรอดหรือเปล่า”
       ปิ่นอนงค์ตีหน้าเศร้า พลางส่ายหน้า “คุณใหญ่โชคร้ายตกลงไปในเหวลึกกว่า ตำรวจก็เลยหาศพไม่พบไงคะ”
       ครองสุขหันไปทางทัศนีย์ “แกไปรู้เรื่องได้ยังไง”
       ทัศนีย์มองหน้าปิ่นอนงค์ ปิ่นอนงค์พยักหน้านิดๆ
       “คือ คนที่ช่วยพาคุณใหญ่หนี คือนีเอง แต่คุณใหญ่กลับย้อนไปช่วยปิ่น แล้วขับรถออกมาจนตกเหว ตอนแรกนีก็คิดว่าทั้งคู่คงตายแน่ นีกลัวคุณน้าโกรธนี นีก็เลยแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง”
       ครองสุขโกรธมากตบหน้าทัศนีย์สุดแรง และจะตบซ้ำอีก ปิ่นอนงค์รีบดึงมือรั้งไว้
       “พอแล้วค่ะ คุณนีทำไปเพราะรักคุณใหญ่ ไม่ได้คิดทรยศคุณนายหรอกค่ะ”
       ทัศนีย์กลัวรีบไปยืนหลบหลังหวาน ครองสุขมองปิ่นอนงค์เขม็ง 
       “ที่ปิ่นรอดมาได้เพราะพี่หวานกับน้อยตามไปช่วย พี่หวานพาปิ่นไปรักษาตัวที่บ้านญาติในต่างจังหวัด”
       หวานกะน้อยพยักหน้าหงึกๆ “เราสองคนกลัวคุณนายเข้าใจผิด คิดว่าเราพาคุณใหญ่หนี เราเลยไม่กล้ากลับมาที่ไร่” หวานบอก
       ครองสุขนิ่งคิด ไม่วางใจ ทัศนีย์มองอยู่รีบแกล้งโวยวายใส่หวาน “เพราะแกสองคนนี่แหละ ไม่มีเงินรักษานังปิ่นก็โทร.มาหาฉัน”
       ทัศนีย์หันไปหาครองสุข “นีก็เลยต้องไปดูนังปิ่นมัน ถ้ามันตาย นีกลัวเรื่องถึงตำรวจ นีจะติดร่างแหไปด้วย”
       ปิ่นอนงค์ไหว้ครองสุข หน้าเศร้า “ปิ่นไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีที่จะไปจริงๆ”
       ครองสุขยังไม่ตัดสินใจเรื่องนี้ ปิ่นอนงค์มองหน้าทัศนีย์เป็นเชิงให้ช่วย
       “นียืนยันได้ พวกมันพูดจริง”
       
       ครองสุขเคลิ้มคล้อย เพราะทัศนีย์ซึ่งไม่ชอบหน้าปิ่นอนงค์ออกโรงการันตี แต่เสี่ยตงไม่เชื่อเด็ดขาด สองคนนั่งหารือกันอยู่ที่โต๊ะสนามข้างเรือนใหญ่
       “ฉันไม่เชื่อ! ผู้หญิงขี้ขลาดอย่างทัศนีย์ไม่น่ากล้าพาไอ้ใหญ่หนี”
       “ผู้หญิงมักโง่และบ้าบิ่นสุดๆ ตอนไหนรู้มั้ยเสี่ย ก็ตอนที่หลงรักผู้ชายเป็นบ้าเป็นหลังยังไงล่ะ ทัศนีย์ก็เป็นแบบนั้น มันรักไอ้ใหญ่มากกว่าน้าของมันเสียอีก”
       “แต่ถ้าปิ่นอนงค์อยู่ที่นี่ เราจะขยับตัวทำอะไรลำบากต้องมาคอยระแวดระวังคนนั้นคนนี้ มันไม่ไหวนะคุณนาย”
       ประเด็นนี้ครองสุขดูจะคล้อยตามเสี่ยตง “งั้นก็ตามใจเสี่ยแล้วกัน ฉันยกมันให้เสี่ยจัดการ”
       
       เสี่ยตงยิ้มร้ายออกมา คิดจะฆ่าปิ่นอนงค์ปิดปากเสียเลย

---------------------------------------------------------

จอมยืนคุมคนงานชายหญิงที่กำลังช่วยกันยกนมวัวขึ้นรถกระยะ อยู่โซนปศุสัตว์ในไร่ไพศาล        
       “ระวังหน่อย”
       เสียงคนงานเอะอะโวยวายมาจากอีกทาง “พาป้าแกไปนั่งพักก่อน ทางโน้นๆ”
       จอมหันไป เห็นคนงานสองคนประคองปีกป้าคนงานเข้ามา ป้าท่าทางจะปิ่นลม จอมจึงเข้าไปถาม “ป้าแกเป็นอะไร”
       คนงานรีบบอก “ป้าแกเจอผี ผีปิ่นอนงค์ครับหัวหน้า”
       จอมไม่พอใจ “เหลวไหล ปิ่นไปดีแล้ว อย่าเอามาพูดล้อเล่นไร้สาระ”
       ป้าโวยวายด้วยความหวาดกลัว เนื้อตัวสั่น “ป้าเห็นจริงๆ เห็นกับตา ผีนังปิ่นเดินไปเดินมาอยู่ที่เรือนคนงานแถวๆห้องแม่มัน มันคงคิดถึงแม่ ก็เลยมาหา ถ้าป้าโกหกให้ฟ้าผ่าตายเลยเอ้า”
       ป้าเล่าอย่างจริงจังจนจอมอึ้งๆ ไป ถึงไม่เชื่อ แต่ก็อยากเจอปิ่นอนงค์
       
       ที่เรือนคนงานเวลานั้น ปิ่นอนงค์โดนลูกน้องเสี่ยผลักล้มมากองที่พื้นตรงขาเสี่ยตงพอดี ปิ่นอนงค์เงยหน้ามาเจอเสี่ยตงยิ้มเยาะอยู่
       “ไงจ๊ะปิ่นอนงค์คนสวย เจอกันอีกจนได้”
       ปิ่นอนงค์หวาดกลัว มองไปอีกมุมเห็นหวานกับน้อย ก็โดนลูกน้องเสี่ยตงจับไว้
       “คุณนายล่ะคะ คุณนายให้ปิ่นรอ”
       “คุณนายส่งฉันมานี่ไง”
       เสี่ยตงชักปืนเล็งไปทางปิ่นอนงค์ หญิงสาวผวาถดตัวหนีน้อยกับหวานร้องตะโกนก้อง ประสานเสียง
       “ปิ่น”
       เสี่ยตงแสยะยิ้ม เตรียมลั่นกระสุน “ฉันจะช่วยส่งเธอไปอยู่กับแม่”
       ปิ่นอนงค์คิดว่าตัวเองตายแน่ หลับตาปี๋ นิ้วเสี่ยกำลังลั่นไก จังหวะนั้นเองจอมก็เข้ามาบิดข้อมือเสี่ยหักมือปืนหล่นลงที่พื้น
       เสี่ยตงถอยตวาดลั่นสั่งการลูกน้อง “จัดการมัน”
       ลูกน้องเสี่ยตง 2 คน ที่จับหวานกะน้อย ผลักสองคนลงพื้น แล้วเข้าไปลุยสู้กับจอม
       ส่วนลูกน้องอีก 3 คน ยืนอีกมุมเข้าไปลุยด้วย รวมเป็น 5 รุม 1
       จอมมองปิ่นอนงค์ แล้วหันไปปล่อยหมัด เตะ ถีบ ครบชุด จนทั้ง 5 คนหมอบในพริบตา จบที่ท่าจอมเหยียบยอดอกลูกน้องที่โดนคนสุดท้าย
       จอมหันมาทางปิ่นอนงค์ ที่ขยับไปยืนรวมกับหวานกับน้อยแล้ว จอมดีใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา
       “ปิ่น”
       จอมจะไปหาปิ่นอนงค์ แต่เสี่ยตงมายืนขวางหน้า ยกปืนขึ้นจ่อตรงหน้าจอม
       “ระหว่างหมัดของแก กับปืนของฉัน มาลองกันดูมั้ยว่า อย่างไหนจะไวกว่ากัน”
       ปิ่นอนงค์ตกตะลึง “จอม!”
       เสียงครองสุขดังขัดขึ้น “อย่านะเสี่ย”
       ครองสุข ทรรศนะ และทัศนีย์ วิ่งเข้ามา ปิ่นเหลียวหันไปมองทรรศนะ
       ทรรศนะมองตอบ ช็อกตาตั้ง ไม่คาดฝัน “ปิ่น ทัศนีย์พูดจริง เธอยังไม่ตาย”
       ทรรศนะวิ่งเข้าไปหมายจะกอดปิ่นอนงค์ แต่ชะงัก นึกถึงที่ที่ตนโดนหลอก ทรรศนะถอยหลังกลับสองก้าวพูดเย้ยตัวเอง
       “เริ่มต้นชีวิตใหม่กับพี่หรือ ที่แท้ก็ต้องการหลอกใช้เพื่อหนีไปกับไอ้ใหญ่ แล้วกลับมาอีกทำไม”
       ทรรศนะก้าวเข้าไปเขย่าตัวปิ่นอนงค์ ซึ่งพูดไม่ออก จอมรีบเดินไปผลักอกทรรศนะออก จับมือปิ่นอนงค์ไว้ ป้องกันเต็มที่ จอมกวาดตาไปทั่วๆ ทุกตัวคน ในฟากครองสุข
       “ใครทำปิ่น ได้เจอกันแน่”
       เสี่ยตงรีบเดินไปหาครองสุข “ปิ่นอนงค์ไม่น่าไว้ใจ ทำตัวเหมือนนกสองหัว เดี๋ยวก็อยู่กับคุณนาย เดี๋ยวก็อยู่กับไอ้ใหญ่ ฆ่ามันทิ้ง ชัวร์ดี”
       เสี่ยตงยกปืนขึ้นหันไปทางปิ่นอนงค์ ทรรศนะตกใจรีบเอาตัวบังปิ่นอนงค์ที่ยืนคู่อยู่กับจอม ทรรศนะตะโกนก้อง ดูจริงจังมากที่สุดในชีวิต
       “ถ้าฆ่าปิ่น ผมยอมตาย”
       ทรรศนะมองจ้องหน้าครองสุขแววตากร้าว “ผมพูดจริง เพราะที่ผ่านมาผมก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว”
       ครองสุขหูตาเหลือกห่วงทรรศนะมาก “ถอยไปตานะ เมื่อกี้ยังโกรธมันอยู่ นี่อะไรจะช่วยมันอีกแล้ว”
       “ไหนคุณน้าบอกว่าอยากเห็นผมมีความสุข แล้วทำไมคุณน้าจะปล่อยให้ผมเห็นคนที่ผมรัก โดนยิงตายไปต่อหน้า”
       ประเมินจากอาการครองสุขคิดว่าทรรศนะเอาจริงแน่ ครองสุขห่วงลูกชายลืมตัวไม่กลัวตาย รีบไปยืนหน้าเสี่ย
       “พอแค่นี้ เอาปืนลง ฉันบอกให้เอาปืนลง”
       เสี่ยตงนิ่งคิดครู่หนึ่ง ยังไม่อยากแตกหักกับครองสุข จึงยอมลดปืนลง หุนหันออกไป
       ครองสุขโล่งอก มองไปทางทรรศนะ ในขณะที่ทรรศนะจ้องปิ่นอนงค์เขม็ง
       “พี่ไม่ใช่คนใจดำเหมือนเธอ”
       ทรรศนะเสียใจเดินหนีไป ครองสุขมองปิ่นอนงค์อย่างชิงชังรังเกียจ แล้วรีบวิ่งตามทรรศนะไป หวานกับน้อยเข้ามาจับมือกับปิ่นอนงค์ สามคนมองตากันประมาณว่าเราสำเร็จแล้ว
       หวานมองหลังของปิ่นอนงค์อยู่ ในขณะที่ปิ่นอนงค์หันไปมองจอมแล้วยิ้มให้
       
       ทุกคนพากันมาที่ศาลาอเนกประสงค์ จอมดีใจมาก กอดปิ่นอนงค์แน่นไม่ยอมปล่อย จนปิ่นอนงค์ต้องดันจอมออก
       ปิ่นอนงค์ขัดเขิน จอมเงอะงะ “จอมสบายดีหรือ”
       “เราอยู่ไปวันๆ ทำงานอย่างบ้าคลั่งให้ลืมปิ่น แต่ทำไม่ได้เลยมีบางวัน เรายังคิดจะฆ่าตัวตายตามปิ่นไปด้วย”
       “ถ้าจอมคิดสั้น ปิ่นคงรู้สึกผิดมาก”
       “ไม่ใช่ความผิดของปิ่น เพราะไอ้ใหญ่ต่างหาก ที่มันเกือบทำให้ปิ่นตาย ทำให้เราต้องจมอยู่ในความทุกข์”
       “อย่าพูดถึงเรื่องเก่าอีกเลยนะ ที่ปิ่นกลับมานี่ ปิ่นอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่”
       จอมจับมือปิ่นอนงค์ ยิ้มอย่างดีใจ “เราจะตั้งใจทำงานเก็บเงิน เพื่อขอปิ่นแต่งงานนะ”
       ปิ่นอนงค์หน้าเสีย ค่อยๆ ดึงมือออก “กว่าวันพรุ่งนี้จะมา ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง จอมขยันทำงานเข้านะ เพื่ออนาคตตัวเอง”
       จอมงง “เราไม่รู้ว่าปิ่นหมายถึงอะไร เรารู้แค่ว่าเรารักปิ่น รักอย่างเดียวพอแล้ว สำหรับเรา”
       ปิ่นอนงค์หนักใจ ไม่รู้จะพูดยังไง “ปิ่นต้องรีบไปทำงานแล้วเดี๋ยวโดนคุณนายดุเอา”
       
        ปิ่นอนงค์พูดจบรีบเดินไป จอมยิ้มอย่างมีความหวัง

---------------------------------------------------------

 ครองสุขโกรธมากๆ ที่เห็นทรรศนะออกรับปืนแทนปิ่นอนงค์ สองแม่ลูกอยู่ในห้องทำงานครองสุข
        
       “ถามจริงๆ เถอะยังอยากได้มันเป็นเมียอีกหรือ คนนั้นลากไปคนนี้ลากมา ถ้าเป็นรถยนต์ก็ขายเป็นเศษเหล็กไปแล้ว”
       ทรรศนะหน้าขรึม “ผมก็อยากจะเลิกรัก แต่พอเห็นหน้า มันก็เกลียดไม่ลง”
       ทรรศนะจับมือครองสุข “ผมจะเลิกกินเหล้า ผมจะตั้งใจทำงาน ผมไม่สนใจว่าคุณน้าจะทำร้ายใครอีกสักกี่คน ขอให้ยกเว้นปิ่นไว้คนหนึ่ง”
       ในที่สุดครองสุขก็ใจอ่อน “ให้มันอยู่ก็ได้ แต่นอกจากงานของไร่แล้ว นะต้องเรียนรู้งานของเสี่ยตงทั้งงานที่บ่อนและงานรับเหมาด้วย”
       “เพราะอะไรครับ” ทรรศนะสงสัย
       “วันหนึ่งนะอาจต้องสืบทอดธุรกิจของเสี่ย”
       “เราไม่ได้เป็นอะไรกับเขา เขาจะมายกให้ผมทำไม”
       “อย่าเพิ่งถาม ทำตามที่น้าบอกก็พอ”
       เสียงเคาะประตู ครองสุขรีบหยุดพูด
       เสี่ยตงเปิดประตูเข้ามา เสี่ยตงมองทรรศนะ ทรรศนะเดินออกไป พอประตูปิด เสี่ยตงรีบใส่ครองสุขทันที
       “คุณนายยกให้ผมจัดการเรื่องนังปิ่นอนงค์ แล้วทำไมกลับคำผมเสียหน้าลูกน้อง แล้วยังไอ้จอมอีก”
       ครองสุขยื่นเช็คให้ “หนึ่งแสนพอมั้ย สำหรับซื้อความสงบสุขในครอบครัวฉัน”
       เสี่ยตงรับมาดูตัวเลขแล้วยิ้มๆ
       ทรรศนะเดินเครียดเข้ามา หยิบขวดเหล้าออกมา แล้วเปลี่ยนใจวางไว้ที่เดิม ทรรศนะนั่ง ก้มหน้าซบเคาน์เตอร์บาร์เหล้า เครียดไม่รู้จะทำยังไงดีเกี่ยวกับปิ่นอนงค์ ใจหนึ่งรัก อีกใจก็โมโหเสียใจ
       ปิ่นอนงค์ยืนแอบที่มุมประตู รู้สึกผิดกับทรรศนะแต่ก็ยังไม่กล้าเข้าไป ตัดสินใจหันหลังออกไป
       
       เวลาเดียวกัน จิ๋วเปิดประตูเข้ามาดูรีบร้อน “คุณหนูขา”
       อรสอางค์สวนกลับ “ยังไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ออกไป”
       จิ๋วรีบเปิดตู้เสื้อผ้า “เราต้องรีบหนีแล้วค่ะ”
       จิ๋วเอาเสื้ออรสอางค์ใส่กระเป๋า เดินมาหา อรสอางค์ถามต่อ “หนีทำไม ทำไมต้องหนี”
       จิ๋วหันมาหา “ปิ่นอนงค์ยังไม่ตาย และตอนนี้กลับมาที่ไร่ไพศาลแล้ว”
       อรสอางค์ช็อกเดินไปนั่งที่เตียง ไม่ยอมขยับ จิ๋วลากกระเป๋ามาหา
       “รีบลุกสิคะ ถ้าปิ่นบอกตำรวจว่าคุณหนูตัดสายเบรก คุณหนูจะติดคุกข้อหาพยายามฆ่านะคะ”
       อรสอางค์นอยด์ “แล้วนะล่ะ นังปิ่นมันก็จะได้อยู่กับนะสมใจ อรก็จะเสียนะไป อรไม่ไป”
       “ทุกวันนี้คุณหนูก็เสียคุณนะไปนานแล้ว” จิ๋วบอก
       อรสอางค์สะอึก “จะพูดให้อรเจ็บขึ้นอีกทำไม”
       “เพราะห่วงค่ะ ไม่ห่วง ไม่รัก ก็ไม่พูด ไปค่ะ ต้องไปเดี๋ยวนี้”
       จิ๋วรีบลากอรสอางค์ไปที่ประตู อรสอางค์เซตามไปเพราะใจก็กลัวติดคุกเหมือนกัน
       เป็นจังหวะที่ปิ่นอนงค์มายืนขวางหน้า สองคนตกใจ
       “จะไปไหนกันหรือคะ” ปิ่นอนงค์มองจ้องหน้าอรสอางค์ “คุณอรสอางค์”
       อรสอางค์ยืนคอแข็ง สายตากลัวแต่พยายามคุมข่มอารมณ์ไว้ จิ๋วรีบจับแขนปิ่นอนงค์สารภาพ
       “หนูปิ่นอย่าแจ้งความนะคะ พี่จิ๋วจะไปมอบตัวเอง พี่จิ๋วเป็นคนตัดสายเบรกด้วยมือพี่จิ๋วเอง คุณหนูเธอไม่รู้เรื่องด้วยเลย”
       อรสอางค์มองจิ๋วอย่างคาดไม่ถึง ปิ่นอนงค์อึ้ง แล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มเอ่ยขึ้นมา
       “สายเบรกอะไรหรือคะพี่จิ๋ว ปิ่นไม่เห็นเข้าใจ”
       อรสอางค์มองปิ่นอนงค์งง “ปิ่นจำได้แต่ว่า คุณอรช่วยปิ่นให้พาคุณใหญ่หนี ตอนที่เกิดอุบัติเหตุปิ่นจำอะไรไม่ได้เลย รถมันตกเขาไปได้ยังไงก็ไม่รู้ปิ่นพยายามนึก ก็นึกไม่ออกค่ะ”
       อรสอางค์กับจิ๋วมองหน้ากัน ปิ่นอนงค์หันไปหิ้วถังน้ำกับไม้ถูที่วางข้างประตู
       ปิ่นอนงค์ยิ้มแย้มทำตัวไม่รู้เรื่องอะไร
       “ปิ่นขอเข้าไปทำความสะอาดห้องนะคะ คุณนายให้ปิ่นคอย”
       “รับใช้คุณๆ ที่เรือนใหญ่ค่ะ
       ปิ่นอนงค์เดินก้มๆ ผ่านอรสอางค์กับจิ๋วเข้าไป
       
       อรสอางค์เดินไปเดินมาในสวนหลังเรือนใหญ่ “นังปิ่นมันกลับมาที่นี่อีก มันต้องมีแผน มันต้องการแย่งนะ” พลางหันมาทางจิ๋ว “อรต้องไปบอกให้คุณน้าไล่มันไป”
       อรสอางค์จะไป จิ๋วรีบดึงรั้งไว้ “อย่าเลยนะคะ ถ้าคุณหนูไปบีบให้ปิ่นเครียดขึ้นมา เกิดจำเรื่องในวันนั้นได้ คุณหนูจะแย่เองนะคะ”
       อรสอางค์นิ่งไป จับแขนจิ๋ว “ถ้างั้นพี่จิ๋วก็ต้องคอยเฝ้านังปิ่นทุกฝีก้าวอย่าให้มันเข้าใกล้นะ”
       จิ๋วรีบรับปากไปก่อน “ค่ะๆ จะไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ”
       
       ปิ่นอนงค์อยู่ที่เรือนคนงานหลังเก่า ใส่ชุดนอน เดินไปที่เตียง บริเวณหน้าต่างโดนลมกระแทกเสียงดังปัง ปิ่นอนงค์หันไปมอง แล้วเดินไปสับตะขอหน้าต่าง
       เดินกลับมาขึ้นเตียง ลงนอนตะแคง
       โดยไม่ทันสังเกตว่าที่หน้าต่าง ใหญ่ซึ่งคลุมหน้าด้วยผ้าขาวม้า ปีนเข้ามาทางหน้าต่าง เดินตรงไปที่เตียง ขึ้นเตียง ใหญ่ ถือมีดติดสปริง กดฉึก มีดดีดออกมา 
       
       เวลาเดียวกันนั้น ที่ตรงระเบียงห้องนอนจอม ซึ่งเป็นห้องเก่าของธีระ จอมนอนไม่หลับออกมายืนหน้าระเบียงห้องตัวเอง มองชะเง้อไปที่ห้องปิ่นอนงค์ด้วยความคิดถึง
       ได้ยินเสียงปิ่นอนงค์แว่วๆ
       
       ปิ่นอนงค์พลิกตัวกลับมาทางใหญ่ ปรือตามอง เห็นคนถือมีด ปิ่นอนงค์สะดุ้งตกใจร้องออกมา
       “แกเป็นใคร อย่านะ”
       ปิ่นอนงค์จับข้อมือที่ถือมีดไว้ จะแย่งมีดยื้อกันไปมา “ช่วยด้วย”
       ใหญ่กลัวคนได้ยิน รีบดึงผ้าขาวม้าออก “ฉันเอง”
       ปิ่นอนงค์เห็นใหญ่เต็มตา ดีใจมาก “คุณใหญ่!”
       
       จอมได้ยินเสียงแว่วๆ เดินลงจากระเบียงบ้านพักตัวเอง
       
       ปิ่นอนงค์สีหน้าเป็นห่วงใหญ่มาก “คุณใหญ่มาทำไมคะ มันอันตราย”
       “เพราะรู้ว่าอันตรายถึงต้องมา” พลางใหญ่เอามีดใส่มือปิ่นอนงค์ “เอามีดนี่เก็บไว้ป้องกันตัว จำไว้ต้องติดตัวตลอดเวลา”
       “ตกลงกันแล้วไงคะ ว่าไม่ให้มา ถ้าโดนจับได้จะทำให้เสียแผนกันหมด”
       
       สองคนสบตากัน คิดถึงตอนที่วางแผน 

--------------------------------------------------------------------------

สองคนนึกทวนหวนย้อนกลับไปตอนที่ใหญ่เล็งปืนใส่ปิ่นอนงค์ที่บ้านปลอด
       
       ใหญ่ทำท่าจะยิงปิ่นอนงค์จริงๆ ปิ่นอนงค์กลืนน้ำลายแต่แข็งใจจ้องปืนไม่ยอมหลบ ใหญ่จ้องหน้าปิ่นแล้วคลายสีหน้าเครียด เปลี่ยนเป็นยิ้มบางๆ หมุนปืนกลับมา
       “เธอพูดถูก ต่อไปนี้ปืนของฉันจะมีไว้ป้องกันตัวเท่านั้นฉันจะฟังความคิดของทุกคน เราจะทำงานร่วมงานเป็นทีมเวิร์คเพื่อสู้กับครองสุขให้ได้”
       ปิ่นอนงค์กลัวมากตอนโดนปืนจ่อ ทำท่าจะเป็นลม ใหญ่รีบประคอง
       “ปิ่น”
       
       พร้อมกันนั้นภาพเหตุการณ์ตอนใหญ่ ปิ่นอนงค์ และปานเทพวางแผนกลับไร่ไพศาล ผุดขึ้นมาในความคิดของใหญ่
       
       ใหญ่ยืนเท้าแขนที่เก้าอี้ ตรงโต๊ะทำงานหันหลังให้ปานเทพ
       “เราต้องหาทางไล่คุณนายออกจากไร่ให้ได้ เพราะเสี่ยตงอยู่กับคุณนายก็เพราะเงิน ถ้าคุณนายมีแต่ตัว ก็จะไม่มีใครช่วยคุณนายทำชั่วได้อีก”
       ปานเทพนั่งที่หน้าโต๊ะตรงข้ามใหญ่ จู่ๆ ปานเทพลุกยืนขึ้น “เราต้องมีพินัยกรรม ถ้าพินัยกรรมระบุว่ายกให้แกคนเดียว คุณนายก็ไม่เหลืออะไร แต่ปัญหาคือ มันอยู่ที่ไหน”
       “พ่อเกลียดฉันมาก พ่อไม่มีทางยกสมบัติให้ฉัน” ใหญ่เอ่ยขึ้น
       เสียงปิ่นอนงค์ดังขัดขึ้น “ก็ไม่แน่นะคะ”
       ใหญ่กับปานเทพมองไปที่ประตู เห็นปิ่นอนงค์ยืนอยู่และได้ยินทั้งหมด หวานกับน้อยยืนข้างหลัง
       “ปิ่นจำได้ว่าตอนที่กลับมาอยู่บ้าน คุณไพศาลเคยบอกให้ปิ่นพาไปที่ห้องทำงาน ให้ปิ่นกับคุณป้าพยาบาลที่มาทำกายภาพเซ็นชื่อเป็นพยานข้างล่าง แล้วท่านก็เอาไปเขียนข้อความเอง มันอาจจะเป็นพินัยกรรมก็ได้”
       “ถึงใช่ พ่อก็ยกให้คุณนายครองสุข” ใหญ่มั่นใจ
       “ไม่เห็นก็ไม่รู้ เราต้องหาให้เจอ ปิ่นรู้มั้ยว่ากระดาษแผ่นนั้นอยู่ที่ไหน” ปานเทพถาม
       “ปิ่นจะกลับไปหาให้ค่ะ”
       “ไม่มีทาง ฉันไม่อนุญาต” ใหญ่ไม่ยอม
       “ไม่ได้ขออนุญาตค่ะ แต่ตัดสินใจแล้วว่าจะไปเอง”
       ใหญ่อึ้ง ปานเทพรีบถาม “จะกลับไปยังไง เธอจะทำให้พวกมันรู้ว่าไอ้ใหญ่ยังไม่ตายไปด้วยนะ”
       “คุณนีจะเป็นคนที่ช่วยให้ปิ่นได้กลับไปอยู่ที่ไร่อีกครั้ง” ปิ่นอนงค์บอก
       ปานเทพรีบบอก “ทัศนีย์จะรู้เรื่องพินัยกรรมไม่ได้ เกิดเขาสงสารแม่ขึ้นมา อาจเปิดปากบอกคุณนายครองสุข ทุกอย่างก็จบเห่”
       หวานออกความเห็น “ง่ายนิดเดียว อย่าบอกก็สิ้นเรื่อง”
       ปิ่นอนงค์ปานเทพสลับกับมองใหญ่ว่าจะเอายังไง
       “ว่ายังไงไอ้ใหญ่ ฉันให้แกตัดสินใจ” ปานเทพถามใหญ่เสียงดัง
       
       ใหญ่ดึงตัวเองกลับมา มองหน้าปิ่นอนงค์เขม็ง
       “ฉันไม่น่าใจอ่อนยอมให้เธอมา กลัวคุณนายจะไม่เชื่อแล้วทำร้ายเธอ”
       “แต่ปิ่นก็ทำได้แล้วนี่คะ ยังอยู่ตรงหน้าคุณใหญ่”
       ใหญ่ดึงปิ่นอนงค์มากอดอย่างรักใคร่และคิดถึง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นทั้งคู่สะดุ้ง
       ยินเสียงจอมดังเข้ามา “ เป็นอะไรหรือเปล่า เปิดประตูให้หน่อย”
       สองคนตกใจ “จอมมา”
       ใหญ่รีบพุ่งไปที่หน้าต่าง ปิ่นอนงค์ตามไป ใหญ่ปีนแล้วหันมาทางปิ่น
       “รักษาตัวให้ดีนะ ฉันจะคอยอยู่กับเธอตลอดเวลา”
       “ตลอดเวลา”
       ปิ่นอนงค์งงๆ ไม่เข้าใจว่าใหญ่จะอยู่ตลอดได้ยังไง จอมถีบประตูเข้ามาเพราะเป็นห่วง ปิ่นอนงค์สะดุ้งรีบหันขวับไปทางประตู
       ใหญ่กระโดดลงจากหน้าต่างไปแล้ว
       “เราได้ยินเสียงปิ่นร้อง เลยรีบมาดู”
       ปิ่นอนงค์รีบหาข้อแก้ตัว “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ปิ่นจะมาปิดหน้าต่างน่ะ แล้วๆ มันหนีบมือปิ่น ปิ่นก็เลยร้องออกมา เท่า...เท่านั้นเอง”
       จอมตกใจรีบเข้าไปจับมือปิ่นอนงค์ดู “แล้วเจ็บมากมั้ย ต้องทายาหรือเปล่า”
       “ไม่ต้องหรอก นิดเดียวเอง”
       “เราจะปิดหน้าต่างให้แล้วกันนะ”
       จอมชะโงกไปที่หน้าต่าง เพื่อดึงบานหน้าต่างปิด ปิ่นอนงค์มองอาการเกร็ง กลัวจอมจะเห็นใหญ่
       จอมมองไปนอกหน้าต่าง แต่ไม่เห็นอะไรจึงปิดหน้าต่างเข้ามา ปิ่นอนงค์โล่งใจ
       
       หวานนุ่งผ้าถุงตักจ้วงน้ำในโอ่งอาบ เปี๊ยกยิ้มกริ่มย่องๆ มาข้างหลัง สะกิดไหล่เมียล้อเล่น หวานตกใจร้องว้าย หันกลับมาเอาขันฟาดหัวเปี๊ยกดังโป๊ก เปี๊ยกร้อง หวานเห็นเป็นเปี๊ยก ดีใจสุดขีดกระโดดกอดกันกลม
       “ไอ้เปี๊ยก เอ็งมาได้ไงเนี่ย”
       เปี๊ยกส่งเสียงพูดว่าเดินมา หวานฉุน “รู้แล้วโว้ยว่าเดินมา ข้าหมายถึงอยู่ตั้งไกล มาได้ไง”
       เปี๊ยกตอบว่า...ไม่ไกล ใกล้ๆเอง คือหมายถึงมาหลบอยู่กันที่ฟาร์มแพะติดกับไร่ไพศาล หวานไม่รู้นึกโมโห
       “ไม่ไกล ใกล้ๆเองหรือ ไอ้ผัวบ้านี่เอ็งอย่ามากวนประสาทข้านะโว้ย เหมืองนายหัวปลอดนะหรืออยู่ใกล้ๆ เดี๋ยวปั๊ด”
       หวานเงื้อขัน เปี๊ยกเห็นแสงวับคล้ายหิ่งห้อยในที่มืด เปี๊ยกรีบบอกหวานว่าคุณใหญ่เรียกแล้ว เปี๊ยกจุ๊บแก้มหวานอย่างไว แล้วรีบไปเร็วรี่ หวานอึ้ง
       “มันบอกว่าคุณใหญ่เรียกแล้ว เฮ้ย คุณใหญ่ก็มาด้วยหรือ”
       หวานมองไปทางที่เปี๊ยกวิ่งไป เห็นเปี๊ยกหายลับตัวไปแล้ว
       
       ใหญ่ยังคงคลุมหน้าตาด้วยผ้าขาวม้า แต่เปิดหน้านิดๆ บังไม่หมดหลบอยู่มุมมืดใต้ต้นไม้ กำลังขยับไฟฉายอันเล็กจิ๋วในมือไปมาเพื่อส่งสัญญาณให้เปี๊ยกเห็น
       ห่างออกไป จิ๋วกำลังเดินคุยมากับป้าคนงานที่คิดว่าเห็นผีปิ่นอนงค์
       “ตกลงว่าแม่ปิ่นอนงค์ยังไม่ตายจริงหรือ งั้นที่ฉันเห็นก็เป็นคนนะสิ”
       “ใช่ คนที่ตายแน่ๆ คือคุณใหญ่ ตายโหงเสียด้วย”
       ป้าคนงานออกความเห็น “เขาว่าคนตายโหงไม่รู้ว่าตัวเองตาย จะกลับมาบ้านของตัวเองนะ”
       “คุณใหญ่ยืนอยู่นั่นไงป้า” จิ๋วล้อเล่น
       ป้าร้องกรี๊ดรีบวิ่งมาหลบหลังจิ๋ว “ไม่มีหรอกผี ฉันล้อเล่น”
       จิ๋วหันมาขำป้า ป้าคนงานมองไปข้างหน้า เห็นหลังใหญ่ยืนตะคุ่มๆ อยู่ที่ต้นไม้
       จังหวะนั้นใหญ่หันมาทางป้า ใหญ่ยืนกอดอกทำให้แสงจากไฟฉายที่ใหญ่ถือส่องใต้คางพอดี
       ป้าเห็นหน้าใหญ่ลางๆ ดูน่ากลัว “อยู่นั่น ยืนอยู่นั่น ผะ ผะ ผะ ผีคุณใหญ่ มาจริงๆ”
       ป้าคนงานวิ่งหนี จิ๋วตกใจหันไปมองบ้าง ใหญ่ยังยืนทื่อตัวแข็งอยู่ จิ๋วร้องลั่น
       “อ๊าย ผีคุณใหญ่ มาจะ จะ มาเต็ม เต็ม”
       จิ๋วรีบคุกเข่ายกมือไหว้ท่วมหัว ก้มหน้าก้มตา “จิ๋ว จิ๋ว จะทำบุญไปให้นะคะ ถ้าได้รับแล้วไม่ต้องมาบอกไม่ต้องมาขอบใจ ไปแล้วให้ไปลับขอให้อย่ากลับมา”
       พอจิ๋วลืมตาใหญ่หายไปแล้ว จิ๋วยิ่งเชื่อว่าเป็นผีใหญ่มาหลอก รีบคลานสี่ขาหนี
       
       ที่สุดเขตไร่ ใหญ่ต่อว่าเปี๊ยกที่มาช้า
       “เพราะนายมาช้า ฉันเกือบโดนจับได้แล้ว”
       
       เปี๊ยกรีบยกมือไหว้ขอโทษ ใหญ่ลอดรั้วลวดหนามออกไป เปี๊ยกลอดตาม

-----------------------------------------------------------------

เช้าวันต่อมา ครองสุขนั่งดื่มกาแฟอยู่ในห้องโถง เห็นทัศนีย์แต่งตัวด้วยชุดทำงานพนักงานรีสอร์ตเรียบร้อย เดินเข้ามาหา ครองสุขไม่อยากเชื่อสายตา มองอย่างแปลกใจ 
       
       “ฉันตาฝาดไปหรือเปล่าที่เห็นแกตื่นแต่เช้า ไม่ได้เมาแอ๋กลับมาเหมือนทุกที”
       ทัศนีย์ยิ้มแย้มลงไปนั่งข้างๆ ครองสุข “นีจะไปทำงานที่รีสอร์ต”
       ครองสุขยกมืออังหน้าผากลูกสาว “แกไม่สบายหรือเปล่ายัยนี หรือว่า มีแผนอะไรหลอกฉัน”
       ทัศนีย์สะดุ้งเพราะแอบช่วยปิ่นอนงค์อยู่เรื่องพากลับมาและเรื่องจะเกลี้ยกล่อมครองสุขให้หยุดทำชั่ว
       “อยากขอเงินล่ะสิ ถึงทำเป็นขยันให้ฉันตายใจ” ครองสุขว่า
       ทัศนีย์โล่งอกที่ครองสุขไม่ได้สงสัยอะไร “เปล่าสักหน่อย”
       “แล้วแกต้องการอะไรกันแน่ ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าแกจะไม่มีข้อแลกเปลี่ยน”
       ทัศนีย์พูดด้วยท่าทีและน้ำเสียงจริงจัง
       “ต่อไปนี้นีจะตั้งใจทำงาน เลิกเที่ยวกลางคืน ทำตัว อย่างที่ผู้หญิงดีๆ เขาทำกัน”
       ครองสุขเหน็บ ไม่อยากเชื่อ “แกนะหรือจะทำได้”
       “ค่ะ”
       ทัศนีย์พูดหนักแน่น ครองสุขตาค้าง ทัศนีย์มองหาเสี่ยตงเริ่มหลอกถาม
       “ถามจริงเหอะ คุณน้ารักเสี่ยตงหรือ”
       “ถามทำไม เขาไม่กล้ามาวอแวกับแกอีกหรอกน่า”
       “เปล่า ก็เห็นคุณน้าดูไว้ใจเขาจัง เขาช่วยงานอะไรคุณน้าบ้างหรือ”
       ครองสุขเกือบหลุดปาก “เขาก็ช่วย...” หยุดชะงัก มองหน้าลูกสาว “อยากรู้ไปทำไม
       “นีเป็นห่วง กลัวจะมาเป็นชาวเกาะ ดูดเงินคุณน้าใช้ไปวันๆ”
       ครองสุขยิ้ม ไม่สงสัยอะไรทัศนีย์ “ฉันไม่โง่เหมือนแกหรอกน่า ให้เงินผู้ชายใช้ แถมยังแถมตัวให้ฟรีอีก”
       ทัศนีย์ถูกด่า หน้างอ พอดีมือถือครองสุขดังขัดจังหวะ ครองสุขมองจอเห็นชื่อธีระ รีบเอามือปิดจอทันที แล้วเดินเลี่ยงออกไป
       ทัศนีย์ตาลุกวาว นึกสงสัย รีบย่องตาม ลุ้นๆ ว่าต้องได้ยินอะไรแน่ๆ
       
       ครองสุขรีบร้อนเดินออกมาหลังเรือนไป จณะที่ทัศนีย์เดินเข้ามองหา จู่ๆ มีมือผู้ชายมาดึงแขนไว้ ทัศนีย์สะดุ้งหันไปมอง โล่งอกที่เป็นทรรศนะ
       “พี่มีเรื่องอยากถาม”
       
       ครองสุขหลบมาคุยโทรศัพท์ห่างจากเรือนใหญ่พอควร
       “ทีหน้าทีหลังอย่าโทร.มาตามใจชอบอย่างนี้ บอกแล้วไงให้ส่งข้อความมา แล้วพี่จะโทร.กลับเอง”
       เสี่ยตงเดินตรงมาทางครองสุข “รู้หรอกน่าว่าคิดถึง พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
       ครองสุขเดินออกมาจากมุมที่หลบคุย เกือบชนกับเสี่ยตงที่เดินผ่านมา
       “ว้าย เสี่ย ตกใจหมดเลย”
       ครองสุขใจสั่นไม่รู้ว่าเสี่ยได้ยินอะไรบ้าง เสี่ยตงมองโทรศัพท์ในมือครองสุข
       “คุยกับใคร ได้ยินว่าจะรีบออกไปไหน”
       ครองสุขกลอกตาคิดหาคำตอบ “ก็คุณระย้าสิคะขาดขาป๊อกเด้ง โทรมาจิกให้ไปร่วมวงหน่อยคราวก่อนเสียไปเป็นหมื่น ฉันต้องรีบไปถอนทุนคืน ไปนะ”
       ครองสุขทำเป็นรีบร้อนไป เสี่ยตงมองตาม
       
       ทางด้านน้อยเดินปรี่รีบร้อนเข้ามาในครัว ปิ่นอนงค์กำลังยืนเช็ดจาน “คุณนายออกไปข้างนอกแล้วพี่ปิ่น ท่าทางคงไปเล่นไพ่น่ะ น่าจะไปนาน”
       ปิ่นอนงค์วางจานลง “ขอบใจน้อย”
       ปิ่นอนงค์รีบไป น้อยมายืนเช็ดจานแทน
       จิ๋วมองซ้ายมองขวา ผวากลัวผีใหญ่เข้ามาหา “น้อย ฉันมีเรื่องอะไรจะบอกเรื่องคุณใหญ่”
       น้อยเสียงหลังวาบ จานหลุดมือ ตกใจ “พี่จิ๋วรู้ความจริงแล้วหรือว่า คุณใหญ่...”
       จิ๋วสวนออกมา “เป็นผีมาหลอกคนงานใช่มั้ย ฉันก็เจอ เจอมากับตัวเลยแหละ”
       น้อยกลอกตาไปมา “ผีคุณใหญ่หรือ”
       “น่ากลัว สยดสยองไม่อยากจะนึกถึงเลย ขนนี่ลุกซู่ๆ”
       น้อยยิ้มขำๆ “แล้วขอหวยหรือเปล่า”
       “เปล่า เสียดายอยู่นี่ คราวหน้าเจอไม่พลาดแน่ เฮ้ย ไม่ใช่ ไม่ ต้องมาแล้ว ไม่อยากเจอ”
       “สงสัยผีคุณใหญ่จะเฮี้ยน กลับมาแก้แค้นคุณนายแหงๆ เลย”
       จิ๋วยิ่งสยอง น้อยหันหน้าไปทางอื่นแอบยิ้มขำๆ
       
       ปิ่นอนงค์กวาดตาสำรวจห้องทำงานครองสุข คิดว่าพินัยกรรมน่าจะซ่อนอยู่ตรงไหน
       “วันนั้นคุณลุงไพศาลให้เราพยุงมานั่งในห้องนี้”
       ปิ่นอนงค์คิดในใจ แล้วมองไปที่โต๊ะทำงาน ยินเสียงไพศาลแว่วมา
       “ช่วยเปิดตู้ข้างหลังหยิบกระดาษเขียนจดหมายออกมาให้ที”
       ปิ่นอนงค์มองไปที่ตู้ด้านหลังใบเดิม รีบตรงไปที่ตู้ไม้ เปิดประตูออก ปิ่นอนงค์มองหาสมุดสำหรับเขียนจดหมาย รื้อตามชั้นๆในตู้
       ระหว่างนั้นเอง ทรรศนะเปิดประตูเข้ามา เห็นหลังปิ่นอนงค์ค้นหาบางอย่าง แต่ปิ่นอนงค์ยังไม่รู้ตัว
       ทรรศนะขมวดคิ้ว “หาอะไรอยู่หรือ”
       ปิ่นอนงค์สะดุ้ง มือที่กำลังค้นหาชะงัก ปิ่นอนงค์กลืนน้ำลายใจเต้นระทึก ค่อยๆ หันกลับมา
       เมื่อจวนตัวปิ่นอนงค์จึงแกล้งเป็นลม ร่วงลงไปทรรศนะตกใจ
       “ปิ่น”
       ทรรศนะเข้าไปพยุงขึ้นมา ประคองไปนั่งที่โซฟา เขย่าร่างปิ่นอนงค์
       “ปิ่นๆ ไม่ได้แล้ว พี่จะพาไปหาหมอ”
       ปิ่นอนงค์ตกใจรีบลืมตา “ไม่ต้องค่ะ ปิ่น ปิ่นค่อยยังชั่วแล้ว”
       ทรรศนะนึกขึ้นได้ว่ายังโกรธอยู่ ปล่อยมือ ลุกยืน “ลืมไป ว่าไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่เห็นๆ กัน”
       ปิ่นอนงค์หน้าสลด พนมมือกราบที่ไหล่ ทรรศนะยืนทื่อ อึ้งๆ
       ปิ่นอนงค์มองหน้าทรรศนะ “ปิ่นไม่ขอให้คุณนะยกโทษ คุณนะเกลียดปิ่น ก็สมควรแล้วค่ะปิ่นจะเข้ามาหารูปเก่าๆ ของแม่ เผื่อคุณนายจะเก็บไว้บ้าง ปิ่นขอตัวก่อนนะคะ”
       ปิ่นอนงค์จะไป ทรรศนะทนไม่ไหวเพราะคิดถึงเหลือเกิน ดึงแขนไว้ ปิ่นอนงค์ยังไม่หันหน้ากลับมา
       “นีบอกพี่ว่า นีเป็นคนช่วยคุณใหญ่หนี ไม่เกี่ยวกับปิ่นเลย ที่ปิ่นทำร้ายพี่วันนั้น เพราะคิดจะหนีไปคนเดียว แต่ไปเจอกับคุณใหญ่เสียก่อน”
       ปิ่นอนงค์อึ้งตอบไม่ถูก ใจหนึ่งไม่อยากโกหกทรรศนะอีก แต่อีกใจก็พูดความจริงยังไม่ได้ ทรรศนะดึงปิ่นอนงค์เข้าไปกอด 
       “พี่ไม่น่าเข้าใจปิ่นผิดไปเลย” 
       เสียงแก้วแตกดังเพล้ง!
       ทรรศนะกับปิ่นอนงค์หันไป เห็นอรสอางค์ยืนหน้าตึงอยู่ที่ประตู โกรธมากกับภาพที่เห็น
       “ถ้าฉันไม่เอากาแฟมาให้นะ คงไม่ได้เห็นแกเข้ามาอ่อยนะถึงนี่ แก นังปิ่น แกจะหน้าด้านหน้าทนไปถึงไหน”
       อรสอางค์บันดาลโทสะ เข้าไปกระชากแขนปิ่นอนงค์ดึงออกจากทรรศนะ
       “แกน่าจะตายๆ ไปซะ ไม่น่ารอดกลับมา 
       อรสอางค์ตบปิ่นอนงค์จนหน้าหัน ทรรศนะปรี่เข้าไปผลักอรสอางค์จนกระเด็น ชี้หน้าขู่
       “ถ้าตบปิ่นอีกที เธอเจ็บตัวแน่”
       อรสอางค์ยิ่งโกรธจัด “เอาเลย อยากฆ่าอรเพื่อมันก็ได้เลย แต่มันต้องตายไปพร้อมกับอรด้วย”
       อรสอางค์สติแตก วิ่งไปคว้ากรรไกรตัดกระดาษบนโต๊ะทำงาน หันขวับไปหาปิ่นอนงค์ในอาการบ้าเลือด
       “วันนี้ เรามาตายหมู่พร้อมกัน”
       อรสอางค์เงื้อกรรไกรโผนเข้าไปหาปิ่นอนงค์ซึ่งยืนตื่นตะลึงอยู่ ทรรศนะผลักปิ่นอนงค์เซเข้าไปขวาง
       “ปิ่นหลบไป”
       กรรไกรเฉี่ยวแขน ทรรศนะร้องลั่น “โอ๊ย!
       อรสอางค์เห็นเลือดทรรศนะไหล ตกใจได้สติ
       จอมวิ่งเข้ามา เห็นอรสอางค์ถือกรรไกร จอมรีบเข้าไปประคองปิ่นอนงค์ พาออกไปอย่างเร็วรี่
       ทรรศนะจ้องหน้าอรสอางค์สายตาเย็นชา อรสอางค์หน้าเสีย ปล่อยกรรไกรร่วงตกจากมือ
       
       ทรรศนะเดินหนีเข้ามาในห้อง อรสอางค์ตามมาจิกด่า
       “อรไม่เข้าใจจริงๆ มันทำร้ายนะ หลอกนะ ทำไมนะยังไม่เข็ดเห็นอยู่ชัดๆว่ามันตลบตะแลงเก่งแค่ไหน”
       ทรรศนะตั้งสติไม่อยากให้อรสอางค์ไม่หาเรื่องปิ่นอนงค์อีกจึงพูดดีๆ
       “ผมกับปิ่นเราตกลงกันได้แล้ว ปิ่นเขาสารภาพกับนะว่าเขาชอบจอม ต่อไปนี้เราจะเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น”
       อรสอางค์หูผึ่ง “แต่ที่อรเห็นเมื่อกี้มันอะไร นะกับมันกอดกันกลม”
       “ผมขอกอดลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย ที่ผ่านมาผมหลงคิดไปเองว่าเขายังรักผมอยู่ ตอนนี้ผมตาสว่างแล้ว”
       อรสอางค์ถามจริงจัง “จะเลิกยุ่งเกี่ยวกับมันจริงหรือ”
       ทรรศนะสายตาล่อกแล่กมีพิรุธแต่อรสอางค์ไม่รู้
       “ถ้าอรให้โอกาสผม”
       อรสอางค์ดีใจกอดทรรศนะแน่น
       “นะต้องทำให้ได้อย่างที่พูดนะ อรเสียใจมามากพอแล้ว อรไม่อยากช้ำใจแล้วช้ำใจอีก”
       
       ทรรศนะมีสีหน้ากระอักกระอ่วน

--------------------------------------------------------------------

ทางด้านทัศนีย์ในชุดทำงานเปิดประตูห้องพักรีสอร์ตหลังหนึ่งเข้าไปดู เห็นเตียงนอนยังไม่ได้ปูผ้าใหม่ สภาพผ้าปูเตียงยับยู่ยี่ แถมตู้เสื้อผ้าเปิดอ้าซ่า 
       
       ทัศนีย์ชักสีหน้าไม่พอใจแม่บ้าน เดินออกจากบ้านพักหลังนั้นไปอย่างเอาเรื่อง
       พอทัศนีย์เดินหาคนงาน ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นกลุ่มคนงานหญิงกำลังจุดธูปไหว้ มีเสื่อปูที่พื้นกลางแจ้ง พร้อมเครื่องเซ่นไหว้ ขนม ผลไม้ น้ำแดงจัดวางเต็มเสื่อ ทัศนีย์โมโหเดินเข้าไปหา
       “หลบมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่มีคนไปเตรียมห้องใหม่สำหรับลูกค้า เตียงก็ไม่ปู ห้องก็ยังไม่ทำความสะอาด อยากโดนไล่ออกกันหรือไง”
       ป้าคนงานร้อง “ว้าย เปล่านะคะ”
       คนงานรีบลุกยืนกันหมดมายืนเบียดกันจิ๋วรีบเอ่ยขึ้น “เรากำลังไหว้ผีคุณใหญ่”
       ป้าคนงานผสมโรง “เฮี้ยนสุดๆ มาปรากฏตัวให้เห็นแบบจังๆเลยคุณ”
       ทัศนีย์โมโหเผลอปาก “ผีเผออะไร คุณใหญ่ยังไม่ตายสัก...” ทัศนีย์จะพูดต่อหน่อยต่อ แต่นึกได้รีบเอามือปิดปาก ทุกคนจ้องทัศนีย์ “เออ คุณใหญ่ตายไปนานแล้ว คงไปเกิดใหม่แล้วมั้ง”
       ปานเทพซึ่งอยู่ในชุดคนงานโผล่มาตรงต้นไม้ได้ยินหมด ปานเทพรีบหยิบก้อนหินข้างตัวปาใส่ขวดน้ำแดงที่ตั้งเรียงอยู่ 3 ขวด จนล้มหมดกระทบกับจานผลไม้เสียงดังเพล้งๆๆ
       คนงานต่างพากันตกใจอกสั่นขวัญแขวน “ว้าย ผีคุณใหญ่มา”
       จิ๋วร้องลั่น จากนั้นจิ๋วและคนงานทั้งหมดต่างวิ่งหนีกันกระเจิงไปคนละทิศละทาง ทัศนีย์ยืนงงมองไปทางหลังพุ่มไม้ใหญ่
       เห็นหลังปานเทพวิ่งหนีไปแว่บๆ ทัศนีย์คุ้นๆ ว่าเป็นปานเทพ แต่เห็นไม่ชัด รีบวิ่งตาม
       “ใครน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
       ปานเทพรีบวิ่งหนี
       
       มุมกว้างฝูงแพะหรือโรงเรือนที่มีแพะ
       ปานเทพลอดรั้วเข้ามาในฟาร์มแพะ ตรงสุดเขตฟาร์มที่ติดกับไร่ไพศาล มีป้ายเขียนว่า “เขตฟาร์มห้ามเข้า”
       ปานเทพ วิ่งกระหืดกระหอบตรงมาหากลุ่มของใหญ่ ใหญ่ ถวิล เปี๊ยก ยืนหันหลังกำลังตัดหญ้าไปให้แพะ ทุกคนคลุมหัวด้วยผ้าขาวม้าปิดบัง หน้าตาไว้ ใหญ่ ถวิลหันมา
       “ไปไหนมาวะไอ้ปาน” ใหญ่ถาม
       ปานเทพหอบแฮกๆ “เดินเล่นสำรวจพื้นที่แถวนี้”
       “แล้วไป นึกว่าไปหายัยชะนี ระวังนะโว้ยอย่าให้ใครจับได้”
       ปานเทพยิ้มๆ “แกต่างหากต้องระวังตัว ตอนนี้ที่ไร่นั่นลือกันให้แซ่ดว่าผีคุณใหญ่ออกอาละวาด”
       ถวิลแปลกใจ “ผีคุณใหญ่หรือครับ”
       ปานเทพรู้ทัน “ไอ้คุณใหญ่มันคงแอบมุดรั้วไปหาปิ่นอนงค์น่ะสิ คนเลยนึกว่าผี”
       ถวิลมองหน้าใหญ่เป็นเชิงถาม ใหญ่ตีหน้าเหลอหลา “แค่ไปครั้งเดียวเอง”
       ถวิลไม่พอใจเท่าไหร่ “ไม่ควรเข้าไปนะครับ มันเสี่ยงเกินไป ปิ่นอนงค์เชื่อได้แค่ไหนก็ยังไม่รู้”
       ปานเทพเหมือนจะช่วยแต่เหน็บแนม “แม่เขาถูกยัยคุณนายมหาภัยฆ่าตายนะครับ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมยอมเชื่อ แต่ให้ยอมรับในฐานะอื่น ผมไม่เอา”
       ปานเทพมองใหญ่ให้รับรู้ไว้ ระหว่างนั้นหัวหน้าคนงานยืนรวมกับคนงานคนอื่น ตะโกนด่า
       “เอ้ายืนโม้อะไรกันอยู่ ทำงานไปซี่ เร่งๆ มือกันหน่อย”
       ถวิลรีบหันไปก้มหัวรับคำ “ครับๆ”
       ใหญ่ ปาน เปี๊ยก รีบเกี่ยวหญ้าต่อ
       
       ทางด้านจอมแตะยาที่นิ้วจะทายาที่หน้าให้ปิ่นอนงค์ ที่โดนอรสอางค์ตบ หวานเข้ามาดึงหลอดยาไป แล้วนั่งแทรกขวางจอม จอมมองหน้าหวานไม่พอใจ
       “นี่มันห้องผู้หญิงยิงเรือ เอ็งออกไปอยู่ข้างนอกจะเหมาะกว่า”
       ปิ่นอนงค์มองหน้าจอมเป็นเชิงขอร้อง จอมเกรงใจออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ หวานทาแก้มให้ปิ่นอนงค์ “ปากมันก็ว่าตัวเองเป็นผู้ลากมากดี แต่ดูมันทำสิ ตบเอา ตบเอา อย่างกับคนป่าเถื่อน” หวานโมโห
       “อย่าว่าคุณอรเลยพี่หวาน ปิ่นไปทำให้เขาเข้าใจผิดเอง”
       “ดีนะที่ปิ่นแกล้งเป็นลม ไม่งั้นคุณนะจับได้แน่ เกือบซวยแล้วมั้ยล่ะ”
       ทัศนีย์เปิดประตูผางเข้ามา หน้าตาตื่น “ปิ่น แย่แล้วล่ะ”
       ปิ่นอนงค์กะหวานพลอยตกใจไปด้วย “มีอะไรคะ” ปิ่นอนงค์ถามเร็วๆ
       “นีว่า นีเห็นนายปาน เห็นไกลๆ แต่เหมือนมาก นีกลัว เขาต้องตามมาจับเรากลับไปแน่ หรือว่า เราจะบอกคุณน้าดี”
       “บอกไม่ได้นะคะ คุณนีต้องใจเย็นๆ ก่อน คุณนีอาจตาฝาดจำคนผิดก็ได้”
       “นีว่าไม่ผิดนะ พวกคนงานเห็นคุณใหญ่ด้วย แต่นึกว่าเป็นผีเราจะทำยังไงดีล่ะปิ่น”
       ทัศนีย์จับมือปิ่นอนงค์เขย่าดูตกใจมากปิ่นอนงค์มองหน้าหวาน
       “ถ้าคุณนีไปบอกคุณนายว่าคุณใหญ่ยังไม่ตาย เสี่ยตงต้องฆ่าปิ่นแน่ หรือคุณนีอยากเห็นปิ่นตาย” หวานเตือนสติ
       ทัศนีย์มองหน้าปิ่นอนงค์ “จริงด้วย นีลืมคิดไป”
       
       ทัศนีย์เดินลับตัวไปแล้ว ปิ่นอนงค์กับหวานเดินเข้ามาสีหน้ากังวล
       “พี่ว่าความลับจะแตกก็เพราะยัยนี่แหละ กลัวอะไรทีก็วิ่งโร่ไปฟ้องแม่ยันเต”
       “ทำไมคุณใหญ่กับคุณปานมาโผล่ที่ไร่ได้ง่ายๆ เมื่อคืนคุณใหญ่ก็มา วันนี้คุณปานก็มา”
       “ผัวพี่ก็มา” ปิ่นอนงค์จ้องหน้าหวาน “อุ๊ย ! พี่เผลอพูดอะไรออกไปเนี่ย”
       “พี่หวานรู้ใช่มั้ย พวกเขาไม่ได้อยู่ที่เหมือง”
       หวานหน้าแหย “เพิ่งรู้”
       
       เวลาเดียวกันธีระกับครองสุขนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงที่บังกะโลรังรัก
       “เรื่องกำจัดไอ้เสี่ยตง ไปถึงไหนแล้วพี่ครอง ผมเหมือนเจ้าไม่มีศาล ย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ ชักไม่ไหว” ธีระถามหน้าเคร่ง
       “ลงมือไปแล้ว อีกไม่นานหรอก มันจะเหมือนไอ้แก่ไพศาลอาการมันออกเมื่อไหร่ เธอก็เตรียมตัวขนเสื้อผ้าเข้าไปอยู่แทนตำแหน่งมันได้เลย”
       ธีระยิ้ม หอมแก้มครองสุข
       
       ไม่นานต่อมาครองสุขโบกมือให้ธีระแล้วเปิดประตูขึ้นรถ ขับออกไป ธีระยืนอยู่กับเจิดและก้าน
       เจิดถามทันควัน “ผู้จัดการเชื่อนังคุณนายพูดหรือ นังเนี่ยเจ้าเล่ห์จะตายไป”
       “คนอย่างฉันเจ็บแล้วจำ แต่คิดๆดูแล้ว เก็บมันไว้สูบเงินดีกว่าฆ่าทิ้ง ยังไงความลับของมันก็อยู่ในมือฉัน ไม่มีอะไรต้องกลัว”
       ธีระยิ้มร้าย แรงแค้นในใจ ทำให้ธีระดูเก่งกล้าขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
       
       ลูกน้องรายงานเสี่ยตง เสี่ยตงยืนหันหลัง “ขอโทษครับเสี่ย ผมตามคุณนายไม่ทัน”
       เสี่ยตงหันมา “ฉันโทร.หาคุณระย้า เขาบอกว่าอยู่ที่ต่างจังหวัด ทำไมคุณนายครองสุขต้องโกหกฉัน คอยจับตาดูมัน”
       จู่ๆ เสี่ยตงก็เกิดมึนหัวหน้ามืด เข่าอ่อนลูกน้องตกใจ “เสี่ย”
       พวกคนงานรีบมาช่วยประคองไว้ เสี่ยตงพยายามยืนตรงตั้งสติ ค่อยดีขึ้น โบกมือ
       “ไม่เป็นไร แค่รู้สึกมึนๆ พักนี่ไม่รู้เป็นอะไร ชอบปวดหัวขาแข้งก็ไม่ค่อยมีแรง”
       “ไปตรวจร่างกายดูสักหน่อยมั้ยเสี่ย” ลูกน้องเป็นห่วง
       เสี่ยตงโวยวาย “แกก็รู้นี่ว่าฉันไม่ชอบหมอ”
       ลูกน้องพูดไม่ทันคิด “ทราบครับ ว่าเสี่ยกลัวเข็มฉีดยา”
       เสี่ยตงยกขาจะเตะ “ไอ้ปากเสีย ไป ไปให้พ้น”
       
        ลูกน้องรีบไปกลัวโดนเตะ แต่ขาข้างที่ยกขึ้นเกิดชา เสี่ยตงหน้าแหยต้องรีบจับขาวางลง 

-----------------------------------------------------------------------------

ค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง ปิ่นอนงค์เช็ดผมเดินออกจากห้องน้ำ ตกใจเจอใหญ่นั่งรออยู่บนเตียง ถอดเสื้อเรียบร้อย
       
       “คุณใหญ่ หายตัวมาหรือไงคะ”
       “พูดอย่างกับว่าฉันเป็นผี”
       “หรือไม่ใช่ คนงานเขากลัวกันจนไม่มีอันจะทำอะไรแล้วนะคะ”
       “ก็คนมันห่วง หวานส่งข่าวว่าปิ่นโดนอรสอางค์ทำร้ายหรือ”
       ใหญ่ลุกจากเตียงไปดูแก้มเมียรัก ปิ่นอนงค์งอนเดินไปนั่งหน้ากระจก
       “คุณใหญ่มาอยู่ที่ฟาร์มแพะติดกับไร่ไพศาล เกิดเจ้าของฟาร์มจำคุณใหญ่ได้หรือรู้จักกับคุณนายจะทำยังไง”
       “ฉันสืบมาแล้ว เจ้าของฟาร์มเป็นคนกรุงเทพฯ มาซื้อฟาร์มนี้ต่อจากเจ้าของเดิม ส่วนคนงานก็มีแต่คนพม่า คุยกันยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย เธอนั่นแหละต้องระวังให้มากกว่านี้”
       ปิ่นอนงค์หันมายังนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง “เสียดายปิ่นยังหาพินัยกรรมไม่เจอ คุณนะมาเห็นเสียก่อน”
       ใหญ่เดินไปหา คุกเข่าตรงหน้าปิ่นอนงค์อย่างรู้สึกผิด “เธอต้องเจ็บตัวเพราะฉัน เราหยุดแผนนี้ดีกว่า”
       ปิ่นอนงค์บอกแน่วนิ่ง “ไม่หยุดค่ะ ปิ่นไม่ได้ทำเพื่อคุณใหญ่ แต่ทำเพื่อให้แม่ไปสู่สุคติ ปิ่นอยากให้แม่เห็นคุณนายสำนึกผิดและเอ่ยอโหสิกรรมแม่จะได้ไม่ติดอยู่ในบ่วงกรรมร่วมกับคุณนายต่อไป”
       ใหญ่จับแก้มปิ่นอนงค์อย่างนุ่มนวล “จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ห่วง แต่หึงด้วย ฟังหวานเล่าที่ไอ้จอมกับทรรศนะแย่งกันเอาใจปิ่น ฉันทนไม่ได้ กลัวปิ่นใจอ่อน”
       ปิ่นอนงค์ยิ้มกว้างออกมา จูบหน้าผากใหญ่ “มั่นใจหรือยังคะ”
       ใหญ่ทะเล้นส่ายหน้า “ยัง ต้องจุ๊บตรงนี้”
       ใหญ่ชี้ที่แก้ม ปิ่นอนงค์ก็จูบที่แก้ม “ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ตรงนี้อีกนิด”
       ใหญ่ชี้ที่ปาก ปิ่นอนงค์หน้างอลุกยืน ใหญ่รีบลุกตามอุ้มปิ่นอนงค์จนตัวลอย ปิ่นอนงค์จะร้อง แต่ไม่กล้ากลัวคนได้ยินอีก
       ปิ่นอนงค์พูดเบาๆ “กลับไปได้แล้วนะคะ เดี๋ยวก็มีคนเห็นอีกหรอก”
       ใหญ่วางตัวปิ่นอนงค์ลงบนเตียง “ไม่กลัว เพราะฉันเป็นผี ผีดิบที่ชอบดูดเลือดสาวๆ”
       ใหญ่มองหน้า ปิ่นอนงค์เขิน ใหญ่ก้มจูบพลางเอื้อมมือมาดับสวิชท์โคมไฟที่หัวเตียง 
       
       ครองสุขเดินยิ้มเข้ามา เอากาแฟใส่ยาพิษมาให้เสี่ยตง
       “กาแฟค่ะเสี่ย”
       เสี่ยตงรับมาจะยกดื่ม ครองสุขจ้องที่กาแฟลุ้นให้กิน เสี่ยยังไม่ดื่มลดแก้วลง
       “ไปเล่นไพ่กับคุณระย้ามา ได้หรือเสียล่ะ”
       “ต้องได้สิ ถึงได้มาเอาใจเสี่ยนี่ไง”
       ครองสุขยิ้มระรื่น เสี่ยตงยิ้มๆ รู้ว่าครองสุขโกหก เสี่ยตงยกกาแฟขึ้นดื่ม
       “นังตัวร้าย” เสี่ยตงคิดในใจ
       ครองสุขยิ้มให้เสี่ย คิดในใจ “แกตายแน่”
       เสี่ยตงกับครองสุขยิ้มให้กันเสแสร้งได้แบบมืออาชีพทั้งคู่ แต่ใจอยากให้อีกฝ่ายตาย
       
       เช้าวันต่อมา ปานมาเยี่ยมพ่อที่เรือนจำ
       ปลอดกะปานเทพมองหน้ากัน “ผมทำตามที่พ่อสั่งแล้ว ไอ้ใหญ่มันจะไม่มามอบตัวแต่จะช่วยกันหาพินัยกรรมให้เจอ”
       “จะหายังไงในเมื่อทุกคนอยู่นอกไร่”
       ปานเทพอึกอักไม่กล้าบอกว่าเป็นปิ่นอนงค์ “เราวางสายไว้ในนั้น เลียนแบบหนังฝรั่งไงพ่อ ไม่เห็นต้องเอาปืนมาไล่ยิงกันเหมือนยุคพ่อเลย”
       ปลอดหมั่นไส้ “อย่ามาทำตลกใส่ คุณใหญ่เป็นยังไงบ้างอ้วนหรือผอม กินข้าวได้หรือเปล่า”
       “ทำไมพ่อไม่ถามผมบ้าง”
       “ก็เห็นแกนั่งอยู่ตรงหน้าแล้ว จะถามอีกทำไมเล่า”
       ปานเทพเริ่มน้อยใจ “ถามอย่างอื่นก็ได้นี่พ่อ”
       ปลอดไม่กล้าพูด เพราะไม่เคยทำ “บอกน้าเพ็ญของแก พ่ออยากกินขนมลา ทำมาให้กินหน่อย”
       พูดจบปลอดลุกยืนเดินกลับเข้าไปพร้อมเจ้าหน้าที่ ปานเทพหน้าเครียดปลอดดันอยากเจอเพ็ญ
       
       ใหญ่นั่งที่เตียงหน้าเครียด ปานเทพเดินลงมานั่งข้างๆ
       “ขนมลายังพอหาได้ แต่น้าเพ็ญนี่สิ จะไปหามาให้พ่อได้ยังไง”
       “ยังไงก็ต้องปิดต่อไป” ใหญ่ว่า
       ปานเทพโวยวาย “แล้วจะบอกพ่อยังไงละวะ”
       ใหญ่โวยวายกลับ “บอกอะไรก็ได้ แกเป็นทนายถนัดเรื่องพูดอยู่แล้วนี่”
       ปานเทพโมโห “ทนายไม่ได้สอนให้โกหกนะโว้ย โอ๊ย อยากจะบ้าตาย”
       ปานเทพทิ้งตัวลงนอนก่ายหน้าผาก ใหญ่ทิ้งตัวตามนอนข้างๆ มองหน้าปานเทพ
       ปานเทพกำลังร้องไห้สงสารพ่อ ใหญ่รีบเบือนหน้าไปไม่อยากมอง
       “ร้องทำไมวะ แกโตแล้วนะโว้ยไม่ใช่เด็กๆ”
       “ฉันสงสารพ่อ ตั้งแต่ฉันจำความได้ พ่อกับน้าเพ็ญไม่เคยอยู่ห่างกันเลย” ปานเทพเสียงสั่น “ฉันคิดถึงน้าเพ็ญ”
       ใหญ่รีบนอนตะแคงหันหลังให้ปานทันที ใหญ่น้ำตาไหล พยายามกลั้นไว้
       “น้าเพ็ญไม่ชอบให้แกขี้แย จำไม่ได้หรือ อย่าให้ฉันเห็นแกอ่อนแออีก แกต้องเข็มแข็งให้ได้เหมือนน้าเพ็ญ เพราะอาปลอดเหลือแกแค่คนเดียว”
       ปานเทพปาดน้ำตาไม่ได้มองใหญ่ ขณะที่ใหญ่ร้องไห้ออกมาเสียเอง
       
       ธีระกอดเอวครองสุขพากันเข้าไปในห้อง ประตูปิดลง ที่มุมหลบตาผู้คน ลูกน้องเสี่ยตงคนหนึ่งแอบดูอยู่ปากพูดมือถือไปด้วย ลูกน้องอีกคนยืนตรงข้าม
       “ผมเจอคุณนายแล้วครับเสี่ย”
       เสี่ยตงคุยมือถืออยู่มที่ไร่ไพศาล “นังคุณนายกับไอ้ธีระหรือ” สีหน้าแค้นจัด “มันอยู่ที่ไหน กูจะไปฆ่ามันทั้งคู่”
       ทัศนีย์ยืนตัวสั่นหลังที่กำบังได้ยินหมด เสี่ยตงเดินผ่านไปโดยไม่เห็นทัศนีย์
       
       ลูกน้องเสี่ยตงหันมาหาเพื่อนอีกคน เห็นเพื่อนยืนตาค้าง จึงมองไปข้างหลัง แล้วหันกลับเจอเจิดกับก้าน เล็งปืนใส่ทั้งคู่ ลูกน้องเสี่ยตงสองคน ยกมือขึ้นช้าๆ
       
       ปิ่นอนงค์รดน้ำต้นไม้อยู่สวนหลังเรือนใหญ่ ปาดเหงื่อ ทรรศนะยืนมอง ตัดสินใจเดินเข้าไปหา มาจับบัวรดน้ำ “พี่ช่วย ปิ่นไปนั่งพักเถอะ”
       ปิ่นอนงค์ไม่ยอมปล่อย ดึงไว้ “คุณนะ” ปิ่นอนงค์มองหาอรสอางค์ “คุณนะไปเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณอรมาเห็นเข้า”
       “เขาไม่อยู่”
       “ไม่อยู่ยิ่งไม่ควร”
       “แต่พี่อยากคุยกับปิ่นบ้าง แค่คุยไม่ได้หรือ”
       “ไม่ได้ค่ะ ปิ่นไม่อยากมีเรื่อง ปิ่นจำเป็นต้องอยู่ที่นี่”
       ทรรศนะแย่งบัวรดน้ำไปวาง แล้วดึงมือปิ่นอนงค์มากุม “อีกหน่อยไร่นี้ก็เป็นของพี่ พี่จะให้ใครอยู่ก็ได้”
       “คุณนะแน่ใจหรือคะว่าเป็นของคุณนะ”
       ทรรศนะอ้ำอึ้ง “ก็คุณใหญ่ตายไปแล้ว มันก็ต้องตกเป็นของคุณน้า คุณน้าจะยกให้พี่ มันเป็นของพี่เมื่อไหร่ พี่จะเลิกกับอร แล้วขอปิ่นแต่งงาน”
       จอมเข้ามาเห็น รีบพุ่งเข้ามาหา “ใครว่าปิ่นจะแต่งด้วย ปิ่นจะแต่งงานกับผม”
       จอมดึงมือปิ่นอนงค์ แต่ทรรศนะไม่ปล่อยมือ “ปล่อยมือปิ่น”
       ทรรศนะจ้องหน้าจอมเขม็ง “นายมีอะไรให้ปิ่นบ้างล่ะ บ้าน รถ ที่ดิน แหวนเพชร ต่อให้ทำงานในไร่ทั้งชาติก็ไม่มีปัญญาหาให้ปิ่น”
       จอมโกรธชกหน้าทรรศนะจนเซไป ทรรศนะไม่ยอมวิ่งใส่จอมเงื้อหมัดจะชกสู้ จอมก็กระชากคอทรรศนะ ง้างหมัด
       ปิ่นอนงค์ตวาดลั่น “อยากสู้ก็สู้กันไป ไม่ว่าใครจะแพ้จะชนะ ก็ไม่ได้ปิ่นทั้งนั้น เพราะความรักไม่ได้ตัดสินกันด้วยกำปั้น”
       ปิ่นอนงค์ไม่พอใจเดินหนีไปอย่างเร็ว
       จอมหันกลับมาจ้องทรรศนะ ต่างคนยังคงเงื้อหมัดค้างอยู่ ทรรศนะลดหมัดลงก่อน จอมลดตาม
       
       ปิ่นอนงค์เดินเซ็งๆ เข้ามาที่เรือน ทัศนีย์วิ่งมาหา “ปิ่น ปิ่นต้องหาทางช่วยคุณน้าด้วยนะ ไอ้เสี่ยใจชั่วมันกำลังจะไปฆ่าคุณน้า”
       “เรื่องมันเป็นยังไงคะ”
       ปิ่นอนงค์หน้าตื่นตกใจ
       
       ไม่นานหลังจากนั้นปิ่นอนงค์พาตัวเองมายืนรอในเขตฟาร์มแพะจุดที่ติดกับไร่ไพศาล ให้เห็นว่าพื้นที่เวิ้งว้างไร้ผู้คน
       สักครู่หนึ่งหวานเดินนำใหญ่มา ปิ่นอนงค์รีบวิ่งไปหา “คุณนีบอกว่า เสี่ยตงกำลังจะไปฆ่าคุณนายกับธีระค่ะ”
       หวานแทรกขึ้นมา “น่าจะปล่อยให้มันฆ่ากันตายไปเลย
       “ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกพี่หวาน” ปิ่นอนงค์หันไปหาใหญ่ “เราตกลงกันแล้วว่าจะเอาชนะพวกเขาด้วยวิธีที่ถูกต้องถ้าคุณนายกับธีระตาย คุณใหญ่จะไม่พ้นผิดในคดีฆ่าแม่ปิ่นเพราะคุณนายคือฆาตกรตัวจริง”
       

        ใหญ่คิดไปคิดมา ก่อนจะตัดสินใจ


 ปรดติดตาม "ปิ่นอนงค์" ตอนที่ 18 ต่อไป

No comments:

Post a Comment