Friday, July 20, 2012

ดูละครปิ่นอนงค์ ตอนที่ 14 Pin Anong EP 14

>> ปิ่นอนงค์ Pin Anong 偷心俏冤家 EP014

ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 14 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ที่ศาลาอเนกประสงค์ในเวลาต่อมา เหล่าคนงานชายหญิง ราว 15 คน นั่งมองครองสุข รอฟัง เปี๊ยก หวาน และน้อย อยู่อีกมุม จิ๋วแอบซุ่มดูเหตุการณ์อยู่อีกฟาก       
       “ก็อย่างที่พวกเรารู้ ปิ่นอนงค์เป็นนายหญิงของไร่ ตอนนี้ป้าอุ่น แม่ของปิ่นข้าเก่าเต่าเลี้ยงของชั้น ก็ตายไปแล้ว คุณใหญ่ก็กลายเป็นฆาตกรหนีคุกหนีตะราง ตานะหลานชายของชั้นกับ” ครองสุขเริ่มแผนส่งข่าวให้ใหญ่
       คนงานอึ้ง สบตากันไปมา
       “ปิ่นก็เคยมีใจให้กันมาตั้งแต่รุ่นๆ ชั้นเลยจะให้ปิ่นเป็นเมียของตานะอีกคน” ใหญ่สุขปิดจ๊อบ
       หวานกะน้อยร้องพร้อมกัน “เป็นเมีย”
       ครองสุขยิ้มระรื่น “ถูก จะได้ช่วยกันดูแลบริหารไร่ เงินทองไม่ไหลไปไหนไงล่ะ”
       เปี๊ยก หวาน และน้อย สบตากันอึ้งๆ
       “ตอนนี้ปิ่นพักผ่อนอยู่กระท่อมท้ายไร่ ห้ามใครไปยุ่มย่ามรบกวนเด็ดขาด” ครองสุขปรายตามองพวกหวานนิดหนึ่ง
       จิ๋วปิดปากตกใจห่วงอรสอางค์ขึ้นมา
       ครองสุขเดินออกจากศาลา แอบยิ้มสะใจ
       
       อรสอางค์นั่งซึมอยู่ในห้อง จิ๋วรีบเข้าห้องมารายงาน
       “คุณหนูรู้เรื่องที่คุณนายจะให้ปิ่นมาเป็นเมียน้อยของคุณนะรึยังคะ”
       อรยิ้มขมขื่น ตอบด้วยเสียงห้วนๆ “รู้แล้ว”
       จิ๋วตกใจตาค้าง “อ้าว ... แล้วคุณหนูจะยอมให้เป็นอย่างนั้นเหรอคะ คุณหนูทนได้ยังไง”
       อรสอางค์ระเบิดอารมณ์ “ก็เพราะพี่จิ๋วขึ้นคานน่ะสิ ถึงไม่รู้ว่าทำไมอรถึงทนได้ ทำไมอรถึงต้องยอม ผู้หญิงที่ถูกสามีนอกใจ ถ้าหักใจเลิกกับเขาได้คงไม่มีเมียหลวงกันเต็มบ้านเต็มเมืองหรอก”
       จิ๋วสงสารแตะมืออรสอางค์ “ถึงคุณนายจะจัดปิ่นใส่พานให้คุณนะ ปิ่นคงไม่ยอมง่ายๆหรอกค่ะ เพราะยังไม่ได้หย่าขาดจากคุณใหญ่”
       อรสอางค์พูดเหยียดหยัน “กับไอ้จอม มันยังไปอยู่กินด้วยกันมาแล้ว เพิ่มคุณนะเป็นผัวอีกคน มันจะแคร์ทำไมกะอีแค่ใบหย่า”
       อรสอางค์ลุกเดินออกจากห้องไป จิ๋วมองตาม ครุ่นคิด
       
       เปี๊ยกยืนลับๆ ล่อๆ ที่ข้างเรือนคนงาน กดโทรศัพท์ส่งข้อความให้มือถือของปานเทพ ที่ใหญ่ให้เบอร์ไว้
       เปี๊ยกส่งข้อความเสร็จ ยิ้มพอใจกับจอโทรศัพท์
       หวานตบนำมาก่อน เปี๊ยกกระเด็นติดข้างฝาเรือน หน้าซีด เปี๊ยกเอาโทรศัพท์ซุกข้างหลัง
       “สงสัยมานานแล้ว ทำไมขยันออกกำลังกาย เพาะกล้ามเป็นมัดๆ เอ็งมีกิ๊กซ่อนไว้ใช่มั้ย ไอ้เปี๊ยก”
       เปี๊ยกส่ายหน้า หวานไม่เชื่อยิงเข่าเข้าท้อง เปี๊ยกเอามือกุมท้องกำโทรศัพท์มาด้วย
       “เอามานี่”
       หวานแกะโทรศัพท์จากมือเปี๊ยก กด อ่านข้อความที่เพิ่งส่งหวานมองเปี๊ยก พลางอ่านข้อความ
       “คุณใหญ่ครับ คุณนายจะให้ปิ่นมาเป็นเมียคุณนะ...เอ็งจะไปบอกคุณใหญ่ทำไม มันกงการอะไรของเอ็ง”
       เปี๊ยกหัวหด “เดี๋ยวได้เป็นเรื่อง”
       
       ใหญ่กะปานเทพ เพ็ญและปลอด นั่งกินข้าวด้วยกัน มีเสียงsmsของมือถือปานเทพดังขึ้น
       ปานเทพกดดู “เบอร์ใครวะ” อ่านเสียงดังๆ “คุณใหญ่ครับ คุณนายจะให้ปิ่นมาเป็นเมียคุณนะ”
       ทุกคนเหลียวมองปานเทพ ขณะที่ปานเทพมองใหญ่ “ใครส่งเข้ามา แล้วทำไมส่งเข้ามาในมือถือฉัน”
       ใหญ่รีบบอก “คือ ฉันให้เบอร์แกกับไอ้เปี๊ยกไว้นานแล้ว สั่งมันว่าถ้ามีเรื่องด่วน ติดต่อฉันไม่ได้ก็ติดต่อแก ไหนดูซิ”
       ใหญ่เอามาดูข้อความ ปลอดรีบบอก “อย่าไปเชื่อ อาจเป็นแผนล่อคุณใหญ่ออกไปติดกับเหมือนครั้งที่แล้ว”
       ใหญ่กังวลใจมาก แต่ทำทีเป็นคล้อยตาม “แผนตื้นๆ อย่างนี้ ผมไม่หลงกลซ้ำสองหรอกครับ อีกอย่างใครจะเป็นเมียใคร มันก็ไม่ใช่เรื่องของผม”
       ปลอดโล่งอก ปานเทพชอบใจตบบ่าใหญ่ “มันต้องอย่างนี้สิไอ้เกลอ ใจแข็งเข้าไว้”
       “กินกันเถอะครับ หิวแล้ว”
       
       ใหญ่ตักข้าวกิน แต่สายตาชำเลืองมองปลอด กำลังคิดจะหาทางหนีไปช่วยเมียรัก

------------------------------------------------------------
ครองสุขคุยโทรศัพท์กับขาไพ่ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส หัวเราะร่วนอย่างมีความสุข       
       “ไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะคุณพี่ ไปทัวร์ยุโรปมา ตอนนี้กลับมาแล้ว ขาดหนึ่งขาอยู่พอดีหรือคะ ว่างค่ะว่าง”
       ครองสุขหันกลับมาจะเดินไป เจอจอมหน้าดุดันโผล่เข้ามาตรงหน้า ครองสุขตกใจ
       “คุณนายหลอกผม เอาปิ่นมาขังเพื่อให้เป็นเมียน้อยคุณนะ ผมจะพาปิ่นหนี” จอมรู้เรื่องแล้ว
       ครองสุขตั้งสติจ้องตาจอมแล้วยิ้มเยาะ “ก็เอาสิ ลองดู ปิ่นมันจะไปกับแกมั้ย แกเคยเอาชนะไอ้ใหญ่ได้สักครั้งรึเปล่า”
       จอมเครียด “ผมรักปิ่น ผมจะไม่ยอมเสียปิ่นให้ใครอีก”
       “เห็นมั้ยล่ะ ขนาดแกยังเชื่อว่าชั้นจะให้นังปิ่นเป็นเมียตานะ แล้วไอ้ใหญ่มันจะไม่เชื่อเหรอ เตรียมรับมือไอ้ใหญ่ให้ดีเถอะ มันมาแน่”
       
       เช้าวันต่อมา ทรรศนะนั่งเครียด กุมหัวอยู่ที่โต๊ะ ทัศนีย์เปิดประตูร่าเริงเข้ามา
       “ยินดีด้วย ที่จะได้ปิ่นมาเป็นเมียอีกคน เอ๊ะ... แล้วยัยอรไฮโซพี่นะจะเอาไปไว้ที่ไหน”
       ทัศนีย์นั่งบนโต๊ะกอดอก ทรรศนะไล่ทันที “จะไปไหนก็ไปๆ พี่ไม่มีอารมณ์จะคุยด้วย”
       “ต๊าย ... นิสัยพี่นะเนี่ยเหมือนคุณน้าขึ้นทุกวันนะคะ”
       “เหมือนยังไง”
       “อ้าว ... ก็คุณน้ามีกิ๊กหลายคน พี่นะก็มีหลายเมียไง” ทัศนีย์หัวเราะคิกคัก
       “มากไปแล้ว ทำไมพูดจาลามปามถึงคุณน้าอย่างนี้ คุณน้าเป็น...”
       ทัศนีย์สวนคำออกมา “อย่าพูดคำนั้นนะพี่นะ เขาไม่ได้อยากเป็น จะพูดถึงทำไม ลืมได้ก็ลืมไปเลย”
       
       สองพี่น้องนึกถึงเหตุการณ์ที่ครองสุขบอกให้เรียกตัวเองว่าน้า ในวันที่ตัดสินใจมาเป็นเมียไพศาล
       ทัศนีย์ดึงตัวเองกลับมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด
       ทรรศนะพยายามอธิบาย “คุณน้าเขามีเหตุผลนะ”
       ทัศนีย์ลุกยืน รีบกลบเกลื่อนความรู้สึก
       “เปล่า อย่าคิดว่านีเสียใจ เทียบกับการที่คุณใหญ่หายตัวไปนีเสียใจมากกว่า พี่นะรู้หรือเปล่า ว่าคุณใหญ่อยู่ไหน”
       ทรรศนะโกรธ “ถามทำไม”
       ทัศนีย์กวนประสาท “คิดถึง อยากเจอ ได้หรือเปล่า”
       “พี่ขอเตือนอย่าไปยุ่งกับไอ้ใหญ่ มันไม่ธรรมดา”
       “พี่นะก็ไม่ควรยุ่งกับนังปิ่น นังนั่นมันมักมาก ท้องกับไอ้จอมแล้วยังไม่ยอมปล่อยคุณใหญ่ไปอีก”
       ทรรศนะตกใจ “ปิ่นท้องหรือ”
       
       สมุน 2 คน ยืนเฝ้าที่หน้ากระท่อมกันคนละจุด ทรรศนะเดินมา สมุนก้มหัวแสดงความเคารพ
       ทรรศนะเดินไปหยุดมองปิ่นอนงค์ผ่านทางช่องหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่ ในระยะห่างๆ เห็นที่ด้านในกระท่อมเวลาเดียวกัน ปิ่นอนงค์เดินไปเดินมาหันไปเห็นทรรศนะผ่านทางหน้าต่าง รีบวิ่งไปตรงหน้าต่าง
       “คุณนะ มันเกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมไม่มาตามนัด แล้วคนพวกนี้จับปิ่นไว้ทำไม”
       ทรรศนะเดินเข้ามาใกล้หน้าต่าง “พี่มีเรื่องอยากถาม ปิ่นท้องกับจอมจริงหรือ” ปิ่นอนงค์ตกใจ อ้ำอึ้ง ทรรศนะเสียใจคิดว่าจริง “ถ้าปิ่นเงียบพี่จะถือเป็นคำตอบว่าใช่ พี่เริ่มสับสนกับปิ่น ปิ่นไม่รักพี่เพราะปิ่นรักคุณใหญ่ แล้วทำไมถึงไปมีลูกกับจอม”
       “ไว้ปิ่นจะอธิบายให้คุณนะฟัง แต่ตอนนี้คุณนะปล่อยปิ่นก่อนได้มั้ย”
       ทรรศนะผิดหวังยังทำใจไม่ได้ มองปิ่นอนงค์นิ่ง “ปิ่นทำให้พี่ผิดหวัง”
       ทรรศนะหันหลังเดินจากไป ปิ่นอนงค์ยืนอึ้ง เดินกลับไปทรุดนั่งบนแคร่อย่างอ่อนแรง จู่ๆ ปิ่นอนงค์ก็คิดถึงแม่ขึ้นมา
       “แม่จ๊ะ ปิ่นรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก มันทรมานจริงๆ ให้แม่อยู่กับปิ่น แล้วด่าปิ่นทุกวัน ยังดีซะกว่า”
       
       ปิ่นอนงค์ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างน่าสงสาร

-------------------------------------------------------------

  ปลอดเดินก้าวเร็วๆ ออกมาหน้าบ้าน ปานเทพกับลูกน้อง 5 คนวิ่งมาอีกทางมาสมทบกับปลอด ปานเทพยืนหอบ 
       
       “ไม่เห็นหัวมันเลยพ่อ”
       พงษ์กับลูกน้อง 5 วิ่งมาอีกทิศมาสมทบกับปลอดเช่นกัน
       “มีคนงานเห็นคุณใหญ่เกาะรถของชาวบ้านออกไปตั้งแต่ตีห้าหัวรุ่งแล้วนายหัว”
       ปลอดโกรธมาก “คุณใหญ่ ทำไมถึงดื้ออย่างนี้นะ”
       ปานเทพเองก็ฉุน “ตัดหางปล่อยวัดมันไปเลยดีมั้ยพ่อ ทำมาเป็นเล่นละครตบตาเรา ขี้คร้านก็ยังหลงปิ่นอนงค์ไม่ลืมหูลืมตาเหมือนเดิม”
       “ฉันจะตัดหางแกนี่แหละ ถ้าขืนยังกล้าด่าคุณใหญ่อีก”
       “โหยพ่อ นี่ผมชักสงสัยแล้วนะเนี่ย ว่าพ่อเก็บผมมาจากถังขยะหรือเปล่า”
       ปลอดฮึดฮัดเดินหนีเข้าบ้าน
       “ผมยืนยันได้ว่าไม่ได้เก็บคุณปานจากถังขยะครับ แต่เคยเห็นนายหัวว่า เห็นรถขนเงาะทำตกอยู่ข้างถนน เลยเก็บมาเลี้ยง”
       พงษ์ว่าขำๆ ทุกคนหัวเราะ ปานเทพโวยวายเป็นเด็กๆ “เอ้ารุมกันเข้าไป ใช่สิฉันมันลูกหัวเน่า ไหนจะสำคัญเท่าไอ้ใหญ่”
       ปานเทพเดินจ้ำอ้าวไปอีกทาง ปลอดถอนใจกลุ้มเรื่องใหญ่
       
       ขณะที่หวานกวาดใบไม้อยู่หน้าเรือน เปี๊ยกเดินเข้ามา มองระแวดระวัง กระซิบหวาน หวานตั้งใจฟังเหมือนรู้เรื่องพยักหน้า
       “เอ้อๆ”
       หวานผลักเปี๊ยก “เฮ้ย มีแต่เสียงอื้ออ้าๆ จะฟังกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย ทำท่าประกอบด้วยสิวะ ข้าจะได้แปลออก”
       เปี๊ยกนึกได้ว่าลืมตัว รีบทำท่าทาง หวานตาโต “คุณใหญ่อยากให้ช่วยหรือ”
       สมุนเสี่ยตงหลบดูอยู่หลังต้นไม้แอบดูสองผัวเมียอยู่
       
       ที้เรือนใหญ่เวลานั้น น้อยกะหวาน ถือไม้กวาด ไม้ถูพื้น ถังน้ำวางบนพื้น ยืนสงบเสงี่ยมครองสุขทำทีจะไปข้างนอก
       “ทำความสะอาดห้องใหญ่ดีๆ ชั้นจะให้นังปิ่นกับตานะมาอยู่ด้วยกัน”
       เสี่ยตงเดินออกมาจากห้องครองสุข “นังน้อย ไม่ต้องทำอาหารเผื่อชั้นนะ ชั้นกับเสี่ยจะไปธุระ กลับดึกๆ”
       ครองสุขพยักหน้าให้เสี่ยตงอย่างรู้กัน แล้วพากันเดินออกไป
       
       น้อยกะหวานสบตากัน

------------------------------------------------------------

ที่บริเวณโรงยิมในไร่เปี๊ยกคอยยืนเฝ้าประตูด้านใน คอยมองไม่ให้คนเข้ามาเห็น ที่ถังน้ำมันเปล่าวางซ้อนสูงท่วมหัวบังไว้ เห็นใหญ่นั่งอยู่ หวาน น้อย ยืนตรงหน้า       
       “คุณใหญ่ไม่ได้ฆ่าป้าอุ่นจริงนะ”
       ใหญ่ย้อนถาม “ต้องให้สาบานมั้ย”
       ใหญ่ทำท่าจะยกมือสาบาน หวานดึงลง “ไม่ต้องสาบานหรอกคุณใหญ่ ระหว่างคุณใหญ่พูดกับคุณนายพูด หวานขอเชื่อคุณใหญ่ดีกว่า”
       “ให้คุณใหญ่เอาตัวพี่ปิ่นไปนะดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเป็นเมียคุณนะ” น้อยว่า
       หวานท้วง “แล้วเกิดปิ่นมันอยากเอง”
       “ไม่หรอกมั้ง พี่หวานก็พูดไม่เกรงใจใครเลย”
       น้อยมองมาทางใหญ่ เห็นใหญ่หน้าเครียด
       “ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าความจริงมันเป็นยังไง” ใหญ่ส่งซองยาสลบให้หวาน “ชั้นไม่อยากให้เสียงดัง เราจะจัดการกันเงียบๆ”
       หวานรับมา สบตากับน้อย
       
       หวานตักข้าวผัดใส่ปิ่นโต น้อยเทแกงจืดใส่อีกใบ เป็นปิ่นโตเถาแบบ 4 ชั้น ข้าวผัด 2 แกงจืด 2 น้อยเหลียวซ้าย แลขวา เทยาสลบใส่ข้าว แกง ชั้นละ 3 หยด หวานแย่งขวดยา เทใส่อีกน้อยรีบบอก
       “เบา ... เบา ยาสลบ ไม่ใช่ซีอิ๊ว”
       น้อยประกอบเถาปิ่นโต หน้าเครียด “แล้วใครจะเป็นคนเอาไปให้”
       “มันจะเชื่อใจเรารึเปล่า ถ้ามันไม่กิน แผนแตกแน่” หวานว่า
       จิ๋วโผล่เข้ามา ยิ้มกริ่ม “ชั้นทำให้มันกินทุกมื้อ ด้วยบุคลิกหน้าตา และการศึกษาระดับฉัน พวกมันเชื่อถืออยู่แล้ว” จิ๋วสวมชุดแม่ครัวมีผ้ากันเปื้อนผ้าคลุมหัวราวกับเชฟโรงแรมหนู “ยิ่งรู้มากยิ่งน่ากลัว จะไว้ใจป้าได้แค่ไหน”
       “หนูปิ่นเคยช่วยฉัน และถ้าปิ่นไปจากไร่นี้ คุณหนูของฉันก็ไม่ต้องหัวอกกลัดหนอง เหตุผลพอมั้ย”
       
       น้อยกับหวานสบตากันอย่างชั่งใจ

------------------------------------------------------------

จิ๋วเดินนวยนาดกางร่มถือปิ่นโตเข้ามาหน้ากระท่อมที่ขังปิ่นอนงค์ ทำเป็นเดินชมนกชมไม้ สมุนชี้ชวนกันดูจิ๋ว แล้วลุกเดินเข้ามาหาจิ๋ว       
       “โห ... ป้า นี่ถ้าช้าอีกห้านาที พวกผมเป็นลมตายไปแล้วนะเนี่ย” สมุนคนหนึ่งทัก
       “หยาบคาย ชั้นไม่ใช่คนใช้นะยะ แต่มีศักดิ์เป็นถึงพี่เลี้ยงของคุณอรสอางค์ ดังนั้นให้เรียกฉันว่าคุณป้า ไม่ใช่ป้าเฉยๆ”
       สมุนอีกคน คว้าปิ่นโตแล้วโค้งให้จิ๋วพร้อมกัน แล้วถือปิ่นโตเดินกลับไปที่กระท่อม
       จิ๋วหันไปอีกทางยักคิ้วหลิ่วตาให้ใหญ่ กะเปี๊ยก ที่แอบอยู่ในพุ่มไม้
       
       ค่ำแล้ว สมุนเสี่ยตงนอนสลบคาปิ่นโต ข้าวเลอะปาก ใหญ่เดินลัดเลาะ ระแวดระวังเข้ามา เข้าไปดูขยับกุญแจหน้าห้อง
       ใหญ่ล้วงๆ ตบๆ กระเป๋ากางเกงสมุนเสี่ยตงคนแรก แต่ไม่มีกุญแจ ใหญ่ตบกระเป๋ากางเกงสมุนอีกคน หยิบลูกกุญแจรี่ไปไขที่ประตู ใหญ่เปิดประตูออก เห็นปิ่นอนงค์ถือส้อมเตรียมแทง
       “ปิ่นอนงค์”
       สองคนสบตากัน ตาค้าง วัดใจ “คุณใหญ่”
       ใหญ่คว้าข้อมือปิ่นอนงค์ “ไปกับฉัน เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันอีกยาว”
       ปิ่นอนงค์พูดเสียงเย็นชา “ไม่ ไม่อยากรู้เห็น ไม่อยากวุ่นวาย ไม่อยากอะไรทั้งนั้น อย่ามายุ่งกับปิ่น ปิ่นไม่อยากเห็นหน้าคุณใหญ่ ไม่อยากแม้แต่ได้ยินเสียง”
       ใหญ่อึ้งไปนิดหนึ่ง “ไม่แปลกที่เธอเกลียดฉันขนาดนี้” พลางยื่นหน้าเข้าไปหาใกล้ๆ “เพราะฉัน ก็เกลียดเธอมากเหมือนกัน” ทำเป็นลอยหน้าพูด “เห็นมั้ยว่าใจเราตรงกันอีกแล้ว”
       “ปล่อย” ปิ่นอนงค์กระชากมือกลับ แต่ใหญ่ยึดไว้แน่น
       “ฟังไม่เข้าใจหรือ ฉันบอกแล้วไง” เน้นเสียง “เราต้องเคลียร์กัน”
       “ไม่จำเป็น”
       “อ๋อรู้แล้ว ที่ไม่ยอมไปเพราะกำลังรอฤกษ์ส่งตัว เข้าเรือนหอรอรักกับนายทรรศนะสินะ”
       “ปิ่นไปกับใคร อยู่กับใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนใจอำมหิตอย่างคุณใหญ่”
       “ฟังนะ ฉันไม่ได้ฆ่าแม่เธอ ไม่เคยแม้แต่จะคิด”
       “แล้วทำไมคุณใหญ่อยู่กับแม่”
       “ก็เพราะ...”
       ใหญ่ยังไม่ทันได้ตอบ แสงไฟจากรถสาดส่องเข้าหน้าสองคน จนใหญ่ต้องยกมือป้องหน้า เป็นรถครองสุขและเสี่ยตง กับรถกระบะสมุน แล่นเข้ามาเร็วรี่ แสงไฟส่อง
       ใหญ่กับปิ่นอนงค์ ตกใจชะงักมอง
       ครองสุขลงจากรถกับเสี่ยตง สมุนลงจากรถกระบะ ถือปืนเล็งใส่ใหญ่
       ครองสุขเดินนำเหล่าสมุนเข้าหาใหญ่ “นึกว่าชั้นจะโง่ ปล่อยให้แกมาช่วยนังปิ่นได้ง่ายๆเหรอ ไอ้ใหญ่”
       ใหญ่หน้านิ่ง แกะกระดุมเสื้อช้าๆ เห็นระเบิดไดนาไมท์ผูกติดกับหน้าอกเป็นแผง เปี๊ยกตาค้าง
       ถ้าอย่างนั้น ก็ตายพร้อมกันทั้งหมดนี่แหละ”
       หมู่มวลพวกครองสุขถอยกันกรูด ใหญ่รีบดึงไดนาไมท์แท่งเล็กสุดออกมาจุดโยนใส่
       พวกครองสุขวิ่งไปหลบที่รถ ระเบิดติดชนวน ประกายไฟฟู่รวดเร็ว เสียงระเบิดดังตูม
       
       พวกครองสุขหลบกันชุลมุน ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย

---------------------------------------------------------------

  ใหญ่ลากปิ่นอนงค์มาตามแนวป่า เปี๊ยกจูงม้าเข้ามา ลุกลี้ลุกลน ใหญ่ตบไหล่เปี๊ยก
       
       “ขอบใจมากไอ้เพื่อนยาก เร็วปิ่น”
       ใหญ่ส่งปิ่นขึ้นม้า รวดเร็ว เปี๊ยกอ้อแอ้ เสียงตื่นเต้น ใหญ่หันขวับ เห็นจอมหน้าถมึงทึง สบตากับใหญ่
       จอมตีตัวใหญ่ด้วยพานท้ายราบของปืนลูกซองยาว
       ใหญ่ร่วงลงไปกองกับพื้น ปิ่นอนงค์กับเปี๊ยกช็อกมองจอมเขม็ง จอมจี้ปืนลากใหญ่ไป
       
       เวลาต่อมาโรงเก็บฟางเลี้ยงสัตว์ กลายเป็นที่คุมขังใหญ่ โรงนาแห่งนี้มี 2 ชั้น คือมีประตูหน้าโรง 1 ชั้น ส่วนข้างในมีห้องเล็กๆ ที่ใช้ขังใหญ่อีกห้อง ภายในห้องเต็มไปด้วยฟาง
       ใหญ่ถูกมัดมือโยงกับขื่อ ดิ้นไปมา จอมยืนเท้าสะเอวอยู่ใกล้ๆ กับสมุนอีกคน
       เสี่ยตง กับครองสุข จับแขนปิ่นอนงค์ไว้คนละข้าง ปิ่นอนงค์อิดโรยมองด้วยความสงสารใหญ่
       เสี่ยตงแสยะยิ้มสะใจ “ตายน้ำตื้น เพราะผู้หญิงคนเดียวแท้ๆ ทุเรศ”
       “ขอบใจนะปิ่น ที่ช่วยล่อมันมาให้ชั้น”
       ปิ่นอนงค์ตกใจที่ถูกกล่าวหา ใหญ่มองหน้าปิ่นอนงค์อย่างแค้นใจ
       ปิ่นอนงค์อยากจะอธิบาย แต่โดนครองสุขกับเสี่ยตง ลากออกไปก่อนไม่มีโอกาสแก้ตัว
       ใหญ่มองตาม แววตาแค้นจัด ปิ่นอนงค์เหลียวมาสบตาใหญ่
       ครองสุขหยุด หันมามองจอม “ตามสบายนะจอม แต่อย่าเพิ่งให้ถึงตาย”
       จอมต่อยท้องใหญ่ ใหญ่จุกตัวงอ ปิ่นอนงค์ทนไม่ไหวสะบัดสุดแรงจนหลุดจากครองสุข วิ่งไปดึงมือจอมที่กำลังง้างหมัดจะอัดใหญ่
       “อย่าจอม ปิ่นขอร้อง”
       จอมโมโห “หลีกไปปิ่น”
       จอมสะบัดเต็มแรง ปิ่นอนงค์ล้ม ใหญ่โมโห “ปิ่นท้องอยู่ แกไม่ห่วงลูกในท้องของแกหรือไง ไอ้เลวเอ๊ย
       ทั้งจอม ครองสุข เสี่ยตง พากันงุนงง ปิ่นอนงค์ก้มหน้าหลบตาจอม
       
       ครองสุขกลับมาที่เรือนใหญ่ ปรารภด้วยความแปลกใจเรื่องปิ่นอนงค์ท้อง
       “นังนี่มันไวไฟจริงๆ เล่นเอาฉันอึ้ง คาดไม่ถึงจริงๆ”
       ทรรศนะหน้างอ อรสอางค์มองจับอาการ “เป็นยังไง ยังอยากได้ปิ่นอนงค์เป็นเมียน้อยอีกหรือเปล่า ได้ของแถมเป็นลูกชาวบ้านด้วยนะ ไม่ต้องเสียเวลาทำ”
       ทรรศนะทนฟังอรสอางค์กระแนะกระแหนไม่ได้ ลุกหนี อรสอางค์ยิ้มสะใจ
       ครองสุขสงสารทรรศนะจับใจ
       
       สมุนเสี่ยตงยืนเฝ้าหน้าบ้านคนละมุม ส่วนด้านในห้อง ปิ่นอนงค์นั่งนิ่งบนโต๊ะ ข้าวปลาอาหารไม่โดนแตะ จอมยืนจ้องปิ่นอนงค์อยู่
       “เรื่องท้อง มันอะไรกัน”
       ปิ่นอนงค์เงยหน้าขึ้น “ปิ่นต้องการให้คุณใหญ่ช่วยประกันจอมออกจากคุก เลยกุเรื่องท้องขึ้นมา เพื่อให้คุณใหญ่เห็นใจ ปิ่นขอโทษ”
       จอมดีใจเข้าไปจับมือปิ่นอนงค์ “ขอโทษทำไม แค่เรารู้ว่าปิ่นห่วงเรามากขนาดนี้ เราก็ดีใจที่สุดแล้ว เรารับปากนะ เราจะเลี้ยงดูปิ่นอย่างดี ไม่ให้น้อยหน้าใคร”
       ปิ่นอนงค์ดึงมือออกจากจอม “ด้วยการทำงานกับคุณนายหรือ ลาออกเถอะจอม คุณนายเป็นคนจับปิ่นไปขังที่กระท่อม”
       “คุณนายมีเหตุผล พวกนายปลอดวนเวียนอยู่นอกไร่ มันคอยจ้องจะเล่นงานปิ่น คุณนายเป็นห่วงก็เลยอยากให้ปิ่นซ่อนตัวอยู่ที่นี่ก่อน”
       “ปิ่นไม่เข้าใจ ทำไมเดี๋ยวนี้จอมถึงเชื่อคุณนาย”
       จอมบอกอย่างมั่นใจ “เพราะคุณนายเป็นคนเดียวที่รู้ทันความร้ายกาจของไอ้ใหญ่ ไอ้ใหญ่มันฆ่าป้าอุ่น เราจะช่วยปิ่นแก้แค้นเอง”
       “แล้ววิญญาณแม่จะสงบสุขหรือไง ใครก่อกรรมไว้ ไม่ช้ากรรมนั้นจะสนองเอง ปิ่นเชื่อ”
       “พูดไปพูดมาปิ่นก็เข้าข้างมัน เราทำอะไรเพื่อปิ่น กลับผิดไปหมด”
       จอมฮึดฮัดไม่พอใจ เดินหนีออกจากห้อง
       ปิ่นอนงค์ตะโกนตาม “จอม”
       แต่จอมไม่เหลียวหลัง
       
       จอมเดินโมโหมาตามทางในไร่ รถจินตนาที่ขับมาตามทางเกือบชนจอม จอมกระโดดหลบทัน
       จอมเห็นจินตนา รีบเดินหนีอย่างเร็ว จินตนารีบกระโดดลงจากรถ ร้องเรียก
       “จอม ไม่ต้องหนีหน้าเลยนะ”
       จินตนาวิ่งตามจนทันดึงแขนไว้จอมรีบบอก “อย่าถาม เราไม่มีอะไรจะตอบทั้งนั้น”
       “ต้องตอบ เพราะปิ่นเป็นเพื่อนเรา นายจะไปขึ้นเขาลงห้วยที่ไหน เราไม่อยากสนใจ แต่บอกมา นายรู้ใช่มั้ยว่าปิ่นอยู่ไหน”
       จอมสะบัดแขน เดินหนี “ไม่รู้”
       จินตนาไม่เชื่อและไม่ยอมง่ายๆ ตามไปดึงไว้อีก “ไม่รู้แล้วเดินหนีทำไม”
       “ปิ่นปลอดภัยดี คุณจินกลับไปได้แล้ว”
       “รู้ทั้งรู้ว่าคุณนายเป็นคนยังไง ยังจะมาทำงานให้เขาอีก”
       “ถ้าไม่ให้ปิ่นอยู่ที่นี่ แล้วคุณจินคุ้มครองปิ่นได้หรือ”
       จินตนาได้ฟังก็ยิ้มเยาะ “อย่าเอาเรื่องนี้มาอ้างดีกว่า นายต้องรู้ว่าคุณนายเป็นคนเลวแต่หลับหูหลับตาช่วยเขาเพราะความเห็นแก่ตัว นายแค่อยากสมหวังกับปิ่นเท่านั้น ถ้าไม่พาปิ่นกลับมา ก็ไม่ต้องเป็นเพื่อนกันอีก”
       จินตนาเดินไปที่รถ จอมร้องตะโกนไล่หลัง “เรารักปิ่น คุณจินไม่เคยรักใครไม่มีวันเข้าใจหรอก”
       จินตนาหันมาหาตวาดกลับ “รู้ได้ไงว่าเราไม่เคยรักใคร จอม นายต้องรักให้เป็น ไม่ใช่ดีแต่หลับหูหลับตารักท่าเดียว”
       
       จอมจ้องหน้าจินตนาอย่างไม่พอใจ
-----------------------------------------------------------------

เวลาต่อมาที่ศาลาคนงาน เสี่ยตงกะครองสุขนั่งสบายใจเฉิบ จิบเครื่องดื่ม ขณะที่เปี๊ยกถูกมัดมืออยู่ตรงหน้า เปี๊ยกดิ้นรน แต่ถูกเหล่าสมุนซ้อมกระเด็นกระดอนไปมาเป็นวง หน้าตาบวมช้ำ มีเลือดออกทางจมูกและปาก        
       เปี๊ยกพยายามสู้แต่เพราะตัวคนเดียวเลยถูกรุมยำเละ
       คนงานกว่า 20 หน้าซีด นั่งมองรวมกันอยู่อีกทาง หวานร้องไห้จะเข้าช่วย แต่ถูกน้อยกับคนงานหญิงช่วยกันดึงเอาไว้
       “พอแล้ว อย่า” หวานร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา
       จิ๋วเช็ดน้ำตา แอบดูอยู่ไกลๆ เปี๊ยกโดนดอกสุดท้ายแน่นิ่งคาที่
       ครองสุข กะเสี่ยตงลุก “ดูกันเอาไว้เป็นตัวอย่าง ใครเข้าข้างช่วยเหลือไอ้ใหญ่ต้องโดนอย่างนี้ ไม่ว่าไอ้อีตัวไหนทั้งนั้น”
       ครองสุขกวาดสายตามองด่ากราด คนงานกลัวหัวหดหลบตากันวูบ
       พอครองสุข กะเสี่ย และสมุนออกไป น้อย หวาน เข้าไปดูเปี๊ยกกับจิ๋ว คนงานอื่นๆ อ้ำอึ้ง
       
       วันต่อมา ที่โรงนาเก็บฟางซึ่งกลายเป็นที่คุมขัง ใหญ่นอนขดตัวมีอาการบอบช้ำจากการถูกซ้อม ใหญ่ประสาทหลอนจนตาลาย เห็นครองสุขเป็นปิ่นอนงค์ยื่นหน้าเข้ามาเขย่าตัวใหญ่ 
       “คุณใหญ่”
       ใหญ่ปรือตามอง แค้นปิ่นอนงค์ “เธอ ยัยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์”
       ใหญ่ผลักครองสุขจนล้มลง ครองสุขร้องกรี๊ด “อ๊าย!”
       ลูกน้องเสี่ยตงรีบเข้ามาพยุงปีกขึ้น “แก ไอ้ใหญ่ ยังออกฤทธิ์ได้อีกหรือ”
       ครองสุขโมโห เตะใหญ่ 2-3 ที ใหญ่เจ็บตัวงอ เงยหน้าเห็นเป็นครองสุข
       ครองสุขสั่ง “จับมันนั่ง”
       สมุนเสี่ยตงจับใหญ่นั่งบนโต๊ะไม้ไผ่ ครองสุขวางกระดาษพร้อมปากกา
       “เขียนจดหมาย สารภาพผิด ว่าแกสำนึกแล้วที่ฆ่านังอุ่นกับไอ้ผา แล้วยินดียกทรัพย์สินส่วนของแกให้ฉัน แล้วฉันก็จะพาแกหนีข้ามชายแดนไป พร้อมกับเงินก้อนนึง”
       ใหญ่ยิ้ม หยิบปากกาเขียนลงไป แล้วส่งให้ครองสุข
       ครองสุขดีใจรับมาดู แต่แล้วต้องตาถลน ลูกน้องอยากรู้ชะโงกหน้ามาอ่านออกเสียง
       ลูกน้องเสี่ยอ่านอย่างใส่อารมณ์ด่า “นังแม่มด”
       ครองสุขโมโหตวาดลั่น “ฉันอ่านเองออก” หันมาหาใหญ่ ตบเปรี้ยง “ข้อเสนอดีๆ ไม่ได้มีหลายครั้ง ในเมื่อไม่รับ ก็อย่าหาว่าฉันใจร้าย”
       ครองสุขสั่งลูกน้องเสียงเข้ม “ไม่ต้องให้ข้าวให้น้ำมัน ปล่อยให้มันอด ดูสิว่าจะทนได้กี่น้ำ”
       ครองสุขเดินกระแทกส้นปึงๆ ออกไป ลูกน้องตาม แล้วปิดประตูคล้องโซ่
       
       ครองสุขกับลูกน้องเสี่ยตง 2 คน เดินออกมา ทัศนีย์หลบดูอยู่ พอครองสุขเดินพ้นไป ทัศนีย์จึงย่องเข้าไปในโรงนาเก็บฟาง
       ทัศย์นีเข้ามาในห้องที่ขังใหญ่ “คุณใหญ่ นีมาช่วยคุณแล้ว”
       ใหญ่ยืนตรงช่องหน้าต่างลูกกรง “เธอเนี่ยนะจะช่วยฉัน”
       ทัศนีย์ยิ้มพยักหน้า “คุณใหญ่ให้ที่หลบซ่อนนีจากไอ้เสี่ยหื่น นีก็สมควรตอบแทนน้ำใจของคุณใหญ่ไม่ใช่หรือคะ แล้วที่สำคัญ”
       พลางทัศนีย์ลูบมือใหญ่ ยิ้มยั่วยวน ตาเป็นประกาย “เพื่อรักของเรา”
       ใหญ่ยิ้ม “แล้วนีจะเอากุญแจมาได้ยังไง”
       ทัศนีย์ชูกุญแจ “ไม่เห็นจะยาก แต่งงานกับนี แล้วนีจะปล่อยคุณใหญ่”
       ใหญ่หุบยิ้ม หันหลังให้ทัศนีย์ทันทีแล้วเดินไปนั่ง “เดี๋ยวสิคะคุณใหญ่ นีช่วยได้จริงๆนะ ไม่เชื่อหรือ”
       ใหญ่หันกลับมา “ฉันไม่อยากเกี่ยวดองเป็นญาติกับน้าของเธอ”
       ทัศนีย์ห่วงใหญ่ “แต่ถ้าคุณใหญ่ไม่รับข้อเสนอของนี คงไม่พ้นโดนคุณน้าเชือดทิ้งแน่ ขนาดไอ้เปี๊ยกยังโดนซ้อมปางตาย”
       ได้ยินดังนั้นใหญ่โกรธจัด พุ่งไปที่ลูกกรงหน้าต่าง “เปี๊ยกโดนซ้อมหรือ”
       “คิดว่าจะรอดหรือ อาจมีดอกสองอีกก็ได้”
       ใหญ่ห่วงเปี๊ยก “ก็ได้ ปล่อยฉันออกไป”
       ทัศนีย์ยิ้มดีใจ แต่ยังกลัวใหญ่บิดพลิ้ว “จะเชื่อได้ยังไงว่าจะรักษาคำพูด”
       ใหญ่พูดเอาใจ “ฉันเป็นผู้ชาย มีคนมาเสนอตัวเป็นเมียอีกคน ทำไมจะไม่เอา”
       ทัศนีย์ดี๊ด๊าเสียบกุญแจ แต่ยังไม่ทันไข เสียงครองสุขตวาดลั่นมาจากข้างหลัง
       “ทำอะไรยัยนี”
       
       ใหญ่กับทัศนีย์ตกใจ มองไปเห็นครองสุขยืนจ้องเขม็ง

------------------------------------------------------------------------------------

 สองแม่ลูกยืนอยู่อีกมุมภายในไร่ ครองสุขโกรธจัดตบเต็มแรงจนทัศนีย์หน้าหัน 
       
       “บังอาจขโมยกุญแจตอนฉันเผลอหรือ คิดว่าฉันอ่านใจแกไม่ออก ตามแกไม่ทันหรือไง ไอ้ใหญ่มันเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของฉัน กว่าจะจับมันได้แสนยากเย็น แกเกือบจะทำแผนฉันพังแล้วรู้มั้ย”
       ทัศนีย์ยกมือกุมแก้ม โวยวายลั่น “ก็นีรักคุณใหญ่”
       ครองสุขหัวเราะเยาะ “อย่างแกนะหรือรักใครเป็น แกเปลี่ยนผู้ชายง่าย พอๆ กับตอนแกเปลี่ยนเสื้อนั่นแหละ”
       ทัศนีย์พูดเสียงจริงจัง “คราวนี้นีรักจริง”
       “แต่มันไม่รักแก ที่ผ่านมาฉันเห็นแกตามอ่อยมันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มันก็ไม่เอาแก”
       ทัศนีย์เถียง “เพราะไม่เอานี่แหละถึงได้รัก ผู้ชายคนอื่นแค่พูดกันไม่กี่คำก็จูงนีขึ้นเตียง แต่คุณใหญ่ซื่อสัตย์ ไม่ยอมนอกใจนังปิ่น เพราะอย่างนี้นีถึงรักเขา”
       ครองสุขด่า “เพ้อฝัน ไม่มีผู้ชายซื่อสัตย์ในโลกนี้ ไม่มี”
       “พ่อนอกใจคุณน้า ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายทั้งโลกจะเหมือนพ่อ”
       ครองสุขตวาด “อย่าพูดถึงมัน มันทำให้ฉันต้องหมดตัว เพราะมันเอามรดกตายายแกไปเล่นพนันหมด ฉันถึงต้องยอมมาเป็นเมียไอ้ไพศาล ให้แกได้สุขสบายกัน”
       “แล้วถ้าหนูจะยอมเป็นเมียคุณใหญ่บ้างมันผิดตรงไหน” ทัศนีย์ย้อน
       “โอกาสนั้นมันหมดไปแล้ว ตอนนี้ไอ้ใหญ่มันเป็นฆาตกร ไม่ตายมันก็ต้องติดคุก”
       “นีไม่เชื่อหรอกว่า คุณใหญ่จะฆ่าป้าอุ่น”
       “เก่งนี่ แล้วแกรู้มั้ยว่าใครฆ่า”
       ทัศนีย์มองหน้าครองสุขแล้วเก็ท “คุณน้าฆ่าป้าอุ่น”
       ครองสุขขู่กลายๆ “รู้ไว้ด้วย ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อครอบครัวของฉัน เพราะฉะนั้น อยู่เฉยๆ อย่าให้ฉันเห็นแกเป็นคนอื่น”
       ทัศนีย์ตกใจ สยอง
       
       ทรรศนะเดินออกมาหน้าเรือนใหญ่ อรสอางค์มายืนขวาง
       “จะไปหานังปิ่นอีกหรือไง”
       “เราอยู่กันแต่ในนาม ผมจึงไม่จำเป็นต้องบอกให้อรรู้ทุกอย่างว่าผมจะทำอะไร หรือไปไหนมาไหน”
       อรสอางค์ขึ้นเสียง ดังมาก “มันท้องป่องกับคนงาน นะยังเอามันลงอีกหรือ” 
       ทรรศนะบอกอย่างมั่นใจ “ผมรู้จักปิ่นดีกว่าใคร แม้แต่ผมถ้าอยากได้ปิ่น มีทางเดียวคือต้องใช้กำลังบังคับ แต่ถ้าทำ ปิ่นก็จะฆ่าตัวตาย กับไอ้จอมก็เหมือนกัน เพราะปิ่นไม่เคยรักจอม”
       อรสอางค์ยิ่งแค้นที่ทรรศนะยกย่องปิ่นอนงค์จนเลอเลิศ
       “รู้จักมันดีนัก ทำไมไม่เลือกมันตั้งแต่แรก มาคบกับอรทำไม”
       “เพราะผมตาบอดไง”
       พูดจบทรรศนะจะไป อรสอางค์เข้าไปทุบตี ทรรศนะปัดป้องหลบไปหลบมา จังหวะชุลมุนนั้นหลังมือไปโดนหน้าอรสอางค์อย่างไม่ตั้งใจ แต่อรสอางค์คิดว่าทรรศนะตั้งใจตบตน
       ร่างอรสอางค์เซไป จิ๋วเข้ามารับไว้ อรสอางค์จับแก้ม “ไม่อยากจะเชื่อว่านะจะกล้าทำร้ายอร”
       ทรรศนะเงอะงะ “ผมไม่ได้ตั้ง...”
       ไม่ทันพูดจบจิ๋วสวนคำออกมา
       “คุณนะปันใจไปรักผู้หญิงอื่น มันก็ผิดอยู่เห็นๆ ยังจะกล้าตบตีคุณหนู ไม่ละอายใจบ้างหรือคะ”
       “คนหมดรักกันแล้ว ก็ควรเลิกกัน แต่อรไม่ยอม มันเลยต้องเป็นอย่างงี้ไง”
       อรสอางค์ร้องไห้โฮ ทั้งรักทั้งแค้น “อรไม่เลิก ยังไงก็ไม่เลิก จะหวงก้างไว้อย่างนี้ ไม่ให้ใครมันมีความสุข อรทนทุกข์แค่ไหน นะกับมันก็ต้องทุกข์ด้วย”
       
       ทรรศนะตัดสินใจไม่ไป เดินเข้าเรือน 

-----------------------------------------------------------------------
อรสอางค์ดึงลิ้นชักคว้ากรรไกรออกมา กำกรรไกรแน่น แล้วจะวิ่งออกไปเพื่อฆ่าปิ่นอนงค์
        จิ๋วที่มองดูอยู่ เข้ามากอดอรสอางค์ไว้แน่นไม่ยอมให้ไป
       
       “ถ้าปิ่นอนงค์ตาย คุณหนูก็ต้องติดคุก คุณนะก็ไม่มีทางยกโทษให้คุณหนู” จิ๋วบอก
       “แล้วจะให้ทำยังไง อรสุดจะทนแล้ว”
       “ถ้าคุณหนูหาทางปล่อยคุณใหญ่กับปิ่นอนงค์ให้หนีไปอยู่ด้วยกัน คุณนะก็จะกลับมาหาคุณอรเอง”
       อรสอางค์คิดไปคิดมา เริ่มเห็นคล้อยตาม แต่ไม่เชื่อจิ๋วทั้งหมด ในใจกะคิดฆ่าทั้งคู่ทิ้งเลย
       อรสอางค์ปล่อยให้จิ๋วดึงกรรไกรออกจากมืออย่างว่าง่าย
       
       น้อยยกชั้นปิ่นโตออกจากหูสองข้าง จัดวางบนโต๊ะให้
       ปิ่นอนงค์นั่งมองข้าวนิ่งเงียบ “ถึงไม่หิวก็ต้องกินเยอะๆ นะพี่ปิ่น ต้องเผื่อเด็กในท้องด้วย”
       ปิ่นอนงค์สายตามีพิรุธก้มมองท้องตัวเอง มองเลยไปทางหน้าต่างยังเห็นคนของเสี่ยตงยืนเฝ้า
       ปิ่นอนงค์ดึงน้อยไปคุยอีกมุม “คุณใหญ่เป็นยังไงบ้าง”
       “ไม่อยากนึกถึงเลยพี่ปิ่น นึกถึงแล้วอดสงสารไม่ได้” น้อยบอกหน้าเศร้าๆ
       “ทำไมหรือน้อย”
       ภาพใหญ่นั่งกุมท้อง ท่าทางทรมาน หน้าซีด ปากแห้ง เมื่อตอนที่ถือปิ่นโตไปส่งผุดขึ้นในหัวน้อย
       ยินเสียงน้อยเล่าประกอบภาพ “พวกมันไม่ให้ส่งข้าวส่งน้ำให้คุณใหญ่ ถ้าให้อดต่อไปเรื่อยๆ น้อยว่าไม่พ้น 2-3 วันนี้หรอก คงตายแน่”
       จากนั้นลูกน้องเสี่ยไล่ตะเพิดน้อยให้ออกไป 
       ฟังแล้วปิ่นอนงค์ตกใจ หน้าซีดห่วงใย “พวกเราไม่รู้หรอกว่าใครฆ่าป้าอุ่น แต่ฝ่ายคุณนายก็ร้ายใช่ย่อยพอเอามาชั่งตาชั่งกันดูแล้ว ขออยู่ข้างคุณใหญ่ดีกว่า ไม่เคยเอาเปรียบพวกเราเหมือนคุณนาย”
       ปิ่นอนงค์มองไปที่หน้าต่าง กลัวลูกน้องเสี่ยตงได้ยิน
       “น้อย ช่วยอะไรพี่หน่อยได้มั้ย”
       
       ขณะที่ทรรศนะกลุ้มใจนั่งกินเหล้าอยู่ในห้อง น้อยมองซ้ายแลขวากลัวคนเห็น ค่อยๆ แง้มประตู แทรกตัวเข้าไป ประตูปิดลงเบาๆ
       
       ทรรศนะมาถึงที่พักก็ถามขึ้นทันที “ปิ่นให้น้อยเรียกพี่มา มีอะไรอยากคุยกับพี่หรือ”
       ปิ่นอนงค์ได้กลิ่นเหล้าหึ่งจากตัวนะ “คุณนะยังดื่มอยู่อีกหรือคะ”
       “พี่คิดมาก ทั้งเรื่องของปิ่น เรื่องของอร เลยอยากดื่มให้มันลืมๆ”
       “แล้วมันช่วยให้ลืมได้จริงหรือคะ”
       ทรรศนะอ้ำอึ้ง บอกหน้าหมอง “ลืมได้ชั่วคราว แต่พอสร่างเมาก็ทุกข์เท่าเดิม”
       ปิ่นอนงค์จับมือทรรศนะไว้ “จำที่คุณนะเคยชวนปิ่นได้มั้ย คุณนะยังอยากหนีไปกับปิ่นอยู่หรือเปล่า”
       ทรรศนะดูลังเล “หรือคุณนะเปลี่ยนใจแล้ว” ปิ่นอนงค์ถาม
       ทรรศนะรีบบอก “ไม่ใช่ แต่พี่คาใจ อยากรู้ความจริงว่าปิ่นท้องกับจอมจริงหรือ พี่จะเชื่อทุกอย่าง ถ้ามันออกมาจากปากของปิ่นเอง
       ปิ่นอนงค์บอกความจริงเพื่อให้ทรรศนะยอมช่วย “ปิ่นไม่ได้ท้องค่ะ” ทรรศนะงง “ปิ่นจำเป็นต้องโกหกคุณใหญ่ เพราะ...ไม่อยากให้เขามาตอแยปิ่นอีก”
       ทรรศนะดีใจ จับมือปิ่นอนงค์ “พี่นึกแล้วว่ามันต้องไม่จริง พี่ดีใจที่สุดที่ปิ่นตัดสินใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับพี่”
       ทรรศนะสวมกอดปิ่นอนงค์ ถูกปิ่นอนงค์เอาเครื่องช็อตไฟฟ้าที่ซ่อนไว้ ซึ่งน้อยเอามาให้ช็อต ร่างทรรศนะกระตุก ก่อนจะล้มลงไปกองที่พื้น
       
       ปิ่นอนงค์ออกมาจากที่พักปิดประตูลง น้อยรออยู่ ปิ่นอนงค์มองอย่างแปลกใจ
       “ลูกน้องเสี่ยที่เฝ้าพี่ หายไปไหนหมดแล้วล่ะ”
       “หนูไล่ให้มันไปหาข้าวกิน เสี่ยใช้งานมันหนัก ให้ยืนเฝ้าทั้งวันไม่ได้ไปยืดเส้นยืดสายเสียบ้าง มันก็อยากแว่บอยู่แล้ว” น้อยว่า
       “ขอบใจนะน้อย” ปิ่นอนงค์ซึ้งใจ
       น้อยพูดบอกเร็วๆ “รีบไปเถอะพี่ ป่านนี้พี่เปี๊ยกจัดการไอ้ยามพวกนั้นเสร็จแล้ว”
       
       เปี๊ยกแอบดูหลังพุ่มไม้ เห็นสมุนเสี่ยตงนั่งหลับหน้ากองไฟ บางจังหวะตบยุงที่มากัดตามขาแขนบ้าง
       เปี๊ยกย่องเข้าไป สะกิดแล้วเอาคีมตัดกุญแจตีสลบ ก่อนกระทืบซ้ำอีกสามที เพราะเป็นคนที่ซ้อมเปี๊ยกเลยแค้น จัด ปิ่นอนงค์วิ่งมาถึง เปี๊ยกตัดโซ่
       ปิ่นอนงค์เข้าไปในห้องขังได้แล้ว กำลังเขย่าตัวใหญ่
       “คุณใหญ่ ตื่นเร็วค่ะ คุณต้องตื่น ปิ่นแบกคุณไปไม่ไหวหรอกนะ”
       ใหญ่ค่อยๆ รู้สติ สะลืมสะลือมอง ปิ่นอนงค์บอก “ช่วยกันหน่อยเปี๊ยก”
       เปี๊ยกเข้าไปช่วย
       ทั้งคู่ประคองใหญ่ออกมา อรสอางค์โผล่มายืนขวางหน้าชนิดไม่มีใครคาดฝัน ปิ่นอนงค์ตกใจที่โดนจับได้
       “คุณอร!”
       
       ลูกน้องเสี่ยตง ทั้งสองคน นอนสลบไสลอยู่หน้าโรงเก็บฟาง ครองสุขเดินเข้ามามอง แล้วผินหน้ามองไปตรงหน้าประตูที่ขังใหญ่ เห็นประตูเปิดอ้า โซ่ถูกตัดกองอยู่ที่พื้น ปิ่นอนงค์ ใหญ่ และอรสอางค์ หายไปหมดแล้ว
       ครองสุขชักสีหน้า หันมาที่จอมเป็นเชิงถาม
       “ผมจะลากคอมันกลับมาเอง”
       ครองสุขสั่งเสียงกร้าว “ไม่ต้อง ฆ่ามันทิ้งซะ”
       จอมออกไปพร้อมกับลูกน้อง 2 คน
       อรสอางค์ยื่นกุญแจรถกระบะให้ปิ่นอนงค์ เปี๊ยกยังประคองใหญ่
       “จะพาฉันไปไหน” ใหญ่สงสัย
       ปิ่นอนงค์มองไปที่รถที่จอดหลบอยู่ อรสอางค์เร่ง
       “แกกับไอ้ใหญ่รีบไปให้พ้นจากที่นี่ แล้วไม่ต้องกลับมาอีกเลย”
       “ทำไมคุณอรถึงช่วยปิ่น”
       “ช่วยหรือ ฉันทำเพื่อความสุขของตัวเองต่างหากล่ะ” อรสอางค์หันมากำชับเปี๊ยก “แกพูดไม่ได้อยู่แล้ว คงเก็บความลับอยู่นะ ฉันก็จะไม่บอกเรื่องที่แกช่วยคุณใหญ่เหมือนกัน”
       อรสอางค์ดึงมือปิ่นอนงค์ เอากุญแจวางใส่มือ พูดมีเลศนัย
       “ขอให้ไปให้รอดนะ ฉันขออวยพร”
       ปิ่นอนงค์สะดุดในน้ำเสียงมองจ้องหน้าอรสอางค์ เปี๊ยกซื่อบอกให้ปิ่นอนงค์รีบไป อรสอางค์จ้องปิ่นอนงค์แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
       
       ปิ่นอนงค์ขับรถมาตามทาง ใหญ่ขยับตัวมองปิ่น ถามด้วยน้ำเสียงไม่มีแรง
       “จะพาฉันไปไหน”
       ปิ่นอนงค์บอกด้วยเสียงเย็นชา “เอาไปฆ่าหมกป่า”
       ปิ่นอนงค์เหลือบมอง ใหญ่เค้นเสียง “รอให้ฉันมีแรงก่อน ฉันจะสับเธอเป็นชิ้นๆ”
       “อย่าปากเก่ง หนีให้รอดก่อนเถอะ”
       “หนี เธอจะบอกว่าเธอช่วยฉันให้หนีเหรอ เธอล่อฉันมาติดกับพวกมัน เพื่อช่วยฉันเหรอ”
       “แล้วแต่จะคิด”
       ปิ่นอนงค์มัวแต่หันมาทะเลาะกับใหญ่ พอใหญ่มองไปข้างหน้า เห็นรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างบรรทุกผักวิ่งออกมาจากถนนลูกรัง ตัดหน้ารถปิ่นอนงค์
       ใหญ่ร้อง “ระวัง!”
       ปิ่นอนงค์ตกใจ เหยียบเบรกมิด แต่เบรกไม่ทำงาน เพราะถูกอรสอางค์ตัดสายเบรก รถยังคงวิ่งเข้าใส่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างที่วิ่งมาช้าๆ
       “เบรกสิ”
       ปิ่นอนงค์เหยียบเบรกซ้ำๆ “เบรกไม่ได้”
       รถกำลังจะพุ่งเข้าชน ปิ่นอนงค์ตัดสินใจหักหลบ รถเสียหลักพุ่งไปริมทาง ซึ่งด้านล่างเป็นเหวลึก
       
       ปิ่นอนงค์กับใหญ่ประสานเสียงร้องลั่น รถกำลังพุ่งตกเหว!!!

------------------------------------------------------------------------
ทรรศนะนั่งก้มหน้ามึนๆ เพราะยาสลบอยู่ที่โถงเรือนใหญ่ อรสอางค์นั่งเชิดวางท่าหยิ่งอยู่ข้างๆ จิ๋วนั่งที่พื้น ครองสุขยืนจ้องทรรศนะสีหน้าไม่พอใจ 
       
       “เห็นหรือยังว่านังปิ่นมันมารยาห้าร้อยเล่มเกวียน คนดีๆ อย่างนะ ตามมันไม่ทันหรอก”
       จิ๋วหมั่นไส้เต็มกลืน “คนดี เอ๊ะ ใช่หรือคะ”
       ครองสุขตะคอกทันที “แม่จิ๋ว อย่ามาทำปากยื่นปากยาวแถวนี้ ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่น”
       จิ๋วหดหัว ไม่กล้าสบตาครองสุข “ผมผิดเอง ผมขอโทษครับคุณน้า”
       อรสอางค์ทำเป็นเข้าข้างทรรศนะเพื่อเรียกคะแนน
       “นะไม่ผิดหรอก อรผิดเองที่ผลักไสนะให้ไปหาปิ่นอนงค์ อรเสียใจ อรไม่น่าคอยหาเรื่องนะอยู่ตลอดเวลา”
       ครองสุขรู้ทันยิ้มเหยียดด่าว่า
       “ดัดจริตทำเป็นนางเอก ดีใจที่นังปิ่นมันหนีไปได้ ก็พูดมาตรงๆ เถอะ”
       อรสอางค์ไม่พอใจ ลุกยืน พูดแทบเป็นตวาด “คุณน้า!”
       ระหว่างนั้นลูกน้องเสี่ยตงที่ไปกับจอมกระหืดกระหอบเข้ามารายงาน
       “คุณนายครับ มีรถพุ่งตกเหว น่าจะเป็นรถที่ปิ่นอนงค์ขับพาไอ้ใหญ่หนี เพราะคนงานจำได้ว่าเป็นรถของไร่เรา”
       ทรรศนะลุกยืนตกใจมาก ในขณะที่ครองสุขตาลุกวาวด้วยความดีใจ “พวกมันตายมั้ย”
       
       เวลาเดียวกันจอมยืนอยู่ที่ไหล่ทาง มองลงไปหุบเหวเบื้องล่าง เห็นรถปิ่นอนงค์หงายท้องไฟลุกท่วม จอมร้องไห้ตะโกนเรียกโหยหวนปิ่มว่าจะขาดใจ
       “ปิ่นๆๆ”

-----------------------------------------------------------------------------------------------

อรสอางค์เดินเข้าห้อง จิ๋วเร่งฝีเท้าตามติดซักไซ้คาดคั้น เพราะฉุกคิดว่าเรื่องรถปิ่นอนงค์กับใหญ่ตกเหวเป็นฝีมือนายสาวไฮโซ        
       “คุณหนูทำอะไรกับรถคันนั้น”
       อรสอางค์หันมายิ้ม พูดไม่สะทกสะท้าน “ไม่ได้ทำอะไรยุ่งยาก แค่ตัดสายเบรก”
       จิ๋วตกใจ “คุณหนู ไหนบอกว่าจะช่วยให้เขาหนีไงคะ”
       อรสอางค์โต้ “นังปิ่นมันเป็นหนามตำใจอร ถ้าไม่บ่งมันออกให้หมดแผลตรงหัวใจของอรก็ไม่มีวันหายเจ็บ”
       จิ๋วตกใจที่อรสอางค์โหดเหี้ยม จ้องหน้าเขม็ง อรสอางค์เสียงดังใส่จิ๋ว
       “อย่ามองอรแบบนี้ อรไม่ได้อยากทำ แต่อรไม่ยอมเสียของที่อรรักให้ใคร ไม่แบ่งให้ใคร”
       จิ๋วสะท้อนใจ “ทำไมคุณหนูถึงคิดแบบนี้”
       “ตอนเด็กๆพี่จิ๋วเป็นคนสอนอรเองไม่ใช่หรือ ว่าอรสวย อรเก่ง อรมีเงิน อรต้องชนะทุกคน” 
       จิ๋วน้ำตาไหล จับมืออรสอางค์ เสียงร้อนใจ “ถือว่าพี่จิ๋วเรียนน้อย มีแต่สมองแต่ไม่มีปัญญา ถึงได้สอนคุณหนูแบบผิดๆ เริ่มต้นใหม่นะคะ คุณหนูเป็นคนสวย เป็นคนเก่งอยู่แล้ว คุณหนูจะมีค่ายิ่งขึ้น ถ้ารักษาความดีเป็นหลักประจำใจ”
       อรสอางค์ไม่สน “ความดีหรือ ยอมเป็นผู้เสียสละยกสามีให้นังปิ่น นี่ใช่มั้ยความดีที่พี่จิ๋วว่า”
       “ตอนนี้คุณหนูตกอยู่ในความทุกข์ คนมีความทุกข์จะคิด จะมองอะไร มันก็มืดแปดด้านไปหมด ลองทำให้ทุกข์เบาลงก่อน ลดความโกรธเกลียดแล้วเพิ่มสติให้ตัวเอง ถ้าทุกข์น้อยลง คุณหนูก็จะมองเห็นทางออก”
       อรสอางค์สะบัดมือจิ๋วออก “พี่จิ๋วเป็นแค่พี่เลี้ยง ไม่ใช่แม่อร อย่ามาสั่งสอนอร อรมีดีกรีถึงปริญญาโทจากเมืองนอก ฉลาดพอ มีความรู้พอที่จะแก้ปัญหาชีวิตของอรได้”
       จิ๋วพูดแรงๆ “นั่นละค่ะ เค้าเรียกมีความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด”
       อรสอางค์ตวาด “ไป ออกไปเลยพี่จิ๋ว ไม่งั้นจะหาว่าอรไม่เตือน”
       จิ๋วจนปัญญาเดินออกไปอย่างเงียบๆ
       จิ๋วทุกข์ใจเดินมาที่เรือนคนงานหาน้อยกับหวาน เห็นแต่คนงานหญิงยืนตากผ้า
       “แม่หวานกับนังน้อยอยู่มั้ย”
       คนงานหญิงบอก “ไม่เห็นพวกมันเลย หายหัวไปกันหมดรวมทั้งไอ้เปี๊ยกด้วย”
       จิ๋วแปลกใจ
       
       พงษ์กระซิบที่หูปลอดที่นั่งกินข้าวเช้าอยู่ ปลอดปล่อยช้อนหล่นจากมือ
       ปานเทพกะเพ็ญมองงง “พ่อ มีอะไร”
       ปลอดหน้าเครียด ลุกยืน “คุณใหญ่แกว่งเท้าหาเสี้ยนอีกจนได้ คราวนี้โดนพวกคุณนายครองสุขจับตัวไว้ พงษ์ รวบรวมคนไปกับฉัน”
       ปานเทพดึงแขนพ่อไว้ “ผมไปด้วย”
       “แกไปก็เกะกะเปล่าๆ ฝีมือแกสู้ใครไหว คุ้มครองน้าเพ็ญอยู่ที่นี่นั่นแหละ ดีแล้ว”
       ปานเทพบ่นงุบงิบ “พ่อก็ดูถูกผมทุกที” พึมพำอย่างน้อยอกน้อยใจ “ใช่สิ ผมมันไม่ใช่ลูกคนเก่งของพ่อนี่”
       ปลอดไม่ใส่ใจ “รู้ตัวก็ดี คุณใหญ่น่ะขยันซ้อม ไม่ขี้เกียจเหมือนแก”
       ปลอดกับพงษ์รีบไป ปานเทพหน้างอเพ็ญพูดปลอบ
       “ความจริงพ่อเขาเป็นห่วงปาน กลัวปานมีอันตราย อย่าไปน้อยใจพ่อเขา”
       ปานเทพมองไปด้านนอก “ผมก็ห่วงพ่อ ถึงได้อยากไปด้วย แต่ในหัวพ่อมีแต่ไอ้คุณใหญ่”
       เพ็ญเย้า “พูดอย่างนี้เหมือนเป็นเด็กขี้อิจฉานะคะ”
       ปานเทพโพล่งขึ้น “ผมนะหรืออิจฉามัน” ก่อนจะลดเสียงพูดอ่อยๆ ลง “ก็แค่บ่นเล่นๆ”
       
       เพ็ญส่ายหน้าขำลูกเลี้ยง

--------------------------------------------------------------

เสี่ยตงยิ้มแย้มพูดกับครองสุขในห้องทำงาน       
       “ตำรวจหยุดการค้นหาแล้ว เห็นตำรวจว่าหุบเหวข้างล่างมีต้นไม้ใหญ่หนาทึบ เข้าไปไม่ถึง มันคงกลายเป็นศพไปแล้ว”
       ครองสุขยิ้มระรื่น “ในที่สุดทุกอย่างก็ตกเป็นของฉัน”
       เสี่ยตงท้วงทันที “ลืมอีกครึ่งหนึ่งของผมหรือเปล่า”
       “แหม ไม่ลืมเสี่ยหรอกค่ะ แต่ต้องรอกระบวนการทางศาลอีกนิด เอางี้ฉันจะให้ตานะคุยกับทนายหาทางเอาเงินออกมาให้เสี่ยงวดแรกก่อน”
       เสี่ยตงหัวเราะชอบใจ “อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย” เสี่ยแสบขมวดคิ้วนึกบางอย่างออก “แต่ว่า ไอ้ปลอดปาดังเบซา มันยังอยู่อีกคนไม่ใช่หรือ ถ้ามันรู้ข่าวว่าไอ้ใหญ่ตาย มันคงไม่อยู่เฉยแน่”
       ครองสุขคิดตาม “นั่นสิ ฉันลืมมันไปเลย เสี่ยเตรียมแห คอยดักเหยื่อได้เลย”
       ขณะพูดครองสุขจิกตาร้าย
       
       ที่ใต้ต้นปีปในไร่ มีขวดเหล้าเปล่าหลายขวดวางกองเกลื่อนที่พื้นดิน ทรรศนะนั่งเอียงตัวซบโคนต้นปีบ สภาพเมามาย ร้องไห้คร่ำครวญ
       “ปิ่น ปิ่น ปิ่นอยู่ไหน ปิ่นไม่น่าไปช่วยมัน ถ้าปิ่นไม่ช่วยมันปิ่นก็คง ไม่ตาย พี่รักปิ่น”
       ทรรศนะเห็นขาครองสุขเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า ผวากอดขาครองสุขแน่น เห็นเป็นปิ่นอนงค์
       “ปิ่น ปิ่นกลับมาแล้วหรือ ปิ่นอย่าทิ้งพี่ไปอีกนะ”
       สีหน้าครองสุขหงุดหงิด ดุทรรศนะเสียงเขียว 
       “หยุดคร่ำครวญเสียทีตานะ คนมันตายแล้วก็ตายไป เอาตัวเองให้รอดเสียก่อน ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาให้สร่างเมา แล้วไป” ครองสุขพยุงลูกชายให้ลุกยืน “ที่ออฟฟิศ น้ามีเรื่องต้องใช้เงิน”
       ทรรศนะสะบัดตัว ตวาดลั่น “คุณน้าก็ห่วงแต่เงิน เป็นเพราะคุณน้าคนเดียวปิ่นถึงตาย”
       ครองสุขน้อยใจ ทรรศนะลุกยืนเดินเซ “ทำไมนะว่าน้าอย่างนี้ นะควรจะดีใจที่น้าทำให้นะได้ครอบครองไร่ไพศาล ตอนนี้ทุกอย่างเป็นของนะแล้ว”
       “ได้ไร่มาแต่ไม่มีปิ่น มีความหมายอะไร”
       ครองสุขโมโห “กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว น้าจะหาเมียน้อยให้นะอีกสักโหลสองโหลยังได้”
       ทรรศนะพูดใส่หน้าแม่ “คุณน้ารู้มั้ยครับว่าผมแพ้ยาอะไร ใส่รองเท้าเบอร์อะไร ไม่ชอบอะไร เกลียดอะไร”
       ครองสุขอึ้งตอบไม่ได้ “โอ๊ย น้าต้องเลี้ยงทั้งนะทั้งยัยนี เรื่องเล็กๆ พวกนี้ น้าไม่เคยจำ”
       ทรรศนะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “แต่ปิ่นรู้ ปิ่นจำได้หมด ปิ่นรู้จักผมดีทุกอย่าง”
       
       ครองสุขเดินโมโหเข้ามาในบ้านบ่นอุบ “นังปิ่น ตายไปแล้วยังตามจองล้างจองผลาญฉันไม่เลิก”
       ทัศนีย์เดินเข้ามาโวยวาย “คุณน้า คุณใหญ่ตายเพราะอุบัติเหตุ หรือคุณน้าฆ่าเขา นีไม่ยอมนะ นีเคยพูดกับคุณน้าแล้วว่านีรักคุณใหญ่ คุณน้าน่าจะห่วงความรู้สึกของนีบ้าง”
       ครองสุขอยากจะบ้า “พวกแกสองคนพี่น้องดีแต่ทำให้ฉันปวดหัว อีกคนก็หาว่าฉันไม่ใส่ใจ อีกคนก็หาว่าฉันไม่ห่วง แล้วพวกแกเคยใส่ใจห่วงใยฉันบ้างมั้ย ไม่ได้ดั่งใจเลยทั้งคู่”
       ครองสุขเดินหนี ทัศนีย์ไล่ตามตื้อไม่ลดละ “ก็คุณน้าสอนนีเองไม่ใช่หรือคะ ให้หาผัวรวยๆ นีก็กำลังเจริญรอยตามคุณน้าอยู่นี่ไง ไม่ได้ดั่งใจตรงไหน”
       ครองสุขหยุดกึก หันกลับมา “แค่แกถามฉันว่า เหนื่อยมั้ย หิวมั้ย ก็พอ แกเคยทำมั้ย”
       ทัศนีย์อึ้ง “มันหน้าที่ของลูกไม่ใช่หรือ”
       ครองสุขตอกหน้า “ก็ใช่นะสิ”
       ทัศนีย์ประชดส่ง “แต่นีเป็นแค่หลาน จำได้มั้ยคะคุณน้าสั่งนีเอง ว่าห้ามเรียกคุณน้าว่า...” ทัศนีย์ทำปากคำว่า แม่ แต่ไม่มีเสียง
       ครองสุขชักยัวะ “นี่แกอย่ามายอกย้อนกับฉันนะยัยนี ถึงฉันไม่ให้เรียก แต่ในใจแกก็ต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร”
       ทัศนีย์เถียงต่อ “แต่คนอื่นไม่รู้ ครูที่โรงเรียนไม่รู้ว่านีมีแม่ เพื่อนที่โรงเรียนไม่รู้ว่านีมีแม่” ทัศนีย์น้ำตาไหลแต่ไม่ยอมสะอื้น “นีถูกล้อทุกวันว่าไอ้ลูกไม่มีแม่” ตะโกนออกมา “จนตอนนี้นีก็ชินไปแล้วว่านีไม่มีแม่ ไม่มีแม่”
       
       ครองสุขพูดไม่ออกยืนนิ่ง ทัศนีย์กระแทกส้นเท้าเดินออกไป ครองสุขเสียใจจนอยากจะร้องไห้แต่พยายามกลั้นไว้

------------------------------------------------------------------------------

โปรดติดตาม "ปิ่นอนงค์" ตอนที่ 15

No comments:

Post a Comment