Sunday, July 22, 2012

ดูละครปิ่นอนงค์ ตอนที่ 19 Pin Anong 偷心俏冤家 19

>> ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 19 Pin Anong 19 (Chinese Sub)
ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 19 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์





ทางด้านปิ่นอนงค์นั่งพิงต้นไม้อยู่ในมุมปลอดคนที่ฟาร์มแพะ ปิ่นอนงค์เครียดจัด ใคร่ครวญครุ่นคิด ใหญ่ผูกม้าเสร็จแล้วเข้ามานั่งด้วย ขยับตัวเชยคางปิ่นอนงค์ให้หันมาหา       
       “เธอกล้ามากนะที่แอบเข้ามาที่นี่”
       “ก็คุณใหญ่ไม่ไปหาปิ่นนี่คะ”
       “อ้าว...แล้วใครเป็นคนห้ามชั้นล่ะ” ใหญ่ประชด
       “ปิ่นไม่ต่อปากต่อคำด้วยหรอก คนร้ายที่จอมไปจับตัวได้ เป็นฝีมือของคุณใหญ่ใช่มั้ยคะ”







       “แล้วจอมมันเชื่อมั้ย”
       “เชื่อค่ะ แต่คุณใหญ่เสี่ยงเกินไปที่ทำแบบนี้ ถ้าจอมจับได้ไล่ทัน แผนของเราทั้งหมดพังแน่ๆ”
       “มันจำเป็น เพราะจอมเค้าไม่เชื่อเรื่องผีชั้นเลยต้องใช้วิธีนี้พอจับคนร้ายได้จอมคงคิดว่า เรื่องทุกอย่างจบแล้ว”
       “ตอนนี้อรกับคุณนายก็มีเรื่องกันหนักขึ้นทุกวัน”
       “ก็ดีน่ะสิ ปล่อยให้ตีกันเอง เดี๋ยวก็มีอะไรแดงออกมาให้เรารู้เอง”
       ใหญ่ลุกยืนทำทีเป็นปัดกางเกงไปมา พูดไม่ยอมมองปิ่นอนงค์
       “ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย ทีหลังอย่ามาอีกนะ มันอันตราย เดือนหน้าค่อยเจอกัน”
       ใหญ่เดินไปแอบยิ้มไปที่ได้แกล้งเมียรัก แกะเชือกที่ผูกม้าเหลียวมามองปิ่นอนงค์ แต่ปิ่นอนงค์หายไปแล้ว ใหญ่สะดุ้ง หน้าตาเลิ่กลั่ก
       
       คืนนั้น...ปิ่นอนงค์สวมชุดนอน เตรียมตัวเข้านอนแล้ว แต่หน้าเครียด แอบมองตามหน้าต่าง ประตู รำพึงคนเดียว “คุณใหญ่ไม่มา ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ จะได้ปลอดภัย ฝันดีนะคะ”
       เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ไฟในห้องปิดแล้ว ปิ่นอนงค์นอนตะแคงหลับอยู่บนเตียง
       ใหญ่เข้ามากอดปิ่นอนงค์จากด้านหลัง จูบที่คอเบาๆ ปิ่นอนงค์ลืมตาตื่น ตั้งสติ ค่อยๆ เอามือหยิบเครื่องชอร์ตไฟฟ้าออกมาจากใต้หมอนเอี้ยวไปชอร์ตใหญ่ที่ต้นขา ประกายไฟแปล๊บๆ ใหญ่แน่นิ่งในความมืด
       ปิ่นอนงค์ลุกไปเปิดไฟ “คุณนะไม่มีสิทธิ์ทำกับปิ่น...” ค่อยๆ หันมา เห็นเป็นใหญ่นอนแผ่หลา
       ปิ่นอนงค์ตกใจรีบเข้าไปเขย่าตัวใหญ่ไปมา
       “คุณใหญ่ๆ ฟื้นสิคะ ปิ่นไม่ได้ตั้งใจ คุณใหญ่อย่าตายนะคะ คุณใหญ่ตายแล้วปิ่นจะอยู่กับใคร”
       ใหญ่นอนแน่นิ่ง ปิ่นอนงค์ซบที่อกใหญ่ สะอื้น ใหญ่ยิ้มลูบเรือนผมปิ่นอนงค์อย่างรักใคร่ ปิ่นอนงค์ดีดตัวลุก ตีใหญ่ไปมา
       “ตีให้ตายจริงๆ ด้วย”
       ใหญ่จับมือปิ่นอนงค์มากอบกุม “เธอนี่ร้ายจริงๆปิ่นอนงค์ ขาชั้นยังชาๆ อยู่เลย”
       ใหญ่ยันตัวนั่งพิงหัวเตียง
       “ปิ่นนึกว่าคุณนะมาปล้ำปิ่นอีก”
       ใหญ่ยิ้ม “แล้วมีดที่ชั้นให้ล่ะ อยู่ไหน นั่นล่ะปาดคอเสียบพุงตายแน่ๆ”
       “ปิ่นไม่ได้คิดจะทำร้าย คุณนะ ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
       ใหญ่หุบยิ้มทันควัน “แต่กับชั้นกะชอร์ตให้ตายไปเลยใช่มั้ย”
       ใหญ่ลุกปิ่นอนงค์ดึงรั้งเอาไว้กอดเอวใหญ่ ซุกหน้าที่ท้อง
       “ใครจะไปรู้ว่าเป็นคุณใหญ่ล่ะคะ ก็คุณใหญ่บอกว่าอีกเดือนถึงจะมาหาปิ่น”
       ใหญ่คุกเข่าสองมือจับแก้มปิ่นอนงค์ “โถ ยัยปิ่นปอดแหก พูดแค่นี้ก็เชื่อ แค่ไม่ได้เจอเธอวันเดียวชั้นก็แทบจะอยู่ไม่ได้แล้วรู้มั้ย มา...ขอกอดหน่อย คิดถึง”
       ใหญ่โถมตัวเข้ากอด ปิ่นอนงค์ดันออก จ้องหน้าใหญ่
       “คุณใหญ่ท่าจะบ้าไปแล้วจริงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ปิ่นตามไม่ทันจริงๆ”
       ใหญ่จับแก้มปิ่มอนงค์อีกครั้งยิ้มอย่างเอ็นดูรักใคร่ “พิษรักแรงหึงมันทำให้ผู้ชายบ้า ทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง ชั้นถึงได้ห่วงหวงเธอกลัวไอ้จอมกับทรรศนะจะมาวอแวไงล่ะ ปิ่นอนงค์”
       สองคนสบตากันอย่างลึกซึ้ง โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบกันและกันอย่างละมุนละไม
       
       เช้าวันต่อมาครองสุข ทัศนีย์ นั่งที่โต๊ะอาหารรออรสอางค์ พออรสอางค์ลงมา ครองสุขรีบลุกยิ้มแย้ม
       จิ๋ว กับน้อย รีบตักข้าว รินน้ำ
       ครองสุขจ๊ะจ๋าเหมือนไม่มีอัไรเกิดขึ้น “มาๆ นั่งเลย น้ากับยายนีรอหนูอร อยู่คนเดียวนี่แหละ”
       อรสอางค์หน้าคว่ำถามหาทรรศนะ “คุณนะหายไปไหนแต่เช้าคะ”
       “อ๋อ...ไปดูบริษัทรับเหมาของไอ้เอ๊ย...เสี่ยตง นะไม่ได้ไปหลายวันแล้ว เป็นผู้จัดการก็ต้องไปดูหน่อย”
       สามคนนั่งกินข้าวกัน ทัศนีย์ก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่มองหน้าใคร
       ครองสุขตักกับข้าวให้อรสอางค์อย่างเอาใจ “น้าต้องขอโทษหนูอรด้วย เรื่องเมื่อวันก่อน อย่าถือสาอะไรน้า...” น้อย จิ๋ว จัดอาหารเสร็จก็ออกไป “เลยนะ อย่างนี้แหละ เลือดจะไปลมจะมาอารมณ์แปรปรวน ธรรมชาติคนแก่ก็อย่างนี้แหละ”
       ครองสุขปรายตาแอบมองทัศนีย์แวบหนึ่ง
       “หนูก็อารมณ์ร้อนไปหน่อย ต้องขออภัยคุณน้าเหมือนกัน”
       ทัศนีย์ก้มหน้าตาไม่มองใคร ครองสุขหันไปเห็น
       “ยัยนี”
       ทัศนีย์สะดุ้งสุดตัว ช้อนหล่นจากมือ ครองสุขตะคอก “นี่ยัยนี เป็นอะไรของแกเรียกแค่นี้ทำเป็นตกใจ พูดคุยอะไร บ้างสิทำอย่างกับดอกพิกุลจะร่วง”
       อรสอางค์เห็นด้วย “ใช่ ดูแปลกไปนะทัศนีย์ แต่ก่อนเห็นเถียงคุณน้าฉอดๆ ไม่รู้เด็ก ไม่รู้ผู้ใหญ่”
       ทัศนีย์มองอรสอางค์อย่างเกลียดชัง รวบช้อนส้อม “ขอตัวคะ นีอิ่มแล้ว”
       ทัศนีย์ลุกออกไป “สงสัยต้องหาผู้ชายให้มันแต่งงานด้วยซะแล้ว จะได้หายเก็บกด”
       น้อยเข้ามาเก็บจาน และแก้วน้ำออกไป
       “จะหาอะไรให้ใครก็เชิญเถอะค่ะ แต่อย่าหาเมียน้อยมาให้สามีหนูก็พอ”
       ครองสุขยิ้มหวานใส่ “โถ...มีหลานสะใภ้แสนดีขนาดนี้จะไปหาผู้หญิงเน่าๆ ที่ไหนมาอีกล่ะจ๊ะ”
       อรสอางค์ยิ้มๆ พูดเบาๆ “ยังไงหนูก็ไม่ลืม ว่าคุณน้าทำอะไรไว้กับคุณใหญ่บ้าง”
       ครองสุขยิ้มตอกหน้า “ชั้นก็ไม่ลืม ว่าใครร่วมมือรู้เห็น เรื่องอะไรกับชั้นบ้าง”
       สองคนสบตาสู้กัน จิกตาร้ายใส่กัน จิ๋วเข้ามา อรสอางค์ลุก
       “ไปเดินย่อยอาหารกันเถอะพี่จิ๋ว เดี๋ยวกรดมันจะไหลย้อน”
       สองบ่าวนายออกไป ครองสุขมองตามเหยียดยิ้ม “ลาก่อน นังตัวดี”
       
       อรสอางค์เดินชมนกชมไม้อยู่ในมุมสวยๆ ในไร่ไพศาล บริเวณปลอดผู้คน จิ๋วตามติดต้อยๆ
       “พี่จิ๋วเคยเสียใจบ้างมั้ยคะที่ต้องมาจมปลักอยู่กับอร อย่าบอกนะว่าไม่เคย”
       จิ๋วยิ้มหลบตา “ก็มีบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่จิ๋วอยากให้คุณหนูของจิ๋วมีความสุขเวลาคุณหนูมีความสุขจิ๋วก็มีความสุขไปด้วย แต่รับรองได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจิ๋วไม่มีวันทิ้งคุณหนูของจิ๋วเด็ดขาด”
       ระหว่างนั้นสมุนเสี่ยตงขับรถเข้ามาจอดลงรถมาหาอรสอางค์ ในอาการพินอบพิเทา
       “มีธุระอะไรกับชั้น”
       “ก็ไม่เชิงครับ บังเอิญผมได้ยินคุณนะนัดแนะเจอกับปิ่นอนงค์”
       อรสอางค์หูผึ่ง ตาโต “ที่ไหน”
       สามคนสบตากัน
       
       ส่วนทัศนีย์นั่งเครียดอยู่ตรงสวนหย่อมหลังเรือนใหญ่ ครองสุขเดินชะเง้อชะแง้เข้ามา ทัศนีย์เห็นรีบลุกจะหนี
       ครองสุขเรียกไว้ “ยัยนี แกเป็นบ้าอะไรของแก หลบหน้าหลบตาชั้นตลอด”
       ทัศนีย์สะดุ้งถูกเรียก “คุณน้าอย่าทำอะไรนีเลยนะคะ นีไม่ได้พูด ไม่ได้บอกอะไร กับใครเลย”
       ทัศนีย์ยกมือไหว้ปลกๆ เนื้อตัวสั่น
       “ชั้นยังไม่ได้ว่าอะไรแกสักคำ ที่ตามหา เพราะจะชวนแกไปข้างนอกด้วยกันหน่อย”
       “ไม่ค่ะ นีไม่ไป”
       ครองสุขจับมือคะยั้นคะยอ “ไปเถอะน่า ไปทำผม นวดหน้าเสร็จแล้วก็เข้าห้างซื้อของกันหน่อย”
       ทัศนีย์สะบัดมือสุดแรงออกจากมือครองสุข
       “คุณน้าโกหก คุณน้าจะหลอกนีไปฆ่าเหมือนพ่อ เหมือนป้าอุ่น เหมือนธีระ ไม่...นีไม่ไป”
       ทัศนีย์ถอยกรูด ท่าทีผวา ครองสุข หน้าเสีย เข้าไปจับไหล่ทัศนีย์เขย่า
       “นี่แกเชื่อคำพูดที่ชั้นขู่แก ขนาดนี้เลยเหรอ”
       ทัศนีย์ร้องไห้ตัวสั่น “คุณน้าพูดจริงๆ คุณน้าไม่ได้ขู่ คุณน้าบอกว่า แม้แต่ลูกก็ฆ่าได้”
       ครองสุขอึ้ง ทัศนีย์ผลักครองสุข แล้ววิ่งหนีลับตัวไป
       ครองสุขเสียใจ เซไปทรุดนั่งที่เก้าอี้ ตาเหม่อลอย
       “นังลูกโง่ ชั้นจะฆ่าแกได้ยังไง”
       
       นางมารร้ายนั่งนิ่ง นึกสะท้อนใจ น้ำตาไหลรินอาบแก้ม

------------------------------------------------------------------------


  อรสอางค์กับจิ๋ว ยืนงงๆ อยู่ตรงบริเวณท้ายไร่ริมภูเขา ขณะที่สมุนเสี่ยขับรถกลับฝุ่นตลบ สองคนกวาดตามองรอบตัว ต่างเริ่มรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล
       
       “นี่มันพาเรามาที่ไหนพี่จิ๋ว ใครจะมานัดพบกันที่อย่างนี้”
       จิ๋วตั้งสติได้ รีบคว้าข้อมืออรสอางค์ “รีบไปกันเถอะค่ะ ท่าทางไม่ดีซะแล้ว”
       จิ๋วจูงอรรีบเดินไป รถเจิดกับก้านแล่นเข้ามาขวาง
       สองวายร้ายสวมหมวกไหมพรมพรางหน้าลงจากรถ ตรงเข้าฉุดอรสอางค์ขึ้นรถ
       “ปล่อย ปล่อยชั้น พี่จิ๋ว ช่วยด้วย” อรสอางค์ตกใจร้องลั่น
       ไวเท่าความคิดจิ๋วกระโดดพุ่งใส่เจิด ทุบตีพัลวันโดยไม่คิดชีวิต “ปล่อย ปล่อยคุณหนูเดี๋ยวนี้”
       ก้านตบจิ๋วเต็มแรงจนเซไป ก้านต่อยท้องซ้ำ จิ๋วทรุดร่วงลงไปกองคาพื้น
       “พี่จิ๋ว ช่วยอรด้วย ปล่อยๆ”
       ก้านขึ้นนั่งเป็นคนขับ เจิดล็อกคุมตัวอรสอางค์ไปนั่งข้างหลังด้วยกัน อรสอางค์ดิ้นรนขัดขืน
       พอก้านจะออกรถ จิ๋วโผล่พรวดมาที่ข้างหน้าต่างคนขับ กำพวงมาลัยรถแน่นกะสู้ตาย
       ก้านขับรถเคลื่อนออกไป ทุบหน้าจิ๋วไป จิ๋วเลือดปากและจมูกออกเลอะเทอะ
       จังหวะนั้นเองใหญ่มุดแนวไม้มาเห็นเข้าก็ตกใจ
       ก้านโมโหชักปืนกดใส่ท้องจิ๋ว ยิงเปรี้ยง อรสอางค์ร้องกรี๊ด
       ร่างจิ๋วหลุดจากพวงมาลัยหายไป พร้อมๆ กับรถทะยานวิ่งไปฝุ่นตลบ
       ใหญ่วิ่งเข้ามาหาจิ๋ว ประคองหัวจิ๋วในอ้อมแขน
       “พี่จิ๋ว ใครเป็นคนทำ ใครเป็นคนทำบอกผม”
       นาทีสุดท้ายของชีวิต จิ๋วขยุ้มเสื้อใหญ่ตรงหน้าอก สบตากัน “คุ...คุณใหญ่ ชะ...ช่วย คุณหนูด้วย”
       พูดได้เพียงเท่านั้นจิ๋วก็สิ้นใจทันที ใหญ่ตะลึงตาค้าง
       
       ระหว่างนั้นคนงานวิ่งกันมาอีกทาง ใหญ่รีบวางร่างไร้วิญญาณของจิ๋วลงกับพื้นอย่างแผ่วเบา จากนั้นใหญ่ก็รีบวิ่งมุดแนวไม้เดิมหายไป ยินเสียงคนงานตะโกนขึ้น
       “เฮ้ย โทร.แจ้งตำรวจเร็ว”
       คนงานวิ่งมาทางจิ๋วกัน หนึ่งในนั้นกดโทรศัพท์
       
       ครองสุขยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าเรือนใหญ่ ปิ่นอนงค์ น้อย และหวานยืนร้องไห้อยู่กันอีกมุม
       จอมขับรถกระบะเข้ามา คนงานอยู่หลังรถหน้าตื่น จอมจอดรถ เดินเข้ามามาหาครองสุข
       “พรุ่งนี้เย็นๆ ถึงเอาศพพี่จิ๋วออกจากโรงพยาบาลได้ครับตอนนี้จองวัดได้แล้ว”
       “ก็จัดไปตามสมควรก็แล้วกัน เห็นจิ๋วเคยพูดว่าไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีกแล้ว” ครองสุขบอก
       “พรุ่งนี้ตำรวจนัดจะมาสอบปากคำคนของเราด้วย” จอมว่า
       ครองสุขตกใจ “อะไรนะ ใครแจ้งตำรวจ”
       จอมเหลือบตาไปทางคนงาน “คนตายอย่างนี้ก็ต้องแจ้งตำรวจอยู่แล้วครับ พวกคนงานที่ไปเจอพี่จิ๋ว เป็นคนแจ้ง”
       ครองสุขหงุดหงิดหันไปตะเพิดกลุ่มปิ่นอนงค์ “ไปๆ พาพวกมันไปทำงานกันได้แล้ว แล้วนี่พวกแกจะร้องไห้ทำมันกันนักหนา นังจิ๋วมันเป็นญาติฝ่ายไหนของพวกแก”
       “คุณนายไม่เคยมีเพื่อนเหรอคะ เวลาเพื่อนตายเค้าไม่หัวเราะกันหรอกค่ะ” น้อยเหลืออด
       “อีน้อย อีปาก...”
       ปิ่นอนงค์จับแขนน้อยดันไปหาหวาน พูดขึ้นเอง “ตำรวจรู้แค่พี่จิ๋วถูกยิงตาย เราแจ้งความเรื่องคุณอรหายตัวไปด้วยไม่ดีเหรอคะ”
       “นังโง่ พวกมันจะได้ฆ่านังอรทิ้งน่ะสิ จับตัวไปอย่างนี้มันต้องการเงินค่าไถ่แน่”
       เสียงโทรศัพท์ครองสุขดัง ครองสุขกดรับสาย นิ่งฟัง 10 วินาที
       จากนั้นครองสุขเล่นละครทำทีเป็นตกใจ ตาโต
       “สามล้าน ชั้นไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก
       ครองสุขกดวางสายทำหน้าตื่นเต้น
       
       ครองสุขนั่งยิ้มคิดแผนชั่วอยู่ในห้องทำงาน
       ทรรศนะเปิดประตูเข้ามาหน้าตื่น ยื่นสมุดบัญชีธนาคารให้ครองสุขบนโต๊ะ
       “ผมโอนเงินบริษัทรับเหมามาแล้ว ไถ่ตัวอรได้เลยครับ”
       “ไถ่ทำไม นี่มันเงินของเรานะ”
       “งั้นเอาบัญชีมา ผมจะไปไถ่ตัวอรเอง มันจะติดต่อมาอีกเมื่อไหร่ครับ ขืนช้าไป มันอาจจะฆ่าอรได้นะครับ”
       “ใจเย็นๆ ตานะ เรื่องนี้ให้พ่อแม่หนูอรเค้าจัดการเองดีกว่า”
       “ทำไมคุณน้าดูไม่ห่วงอรเลย หรือว่าเรื่องนี้คุณน้า...”
       ครองสุขชี้หน้าทรรศนะ “อย่าพูดนะ น้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วย อยู่ดีไม่ว่าดี ไปเดินตามป่าตามเขาทำไมก็ไม่รู้ หาเรื่องใส่ตัวเอง”
       ทรรศนะมองอย่างสงสัยแวบหนึ่ง ครองสุขทำไม่สนใจ
       
       ที่เพิงพักในฟาร์มแพะ ปิ่นอนงค์ ใหญ่ ถวิล ปานเทพ เปี๊ยก หวาน และน้อย นั่งถกกันเครียด
       “คุณนาย บอกไม่รู้ไม่เห็น ไม่ยอมช่วยเหลืออะไรด้วย คุณหญิงแม่คุณอรจะมาช่วยคุณอรเองค่ะ”
       “เลือดเย็นจริงๆ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาไถ่ตัว บ้านก็ล้มละลายอยู่ไม่ใช่เหรอ”
       “คุณอรไม่เหลือใครอีกแล้วนะคะ”
       เห็นใหญ่ใคร่ครวญครุ่นคิด ปานเทพเอ่ยขัดขึ้น “ปล่อยๆ ไปเถอะ ให้กรรมตามสนองพวกมันบ้าง พวกมันมีส่วนให้พ่อชั้นต้องทุกข์ทรมาน อยู่ในคุก”
       “แล้วจะปล่อยให้คุณอรต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายคนเดียว โดยพวกเรานั่งดูเฉยๆ เหรอคะ”
       ถวิลห้าม “พอแล้วปิ่น พวกเธอกลับไร่ไปเถอะ ที่ผ่านมาคุณใหญ่ยังลำบากไม่พออีกเหรอ”
       ใหญ่ลุกไปเกาะรั้ว “แต่ถ้าคดีนี้ทำให้อรสอางค์แฉคุณนายได้ เราก็อาจจะไม่ต้องเหนื่อยกันอีก”
       ใหญ่ครุ่นคิด หมู่มวลมองใหญ่จะเอายังไงต่อไป
       
       วันต่อมาปรางทิพย์พาตัวเองมาอยู่ที่โถงเรือนใหญ่ตามนัด คุณหญิงร้องไห้ มองครองสุขที มองทรรศนะที อย่างน้อยใจ
       “ชั้นกู้เงินมาช่วยลูกชั้น มาคนเดียวอย่างที่ตกลงกันไว้”
       ครองสุขยื่นกระดาษจดแผนที่ให้ “จุดนัดหมายที่พวกมันให้มา แต่ดิชั้นกับตานะ คงไม่ไปด้วยหรอกนะคะ เดี๋ยวจะพลาดท่าเสียทีไปด้วย เราจะเตรียมพร้อมคอยช่วยเหลืออยู่ที่นี่”
       ปรางทิพย์รับแผนที่กระดาษแล้วออกไป
       
       ทรรศนะรีบลุกจะตามไป ครองสุขคว้าข้อมือรั้งไว้ ทำตาดุใส่

-------------------------------------------------------------------------------


 คุณหญิงปรางทิพย์เดินมาที่รถข้างเรือนใหญ่ เปิดประตู ปิ่นอนงค์โผล่เข้ามาหา
       
       “เดี๋ยวค่ะคุณหญิง ปิ่นไปด้วย ปิ่นพอจะรู้พื้นที่แถวนี้บ้าง”
       ปรางทิพย์งงๆ “เธอ ปิ่นอนงค์ เธอมันศัตรูหัวใจของลูกอรนี่ เธอคงไม่คิดจะช่วยลูกอรจริงๆ หรอกนะ”
       “แล้วคุณหญิงตัวคนเดียว คิดว่าจะช่วยคุณอรได้เหรอคะ จะมีผู้ร้ายสักกี่คนที่ยอมปล่อยตัวประกันง่ายๆ คุณหญิงไม่มีทางเลือกแล้วนะคะ”
       ปรางทิพย์ชั่งใจ “แค่เธอกับชั้นสองคน เธอไม่กลัวเหรอปิ่น”
       ปิ่นอนงค์ส่ายหน้า แววตามุ่งมั่น “คุณอรจะต้องปลอดภัยค่ะ”
       
       ขณะเดียวกันครองสุขอยู่ที่หลังเรือนใหญ่ ถือโทรศัพท์แนบหู เหลียวดูไปมา สั่งเสียงเหี้ยม
       “ฆ่ามันให้หมด ทั้งแม่ทั้งลูก”
       
       ด้านนอก ใหญ่ ปานเทพ ถวิล เปี๊ยก ใช้ผ้าขาวม้าพันหน้าพันหัว พรางตัว ซุ่มรออยู่
       ส่วนในโรงนาร้าง เจิดกะก้านใช้หมวกไหมพรมคลุมหน้า ส่วนรถถูกพรางด้วยฟางปิดสนิท
       ปิ่นอนงค์ถือถุงเงิน เดินตามคุณหญิงปรางทิพย์เข้ามาในโรงนาร้าง
       เจิดก้าน จับแขนอร คนละข้างออกมา “ลูกอร”
       “แม่”
       “เอาเงินไป ปล่อยคุณอรได้แล้ว”
       ปิ่นอนงค์โยนถุงเงินไปที่พื้นตรงหน้าก้าน
       เจิดกะก้าน ปล่อยอรสอางค์ แม่ลูกวิ่งเข้ากอดกันกลมด้วยความดีใจ
       เจิดหยิบถุงเงิน จากนั้นไปยืนกับก้าน พยักหน้าให้กัน เจิด และก้าน ชักปืนออกมามองอรสอางค์กับปรางทิพย์
       ปิ่นอนงค์นึกรู้ทันทีว่าสองคนจะถูกฆ่าปิดปาก จึงวิ่งถลาไปขวางสองแม่ลูก
       “เดี๋ยว ปล่อยพวกเค้าไป จับชั้นแทน พวกนายได้สองต่อ ชั้นเป็นเมียคุณใหญ่ ค่าตัวชั้นคือไร่ไพศาลคิดดูดีๆ”
       เจิด ก้าน มองหน้ากันลังเล เจิดจะยิง ก้านจับมือเอาไว้
       จู่ๆ ระเบิดไร้สะเก็ดก็ถูกโยนกลิ้งลงพื้นสองลูก เจิดกะก้าน ตกใจ ปิ่นอนงค์สบโอกาสหันไปรวบอรสอางค์กับปรางทิพย์หลบลงกับพื้น
       ระเบิดดังตูมๆ แสงแว๊บๆ พวกใหญ่โผล่คนละมุม ถือปืนพร้อมกระชับในมือ
       เจิดกับก้าน ช่วยกันยิงใส่ พลางถอยหลบพวกใหญ่ที่ยิงสวน จังหวะหนึ่งนั้นถุงเงินหล่น ก้านทำท่าจะก้มเก็บถุงเงิน ใหญ่ยิงกันฝุ่นกระจายรอบถุงเงิน
       ปานเทพตะโกนก้อง “จับเป็น เอาไว้เป็นพยาน”
       เจิดกะก้าน ควักระเบิดควันโยนตูม ควันกระจายคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ใหญ่เข้าประคองปิ่นอนงค์ เปี๊ยกเข้าช่วยบัง
       ถวิลกับปานเทพปัดควัน ปิดจมูก และปาก เจิดกับก้าน ขับรถทะลุกองฟางออกไป
       
       อรสอางค์นั่งอยู่กับแม่ อรสอางค์จับแขนปิ่นอนงค์ จดจ้องมองใหญ่ซึ่งเวลานี้เปิดหน้าเปิดตาแล้ว อย่างคาดไม่ถึง
       ใหญ่ยิ้มน้อยๆ “ผมเองครับ ไม่ใช่ผี ผมยังไม่ตาย”
       “คุณรีบไปแจ้งความดีกว่า งานนี้ไม่ยากหรอก มันฆ่าพี่จิ๋วในไร่จับคุณมาจากในไร่ ในไร่มีแต่ลูกน้องเสี่ยตงทั้งนั้นจับมาสักคนรับรอง มันซัดทอดถึงคนบงการแน่” ปานเทพบอก
       อรสอางค์อ้ำอึ้ง “อย่าดีกว่าค่ะ อรไม่อยากให้มันเดือดร้อนวุ่นวายไปมากกว่านี้ แค่อรกับคุณแม่ปลอดภัยก็พอแล้ว”
       คุณหญิงปรางทิพย์มองใหญ่อย่างซึ้งใจ “ขอบคุณนะ คุณใหญ่ ขอบคุณทุกคน”
       อรสอางค์ประคองแม่ลุกยืน ปิ่นอนงค์เอ่ยขึ้น
       “คุณปาน จัดคนขับรถให้แล้วค่ะ คุณหญิงกับคุณอรจะได้นั่ง สบายๆ”
       
       ทุกคนอยู่ข้างนอกโรงนา คนขับรถเปิดประตูให้ปรางทิพย์ ปิ่นอนงค์ไหว้ลา คุณหญิงเข้าไปในรถแล้ว คนขับขึ้นรถตามสตาร์ทเครื่องรอ อรสอางค์เดินมาจับมือปิ่นอนงค์อย่างคนสำนึกผิด
       “ขอโทษปิ่นกับคุณใหญ่ด้วย อรเป็นคนตัดสายเบรกรถเอง” อรสอางค์สารภาพออกมาเอง
       ปิ่นอนงค์ชะงักเล็กๆ “อรรู้เห็นกับคุณนายทำร้ายปิ่น ทำร้ายคุณใหญ่ อรไม่กล้าแจ้งความหรอก อรขี้ขลาด อรละอายใจ”
       “แล้วคุณอรไม่อยากเอาผิดคนที่มีส่วนร่วมในการฆ่าพี่จิ๋วเหรอค่ะ”
       สองคนสบตากันนิ่งงัน
       
       ขณะที่รถแล่นมาตามทาง คุณหญิงปรางทิพย์กอดอรสอางค์ที่ซบอยู่ไหล่ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ คุณหญิงปลอบลูกสาว
       “อย่าร้องลูก เราจะกลับบ้านกัน คุณพ่อรออยู่”
       “พาพี่จิ๋วกลับบ้านด้วยนะคะ
       อรสอางค์น้ำตาไหลรินเป็นทาง นึกถึงเรื่องที่คุยกับปิ่นอนงค์เมื่อไม่นาน
       
       ที่ข้างรถหน้าโรงนาอรสอางค์จับมือปิ่นอนงค์คร่ำครวญหวนไห้แต่เรื่องทรรศนะไม่เลิก
       “ทำไมคุณนะไม่มาช่วยอร คุณนะใจร้ายกับอร อรไม่เหลือใครอีกแล้ว”
       “ไม่จริงหรอกค่ะ คุณอรลองดูดีๆ สิคะ คุณอรยังมีคุณพ่อคุณแม่ ที่รักคุณอรมาก มันมีค่ากว่าความรักจากผู้ชายคนเดียวนะคะ”
       
       อรสอางค์ดึงตัวเองกลับมา สะท้อนใจในคำพูดเตือนสติของปิ่นอนงค์ เหลือบมองหน้าแม่ ปรางทิพย์จับมือลูกสาวอย่างห่วงใย
       อรสอางค์สำนึกแล้วยกมือไหว้ “อร ขอโทษนะคะแม่
       ปรางทิพย์รั้งตัวอรสอางค์มากอด อรสอางค์ขยับตัวมานอนหนุนตักแม่
       ปรางทิพย์ลูบเรือนผมลูกสาวอย่างอ่อนโยน สองคนยิ้มให้กัน ผ่องถ่ายความรักความห่วงใยให้แก่กัน
       อรสอางค์ยิ้มเยื้อน ค่อยๆ เลื่อนตัวลง กลายเป็นเจ็บปวด “โอ๊ย แม่ อร อรปวดท้อง”
       “เป็นอะไรลูก อร”
       อรสอางค์กุมท้องน้อยบิดตัวไปมา ก่อนจะยกมือมาดู เห็นมือเลอะเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน สองแม่ ลูกตกใจ
       
       ใหญ่ยืนทอดสายตามองทิวทัศน์ภูเขาเบื้องหน้านิ่งอยู่ ปิ่นอนงค์เดินเข้ามา ใหญ่ยิ้มให้โอบไหล่ให้มายืนเคียงกัน
       “เค้าไม่แจ้งความ เราก็เหนื่อยเปล่า แต่อย่างน้อยก็ได้ช่วยคน ไม่ต้องมีใครตายอีก” ใหญ่เปรย
       “คุณอรเธอบอบช้ำจนไม่มีกำลังใจทำอะไร คุณใหญ่ต้องเห็นใจเธอบ้างนะคะ”
       เห็นปิ่นอนงค์กลั้นก้อนสะอื้น น้ำตาไหล ใหญ่ตกใจ
       “อ้าว...เธอร้องไห้ทำไมปิ่นอนงค์”
       “ปิ่นสงสารคุณอรค่ะ”
       ใหญ่จับปิ่นอนงค์หันมา สวมกอดอย่างรักใคร่ “ยัยเด็กโง่...เธอจะสงสารคนทั้งโลกเลยหรือยังไงคนเราก็เหมือนกับเรือที่ลอยอยู่กลางทะเล ไม่รู้จะเจอมรสุมเข้าวันไหน แต่ที่แน่ๆ ต้องเจอกับมันทุกคน อยู่ที่ว่าจะประคองเรือเข้าฝั่งได้ยังไง เหมือนอย่างชั้นถ้าไม่ได้เจอเธอ ตอนนี้ก็คงนั่งอยู่ในคุก เพราะฆ่าคนตาย”
       “ถ้าปิ่นไม่ได้เจอคุณใหญ่ ป่านนี้ก็คงแต่งงานมีลูก มีครอบครัวเหมือนชาวบ้านแถวนี้ไปแล้ว”
       ใหญ่ทำหน้าดุใส่ พลางดันปิ่นอนงค์ออกจากตัวจดจ้องหน้า “ใคร มันเป็นใคร พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็ปล้ำซะเลย”
       “ถึงขนาดนี้แล้ว ยังคิดจะใช้กำลังปลุกปล้ำกันอีกเหรอคะ โรคจิต”
       “ใช่ฉันเป็นโรคจิต ชอบจูบเมีย”
       ใหญ่ดึงปิ่นอนงค์มาระดมจูบ อีกฝ่ายหัวเราะขำคิกคัก
       
       น้อยยกจานขนม น้ำชา มาให้ครองสุขที่โถงเรือนใหญ่
       โทรศัพท์มือถือดัง ครองสุขรับสาย เสียงเจิดรายงาน “มีคนมาช่วยมันครับ หนีไปได้ทั้งแม่ทั้งลูก”
       ครองสุขกดวางสาย พึมพำ “ต้องให้ลงมือเองทุกเรื่อง”
       ระหว่างนั้นน้อยเข้ามาใกล้ท่าทีนอบน้อม “อะไรของแกนังน้อย”
       น้อยชี้ไป ตำรวจเดินเข้ามา ครองสุขชะงัก แล้วรีบทำหน้าเฉย
       “ผมมาขอสอบปากคำ เรื่องเรียกค่าไถ่ครับ”
       ครองสุขสีหน้าเจื่อน ลุกช้าๆ ทรรศนะถลาเข้ามาหน้าตื่น ครองสุขหันขวับเซ็งทรรศนะ
       “ผมเป็นคนโทร.ไปแจ้งเหตุเองครับ มีความคืบหน้าอะไรบ้างมั้ยครับ”
       “ชาวบ้านได้ยินเสียงปืนกับระเบิดแต่ในที่เกิดเหตุไม่พบใครเลยครับผมสงสัยว่าเรื่องยิงกันตาย กับเรื่องเรียกค่าไถ่มันจะเกี่ยวเนื่องกัน ขอความร่วมมือด้วยนะครับ” ตำรวจบอก
       “ได้ค่ะ ได้เลย เหตุก็เกิดในไร่ ลูกสะใภ้ก็ยังไม่รู้ชะตากรรม” น้ำเสียงครองสุขจริงใจมาก “อย่างนี้เราให้ความร่วมมือทุกอย่าง ขอให้คุณตำรวจลากคอคนร้ายมาให้ได้ก็แล้วกัน”
       
       ทางด้านทรรศนะอยู่ในอาการเมามาย นั่งโจ้เหล้าอยู่ที่หน้าเรือนคนงานคนเดียว ปิ่นอนงค์เข้ามา มองทรรศนะอย่างเบื่อหน่าย
       สักครู่หนึ่งปิ่นอนงค์จะเดินหนี ทรรศนะเรียกไว้
       “เดี๋ยวปิ่น อย่าเพิ่งไป”
       “ยังมีอารมณ์มานั่งดื่มเหล้าอีกเหรอคะ”
       “ก็พี่เป็นห่วงอร ไม่รู้ว่าอรเป็นยังไงบ้าง”
       “คุณนะเป็นห่วงคุณอรด้วยเหรอคะ”
       “ก็...ก็คุณน้าไม่ให้พี่ไป พี่จะทำยังไงได้”
       “คุณนะโตแล้วนะคะ ถ้าเราห่วงใครสักคน ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่มีทางห้ามเราได้”
       ทรรศนะโมโห “อย่ามาพูดกับพี่แบบนี้”
       “ปิ่นต้องพูด ปิ่นไม่ได้โกรธแทนคุณอรแต่ปิ่นควรจะพูดกับคุณนะอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ตอนที่ปิ่นโดนคุณใหญ่จับตัวไปคุณนะก็ทำแบบนี้ เอาแต่หลบอยู่ข้างหลังปัญหา แล้วทิ้งปิ่นสำหรับปิ่นไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็แค่ผิดหวัง แต่คุณอรเธอเป็นภรรยาคุณนะ คุณเป็นสามีภรรยากันทิ้งกันอย่างนี้ไม่ได้นะคะ”
       “ก็พี่ไม่เคยรักเค้า”
       “ไม่รัก แล้วไม่มีแม้แต่ความผูกพันหรือเยื่อใยสักนิดเลยเหรอคะ”
       ทรรศนะลุกกวาดข้าวของบนโต๊ะ “พี่ไม่ใช่คนใจดำขนาดนั้น พี่ก็เสียใจ พี่ก็ห่วงเค้า”
       “อย่าดีแต่พูด พิสูจน์สิคะ คุณอรกลับไปบ้านที่กรุงเทพฯ แล้ว เธอปลอดภัยดีค่ะ”
       ปิ่นอนงค์เดินจากไปทางเรือน ทรรศนะ นิ่งคิด
       
       ทรรศนะยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าสะพายกลวกๆ ยกกะเป๋าขึ้นสะพายจะออกจากห้องไป
       ครองสุขเดินเข้ามา “จะไปไหนทรรศนะ”
       “ผมจะไปหาอร อรบอก อรกลับไปบ้านที่กรุงเทพฯแล้ว”
       ครองสุขหรี่ตามอง “ไม่ต้องไป จะไปให้มันเป็นเรื่องขึ้นมาหรือยังไง ถ้ามันกลับมาที่นี่อีก มันต้องมาคาดคั้นให้รู้ว่าใครฆ่านังจิ๋วแน่ๆ”
       ทรรศนะตกใจชี้หน้าครองสุข “นี่ฝีมือคุณน้าอีกแล้วใช่มั้ย คุณน้าให้คนมาจับอร แล้วฆ่าพี่จิ๋ว”
       “น้าไม่ได้ทำ น้าไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกแล้ว”
       ครองสุขหันตัวจะไป ทรรศนะดึงแขนจับหมุนตัวครองสุขกลับมาหา พูดใส่หน้า
       “ผมไม่เชื่อ”
       ครองสุขน้อยใจนิดๆ ก่อนจะพูดประชดออกไปเสียงกร้าว “ไม่เชื่อก็ช่าง งั้นก็หาหลักฐานมาสิ ขนาดตำรวจซักชั้นขี้แตกขี้แตนยังจับผิดอะไรชั้นไม่ได้”
       “คุณน้า คุณน้าทำเกินไปแล้วจริงๆ” ทรรศนะโวย
       ครองสุขโวยวาย “เอ๊ะ...ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ”
       สองแม่ลูกสบตาจ้องกันเขม็ง ครองสุขค่อยๆ ตาอ่อนลง
       “หรือถ้าน้าจะทำ ก็ทำเพื่อนะ เพื่อลูก มันผิดด้วยเหรอ เอาล่ะ...ตอนนี้นะก็โสดแล้ว จะรักใครชอบใครก็ไม่มีคนมาขวางอีกแล้ว อยากจะทำอะไรก็รีบๆ ทำซะ”
       ครองสุขออกไป ทรรศนะนั่งนิ่งอยู่กับความรู้สึกสับสนในใจตัวเองทั้งโกรธและรู้สึกผิด
       
       ทรรศนะเขวี้ยงกระเป๋าทิ้งลงบนเตียง ทรุดตัวลงนั่งขยุ้มหัว ก้มหน้านิ่ง

------------------------------------------------------------------------------------


ค่ำคืนนั้นใหญ่กับปิ่นอนงค์ยืนหลบมุมคุยกัน เรื่องที่เกิดกับอรสอางค์จนทำให้จิ๋วเสียชีวิตอยู่หลังเรือนคนงาน        
       “ตำรวจทำอะไรคุณนายไม่ได้เลยหรือคะ”
       “ไอ้ปานมันว่าจับมือใครดมไม่ได้ แถมหลักฐานอะไรก็ไม่มี ตำรวจก็ทำได้แค่สอบปากคำ แล้วตามสืบต่อเท่านั้น”
       
       ไกลออกไปจากหลังเรือน ทรรศนะเดินตรงมา เห็นด้านหลังของใหญ่ไม่ชัด เพราะมีต้นไม้บังอยู่ แต่เห็นจากไกลๆ ว่าใหญ่กอดปิ่นอนงค์ ทรรศนะหึงจัดคิดว่าเป็นจอม จึงวิ่งตรงไปหาอย่างเร็วรี่
       “ไอ้จอม”
       โชคดีที่จังหวะนั้นปิ่นอนงค์มองไปเห็นทรรศนะที่วิ่งตรงเข้ามาก่อนจึงตกใจ ใหญ่เหลียวไปมองตาม
       “คุณนะ” แล้วปิ่นอนงค์หันไปพูดกับใหญ่เร็วๆ “รีบไปค่ะ”
       ใหญ่วิ่งหนีไปอย่างไว ทรรศนะวิ่งมาถึงก็ไม่เจอแล้ว “นั่นมันไอ้จอมใช่มั้ย”
       ปิ่นอนงค์อึกอัก ทรรศนะโมโห “ไหนปิ่นว่าไม่ชอบมันไง แล้วทำไมไปให้มันกอดปิ่นล่ะ”
       ปิ่นอนงค์รีบเปลี่ยนเรื่อง “คุณนะต้องไปหาคุณอรไม่ใช่หรือคะ ทำไมยังไม่ไป”
       ทรรศนะดันโวยวายหนักหาว่าปิ่นอนงค์ไล่ พร้อมกับจับสองแขนปิ่นอนงค์เขย่าอย่างแรง
       “ปิ่นพยายามไล่พี่ไปหาอร เพราะอย่างนี้นี่เอง พี่ไม่ยอมเสียปิ่นให้กับไอ้ขี้เรื้อนนั่น ปิ่นต้องเป็นของพี่”
       ทรรศนะจะปล้ำจะจูบ แต่ถูกปิ่นอนงค์ผลักออกแล้วตบหน้าทรรศนะสุดแรง ทรรศนะอึ้ง กุมแก้ม
       “สิ่งที่คุณนะทำมันสูงส่งกว่าคำว่าไอ้ขี้เรื้อนตรงไหน”
       ทรรศนะตะโกนใส่ปิ่น “แต่พี่รักปิ่น”
       ปิ่นอนงค์พูดเสียงแข็ง “คุณนะจะบอกรักคนทั้งโลก ก็คงไม่มีใครไปห้ามคุณนะได้เพราะหัวใจเป็นของคุณนะ แต่ต้องไม่ลืม หน้าที่ของสามี”
       ปิ่นอนงค์โกรธมากเดินหนีกลับเรือนคนงาน ทรรศนะทั้งโมโหทั้งผิดหวัง
       
       เช้าวันต่อมา ครองสุขเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร เห็นน้อยกำลังเช็ดโต๊ะอาหาร
       “แกเห็นคุณนะมั้ย ไปดูที่ห้องสิ ตื่นหรือยัง”
       “หนูเพิ่งเข้าไปเก็บกวาดห้องคุณนะมา ที่นอนงี้เรียบกริ๊บเหมือนคุณนะไม่ได้มานอนเลย”
       ครองสุขถอนหายใจ “คงหลบไปกินเหล้าอีกตามเคย แล้วนังปิ่นล่ะ ยังไม่มาทำงานอีกหรือ ไม่เห็นหน้ามันเลย”
       น้อยใจไม่ดีกลัวครองสุขสงสัยปิ่นอนงค์
       
       ปิ่นอนงค์อยู่ในห้องทำงานครองสุข กำลังไล่ค้นหาหนังสือทีละเล่มเผื่อมีจดหมายสอดเก็บไว้
       ปิ่นอนงค์เจอกระดาษแผ่นหนึ่งสอดไว้ดีใจมาก รีบเปิดออกอ่าน ปรากฏว่าไม่ใช่
       “เฮ้อ นี่ก็ไม่ใช่”
       ปิ่นอนงค์คิดใคร่ครวญ พยายามนึกถึงอดีต จู่ๆ ปิ่นอนงค์เบิกตา จำเรื่องบางอย่างได้
       
       วันนั้นในห้องทำงานไพศาล ครองสุขสวมชุดดำไว้ทุกข์ หันไปทางอุ่นเรือนกับปิ่นปิ่นอนงค์ แล้วชี้ไปที่กล่องเอกสาร และกล่องข้าวของ ของไพศาล 3-4 กล่องบนพื้น
       “นังอุ่น ยกของๆ คุณไพศาลไปที่ห้องเก็บของให้หมด คนก็ตายไปแล้วจะเอามาตั้งอยู่ทำไมให้เกะกะ”
       อุ่นเรือนไปยก ปิ่นอนงค์รีบไปช่วยแม่
       
       พอนึกได้ปิ่นอนงค์รีบร้อนออกจากห้องทำงานครองสุข ตรงไปที่ห้องเก็บของอย่างรีบเร่ง โดยไม่ทันเห็นทรรศนะเดินเมามาย เซไปเซมา มือถือขวดเหล้า เพ่งมองไปข้างหน้า
       ทรรศนะเห็นปิ่นอนงค์ยืนอยู่หน้าห้องเก็บของ กำลังเปิดประตู ท่าทางมีพิรุธ ปิ่นอนงค์ผลุบเข้าห้องหายไปต่อหน้า
       
       ทรรศนะสงสัย เดินเซตามไป

---------------------------------------------------------------------------------------
ภายในห้องเก็บของ ปิ่นอนงค์กวาดตาหากล่องเอกสาร เห็นวางซ้อนกันอยู่ รีบยกลงมา ปิ่นอนงค์ลงนั่งยองๆ รื้อค้นกล่องที่ใส่เอกสารเป็นกระดาษ        
       จู่ๆ ประตูห้องเปิดออกอย่างแรงดังผัวะ ปิ่นอนงค์สะดุ้งเฮือกลุกยืน ทรรศนะยืนกึ่มๆ อยู่หน้าประตูมองจ้องปิ่นอนงค์เขม็ง
       “คุณนะ”
       ทรรศนะเดินเมาเข้ามา ส่งเสียงอ้อแอ้ “ปิ่นเข้ามาอยู่ในนี้ทำไม เข้ามาทำอะไร”
       “คือปิ่น ปิ่นเอาของที่ไม่ใช้แล้วเข้ามาเก็บค่ะ”
       “พี่ไม่เชื่อ พี่เห็นปิ่นเดินเข้ามามือเปล่า”
       ทรรศนะจ้องหน้าปิ่นอนงค์ ลุ้นระทึกว่าจะโดนจับได้ ทรรศนะเข้าไปจับแขนปิ่นอนงค์ลากไป
       “ไปกับพี่ ไปหาคุณน้าด้วยกัน”
       ปิ่นอนงค์ตกใจ ยื้อไว้สุดตัว “อย่านะคะ ปิ่นไม่ได้ทำอะไร อย่าพาปิ่นไปหาคุณนายเลยค่ะ”
       “ไอ้จอมมันเป็นคนของคุณน้า พี่ต้องให้คุณน้ารู้ว่ามันกล้านัดกับปิ่น แอบมาทำเรื่องบัดสีบนเรือนนี้”
       ปิ่นอนงค์เบิกตาโพลง โล่งใจที่นะไม่ได้สงสัยเรื่องที่นึกกลัว ทรรศนะเขย่าแขนปิ่นอนงค์สุดแรง
       “ปิ่นกำลังรอมันอยู่ใช่มั้ย ปิ่นทำกับพี่แบบนี้ได้ยังไง”
       ปิ่นอนงค์ถอยหลังชนชั้นวางของด้านหลังอย่างแรง จนทั้งชั้นสะเทือน
       สองคนไม่รู้ว่ากล่องเหล็กใส่เครื่องมือช่างที่อยู่ชั้นบนสุด หมิ่นเหม่ใกล้ตกเพราะโดนแรงสะเทือนเมื่อครู่
       ทรรศนะร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเสียใจ ปิ่นอนงค์รีบปลอบจับมือทรรศนะกุมไว้
       “คุณนะใจเย็นๆ แล้วฟังปิ่นนะคะ คุณนะกำลังเมา ก็เลยคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าปิ่นนัดกับจอม ปิ่นเอาของมาเก็บจริงๆ”
       จังหวะนั้นทรรศนะเหลือบตาขึ้นไปที่ชั้นวางของข้างหลัง เห็นกล่องเหล็กใส่เครื่องมือช่างที่ชั้นด้านบนสุดจะตกใส่ปิ่นอนงค์ ทรรศนะร้องลั่น
       “ปิ่น ระวัง”
       ทรรศนะจับปิ่นอนงค์ให้ก้มลง เอาร่างตัวเองบังไว้ กล่องเหล็กหล่นใส่หลังทรรศนะเต็มๆ
       ทรรศนะร้อง “โอ๊ย” ออกมาอย่างเจ็บปวด แล้วกลิ้งออกจากตัวปิ่นอนงค์มานอนหงาย ที่พื้น แน่นิ่งไป ปิ่นอนงค์ตกใจ
       “คุณนะ”
       ปิ่นอนงค์จับแขนเขย่า แต่ทรรศนะไม่ขยับ
       
       ปิ่นอนงค์วิ่งออกมาที่หน้าห้องเก็บของ น้อยวิ่งมาหาเจอกันพอดิบพอดี
       “พี่ปิ่น คุณนายถามหาพี่ปิ่น รีบไปเร็วเข้า”
       “แต่คุณนะเกิดอุบัติเหตุ" 
       น้อยหันไปในห้องมองทรรศนะ “ว้าย ตายมั้ย นอนไม่กระดิกกระเดี้ยเลย”
       “น้อยรีบไปบอกคุณนายมาดูคุณนะเร็วๆ เข้า พี่จำเป็นต้องหลบไปก่อน”
       “ได้ๆ รีบไปเถอะ”
       น้อยกับปิ่นอนงค์แยกย้ายไปคนละทาง
       
       ที่หน้าเรือนเกิดโกลาหล ทัศนีย์ท่าทีร้อนใจขับรถเข้ามาจอดหน้าเรือนอย่างเร็ว สักครู่หนึ่งจอมแบกร่างทรรศนะลงมาชั้นล่าง ครองสุขช่วยประคอง น้อยตามหลัง ปิ่นอนงค์ทำเป็นวิ่งมาจากอีกทาง
       ครองสุขหันมาตวาด “แกหายหัวไปไหนมายะ”
       “ปิ่นไปล้างห้องน้ำชั้นล่างมาค่ะ คุณนะ คุณนะเป็นอะไรคะ”
       ทัศนีย์วิ่งเข้ามา “รถมาแล้วค่ะ”
       ครองสุขกับจอมรีบพานะออกไป นีวิ่งตาม
       น้อยรีบมายืนข้างปิ่นอนงค์ “คุณนะเป็นอะไรไปก็เพราะกรรมที่คุณนายสร้างไว้นั่นแหละมันตามทัน”
       ปิ่นอนงค์กังวลใจ ห่วงทรรศนะ “ขออย่าให้เป็นอะไรเลย”
       
       ในห้องตรวจโรงพยาบาล เวลานั้นปานเทพคุยโทรศัพท์อยู่ “ขอบคุณนะครับอาจารย์ที่ช่วยติดต่อกับทางโรงพยาบาลให้หมอกำลัง ตรวจร่างกายอย่างละเอียดอยู่ครับ ได้ความว่าไงแล้วผมจะรีบแจ้งข่าวทันที”
       ปานเทพตัดสาย ป้าพยาบาลเดินออกมา “คุณหมอเจาะเลือดไว้แล้วนะคะ แต่ต้องรอผลอีกหลายวัน
       ก็จะรู้ว่า ร่างกายผู้ป่วยมีสารเหมือนกับที่พบในตัวคุณไพศาลหรือเปล่า”
       “สารที่ว่าเป็นประเภทไหนหรือครับ” ปานเทพสงสัย
       ป้าพยาบาลรีบบอก “ตามประวัติ คุณนายครองสุขเคยบอกหมอว่า สามีเธอกินสมุนไพรหลายตัวค่ะ เราตรวจไม่พบสารพิษ เลยสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นสารตกค้างจากสมุนไพร”
       พยาบาลเข็นเสี่ยตงออกมา เสี่ยตงปากเบี้ยวนิดๆ แข้งขาอ่อนแรง
       “ยาที่คุณหมอฉีดให้อาจทำให้หลับนะคะ” พยาบาลบอก
       
       ครู่ต่อมาปานเทพเข็นรถมาตามทางเพื่อพาเสี่ยตงกลับ เสี่ยตงหลับคอพับ พอปานเทพมองไปข้างหน้า ก็ต้องสะดุ้งโหยง จอดรถเข็นทันที
       ปานเทพเห็นทรรศนะถูกเข็นผ่านไป มีครองสุขกับนีเดินตามกันไป จอมที่เดินรั้งท้ายหันมาประสานสายตากับปานเทพพอดี แต่จอมยังไม่ทันได้เห็นเสี่ยตง
       ปานเทพรีบหมุนรถเข็นหันกลับ เข็นหนีอย่างเร็ว กลัวจอมเห็นเสี่ยตง
       จอมสงสัยเร่งฝีเท้าตาม ปานเทพหันไปมองเห็นจอมตาม ปานเทพโกยแนบ จอมวิ่งไล่ลุ้นระทึก
       
       ที่ด้านนอกตึกโรงพยาบาล ใหญ่ใส่แว่นดำ ใส่หมวกปิดหน้านั่งเป็นคนขับรอปานเทพอยู่ ใหญ่มองนาฬิกาจู่ๆ ปานเทพหน้าตื่นรีบเข็นเสี่ยตงออกมา ใหญ่สงสัยรีบออกจากรถวิ่งไปหาปานเทพที่เข็นมาถึง
       “รีบร้อนทำไมวะ เดี๋ยวไอ้เสี่ยก็หัวทิ่มลงมาหรอก”
       ปานเทพหอบ แฮ่กๆ “ไอ้จอมมันไล่ตามมา ฉันกลัวมันเห็นเสี่ย เนี่ยพยานปากสำคัญของฉันนะโว้ย ต้องรักษาสุดชีวิต”
       จอมวิ่งออกมาจากตึก เห็นแต่รถปานเทพวิ่งออกจากโรงพยาบาลแล้ว จอมไม่ทันเห็นเสี่ยตงกับใหญ่
       จอมสงสัย “ทำไมมันต้องหนี”
       
       จอมวิ่งไปที่รถเร็วรี่

---------------------------------------------------------------------------------


ใหญ่ขับหนี ปานเทพหันไปมองข้างหลังรถ เห็นรถจอมไล่บี้ตามมาติดๆ       
       “มันไล่งับมาติดๆ แล้วไอ้ใหญ่”
       “ไม่รู้ชาติที่แล้วเคยทำเวรทำกรรมอะไรกับมันไว้ สลัดมันไม่เคยหลุดจากชีวิตสักทีเลยโว้ย
       ใหญ่บ่นอุบเหยียบมิด ขับหนีจอม
       รถไล่ล่ากันอย่างน่าระทึก ปานเทพเกาะรถแน่น ร้องโวยวายตลอดเวลา กลัวสุดขีด
       ปานเทพโวย “เฮอออ ไอ้ใหญ่เบาๆ ฉันยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่บวชเรียนให้พ่อเลยนะโว้ย”
       ตรงที่นั่งด้านหลัง เสี่ยตงตกใจหน้าตาตื่น สุดท้ายใหญ่รำคาญ ชักปืนออกมา
       “รำคาญจริงโว้ย ตื๊อได้ตื๊อดี ไอ้ปาน แกจับพวงมาลัยไว้”
       ปานเทพตาเหลือก “จ๊าก แกจะบ้าหรือ”
       ใหญ่ปล่อยมือ ปานเทพผวาเข้าไปจับไว้ ใหญ่ยื่นหน้าหันหลังไปทางรถจอม ใหญ่ยังใส่แว่นดำสวมหมวกพรางตัวเล็งปืนไปที่ล้อ หรี่ตา ยิงเปรี้ยง กระสุนเจาะยาง รถของจอมส่ายไปส่ายมา จอมรีบประคองรถจอดข้างทาง
       รถใหญ่ไปไกลลิบแล้ว จอมเจ็บใจ
       
       เวลาต่อมา ใหญ่ขับรถมาตามทาง อาการกระหยิ่ม
       “ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าเล่นอยู่กับใคร”
       เห็นปานเทพเงียบกริบไม่โต้ตอบ ใหญ่หันมาหา ปานเทพปิดปากตะโกนบอก “จอดรถเร็ว”
       ปานเทพทำท่าจะอ้วก ใหญ่ตกใจ “เฮ้ยๆ กลั้นไว้ก่อน”
       ใหญ่จอดกึก ปานเทพวิ่งลงไปอ้วกแตก
       
       ส่วนที่ภายในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล ครองสุขยืนร้องห่มร้องไห้ข้างเตียงคนไข้ ทรรศนะยังไม่ฟื้น
       ปิ่นอนงค์ผลักประตูเข้ามา มีทัศนีย์เดินตามหลัง ครองสุขหันไปมอง
       “คุณนีโทร.ไปบอกปิ่น ว่าคุณนะกระดูกหักทับเส้นประสาทหรือคะ”
       ครองสุขบันดาลโทสะ โผนทะยานเข้าไปตบหน้าปิ่นอนงค์จนหน้าหัน ครองสุขไม่หายแค้นหมายจะตบอีก ทัศนีย์วิ่งเข้ามาดึงครองสุขถอยออก
       “พอแล้วค่ะคุณน้า”
       ครองสุขชี้หน้าด่า “ตานะอาจเดินไม่ได้อีก ก็เพราะแก”
       “มันเป็นอุบัติเหตุนะคะคุณน้า”
       “ตานะติดเหล้าก็เพราะแก ถึงได้เดินเมามายเข้าไปในห้องเก็บของจนเกิดอุบัติเหตุ ต้นเหตุมันเกิดมาจากแกทั้งหมด แกต้องชดใช้”
       ครองสุขสะบัดหนีเซไปจะเข้าไปหาปิ่นอนงค์ จู่ๆ ทรรศนะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ปิ่น”
       ครองสุขชะงักหันไปหาทรรศนะ ปิ่นอนงค์มองตาม ทรรศนะมองทุกคนงงๆ
       “ผมเป็นอะไร ทำไมมานอนอยู่ที่นี่” ยกมือจับหัว “ผมจำอะไรไม่ได้เลย มึนหัวไปหมด”
       
       เช้าวันต่อมา ไม่ว่าใครจะพูดกล่อมย่างไร ทรรศนะเอาแต่นอนร้องไห้ปานจะขาดใจ ไม่ยอมพูดจา ไม่ยอมมองหน้าใคร
       ครองสุขนั่งข้างจับมือทรรศนะ
       “นะแค่ยังขยับร่างกายท่อนร่างไม่ได้ในตอนนี้เท่านั้น แต่ถ้าฝึกกายภาพบำบัดทุกวัน นะก็จะกลับมาเป็นปกติได้แน่นอน กินยาก่อนนะจ๊ะ เชื่อน้า”
       ครองสุขรับยามาจากปิ่นอนงค์ จะป้อนยาเม็ดให้ แต่ทรรศนะเม้มปากแน่น เบือนหน้าหนี
       “ตานะ ไม่กินแล้วจะหายได้ยังไง”
       ปิ่นอนงค์รีบบอก “ให้ปิ่นทำเถอะนะคะ”
       ครองสุขยอมส่งยาให้ แล้วลุกยืนหลีกทางให้
       “ปิ่นไม่ดีเอง ที่ต่อว่าคุณนะเรื่องคุณอร จนทำให้คุณนะเสียใจถ้าคุณนะให้อภัยปิ่น คุณนะต้องกินยานะคะ แต่ถ้าคุณนะเกลียดปิ่นแล้ว ปิ่นก็จะทำโทษตัวเองด้วยการไปจากไร่นี้”
       ทรรศนะนิ่งเงียบไม่ยอมมองหน้า พอปิ่นอนงค์แกล้งจะลุก ทรรศนะรีบคว้าข้อมือไว้ สองมองหน้ากัน
       “อย่าทิ้งฉันนะปิ่น”
       ทรรศนะยอมอ้าปากกินยา
       ปิ่นอนงค์ยิ้มหยิบยาเข้าปากทรรศนะ ให้ดื่มน้ำตาม ครองสุขยิ้มโล่งใจ
       “ท่าทางตานะคงอยากให้เธอดูแลซะละมั้ง”
       ปิ่นอนงค์รีบอาสา “ปิ่นยินดีรับอาสาค่ะ”
       “ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเงินจ้างใคร”
       ครองสุขปรี่ไปนั่งข้างเตียงลูบผมนะด้วยความรักความห่วงใย
       “โธ่ ตานะของน้า โชคร้ายจริงๆ”
        ปิ่นอนงค์มองทรรศนะอย่างเป็นห่วง
       
       ครองสุขนั่งกุมหัวอยู่ตรงโต๊ะริมระเบียง บนโต๊ะมีแก้วไวน์ กะขวดไวน์ตั้งวางอยู่ จอมเดินเข้ามาชะงักมอง แล้วเดินเข้ามาหา
       “คุณนายเรียกผมมีอะไรครับ”
       ครองสุขเงยหน้าใส่จริตแกล้งสำออยพูดอ้อแอ้แบบคนเมามาย
       “ฉันกลุ้มใจ ตานะหลานฉัน กำลังจะกลายเป็นคนพิการ” เพื่อให้สมบทบาทระดับตัวแม่ ครองสุขปล่อยโฮออกมา “แม้แต่จะขยับขาแข้งเพื่อลุกนั่ง ยังทำไม่ได้เลย ฉันเลี้ยงเขามาแต่เล็ก ไม่ใช่แม่ก็เหมือนแม่ เห็นเขาสภาพนี้แล้วหัวใจแทบสลาย”
       จอมรู้สึกเห็นใจจึงเข้ามาประคองครองสุข “คุณนายเมาแล้ว ขึ้นเรือนเถอะครับ”
       ครองสุขผวาตัวกอดจอมพูดออดอ้อน
       “ทำไมเธอไม่ยอมรับข้อเสนอฉัน หรือมันน้อยไปก็เรียกร้องมาได้เลย”
       “เงินทองของนอกกายผมไม่เคยอยากได้”
       ครองสุขหัวเราะร่า “ตายล่ะ นี่ฉันหูฝาดไปหรือเปล่า โลกนี้มีคนไม่ชอบเงินด้วยหรือจอม”
       จอมผลักครองสุขออกเบาๆ บอกเสียงจริงจัง มาดแมนโครต
       “ผมต้องการเงินเพื่อสร้างอนาคตร่วมกับปิ่น แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีขายตัว ถึงผมจะจน แต่ศักดิ์ศรีของผมก็ไม่ได้น้อยไปกว่าคนรวยเป็นพันล้าน คุณนายโปรดเข้าใจด้วย”
       จอมเดินออกจากเรือนไปทันที ครองสุขเจ็บใจ แผนกินหญ้าอ่อนล้มเหลวอีกหน
       “ร่วมอนาคตกับนังปิ่นหรือ อย่าหวังเลย นังปิ่นน่ะ มันเป็นสมบัติของตานะ”
       
       ครองสุขหรี่ตา ยิ้มร้ายมีเลศนัย

-----------------------------------------------------------------------------------


 ตรงโรงเลี้ยงแพะภายในฟาร์มที่พวกใหญ่มาซ่อนตัวอยู่ จินตนามาฉีดยาให้แพะตามนัดหมาย หญิงสาวกำลังลูบหัวลูบตัวแพะอย่างเอ็นดู พอเสร็จเรียบร้อย จินตนาเก็บอุปกรณ์ฉีดยา แล้วหันมาบอกกับหัวหน้าคนงานที่อยู่ในโรงเรือนแพะ
       
       “อีกหนึ่งอาทิตย์จะเข้ามาใหม่นะ”
       
       จินตนาถือกระเป๋าเดินออกมาหน้าโรงเรือน เห็นฝูงแพะอีกกลุ่มกำลังถูกต้อนมาจากทางทุ่ง จินตนาเหลียวมองไป เจอปานเทพแต่งตัวชุดคนงานต้อนแพะอยู่ จินตนาสะดุดตา รู้สึก คุ้นๆ เพ่งตามองเขม็ง
       เป็นจังหวะที่ปานเทพเกิดร้อนจึงดึงหมวกออกมาพัดๆ หันไปประสานสายตากับจินตนาพอดี สองคู่กัดคาดไม่ถึง ตกตะลึงตาค้างกันทั้งคู่
       “นาย” / “เธอ”
       ปานเทพตกใจวิ่งหนีหน้าตั้ง จินตนาไล่ตาม พลางตะโกนเรียกไว้ “หยุดนะ”
       ปานเทพวิ่งจู๊ดไปกลางทุ่ง จินตนาตามไม่ทัน หยุดวิ่งมองไปอีกมุม เห็นรถเอทีวีจอดนิ่งอยู่ คิดบางอย่างในใจ
       ส่วนปานเทพหันมาด้านหลัง รถเอวีจินตนาพุ่งเข้ามาใกล้
       “จะหยุดไม่หยุด”
       ปานเทพเซ็ง ด่าออกไป “เป็นเมียฉันหรือ ถึงมาชี้นิ้วสั่ง”
       จินตนาโกรธทำท่าจะไล่ชนปานเทพ “ฉันยอมเป็นฆาตกรชนคนตาย
       ปานเทพร้องจ๊าก “เฮ้ยๆ ช่วยด้วยๆ”
       ปานเทพวิ่งสะดุดล้มกลิ้ง จินตนาจอดรถข้างตัว เข้าล็อกคอหมับ
       “ไปหาตำรวจด้วยกัน”
       “ฉันไปทำอะไรผิดไม่ทราบ”
       “ทำตัวลับๆ ล่อๆ แฝงตัวเข้ามาหลอกลวงเจ้าของฟาร์มนะสิมีแผนอะไร ต้องการอะไร”
       พลางจินตนาล็อกแน่นขึ้นท่าทีขึงขัง ปานเทพร้องลั่น “โอ๊ย!”
       ใหญ่ วิ่งเข้ามาร้องห้าม “อย่าครับคุณจินตนา”
       จินตนาเงยหน้าเห็นใหญ่ ก็ตกใจมาก “คุณใหญ่!”
       
       จินตนาตรงมาหาปิ่นอนงค์ที่ไร่ไพศาล
       “ปิ่นขอโทษนะ ที่ปกปิดเรื่องนี้ไว้”
       จินตนายิ้มไม่โกรธสักนิด “คุณใหญ่อธิบายทุกอย่างให้เราฟังหมดแล้ว ไม่คิดเลยว่า ปิ่นต้องผ่านเรื่องราวร้ายๆ มากมายขนาดนี้”
       “จินอย่าบอกจอมนะ เผลอไม่ได้เชียว” ปิ่นอนงค์ร้องขอ
       “แต่จอมจริงจังกับปิ่นมาก ถ้ามารู้ทีหลังเรื่องที่คุณใหญ่ยังไม่ตาย จอมคงเสียใจน่าดู”
       ปิ่นอนงค์เครียด แววตาเจ็บปวดเสียใจเหลือทน
       “พูดไปแล้ว ผู้ชายถึงสามคน ต้องมาเจ็บปวดเพราะปิ่น”
       ปิ่นอนงค์น้ำตาไหล จินตนารีบจับมือปลอบ
       “ห้ามคิดอย่างนี้ คิดไม่ได้เลยนะปิ่น เราเลือกที่จะรักคนๆเดียว นั่นมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ปิ่นทำถูก จะให้ไปเห็นใจรักทีเดียวสามคนเลย มันไม่ได้”
       “ถ้ามีคนสมหวัง ก็ต้องมีคนผิดหวัง ตีคู่กันไปเสมอหรือ”
       “ใช่ นี่แหละคือชีวิตจริง ที่เราทุกคนต้องเจอ”
       น้อยวิ่งหอบเข้ามา “พี่ปิ่น ไปเร็ว”
       น้อยเหนื่อยหอบแฮ่กๆ พูดไม่ออก “ที่เรือนใหญ่มีเรื่องอีกแล้วหรือพี่น้อย”
       “คุณนะน่ะสิ เรียกหาแต่ปิ่น ปิ่น ปิ่น ตลอดเวลา ใครโผล่เข้าไปก็ไล่เปิดหมด”
       จินตนามองหน้าปิ่นอนงค์ สงสารเพื่อนรักจับใจ
       
       ค่ำนั้นน้อยเปิดประตูเข้ามาห้องนอนปิ่นอนงค์มา แต่โดนจับล็อกปิดปาก น้อยร้องเสียงอู้อี้
       “อย่าขัดขืนไม่งั้นตาย” ที่แท้เป็นใหญ่ ซึ่งมาดักรอปิ่นอนงค์
       แต่น้อยไม่รู้ว่าเป็นใหญ่ ตกใจตาเหลือก
       “อ๊าย อย่าๆ อยากได้เงินก็เอาไปเลย ขออย่างเดียว อย่าปลุกปล้ำย่ำยีพรหมจรรย์น้อยเลย น้อยกลัวแล้ว ฮือๆๆ”
       ใหญ่ขำ “ฉันทำไม่ลงหรอก”
       “โถ เป็นโจรมีมนุษยธรรม” น้อยดีใจ
       “เปล่า ฉันไม่ชอบรังแกปลวก”
       ใหญ่ผลักน้อยถลาไปข้างหน้านิดหนึ่ง น้อยหันกลับมาเห็นใหญ่
       “ว่าแล้วเสียงคุ้นๆ”
       “เข้ามาทำไม ปิ่นล่ะไปไหน” ใหญ่สงสัย
       “พี่ปิ่นให้น้อยมาเอาเสื้อผ้า”
       “เอาไปทำไม”
       น้อยพูดพาซื่อ “ถามได้ เอาไปใส่สิคะ”
       ใหญ่ทุบโต๊ะปัง น้อยสะดุ้งโหยงถอยไปชนผนัง รีบพ่นคำพูดออกไปเป็นชุดเพราะกลัวใหญ่
       “ไปนอนเฝ้าคุณนะค่ะ คุณนะเกิดอุบัติเหตุ เดินไม่ได้ พี่ปิ่นเลยต้องไปดูแล”
       
       ใหญ่ได้ยินดังนั้น ลมเพชรหึงก็ตีวงสวิงกระแทกเข้าหน้าจังๆ

---------------------------------------------------------------------------------


   ในขณะที่ปิ่นอนงค์เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ทรรศนะ ทรรศนะเอาแต่จ้องหน้าปิ่นอนงค์ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข
       
       เวลาเดียวกันนั้น ที่ข้างหลังตรงกับหน้าต่างห้องนอนทรรศนะ ใหญ่เงื้อก้อนหินปาใส่หน้าต่าง เสียงดังปัง
       “เสียงอะไร ใครมาปาอะไรเล่น” ทรรศนะสงสัย
       ปิ่นอนงค์วางมือลุกไปดูที่หน้าต่าง เห็นใหญ่ยืนโบกไม้โบกมือสั่งให้ลงมา
       เจอลูกบ้าของใหญ่ ปิ่นอนงค์ตกใจแทบช็อก โบกมือว่าไปไม่ได้ โบกมือให้ใหญ่ไปก่อน
       ใหญ่โบกมือตอบว่าไม่ไป ชี้ไปที่หน้าต่าง พร้อมกับทำท่าจะปีนขึ้นไป ปิ่นอนงค์ตกใจ ร้องออกมา
       “อย่านะ”
       ทรรศนะหันมาถาม “อะไรหรือปิ่น”
       “เออ เด็กค่ะ พวกลูกคนงานปาก้อนหินเล่นกัน ปิ่นกลัวจะปามาโดนหน้าต่างอีก”
       ปิ่นอนงค์รีบปิดหน้าต่าง เดินกลับมาหาทรรศนะ “ปิ่นลงไปดูหน่อยนะคะ คุณนะนอนเถอะค่ะ”
       ปิ่นอนงค์คลุมผ้าห่มให้ ทรรศนะบอกอ้อนๆ “มาเร็วๆ นะปิ่น”
       ปิ่นอนงค์พยักหน้าแล้วรีบไป
       
       ใหญ่ดึงปิ่นอนงค์เข้ามาที่เรือนเพาะชำต้นไม้
       “ทำไมต้องหอบผ้าหอบผ่อนไปนอนเฝ้ามันด้วย”
       “จะได้ค้นหาพินัยกรรมที่เรือนใหญ่ง่ายขึ้นไงคะ ตอนกลางวันปิ่นกลัวคนเห็น กลางคืนนี่แหละคนหลับกันหมด สะดวกดี”
       “แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่เธอจะเอาตัวไปใกล้ชิดไอ้ทรรศนะ มันเป็นไอ้ขี้เมา เกิดหน้ามืดลุกมาปล้ำเธอกลางดึกจะทำยังไง”
       “คุณนะเธอขยับขาไม่ได้แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาปล้ำปิ่น อีกอย่างที่คุณนะเจ็บ ก็เพราะช่วยปิ่น”
       ใหญ่จะอ้าปากเถียง แต่ปิ่นอนงค์พูดตัดบทแซงขึ้นก่อน “สรุปว่าตกลงตามนี้ค่ะ คุณใหญ่กลับฟาร์มไปได้แล้ว”
       จากนั้นปิ่นอนงค์ก็เดินหนีออกจากโรงเพาะชำไปทันที
       “ปิ่นอนงค์ เดี๋ยวนี้เธอกล้าออกคำสั่งฉันแล้วหรือ”
       ใหญ่ฮึดฮัดจะไม่ยอม
       
       ใหญ่เดินหงุดหงิดเข้ามาในเซฟเฮ้าส์ บ่นไม่หยุดปาก ที่แท้ก็หึงปิ่นอนงค์นั่นเอง
       “เหตุผลไม่เข้าท่า จะหาพินัยกรรมก็หาไป ไม่เห็นต้องไปนอนค้างคืนกับมัน”
       ปานเทพวิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องเสี่ยตง “ไอ้ใหญ่ เสี่ยตงหนีไปแล้ว”
       “หนีไปได้ไง ขาก็ยังง่อยเปลี้ยอยู่นี่หว่า” ใหญ่โวย ขึ้นเสียงนิดๆ
       “มันคงเริ่มเดินได้แล้ว แต่แกล้งตบตาเรา ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ ไอ้เราก็อุตส่าห์พาหมอฝีมือดีมารักษา ดันคิดหนีซะนี่”
       “มันคงไม่แค่หนีหรอก” ใหญ่บอกตาลุกวาว
       “แกหมายความว่าไงวะ มันจะทำอะไร” ปานเทพงวยงง
       “ฉันต้องรีบไปบอกให้ปิ่นรู้ตัว”
       ใหญ่รีบออกไป
       
       พระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาท้ายไร่แล้ว ความมืดค่อยๆ คืบคลานเข้ามาครอบคลุมทั่วอาณาเขตกว้างใหญ่ของไร่ไพศาล
       ครองสุขนั่งอยู่ข้างเตียงในห้องนอนทรรศนะ เอ่ยด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวเมื่อรู้ว่าทรรศนะไม่ยอมเผด็จสวาทปิ่นอนงค์สักที ตามที่ตนเสี้ยม
       “อะไรกัน ทำไมมันชักช้านักล่ะ”
       ทรรศนะนอนนิ่ง “ผมกลัวเขาโกรธ”
       “อู๊ย มันก็เล่นตัวให้ดูมีค่าไปงั้นแหละ รวบหัวรวบหางมันซะคืนนี้เลย”
       “แต่ผมนอนเจ็บอยู่นะครับ”
       ครองสุขยิ้ม “อย่างนี้แหละดี ทำสำออยๆ อ้อนๆ มันหน่อย คนมันเคยมือผู้ชายมาก่อน เดี๋ยวก็ตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้ง”
       แต่ทรรศนะดูกังวลใจ
       
       คนงาน ทำงานกันอยู่ตามหน้าที่ใครมัน คนงานกลุ่มใหญ่ต้อนแกะเข้าคอก
       ที่พุ่มไม้ลับตาคน กิ่งไม้ถูกแหวกออกเห็นหน้าเสี่ยตงขบกรามแน่น ในอาการเคียดแค้นมองสำรวจทาง ก่อนที่ เสี่ยตงจะผลุบหน้าหายไป
       
       ตรงทางเดินชั้นบนเวลานั้น ใหญ่ปีนหน้าต่างเข้ามาในห้องว่างห้องหนึ่งบนเรือนใหญ่ จากนั้นจึงย่องมาแง้มที่ประตู เห็นทางโล่งปลอดผู้คน
       ใหญ่ออกจากประตู ดึงผ้าขาวม้าให้ปิดหน้าตามิดชิด ค่อยๆ ย่องไป
       จังหวะนั้นครองสุขเดินมาทางด้านหลังใหญ่ แต่อยู่ระยะไกลๆ ครองสุขชะงักเพ่งมอง
       “นั่นใครยืนอยู่ตรงนั้น แกขึ้นมาบนเรือนใหญ่ทำไม”
       ใหญ่ตกใจวิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว ยินเสียงครองสุขไล่ตามหลัง
       “ช่วยด้วย ขโมยๆๆ”
       
       ขณะที่ทัศนีย์เดินถือแก้วน้ำดื่มมาที่หน้าห้อง กำลังจะเปิดประตูเข้าไป มีเงาคนผ่านวูบไปข้างหลัง ทัศนีย์เหลียวขวับไปด้านหลัง แต่ไม่เห็นใคร
       
       ทัศนีย์เสียวสยองกลอกตาไปมา ท่าทางกลัวสุดๆ 



------------------------------------------------------------------------------------------


ตรงทางเดินบนเรือนใหญ่ ลูกน้องครองสุขวิ่งผ่านไป ก่อนที่จอมจะวิ่งตามมา ปิ่นอนงค์รีบดึงไว้ ถามอย่างร้อนใจ       
       “เกิดอะไรขึ้น”
       “มีขโมยขึ้นบ้าน ปิ่นเข้าไปหลบในห้องคุณนะก่อนอย่าเพิ่งออกมา”
       จอมบอกแล้วรีบไป ปิ่นอนงค์ตกใจกลัวจะเป็นใหญ่ น้อยวิ่งมาพอดี
       “พี่ปิ่น เจอคุณใหญ่หรือเปล่า”
       “คุณใหญ่หรือ”
       “คุณใหญ่ทนรอพี่ปิ่นที่ห้องไม่ไหว ก็เลยมาตาม”
       ปิ่นอนงค์ตกใจ “อะไรนะ! คุณใหญ่อาจบุกไปที่ห้องคุณนะ”
       ปิ่นอนงค์ก้าวยาวพรวดๆ ไปทันควัน
       
       เวลาเดียวกัน ครองสุขเคาะประตูห้องนอนทัศนีย์
       “ยัยนี เปิดประตูให้น้าหน่อย ยัยนีๆ”
       ทัศนีย์ค่อยๆ แง้มประตูออกมา มองทุกคนงงๆ “ทำไมมากันเยอะแยะ มีอะไรกันหรือคะ”
       จอมรีบบอก “ขโมยมันขึ้นบ้านครับ คุณนายเห็นมันวิ่งมาทางนี้”
       ครองสุขจ้องหน้าทัศนีย์ “แกไม่ได้ยินเสียงแปลกๆ อะไรเลยหรือ”
       ทัศนีย์ส่ายหน้า “ไม่มีนี่คะ นีกำลังดูหนังอยู่”
       “ล็อคประตูดีๆ ล่ะ”
       ครองสุขจะไปแต่ชะงัก สายตาไปเห็นแว่นของใหญ่หล่นอยู่ที่หน้าห้อง
       ครองสุขก้มหยิบดู มองหน้าทัศนีย์เขม็งจับกิริยา “นี่มันแว่นของผู้ชาย ทำไมมาหล่นอยู่ตรงนี้”
       ทัศนีย์คว้าคืนมา “ของกิ๊กคนใหม่ของนีค่ะ”
       ครองสุขจะเข้า ทัศนีย์ดันไว้ “เข้าไม่ได้นะคะ เขานอนหลับอยู่”
       “หลีกไป”
       ครองสุขผลักทัศนีย์ พ้นไป แล้วเดินเข้า จอม กับลูกน้องสองคนตามเข้าไป
       
       ครองสุขเดินเข้ามา มองไปที่เตียง เห็นผู้ชายนอนหันหลังให้ นุ่งแต่ผ้าขนหนู เสื้อไม่ใส่
       ทัศนีย์ตามมา “ดลเขาเป็นโรคนอนไม่หลับ ก็เลยกินยานอนหลับช่วย คุณน้าอย่าไปกวนเขาจะดีกว่า เห็นแก่หน้านีด้วย”
       “จอม ไปปลุกมันให้ตื่น แล้วไล่ออกไป” ครองสุขสั่ง
       จอมอึกอักพูดเบาๆ “ไม่เหมาะนะครับ คุณนีจะอาย ผมว่าเราออกไปดีกว่า”
       “มันอายใครไม่เป็นหรอกน่า”
       จอมมองไปที่ทีวี เห็นหนังโป๊ฉายอยู่ ส่วนลูกน้อง กำลังยืนจ้องทีวีตาโต หน้าหื่นชอบใจ มองมาทางทัศนีย์ยิ้มๆ ทัศนีย์เชิดใส่
       ครองสุขมองตามบ้าง นางมารร้ายตกใจปิดปากแทบไม่ทัน ร้องลั่น
       “ว้าย ทุเรศ ลามกจกเปรต”
       จอมรีบเดินไปปิดจอทีวีทันที จ้องหน้าลูกน้องเป็นเชิงด่า
       “ก็นีบอกแล้วว่ากำลังดูดีวีดีอยู่ แค่ไม่ได้พูดหมดว่าเป็นหนังเรทไหนเท่านั้น หรือคุณน้าไม่เคยดู”
       ครองสุขตวาดแว้ด “นังเด็กบ้า แกนี่มันเกินจะเยียวยาจริงๆ กล้าพูดออกมาได้ไม่อายปาก”
       ครองสุขอายพวกลูกน้องจึงรีบไป จอมกับลูกน้องตามติด
       ทัศนีย์รีบปิดประตู
       
       ทางด้านปิ่นอนงค์เปิดประตูเข้ามา ทรรศนะไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแล้ว
       ปิ่นอนงค์ตกใจที่ทรรศนะหายตัวไป ชะโงกมองหน้าต่าง เห็นเงาคนไกลๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเสี่ยตงประคองทรรศนะออกไปทางราวป่า
       ปิ่นอนงค์ตกใจ “คุณใหญ่จับคุณนะไปหรือ”
       
       ทัศนีย์นั่งบนเก้าอี้ในห้องนอน ใหญ่ถือมีดวนไปวนมารอบหน้าทัศนีย์
       “นีกับปิ่นเราตั้งใจหนีมาที่ไร่ไพศาล เพื่อช่วยคุณใหญ่ เราไม่ได้คิดร้ายกับคุณใหญ่จริงๆนะคะ”
       ใหญ่ยิ้มเยาะ “อย่างเธอกับปิ่นอนงค์นะหรือจะหนีฉันรอด ถ้าฉันไม่ตั้งใจปล่อยให้มาเอง”
       “อะไรนะ” ทัศนีย์ช็อก! ตาโตเท่าไข่ห่าน
       “มันเป็นแผนของฉันกับปิ่นอนงค์ เธอจะได้พาปิ่นมาอยู่ที่ไร่โดยคุณนายไม่นึกสงสัย”
       ทัศนีย์โกรธ ผลักใหญ่จนเซไป แล้วลุกยืน “ปิ่นใช้นีเป็นเครื่องมือหรือ”
       ใหญ่ปรี่เข้าไปจับมือทัศนีย์ “ถ้าเธอจะโกรธ ก็ตบหน้าฉันได้เลย ฉันขอรับผิดแทนปิ่น”
       ทัศนีย์เงื้อมือ ใหญ่ปล่อยมือให้ตบ ทัศนีย์จ้องใหญ่ ตบไม่ลง น้ำตาแตก กอดรอบคอใหญ่แทนเหมือนเด็กน้อยกอดพี่ชาย ทำเอาใหญ่งง
       “ช่วยนีด้วย นีอยากไปจากที่นี่ คุณใหญ่ช่วยพานีไปอยู่ด้วยคนนะคะ นีไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร มีก็แต่คุณใหญ่คนเดียว”
       “ยังไงเธอก็ต้องอยู่ที่นี่เพื่อคอยช่วยปิ่น”
       “นีไม่อยากทำ ทำไมนีต้องทำด้วย”
       ใหญ่ชูมีดขู่ ใส่ท่าทางโรคจิตเต็มที่ “ถ้าไม่ทำ ฉันจะกลับมาฆ่าเธอ แล้วเอามีดเชือดเนื้อเธอเป็นชิ้นๆ เนื้อท่องแขน เนื้อท่อนอก เนื้อท่อนขา แล้วยัดลงโถชักโครก จะลองสักแผลก่อนก็ได้นะ อืม เริ่มจากตรงไหนก่อนดี”
       ทัศนีย์กลัวส่ายหน้าไปมา “ไม่เอา อย่าทำฉัน ฉันจะคอยช่วยปิ่นก็ได้”
       
       ที่หลังเรือนใหญ่ ปิ่นอนงค์วิ่งออกมา ใหญ่โผล่มาจับมือไว้ ปิ่นอนงค์อึ้ง เพราะนึกว่าเป็นใหญ่จับทรรศนะไป
       “คุณใหญ่ แล้วที่ปิ่นเห็น”
       “เห็นอะไร”
       “คุณนะหายไป ปิ่นเห็นผู้ชายสองคนหายไปในป่าด้านหลังน่าจะเป็นคุณนะ ส่วนอีกคน”
       ใหญ่รู้ทันที “เสี่ยตงแน่ๆ”
       ปิ่นอนงค์ตกใจมาก “เราต้องรีบหาเสี่ยให้พบก่อนคุณนายมาเจอ”
       
       บริเวณทางไปน้ำตกเวลาเดียวกัน ทรรศนะเริ่มรู้สึกตัว หันไปเห็นเสี่ยตง ทรรศนะยิ่งตกใจ
       “ฉันมาอยู่นี่ได้ไง แกจะพาฉันไปไหน”
       เสี่ยตงคำรามในคอ “จะพาแกไปทัวร์นรกไงล่ะ”
       “ฉันไม่ไปกับแก”
       เสี่ยตงยกปืนจ่อ ทรรศนะนิ่งสนิท ยอมเดินไปกับเสี่ยตงแต่โดยดี
       
       ที่บริเวณน้ำตก กิริยาเสี่ยตงยังดูงกๆ เงิ่นๆ เดินเหินไม่ค่อยคล่อง แต่แววตานั้นแสนดุดัน เอาปืนจี้ทรรศนะมาตรงริมน้ำตก จังหวะหนึ่งเสี่ยตงเอาปืนตีต้นคอทรรศนะทรุดลงไปกับพื้น
       
       เสี่ยตงพูดลำบากต้องบังคับปาก “อีคุณนายมันรักแกมาก ถ้าแกตาย มันต้องหัวใจสลาย เจ็บปวดกว่าที่มันทำกับชั้นหลายร้อยเท่า”
       เสี่ยตงทำเป็นเล็งปืน แล้วยิงเปรี้ยง!!! ทรรศนะร้องลั่นยกมือบังหน้าบังตัว
       “อย่า”
       ทรรศนะสะดุ้งโหยง ลูกปืนเฉี่ยวลำตัวลงพื้น ฝุ่นกระจาย
       เสี่ยตงหัวเราะร่า ชอบอกชอบใจ
       “ชั้นได้ความคิดใหม่ สนุกกว่าเดิม เอาแกล่ออีคุณนายออกมาแล้วค่อยๆ ยิงแกที่แขน ที่ขา ให้มันทรมานใจอีคุณนาย สุดท้าย ก็ยิงทิ้งทั้งสองคน”
       ทรรศนะไหว้เสี่ยขอชีวิต พูดดีๆ ด้วย “เสี่ยชั้นไหว้ล่ะ ชั้นไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วย ไว้ชีวิตชั้นเถอะ เสี่ยจะเอาเงินเท่าไหร่ ชั้นจะขอคุณน้าเอามาให้”
       เสี่ยตงไม่แยแส ถีบไหล่ทรรศนะกลิ้งโค่โล่ “มันก็เงินกูทั้งนั้น วินาทีนี้เงินไม่มีความหมายแล้วโว้ย มันมีแต่ความแค้น
       
       เสี่ยตงจดสายตามองจ้องทรรศนะ แววตาดุดันเหี้ยมเกรียม ด้วยความเคียดแค้น


โปรดติดตาม "ปิ่นอนงค์" ตอนที่ 20

No comments:

Post a Comment