Tuesday, July 17, 2012

ดูละครปิ่นอนงค์ ตอนที่ 8 Pin Anong 偷心俏冤家 08

>> ปิ่นอนงค์ Pin Anong 偷心俏冤家 EP08

ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 8  โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
       


รถตู้คันหนึ่งวิ่งมาจอดหน้าเรือนคนงาน น้อยกับหวาน ยืนมอง สงสัยว่าใครมา ปานเทพลงรถมาคนแรก พร้อมถุงเสื้อผ้าอีกหลายถุง 

       
       ปิ่นอนงค์อยู่ในชุดกระโปรงผ้าชีฟองแซมลายลูกไม้เรียบหรูดูเป็นผู้ดี ใส่หมวกปีกกว้าง ใบหน้าแต่งเข้มขึ้นกว่าที่ทุกคนเคยเห็นมาก่อน ชนิดผิดหูผิดตาไปเลย ค่อยๆ ก้าวตามลงมาจากรถตู้ น้อยกับหวานเพ่งมองแต่จำไม่ได้
       
       “ใครวะ สวยฉิบเป๋ง หรือว่าแฟนผู้จัดการ” หวานว่า




       “หน้ายังกับโจรห้าร้อยเนี่ยนะ มีแฟนสวยหยาดเยิ้มหยดย้อยขนาดนี้” น้อยบอก
       ปิ่นอนงค์ยิ้มกว้างให้ “พี่หวาน น้อย”
       หวานกะน้อยจำเสียงได้ เขม้นมอง รู้ว่าเป็นปิ่นอนงค์ “ปิ่น” / “พี่ปิ่น”
       หวานกับน้อย วิ่งไปหา ตื่นเต้นกันยกใหญ่ “ไปทำอะไรมาเนี่ยปิ่น สวยเป็นบ้าจนจำแทบไม่ได้”
       น้อยตื้นตัน “ชุดสวยจังพี่ปิ่น ซื้อที่กรุงเทพฯเหรอ ใครซื้อให้ แพงมั้ย”
       ปานเทพส่งถุงเสื้อผ้าให้น้อยรับไป “คุณใหญ่ซื้อให้ทั้งหมด เอาไปแขวนให้คุณปิ่นด้วย”
       หวานกับน้อยหน้าเจื่อนมองหน้ากันไปมา เพราะไม่อยากให้ปิ่นอนงค์เป็นนางบำเรอใหญ่
       ปานเทพมองไปทางไร่เห็นถวิลมาพอดี “นายหวินมาพอดี”
       ถวิล จอม เปี๊ยก รีบร้อนเข้ามา “คุณนายเอาตัวคุณธีระไปแล้วครับ”
       ปานเทพคิดไว้แล้วต้องเป็นอย่างนี้ “ไม่เป็นไร รอให้งานมงคลผ่านไปก่อน ค่อยว่ากันอีกที”
       จอมมองปิ่นอนงค์อย่างตกตะลึงความสวย “งานมงคลอะไรเหรอผู้จัดการ”
       ปานเทพบอกทุกคน “งานแต่งงานของคุณใหญ่กับคุณปิ่น” หันมาทางถวิล “นายหวินรีบเรียกประชุมคนงานทั้งหมด ผมจะจ่ายงานให้ช่วยกันเตรียมงานแต่ง”
       ทุกคนงุนงง จ้องปิ่นเป็นตาเดียว อุ่นเรือนเดินเข้ามา เสียงแข็ง
       “จะไม่มีงานแต่งอะไรทั้งนั้น!”
       ทุกคนอึ้ง ปิ่นอนงค์ตกใจ “แม่”
       
       สองแม่ลูกอยู่ในห้องนอนปิ่นอนงค์ อุ่นเรือนคาดคั้นเอาเรื่องกับปิ่นอนงค์
       “อธิบายมา”
       “ปิ่นไม่มีอะไรจะอธิบายจ้ะแม่”
       “หมายความว่า แกเต็มใจแต่งงานกับคุณใหญ่”
       “ปิ่นเป็นหนี้คุณใหญ่ แม่ก็รู้ แต่งงานแค่นี้เรื่องเล็กน้อยมาก ถ้าแลกกับการที่ต้องติดคุก หรือแม่อยากให้ปิ่นติดคุกละจ๊ะ”
       อุ่นเรือนอึ้งไป “ฉันมันผิดเอง ฉันไม่น่าพาแกมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก” แล้วเดินออกทันที
       
       ปิ่นอนงค์เสียใจนัก ทรุดนั่งลงข้างกระเป๋าเดินทาง อ่อนล้าเต็มทีแล้ว
       
       วันต่อมาปิ่นอนงค์แวะมาหาจินตนาที่บ้าน สองสาวคุยกันอยู่ในสวนบ้านจินตนา ทว่าปิ่นอนงค์เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาตั้งแต่มาถึง จินตนายืนมองตัดสินใจอ้าปากจะพูด
       “ปิ่น...”
       ปิ่นอนงค์สวนคำออกมาก่อน “เราฟังมามากแล้วจิน เราหลบมาที่นี่เพราะไม่อยากได้ยินใครพูดอะไรอีก”
       จินตนาอดทักท้วงไม่ได้ “แต่เราทนเงียบอยู่ไม่ได้ ทุกคนก็คงคิดเหมือนๆกัน ปิ่นแต่งงานกับคนอย่างคุณใหญ่ได้ยังไง เราคิดจนหัวจะแตก ก็คิดไม่ออก”
       ปิ่นอนงค์หันมามองจินตนาน้ำตาไหลพราก “เวลานี้ เราแค่อยากให้มีใครสักคนปลอบเราบ้าง”
       จินตนาแสนสงสารปิ่นอนงค์ ลงนั่งข้างๆ โอบไหล่
       “โอเค เราไม่พูดแล้วก็ได้ เธอจะเอายังไงก็เอา”
       ปิ่นอนงค์ยิ้มเศร้าๆ แทนคำตอบ จินตนาทนไม่ไหวร้องออกมา
       “โอ๊ย แต่ยังไงเราก็อยากรู้ว่าปิ่นยอมแต่งกับคุณใหญ่เพราะอะไร”
       ปิ่นอนงค์ส่ายหน้า “เราไม่รู้ เราแค่อยากจะทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเองเจ็บยิ่งเจ็บมากยิ่งดี เราเกลียดตัวเอง เกลียดสิ่งที่เราเป็นอยู่”
       “แบบนี้เค้าเรียกว่า ประชดชีวิต แล้วเธอจะพบเองว่ามันไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แต่เป็นการทำร้ายตัวเอง”
       จินตนาจับมือปิ่นอนงค์ปลุกปลอบใจ “คิดใหม่อีกทีนะปิ่น”
       ปิ่นอนงค์นิ่งไปไม่ตอบ
       
       ที่เรือนใหญ่ก่อนถึงวันแต่ง มีการเตรียมความพร้อมอย่างคึกคัก บรรดาคนงานหญิง นำทีมโดยหวานและน้อย ช่วยกันแต่งซุ้มดอกไม้ตรงทางเข้าเรือน ถวิลชี้สั่งงานให้คนงานชายยกตั่งรดน้ำสังข์เข้ามาในเรือนใหญ่
       ครองสุขเดินเข้ามาถวิลถาม “จะให้ตั้งตรงไหนดีครับคุณนาย”
       ครองสุขเอ็ดเอา “ไม่ต้องมาถามฉัน อยากจะวางตรงไหน ก็วางๆ ไปนั่นแหละ มันก็แค่งานแต่งของโจรกับคนใช้ จะอะไรกันนักหนา”
       ถวิลย้อน “โจรที่คุณนายว่า คือเจ้าของไร่ไพศาลนะครับ”
       ครองสุขของขึ้น “อ้อ นี่ย้ายข้างกันแล้วใช่มั้ย จำไว้เลยนะแก”
       ถวิลให้คนงานเอาตั่งไปตั้งตรงจุดที่ประดับดอกไม้ไว้อย่างสวยงาม
       ระหว่างนั้นอรสอางค์กับทรรศนะเดินเข้ามายืนข้างๆ ครองสุข
       “นึกว่ามันจะทำกันง่ายๆซะอีก ลงทุนไม่ใช่เล่น” อรสอางค์หยัน
       ครองสุขรีบหันมา “งานแต่งของหนูอร มันต้องดีกว่านี้ เลิศกว่านี้”
       “แน่อยู่แล้วค่ะ งานของอร ต้องประดับด้วยดอกทิวลิปทั้งหมด” อรสอางค์ฝันเฟื่อง
       ครองสุขยิ้มรับคำ “ได้จ้ะ น้าจะจองทิวลิปที่สวนแถวเมืองนนท์ไว้ล่วงหน้า”
       อรสอางค์เกทับ “ทิวลิปปลูกในเมืองไทยไม่เอานะคะ อรรับไม่ได้ต้องเป็นทิวลิปที่สั่งตรงจากฮอลแลนด์ หรือตุรกีเท่านั้น”
       อรสอางค์มองจ้องหน้าทรรศนะเป็นเชิงบอกให้รับรู้ ทรรศนะรีบเออออไปก่อน
       “ครับๆ”
       อรสอางค์ยิ้มพอใจ ครองสุขรีบช่วยผสมโรง
       “ใช่ สำหรับหลานสะใภ้คนนี้ ต้องเหมาเครื่องบินทั้งลำบรรทุกดอกไม้มาส่ง น้าก็ทำให้”
       
       พอลับหลังครองสุขแอบทำปากงุบงิบด่าอรสอางค์ แล้วหันมายิ้มแย้มให้

--------------------------------------------------------------------------

เวลานั้นทัศนีย์ปัดพานทิ้ง แล้วลงไปนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นออฟฟิศรีสอร์ต พอประไพถือดอกกุหลาบเข้ามาเห็นก็ตกใจ       
       “ทำไมทำแบบนี้ละคะคุณนี”
       ประไพก้มเก็บพานขึ้นมา ทัศนีย์ลุกยืนพลางขึ้นเสียง “จะทำ”
       “แต่ผู้จัดการสั่งให้คุณนีช่วยทำพานขันหมากนะคะ แค่ฉีกใบตองจัดวางบนพานแค่นี้เอง”
       ข้างๆ ทัศนีย์มีพานใหญ่วางเรียงอยู่หลายใบ “ไม่ทำ ใครสั่งคนนั้นมาทำเอง”
       ปานเทพเดินเข้ามาพอดี “ถ้าคุณหนูนีเค้าไม่อยากทำ ก็อย่าไปบังคับเค้า”
       ทัศนีย์เชิดใส่ปานเทพ ทำท่าจะเดินหนีไป ปานเทพขยับเดินมาขวางหน้า
       “คุณไปตามคนงานที่ทำหน้าที่เก็บขี้วัวให้มาช่วยงานคุณประไพ ส่วนคุณก็ไปเก็บขี้วัวแทนคนงาน”
       ทัศนีย์ท้าทาย “นายกล้าเหรอ”
       “ปาน ป่าหวายเสือร้ายแห่งชายแดน ทำไมจะไม่กล้าวะ”
       ปานเทพสวมวิญญาณเสือร้าย เดินไปคว้าเก้าอี้ไม้เก่าๆ ทุ่มลงพื้น เก้าอี้พัง ขาเก้าอี้หลุด ประไพรู้สึกตกใจถอยหลบ ทัศนีย์หนาว ปานเทพหยิบขาเก้าอี้ขึ้นมาชี้หน้าทัศนีย์
       “จะทำไม่ทำ”
       ทัศนีย์มองขาเก้าอี้สะดุ้งโหยง “ทำก็ได้”
       ว่าแล้วทัศนีย์รีบวิ่งจู๊ดออกไปทันที ปานเทพหันมาทางประไพ
       “คนแบบนี้พูดดีๆไม่ฟังครับ ต้องใช้ความรุนแรง”
       ประไพมองเก้าอี้ตาละห้อย “เก้าอี้ตัวนี้ทำจากไม้แท้ที่มีอายุถึงร้อยปีนะคะ เป็นของเก่าที่ประเมินราคาไม่ได้”
       ปานเทพอยากจะร้องไห้ “จึ๊ย จริงหรือครับ เหอๆ แล้วผมจะพยายามซ่อมให้”
       
       จินตนามาส่งปิ่นอนงค์ ที่บริเวณใกล้กับคอกวัวในไร่ ยื่นหน้าออกมาจากตัวรถ
       “พรุ่งนี้เราจะมาช่วยปิ่นแต่งตัวแต่เช้ามืดนะ”
       “จ๊ะ ขับรถดีๆนะ”
       จินตนาขับรถออกไป ปิ่นอนงค์หันมาเจอจอมยืนอยู่ข้างหลัง
       “จอม! มาไม่ให้สุ่มให้เสียง เราตกใจหมด”
       จอมยิงตรงไม่พูดพล่าม “ไม่แต่งได้มั้ยปิ่น”
       ปิ่นอนงค์อึ้ง ทัศนีย์ตรงปรี่เข้ามาจะปาขี้วัวใส่ปิ่นอนงค์ จอมขวางทัน ขี้วัวโดนเสื้อจอมแทน
       ทัศนีย์โกรธมาก “ไอ้บ้า อย่าแส่ หลีกไป”
       จอมโกรธแทนเข้าไปจับแขนทัศนีย์จะลากออกไป ปิ่นอนงค์ร้องห้าม “อย่าจอม”
       ทัศนีย์ดิ้นพราด หันมาด่าปิ่นอนงค์ “เพราะแกนังปิ่น แกทำให้ฉันเกือบตกเป็นเมียไอ้ใหญ่และที่ฉันต้องมาเก็บขี้วัวนี่ก็เพราะแกเป็นต้นเหตุ”
       จอมแย้ง “ปิ่นไม่เกี่ยว จะโทษก็ไปโทษคุณใหญ่”
       “ปกป้องกันเข้าไปเถอะ แกคอยดูนังปิ่นตอนเข้าหอก็แล้วกัน”
       ทัศนีย์ทำเสียงอ่อนเสียงหวานเย้ยปิ่น “ยินดีด้วยนะปิ่น ที่ได้ผัวซาดิสต์อย่างคุณใหญ่ฉันเคยเห็นกับตาว่านังอ่อนเคยถูกพาตัวไปบำเรอคุณใหญ่ พอออกมานะเนื้อตัวงี้เขียวช้ำไปหมด ขนาดต้องใช้คนงานสองคนแบกกันออกมา แกตายแน่”
       ทัศนีย์สะบัดมือจอมออก เดินหัวเราะไปอย่างสะใจ จอมรีบคว้าข้อมือปิ่นอนงค์ชวนหนี
       “หนีเหอะปิ่น เราจะพาปิ่นหนีไปเอง”
       ปิ่นอนงค์มองมือจอมแล้วค่อยๆ ดึงออกอย่างสุภาพ “จอมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”
       ปิ่นอนงค์จะเดินออกไป เสียงจอมพูดแทงใจอีก “หรือว่าปิ่นยอมแต่งกับคุณใหญ่เพราะเงิน เหมือนที่ใครต่อใครเค้าพูดกัน”
       ปิ่นอนงค์หันมา แววตาปวดร้าว พูดเสียงเรียบ
       “พวกเค้าพูดถูก ปิ่นทำเพื่อเงิน จอมไม่ต้องห่วงนะ ปิ่นเรียกเงินได้สูง เพราะปิ่นยังอายุน้อย”
       จอมส่ายหน้า ไม่เชื่อหู “ไม่จริง เราไม่เชื่อ เราไม่เชื่อ”
       จอมวิ่งหนีเตลิดไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ ปิ่นอนงค์หน้าเศร้า
       
       ค่ำนั้นปิ่นอนงค์เดินออกมายืนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ทรรศนะเดินออกมามองจากด้านหลังเห็นปิ่นอนงค์ แต่จำไม่ได้
       “ใครยืนอยู่ตรงนั้น”
       ปิ่นอนงค์หันมาทางทรรศนะ อย่างช้าๆ ทรรศนะตะลึง ลืมตัวเดินเข้าไปใกล้ มองหน้าปิ่นอนงค์ชัดๆ
       “นี่ปิ่นอนงค์เหรอ” มองชุดแต่งตัว “ปิ่นแต่งตัวอย่างนี้สวยยังกะนางฟ้า พี่แทบจำไม่ได้เลยรู้มั้ย ตอนแรกนึกว่านักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ”
       ปิ่นอนงค์ไม่อยากพูดด้วยกลัวทำใจไม่ได้ จึงเดินหนี ทรรศนะรีบเดินมาขวางหน้า
       “ไม่อยากพูดกับพี่เหรอ พี่ขอโทษเรื่องที่ไม่ได้ตามไปช่วยปิ่น เพราะว่า...”
       ปิ่นอนงค์ไม่อยากฟังคำอธิบาย สวนทันควัน “ไม่เป็นไรค่ะ คุณใหญ่ไม่ได้ทำร้ายปิ่น”
       ทรรศนะฟังแล้วขัดหูเพราะเกลียดใหญ่ “ปิ่นชอบไอ้ เออ คุณใหญ่จริงๆ เหรอ”
       ปิ่นอนงค์ยังเข้าข้างตัวเองคิดว่าทรรศนะจะห้ามเรื่องแต่งงาน แอบดีใจ “ถ้าคุณนะจะห้ามปิ่นเหมือนคนอื่นๆ อย่าเลยค่ะ ปิ่นตัดสินใจแล้ว ปิ่นจะแต่งกับคุณใหญ่”
       “เปล่าจ้ะ พี่ไม่คิดจะห้ามปิ่น พี่อยากแสดงความยินดีกับปิ่นด้วยต่างหาก ปิ่นลำบากมามากแล้ว คุณใหญ่มีเงินเออ ถึงจะเป็นเงินไม่ค่อยสุจริตเท่าไหร่ แต่ปิ่นก็จะอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องคอยรับใช้ใครอีก”
       ปิ่นอนงค์ผิดหวัง พูดประชดส่ง “ค่ะ ปิ่นเองก็ต้องการยกระดับตัวเองให้สูงขึ้นเหมือนอย่างที่คุณนะว่า จะได้พ้นจากสภาพที่โดนจิกหัวใช้ถูกเรียกว่า นังปิ่น นังปิ่น ซะที”
       ทรรศนะไม่เข้าใจ “ปิ่นพูดเหมือนกำลังโกรธแค้นใครอยู่ ปิ่นมีอะไรทุกข์” ทรรศนะเดินเข้ามาจับมือปิ่นอนงค์ “...ใจ ปิ่นเล่าให้พี่ฟังได้นะ อย่าเก็บเอาไว้ในใจคนเดียว”
       ปิ่นอนงค์อยากสารภาพกับทรรศนะ “คุณนะมีเวลาฟังความในใจของปิ่นเหรอคะ”
       “พี่นะคนนี้มีเวลาฟังปิ่นพูดเสมอ” ทรรศนะพูดคำหวานตามนิสัย
       ปิ่นอนงค์อึกอัก “ปิ่น...”
       จังหวะนั้นเสียงอรสอางค์ร้องเรียกทรรศนะดังขัดขึ้นก่อน “นะคะ นะ”
       ทรรศนะรีบปล่อยมือปิ่นอนงค์ทันที จนปิ่นอนงค์ตระหนักชัดว่าทรรศนะแคร์อรสอางค์มากเพียงใด
       “พี่ต้องไปก่อนนะ” ทรรศนะรีบวิ่งไป
       
       อรสอางค์เดินมาไม่ทันเห็นปิ่นอนงค์เพราะมีพุ่มไม้บังไว้ ทรรศนะวิ่งไปหาอรสอางค์ทันที
       “มาทำอะไรอยู่แถวนี้คะ”
       “ผมคิดว่าอรเดินลงมาแล้ว ก็เลยมาตามหา เราไปเดินเล่นทางสวนไม้หอมดีกว่า กำลังส่งกลิ่นหอมเชียว”
       ทรรศนะโอบอรสอางค์แล้วพากันเดินไปคนละทางกับปิ่นอนงค์ยืนอยู่ ปิ่นอนงค์มองอย่างเสียใจ
       
       ค่ำคืนเดียวกันนั้น จอมนั่งเมามายคออ่อนคอพับอยู่ใต้ต้นไม้ในไร่ ที่ข้างตัวมีไหเหล้าป่าวางล้มอยู่หลายใบ
       จอมเมาปลิ้น ร้องไห้ตีโพยตีพาย “ปิ่น เราชอบปิ่น ทำไมปิ่นไม่มองเราบ้าง ไม่ให้โอกาสเราบ้าง ทีไอ้คนเลวๆที่มันดีแต่รังแกปิ่น ปิ่นถึงไปชอบมันได้”
       จังหวะนั้นจอมหรี่ตาเห็นคนสองคนเดินเข้าไร่ เป็นเจิดกับก้านที่เดินคู่กันมา
       “เสียดายเงินหมดเป๋า ไม่งั้นอยู่บ้านเจ๊เขียวถึงสว่างแน่แต่ไม่เป็นไร ไปรับรางวัลจากผู้จัดการก่อน ค่อยไปมีความสุขกันต่อ” เจิดว่า
       “ไอ้พรานแจ้งยังไม่ได้โทร.มาเลยนะพี่” ก้านสงสัย
       “เฮ้ย เราก็โทร.ไปหามันเองสิวะ” เจิดหยิบมือถือตั้งท่าจะโทร.ออก
       จอมมายืนโงนเงนอยู่ตรงหน้าเจิด
       “จะโทร.หาไอ้พรานชั่ว แกต้องโทร.ไปที่นรกนะโว้ย”
       เจิดตกใจ “พรานแจ้งตายแล้วเหรอ”
       “แกสองคนจ้างมันไปทำร้ายปิ่น ฉันจะลากคอแกเข้าคุก”
       จอมเข้ากระชากคอเจิด ถูกเจิดซัดหมัดใส่เต็มแรง จอมเมาหลบไม่ทันเจอหมัดเต็มๆ
       “เอาไงดีพี่” ก้านถาม
       เจิดรีบบอก “หนีก่อนสิวะ อยู่ให้โง่เหรอ”
       จอมไม่ยอม พุ่งเข้ากอดก้านจากด้านหลัง เจิดช่วยก้านซัดจอมจนล้มกลิ้ง เจิดกะก้านเข้าไปช่วยกันรุมยำกระทืบจอมไม่ยั้ง
       ระหว่างนั้นเปี๊ยกถือตะเกียงวิ่งมาเห็น โยนตะเกียงทิ้ง ก้มคว้าท่อนไม้ เปี๊ยกเข้าไปลุยฟาดเจิดกับก้านกระเจิง เจิดกับก้านประคองกันวิ่งหนีไปในความมืด
       
       เปี๊ยกจะตาม แต่ได้ยินเสียงจอมร้องอย่างเจ็บปวด เปี๊ยกทิ้งไม้หันมาประคองจอม โวยวายอ้อแอ้ๆ

----------------------------------------------------------

 ตอนเช้าวันแต่งงาน ห้องหนึ่งในเรือนใหญ่ถูกจัดไว้เป็นห้องแต่งตัวเจ้าสาว ปิ่นอนงค์ยืนอยู่ที่หน้ากระจกหน้านิ่ง จินตนากับช่างตัดเสื้อกำลังช่วยกันจัดแต่งชุดไทยประยุกต์ให้
       
       น้อยกระแซะมาข้างๆ ป้องปากพูดเบาๆ
       “พี่ปิ่น ถ้าหนีตอนนี้ยังทันนะไปตายเอาดาบหน้า ดีกว่าตกนรก”
       จินตนาได้ยิน ดึงน้อยออกมาห่างๆ ดุใส่เบาๆ “พูดจาเหลวไหล แขกเหรื่อมากันเยอะแยะ ท่านนายอำเภอให้เกียรติมาจดทะเบียนให้ถึงนี่ จะยกเลิกงานได้ยังไง”
       ทัศนีย์เดินเฉิดฉายเข้ามายืนมอง สายตาเหยียดคำพูดหยามหยัน
       “อุ๊ยตาย ชุดเจ้าสาวเริดนะยะ ไปหาเช่ามาจากสำเพ็งหรือพาหุรัดไม่ทราบ”
       ช่างตัดเสื้อเหลืออด โมโหแทนจึงตอกทัศนีย์หน้าหงาย
       “ไม่ได้เช่าค่ะ แต่สั่งตัดจากห้องเสื้อของเรา ชุดนี้ใช้ผ้าไหมจากอิตาลี ประดับด้วยเพชรแท้ มูลค่าไม่ต่ำกว่าสามแสนค่ะ”
       ทัศนีย์หูผึ่งอิจฉาตาร้อน “เชอะ ใส่ของดีไปก็เท่านั้น เดี๋ยวคืนนี้ก็คงโดนฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ ยับเยินทั้งชุดทั้งคน จริงมั้ยจ๊ะปิ่นอนงค์”
       ทัศนีย์สะบัดหน้าพรืดจากไปจินตนาฉุนแทน “พูดจาอะไรน่าเกลียดจริงๆ ยัยนี่”
       ฟังคำพูดทัศนีย์สองหน ปิ่นอนงค์ชักหวั่นๆ สีหน้าไม่ค่อยดีนึกถึงเรื่องที่ใหญ่เป็นคนซาดิสต์
       
       ทัศนีย์เดินตัวปลิว มาตรงทางเดินไปโถงเรือนใหญ่ ยิ้มสะใจที่ได้แกล้งปิ่นอนงค์ “เห็นหน้านังปิ่นแล้วสะใจเป็นบ้า”
       ปานเทพถือพานเดินตรงมาหา “คุณทัศนีย์ ว่างมั้ย”
       “ไม่ว่าง”
       “ไม่ว่างก็ต้องว่าง เพราะนี่เป็นคำสั่ง” ปานเทพไม่สนยื่นพานให้พร้อมสั่งงาน “คุณต้องทำหน้าที่ยืนแจกของชำร่วยให้แขกที่รดน้ำให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว”
       “คนงานมีตั้งเยอะแยะ ก็ไปใช้มันสิ เรื่องอะไรมาใช้ฉันฉันไม่ใช่ญาติโกโหติกาของมันสักหน่อย อย่าเอาฉันไปร่วมก๊กเดียวกับคนใช้อย่างนังปิ่น”
       ปานเทพเปิดเสื้อสูทโชว์ ให้เห็นว่ามีปืนเหน็บอยู่ “ถ้าไม่อยากเป็นเป้านิ่งให้ผม ก็รับพานไปซะ”
       ทัศนีย์มองปืนเนื้อตัวสั่น รับพานมาแต่โดยดี ปานเทพยิ้มยียวน
       “ต้องอย่างนี้สิจ๊ะ ถึงจะน่ารัก แล้วนี่คุณนาย คุณทรรศนะกับแฟนแต่งตัวกันเสร็จรึยัง”
       “พวกนั้นไม่มีทางมาร่วมงานหรอก ไม่ต้องรอให้เสียเวลา” ทัศนีย์เยาะ
       “งั้นเหรอ”
       ปานเทพยิ้มๆ เดินนำทัศนีย์ไป
       
       ปานเทพเดินนำมาที่ห้องโถงใหญ่ที่จัดเป็นที่รดน้ำสังข์กับจดทะเบียนสมรส ซึ่งมีพวกพนักงานรีสอร์ตมาช่วยงาน บรรดาคนงานในไร่ก็แต่งตัวสวยงามมากันทุกคน แขกก็เป็นลูกค้าที่มาพักในรีสอร์ต มีฝรั่งหนุ่มสาว ญี่ปุ่น ไทย ทั้งหมดประมาณ สิบคน ยืนเป็นกลุ่มๆ ชี้ชวนกันดู ซุ้มดอกไม้ กับตั่งรดน้ำอย่างสนใจ ประไพคอยเทคแคร์
       ระหว่างนั้นถวิลเดินนำ ครองสุข ทรรศนะ อรสอางค์ และจิ๋ว ที่ต่างแต่งตัวมางานเต็มยศเดินหน้าบูดบึ้งเข้ามา
       ทัศนีย์ที่เดินมากับปานเทพเห็นกลุ่มครองสุขก็งง เดินมาหา
       “คุณน้า พี่นะ ไหนว่าจะไม่มาให้หนูมาดูลาดเลาคนเดียวไง”
       ทรรศนะมองไปทางถวิลแล้วกระซิบบอก “คุณใหญ่ สั่งนายหวินไปบอกว่าทุกคนในไร่ต้องมาร่วมงาน ไม่อย่างนั้นจะไปตามเอง”
       ครองสุขพูดประชดหน้าเชิดๆ น้ำเสียงห้วนๆ ถามถวิล “จะให้ฉันนั่งตรงไหน”
       “เชิญตรงโซฟานั่นเลยครับ”
       พลางครองสุขหันไปจ๊ะจ๋าว่าที่สะใภ้ “ไปจ้ะ หนูอร นั่งแป๊บๆพอเป็นพิธีนะ”
       อรสอางค์เดินเชิด จิ๋วเชิดด้วยและจะแถลงนั่งที่อรสอางค์ แต่พอโดนครองสุขมองหน้าจิ๋วก็ขยับหนี มายืนข้างอรสอางค์แทน
       “พวกฝรั่งนั่น แขกคุณน้าเหรอคะ” อรสอางค์ถาม
       “ไม่ใช่หรอกจ้ะ” ครองสุขว่า
       ปานเทพบอกยิ้มๆ เป็นลูกค้าที่รีสอร์ตน่ะครับ คุณใหญ่ให้เชิญมาร่วมงาน”
       “เค้าคงตื่นเต้นน่าดูนะ มาเมืองไทยก็ได้เห็นงานแต่งงานแบบบ้านนอกแท้” อรสอางค์หยัน
       จิ๋วพลอยพยักเช่นเคย “หวังว่าเจ้าบ่าวคงไม่คาดผ้าขาวม้า ใส่สร้อยสังวาลเหมือนลิเกหลงโรง มาหรอกนะคะ” พร้อมกับหัวเราะคิกคัก
       ปานเทพยิ้มๆ ถวิลเลี่ยงไปหาหวานที่ถือถาดแก้วน้ำ รับแก้วมา สีหน้าเป็นกังวล
       “ไอ้จอมมันเป็นยังไงบ้าง”
       “ฉันทำแผลให้มันแล้ว แต่ลูกลุงมันโคตรดื้อ ตื่นขึ้นมาก็ไปเมาแอ๋อยู่ท้ายไร่ ส่วนป้าอุ่นก็ขังตัวเองอยู่ในห้องเรียกเท่าไหร่ก็ไม่เปิดประตู”
       เปี๊ยกโผล่เข้ามาแจม พูดอ้อแอ้ “ถ้าไอ้จอมไม่เมา ไอ้เจิดไอ้ก้านก็ไม่หนีไป”
       “ไม่ต้องไปโทษไอ้จอมเลย แกนั่นแหละไม่เอาไหน จับไอ้เจิดไอ้ก้านไม่ได้” หวานเอ็ดผัว
       ธีระอยู่แถวนั้นเงี่ยหูฟัง ถวิลเหลือบมองแล้วรีบพูด
       “อย่าเพิ่งให้ใครรู้เรื่องนี้รอคุณใหญ่มาแล้วให้นายปานรายงานทีเดียว”
       น้อยกำลังมองซ้ายมองขวา หยิบของออเดิร์ฟใส่ปาก แล้วมองไปทางประตู ก่อนจะอ้าปากค้างขนมร่วง หวานก็หันมาชะงักเงยหน้าตาค้าง ปล่อยถาดเปล่าหลุดมือ หวานถึงกับเคลิ้ม
       “เราจ้างดารามาร่วมงานด้วยเหรอลุงหวิน”
       ถวิลหันไปมองตามสองสาว เห็นใหญ่เดินเข้ามาในชุดสูทสากลสุดหรู
       “เชิญครับคุณ ไม่ทราบว่าเป็นแขกของทางเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวครับ” ถวิลปล่อยไก่
       ใหญ่ยิ้มๆ “ผมเป็นเพื่อนปานครับ”
       หวานชิงตัดหน้าถวิล “ฉันพาไปเองลุงหวิน เชิญข้างในเลยค่ะ”
       ใหญ่เดินตามหวาน ถวิลมองตาม “เหมือนเคยเห็นที่ไหนวะ”
       
       ใหญ่ตัดผมสั้น หน้าตาสะอาดสะอ้านเกลี้ยงเกลาดูหล่อเหลาจนทุกคนจำไม่ได้!!
       หวานเดินขนาบมองหน้าใหญ่ชื่นชมความหล่อ คนงานที่จับกลุ่มคุยกัน พากันสะกิดมองใหญ่ถามกันอื้ออึงว่าใครกัน น้อยเห็นรีบถลามาหาหวาน กระซิบถามระริกระรี้
       “ใครอ่ะพี่หวาน หล่อโคตร อกผายไหล่ผึ่ง ยังกะพระเอกละครหลังข่าว”
       “เพื่อนผู้จัดการ” หวานกระซิบ
       ที่อีกมุมในห้องโถงจัดงาน ปานเทพหยิบของชำร่วยใส่พานให้ทัศนีย์ ปานเทพเห็นใหญ่ก็ดีใจตะโกนร้องเรียกเสียงดัง
       “เฮ้ย เจ้าบ่าวทำไมถึงมาช้านักวะ”
       ทัศนีย์มองใหญ่อย่างตกตะลึงพึงเพริด “เจ้าบ่าว” หน้าตาเลิ่กลั่กบุ้ยใบ้ไปที่ใหญ่ “คนไหน แล้วคนนั้นใคร เพื่อนนายเหรอ”
       “อะไรกันจำคุณใหญ่เจ้านายของเธอไม่ได้หรือไง”
       ปานเทพรีบเดินเข้าไปหาใหญ่ หวานกับน้อยกำลังมองใหญ่ตาค้างจะเป็นลม ต่างประคองกันไว้
       หวานกะน้อยครางเสียงหลงออกมาพร้อมกัน “คุณใหญ่....เป็นไปไม่ได้”
       ปานเทพเดินมาถึงตัวใหญ่
       “เป็นไง ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั้ย”
       “รอแต่แกนั่นแหละ” ปานเทพยิ้มบอก
       ใหญ่เดินเข้ามาทักทายแขกฝรั่ง จับไม้จับมือ
       กลุ่มของครองสุข ทรรศนะ อรสอางค์ และจิ๋ว ยืนมองงงๆ
       “นั่นใครนะ ดูบุคลิกหน้าตาเหมือนไม่ใช่คนแถวนี้ เพื่อนคุณเหรอ” อรสอางค์ก็จำใหญ่ไม่ได้
       “ไม่ใช่ ผมไม่รู้จัก” รวมทั้งทรรศนะ
       ปานเทพเริ่มพิธีการประกาศเสียงดัง “ฮะแฮ่ม ท่านผู้เกียรติมีทุกท่านครับ หลายๆ ท่านอาจจะยังไม่เคยพบเจ้าบ่าวมาก่อน ผมขอถือโอกาสแนะนำ ผู้ชายหน้าตาขี้เหร่ที่ยืนอยู่ข้างผม คือ คุณชาลิต ลูกชายคนเดียวของนายไพศาล แห่งไร่ไพศาล รีสอร์ตแอนด์ฟาร์ม เจ้าบ่าวของงานในวันนี้ครับ”
       ใหญ่โค้งน้อยๆ ทุกคนปรบมือต้อนรับเกรียวกราวในอาการตะลึง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม
       ครองสุข ทรรศนะ อรสอางค์ ช็อกคาที่ ไม่อยากเชื่อสายตา
       “ไอ้ใหญ่” ครองสุขคราง
       
       ใหญ่เดินมาดหล่อเท่ขั้นเทพเข้ามาหาทุกคนที่อ้าปากค้างกันอยู่  “สวัสดีครับ ทุกคน”

---------------------------------------------------------

น้อยวิ่งถลาหน้าตื่นเข้าห้องมาในห้องแต่งตัวเจ้าสาว ปิ่นอนงค์นั่งอยู่ที่เก้าอี้ ช่างเสื้อดูแลผมเผ้า จินตนาซับหน้าที่แต่งเสร็จแล้วให้ปิ่น ทุกคนหันไปมองน้อย       
       “คุณ คุณใหญ่มาแล้ว โอ โคตรๆ อื้อ หือ มัน โอ๊ย อยากจะกรี๊ด” น้อยละล่ำละลัก
       “คุณใหญ่ก่อเรื่องอะไรอีกละซิ งานแต่งงานแท้ๆ” จินตนานึกฉุน
       ปิ่นอนงค์เองก็ร้อนใจ “รีบไปดูกันเถอะ จิน”
       “เดี๋ยวๆ จวนเสร็จแล้ว”
       จินตนาตรวจความเรียบร้อยอยู่นั่น “พอแล้วละ”
       ปิ่นอนงค์รีบยกกระโปรงเดินออกจากห้องไป จินตนา กะน้อยรีบตาม
       
       ภายในห้องโถงใหญ่เวลานั้น ใหญ่ยิ้มแย้มอยู่กับครองสุข
       “ขอบคุณทุกคนนะที่อุตส่าห์มาร่วมงาน”
       “แหม คุณใหญ่ทำซะน้าเกือบหัวใจวาย นึกยังไงถึงเพิ่งมาถอดรูปเงาะให้เห็นเนื้อทองข้างในล่ะจ๊ะ” ครองสุขจ๊ะจ๋า
       “ผมก็อยากหล่อเหมือนนายทรรศนะมั่งซิ” ใหญ่เย้า
       ทรรศนะหน้าเครียด ใหญ่ยักคิ้วให้ ปานเทพกระแอม
       “คุณใหญ่ไปรอเจ้าสาวตรงโน้นดีกว่า” ใหญ่กับปานแยกไป ครองสุขบ่นงุบงิบ
       “นังปิ่น มันต้องร่วมมือกับไอ้ใหญ่ เล่นละครตบตาเรามาตลอดแน่ๆ”
       ทัศนีย์อารมณ์ไม่ดีพาลใส่ครองสุขเสียดายใหญ่ “ไหนคุณน้าบอกว่าตัวเองฉลาดนักหนาไงคะ โง่ๆ อย่างนังปิ่นยังให้มันหลอกเอาได้”
       อรสอางค์เยาะ “ตื่นเต้นอะไรกันนักหนา ก็แค่โกนหนวดโกนเครามันล้างคราบโจรไม่ได้หรอก ใช่มั้ยพี่จิ๋ว”
       จิ๋วยังเคลิ้มอยู่ “ยังกะสรพงษ์ ชาตรี”
       อรสอางค์โมโห “พี่จิ๋ว”
       “อุ้ย ค่ะ ค่ะ โจรก็ยังเป็นโจรอยู่ดี” จิ๋วถอนหายใจ
       
       ปานเทพซุบซิบกับใหญ่ตรงโซฟาในห้องโถง ใหญ่ถามกลับอย่างหงุดหงิด
       “อะไรนะ ไอ้จอมปล่อยไอ้เจิด ไอ้ก้านหนีไปเหรอ”
       “นายหวิน บอกว่ามันเมา แต่ยังไงมันก็เป็นคนจ้างแน่ ไม่อย่างงั้นมันคงไม่หนี”
       ใหญ่มองไปทางครองสุข “สงสัยฉันต้องคิดบัญชีกับยัยคุณนายมหาภัยให้หนักหน่อยแล้ว แต่ตอนนี้ฉันอยากเห็นเจ้าสาวฉันแล้วว่ะ”
       เสียงจินตนาดังเข้ามา “ปิ่น ค่อยๆ เดินระวัง”
       ปิ่นอนงค์หอบกระโปรงรีบเดินลงบันไดมา ใหญ่หันไปมอง จังหวะนั้นปิ่นอนงค์รีบจนสะดุดหน้าถลำลงมา ใหญ่ก้าวขึ้นไปคว้าตัวไว้ได้
       ปิ่นอนงค์ตะลึงมองใหญ่ยังจำไม่ได้ ด้านใหญ่เองก็มองปิ่นอนงค์อย่างพอใจ สองคนสบตากัน
       “ขอบคุณค่ะ”
       “เจ้าบ่าวที่ไหนจะปล่อยให้เจ้าสาวคนสวยตกบันไดล่ะ”
       “เจ้าบ่าว” ปิ่นอนงค์งง
       จินตนาที่ตามมามองงงๆ
       “ทำไม ตะลึงในความหล่อของว่าที่สามีหรือไงจ๊ะ”
       
       วินาทีนั้นปิ่นอนงค์นึกถึงชายหนุ่มที่เธอเห็นว่าแอบมางานศพไพศาลผู้เป็นพ่อแวบเข้ามา
       ปิ่นอนงค์ดึงตัวเองกลับมา “คุณ ทำไมถึง...”
       ใหญ่กลับคิดว่าปิ่นอนงค์จะถามเรื่องตัดผม “ของขวัญสำหรับเธอไง ปิ่นอนงค์”
       ใหญ่แบมือให้ปิ่นอนงค์จับเดินเคียงกันไปจินตนามองตาม “นั่น นั่นคุณใหญ่จริงเหรอ”
       “ตัวจริงเสียงจริงเลยละ” ปานเทพยืนยัน 
       ใหญ่กับปิ่นอนงค์เดินไปตรงกลางห้อง “เจ้าสาวผมสวยมั้ยครับ”
       แขกในงานต่างตบมือให้ปิ่นอนงค์กันเกรียว ทรรศนะเผลอตัวลุกยืนช้าๆ มองปิ่นอนงค์ที่สวยบาดจิตเหมือนโดนมนต์สะกดไปอีกคน
       อรสอางค์แอบหยิกแขน ทรรศนะรู้สึกตัวรีบปรับสีหน้าปกติ พวกหวานตะลึง
       “โห ยังกะเทวดากับนางฟ้า” หวานบอก เปี๊ยกอ้าปากค้าง
       ครองสุขเดินเข้ามาพร้อมทรรศนะ อรสอางค์ และทัศนีย์
       “เอาละๆ ถ้าเจ้าสาวมาแล้ว ก็น่าเริ่มพิธีได้เลย จะได้จบๆ กันไป”
       ใหญ่สวนออกมา “คงยังไม่ได้ครับ คงต้องรอญาติผู้ใหญ่ให้มาถึงก่อน”
       ครองสุขกลับคิดว่าเป็นอุ่นเรือนจึงพูดเย้ย “นังอุ่นมันคงยังทำใจไม่ได้ ไม่ต้องรอมันหรอก”
       ปิ่นอนงค์อึ้งๆ เสียใจไม่หาย
       “ผมหมายถึงญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายของผมครับ”
       ครองสุขสงสัยครามครัน “นี่ยังมีญาติของคุณไพศาลยอมมาเป็นผู้ใหญ่ให้อีกเหรอ”
       “คนนี้ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติละครับ” ใหญ่บอก
       ระหว่างนั้นยินเสียงปืนดังเปรี้ยง ทุกคนตกใจ มีเสียงตะโกนดังขึ้น “มาแล้ว”
       ทุกคนหันไปทางเสียง ใหญ่รีบหันไปอธิบายแขกเหรือที่มาร่วมงาน
       “เซอร์ไพรส์ เจ้าสาว แบบไทยๆ ไม่ต้องตกใจ”
       
       เสียงปืนสงบลง ปลอด พงษ์กับพวกลูกน้องอีกราว 6 คนเดินมาที่หน้าเรือนใหญ่อย่างองอาจ
       ทุกคนใส่สูทแบบคาวบอยตะวันตก สวมหมวกหนังมาดนักเลง และมีลูกน้องคนหนึ่งถือปืนยาวคุ้มกันขบวนขันหมากด้วย
       ปลอดเดินนำหน้าถือปืนกระบอกที่ยิงขึ้นฟ้าเมื่อครู่ ชูอยู่ก่อนจะเก็บเหน็บไว้ แล้วโบกมือให้สัญญาณลูกน้องโห่ ตีกลองเทิดเถิงกันรื่นเริง
       ลูกน้อง 2 คนถือกล้วย อ้อย ตามประเพณีไทยแท้ คนงานเหมืองชายหญิงถือถาดขนมตาม
       ปานเทพเดินเข้าไปรับพ่อ “ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ” ปลอดถาม
       “ก็ไม่เชิง ไว้เล่าให้ฟังทีหลัง”
       ครองสุขกับพวกทรรศนะเดินแหวกพวกแขกออกมาดูลาดเลา
       ปลอดเดินไปหาครองสุข ไม่แสดงความเคารพใดๆ ครองสุขจ้องคลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก
       “ไม่ได้เจอคุณนายตั้งนาน ยังอยู่เป็นสุขดีเหรอครับ”
       ครองสุขสะอึกกับคำทักทายของปลอด
       อรสอางค์ฉุน พูดลอยๆ ขึ้นมาแบบไม่เกรงใจใคร “คุณน้ารู้จักไปได้ยังไงคะ ดูหน้าตาแต่ละคนนึกว่าหลุดมาจากคุกบางขวาง”
       พวกลูกน้องปลอดชักปืนขึ้นมาเล็งไปทางอรสอางค์พร้อมกัน
       อรสอางค์ผวากับจิ๋วกอดกันกลม ทรรศนะรีบดึงครองสุขถอยออกมา
       “เฮ้ย หยุด ! นี่มันงานมงคล เก็บปืน”
       พงษ์ก้มหน้ารับคำแล้วชักปืนเก็บ ปลอดยิ้มๆ “คุณนายน่าจะจำได้ว่าผมเคยรับใช้คุณไพศาล พ่อคุณใหญ่ที่นี่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ เป็นลูกน้องใครแล้ว”
       ระหว่างนั้นธีระเดินเข้ามาอยู่อีกมุม มองด้วยสีหน้ากังวล
       “พ่อของผมเองครับ เสือปลอด ปาดังเบซา” ปานเทพภูมิใจนำเสนอ
       ครองสุขนึกออกทันที “นายปลอด”
       ใหญ่ออกมาพร้อมปิ่นอนงค์ และจินตนา “อาปลอด ขอบคุณครับที่มา”
       ปลอดตรงเข้าไปกอดใหญ่ ปานเทพแซว “อ้าวคุณใหญ่ เรามาสู่ขอเค้า ต้องมายืนด้วยกันฝั่งนี้ ไปมั่วอยู่ฝั่งเจ้าสาวทำไม”
       ปลอดหยิบซองปึกใหญ่ ส่งให้ใหญ่ ปลอดชูซองที่เหลือ ตะโกนขึ้นมา
       “ถ้าไม่มีการตั้งด่าน ฝ่ายเจ้าบ่าวบุกเข้าบ้านเลยนะ”
       กลองยาวบรรเลงรับครื้นเครง เปี๊ยกกะหวานโผล่เข้ามาถือเชือกกั้นใหญ่
       น้อยและคนงานหญิงเอาเข็มขัดมากั้นอีกด่าน
       คนงานชายกับหญิง เอาผ้าขาวม้ากั้นอีกด่าน
       ใหญ่กับปลอดแจกซองเงินผ่านประตู จินตนาจูงปิ่นอนงค์เข้าบ้าน ปานเทพเดินรำป้อแจกซองคนงานอื่นๆ
       ครองสุข อรสอางค์ ทรรศนะ และทัศนีย์ ต่างถอยทัพออกมารวมกลุ่มมองหน้าเครียด ธีระรีบเข้ามาสมทบมองหน้ากับครองสุข
       ใหญ่แจกซองคนงาน เรียกชื่อจำได้ทุกคน คนงานส่งเสียงเฮฮากันครื้นเครง
       “เอ้านี่ของจิ๋ม ไอ้อ๋อง เอ้าเป้ นุ นี่ของมาลัย”
       บรรยากาศสนุกสนานกันเต็มที่
       ถวิลเข้ามาสบตากับปลอด “พี่ปลอด”
       “ไอ้หวิน”
       ถวิลกับปลอด เดินเข้าหากัน จับไม้จับมือ กอดกันตบหลังตบไหล่กันอย่างสนิทสนมรักใคร่
       อรสอางค์งงๆ ลากแขนทรรนะเข้ามาที่ข้างเรือนใหญ่ จิ๋วตามติด
       “พวกคุณเป็นอะไรกันไปหมด พวกมันมีแต่โจรห้าร้อยอาวุธครบมือ ทำไมไม่รีบแจ้งตำรวจมาลากคอพวกมัน”
       “นั่นสิคะ ยกกันมาเป็นกองโจรเลยทีนี้ ไร่นี้มันเหมือนซ่องโจรไม่มีผิด”
       อรสอางค์หยิบมือถือตัวเองออกมา “ถ้านะไม่กล้า อรโทรเอง”
       นะจับมืออรสอางค์ไว้
       “ไม่ได้นะอร เราไม่มีหลักฐานว่าเค้าไปฆ่าใคร ลัก วิ่งชิง ปล้นใคร ตำรวจเค้าไม่ฟังเราหรอกอร”
       “ถ้าอย่างนั้นก็รีบๆ ขายไร่นี่ซะ แล้วกลับไปอยู่กรุงเทพฯ กับอร”
       “ผมทำอย่างนั้นแน่ๆ แต่อรต้องใจเย็นๆ ก่อน รอคำสั่งศาลอีกสักหน่อย ไม่นานหรอกครับ”
       “อย่าลืมที่พูดก็แล้วกัน แต่วันนี้อรไม่ขอร่วมสังฆกรรมกับไอ้พวกคนชั้นต่ำแบบนี้ อรรับไม่ได้ ไปพี่จิ๋ว กลับห้อง”
       
       อรสอางค์สะบัดหน้าออกไปกับจิ๋ว ทรรศนะมองตามเครียดๆ

--------------------------------------------------------------------

พิธีการสู่ขอตามประเพณีไทยเริ่มขึ้นแล้วปลอดนั่งบนโซฟาคู่กับครองสุข ปลอดเปิดสินสอดทั้งหมด เป็นพานแหวนเพชร พานชุดเครื่องเพชรสร้อยต่างหูกำไลวูบวาบ พานทองแท่ง พานเงินสดซ่อนกันหลายปึกซ้อนเรียงกันหลายชั้น        
       ครองสุขตาโตนั่งมองของบนพานไปมา ปลอดแอบมองครองสุข ยิ้มอย่างรู้ทัน
       ใหญ่กับปิ่นอนงค์นั่งพับเพียบที่พื้น ใหญ่มองปิ่นอนงค์จับตาดูปฏิกิริยา เห็นปิ่นอนงค์นิ่งเฉยไม่ตื่นเต้นอะไรเลย ช่างกล้องวิดีโอ ช่างภาพนิ่ง ถ่ายรูปไปมา แฟลชวูบวาบเป็นระยะ
       ถวิล หวาน เปี๊ยก น้อย จ้องที่พานขันหมากกันตาถลน หวานซุบซิบกับน้อย
       “ปิ่นมันโชคดีจริงๆ ว่ะ ที่เลือกคุณใหญ่”
       “ไหนพี่หวานบอกว่าพี่ปิ่นวาสนาน้อยไง ทีนี้ล่ะนังน้อยก็จะได้ขึ้นแท่นเป็นคนของคุณผู้หญิง” น้อยเหน็บ
       หวานเพ้อ “ส่วนพี่ ก็เป็นพี่สาวของคุณผู้หญิง”
       เปี๊ยกขอแจมชี้ที่ตัวเองว่าเป็นอะไร หวานบอกตำแหน่งเปี๊ยก “แกเหรอไอ้เปี๊ยก ก็เป็นผัวของพี่สาวคุณผู้หญิง” เปี๊ยกชอบใจ หัวเราะกันคิกคักมีความสุข ถวิลพลอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย
       อุ่นเรือนแอบมองเศร้าๆ อยู่มุมหนึ่ง พอเห็นปิ่นอนงค์มองมา แต่ไม่เห็นแม่ อุ่นเรือนรีบหลบวูบแล้วผละไป
       “เจ้าบ่าว สวมแหวนให้เจ้าสาวได้แล้ว” ปลอดบอกเสียงดัง
       ใหญ่หยิบแหวนที่พาน บรรจงสวมให้กับปิ่นอนงค์ แต่ปิ่นอนงค์กลับมองไปทางทรรศนะ ประสานตากับทรรศนะซึ่งกำลังจ้องปิ่นอนงค์อยู่
       ขณะที่ทัศนีย์มองด้วยสายตาอิจฉาและเซ็งมาก
       
       ปานฌ?ฑยืนข้างใหญ่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ส่วนจินยืนข้างปิ่นอนงค์ในฐานะเพื่อนเจ้าสาว
       ทัศนีย์ถือพานของชำร่วยยืนถัดมาจากตั่งรดน้ำ จิกตาร้ายมองปิ่นอนงค์กิริยาริษยาสุดๆ ใหญ่มองไปทางทัศนีย์ที่ยืนหน้าบึ้ง มองไปทางทรรศนะที่นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่กับครองสุขแล้วสะใจ
       ปลอดสวมสายมงคลให้คู่บ่าวสาวเสร็จแล้ว ปานเทพรีบยื่นน้ำสังข์ให้ปลอด
       ปลอดรดน้ำอวยพรในฐานะญาติผู้ใหญ่เป็นคนแรก
       “ขอให้คุณใหญ่มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบอย่างที่คุณใหญ่คิดฝันไว้ ไม่ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหน ผมจะช่วยให้มันเป็นจริง”
       ใหญ่ซาบซึ้งนัก สองคนจ้องตากันอย่างเข้าใจ ปลอดรดน้ำปิ่นอนงค์
       ปลอดก้มไปพูดเบาๆ ตักเตือนปิ่นอนงค์ทางอ้อม
       “เมียที่ดีคือส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าของสามี ไม่นำพาสามีไปสู่ความล่มจมวิบัติ ฉันหวังว่าเธอจะเป็นเมียที่ดีของคุณใหญ่นะ”
       ปิ่นอนงค์งุนงง ใหญ่ไม่ได้ยิน ทัศนีย์ยื่นของชำร่วยให้ปลอดอย่างกระแทกกระทั้นไม่เต็มใจ
       
       ครองสุขรดน้ำใหญ่เสร็จแล้วเลื่อนไปทางปิ่นอนงค์
       “ดีใจด้วยนะ นึกว่าฉันอวยพรแทนแม่แกแล้วกัน”
       ครองสุขรดน้ำปิ่นอนงค์ แล้วก้มไปกระซิบขู่ “อย่าลืม ชั้นทำให้แกมีวันนี้ แกต้องกตัญญูกับฉัน ให้เหมือนที่แม่แกเป็น และถ้าคิดหักหลังฉัน แกคงรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
       ปิ่นอนงค์สีหน้าไม่ดี สายตามองหาแม่ตลอดเวลา
       “มองหาใคร หวังว่าคงไม่ใช่กิ๊กเก่านะ” ใหญ่แขวะ
       “อย่ามองคนในแง่ร้ายสิคะ ปิ่นมองหาแม่ อยากให้แม่มาอวยพรปิ่น”
       ใหญ่จ๋อย เงยหน้าเจอทรรศนะพอดี ทรรศนะรดน้ำให้ใหญ่โดยไม่อวยพร พอรดน้ำให้ปิ่นอนงค์กลับตั้งใจพูดให้ใหญ่ได้ยิน
       “วันนี้ปิ่นสวยมาก สวยจนละลายหัวใจผู้ชายทั้งงาน” เหลือบตามองข่มใหญ่ “รวมทั้งพี่ด้วย”
       ใหญ่ไม่พอใจ ปิ่นอนงค์ทำหน้าไม่ถูก “ปิ่นเค้าไม่ชอบผู้ชายเหยาะแหยะที่นิยมเกาะชายกระโปรงผู้หญิงกินหรอก จริงมั้ยจ๊ะปิ่น”
       ทรรศนะหันขวับมองใหญ่ บีบสังข์ในมือแน่น แล้วล้วงดอกปีบที่มัดรวมกันออกมา วางใส่มือปิ่นอนงค์ ปิ่นอนงค์ตะลึงรู้สึกเจ็บหนึบที่หัวใจ ทรรศนะยิ้มให้โดยไม่พูดอะไร ใหญ่แค้นแย่งคืนมาเหมือนเด็กๆ แล้วบีบคามือใหญ่ยิ้มกวนตีนทรรศนะ
       “โทษทีนะมันมีมด ฉันกลัวมันจะกัดปิ่น”
       ปานเทพมองไปเห็นครองสุขกับธีระออกจากห้องไปท่าทางดูมีพิรุธ
       จินตนาจัดซองเงินช่วยงานเสร็จใส่กระเป๋าเดินทางใบขนาดเก็บสินสอดได้หมดที่วางบนเตียง
       สองเสือโหย ครองสุข กับธีระเข้ามา จินตนาลุกจับหูกระเป๋าจะหิ้วไป
       “นั่นกระเป๋าอะไร”
       “สินสอดทั้งหมดของปิ่นค่ะ”
       “ดี เอามาให้ชั้นเก็บเอง นังอุ่นมอบหมายให้ชั้นทำหน้าที่ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว”
       “คงต้องให้กระเป๋านี้ถึงมือปิ่นก่อนนะคะ ส่วนปิ่นจะให้ใครเก็บรักษาหรือจะเก็บเอาไว้เองค่อยว่ากัน” จินตนาบอกเสียงแข็ง ไม่ยอมให้
       “ปิ่นเป็นเด็กในปกครองของฉัน ฉันจะดูแลทรัพย์สินให้มันเองคนอื่นอย่าแส่ เอามานี่”
       ครองสุขเข้ามาแย่งกระเป๋าบนเตียง จินตนายื้อเอาไว้สุดชีวิต
       “ยืนบื้ออยู่ได้ธีระ มาช่วยกันสิ” ครองสุขสั่งธีระ ธีระเข้าไปจะช่วย
       ปลอดกับปานดเทพเข้ามา “หยุดเดี๋ยวนี้”
       ทุกคนชะงัก ครองสุขกร่างวางอำนาจทันที
       “ไม่ต้องมาทำเสนอหน้านายปลอด แกมันก็แค่คนงานที่โดนคุณไพศาลไล่ออกไปแล้ว โดนไอ้ใหญ่ยกหางให้หน่อยมาทำตวาดฉัน”
       ปลอดชี้หน้าครองสุขไม่ยำเกรง “คุณนายเองก็เถอะ อย่านึกว่าทำอะไรเอาไว้แล้วจะไม่มีใครรู้ คราวนี้ไม่ง่ายเหมือนในอดีตหรอก ถ้าคุณใหญ่เป็นอะไรไปเพราะใคร ผมจะฆ่าพวกมันยกครัว”
       ครองสุข ธีระ จินตนา พากันสยอง ปานเทพผสมโรง
       “ดีพ่อ จับพวกมันมัดรวมกันทั้งครอบครัว แล้วเผาทิ้งพร้อมบ้านไปเลย”
       ปลอดมองปานเทพเป็นเชิงว่าชักจะเว่อร์ไป
       “เออ ดีเหมือนกัน เอาตามที่เอ็งว่านั่นแหละ”
       ครองสุขถอยกรูดออกมากับธีระ “ไอ้พวกโจรโรคจิต ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ”
       ครองสุขกับธีระเตลิดออกไป ปลอดมองจินตนาไม่วางใจ จินตนาจับกระเป๋าแน่นอาการเลิ่กลั่ก
       “ไม่ต้องห่วงพ่อ จินตนาเป็นเพื่อนรักของปิ่น” ปานเทพรีบบอก
       “แกดูแลให้ดีก็แล้วกัน มันเป็นทรัพย์สินที่คุณใหญ่หามาได้ด้วยความรู้ความสามารถ อย่าให้นังคุณนายมันมาปอกลอกเอาไปได้ เหมือนที่เคยทำกับคุณไพศาล”
       ปานเทพสบตากับพ่อ พยักหน้าเอาการเอางาน ปลอดออกไป
       จินตนาแอบลอบมองจับกิริยาสองพ่อลูกสงสัยเบื้องหลัง
       “วันนี้คุณเจ๋งมาก จินตนา ขอบคุณนะ”
       จินยิ่งงงหนักที่ปานพูดดีและดูจริงจัง
       
       พิธีการเสร็จลุล่วงไปด้วยดี คืนนั้นที่หน้าเรือนถวิล สองคนถวิลกับปลอดยกแก้วสาโทขึ้นดื่ม
       ถวิลแอบมอง ท่าทีอึดอัดใจ “เรื่องในอดีต ใครจะว่ายังไงก็ช่าง แต่ฉันเชื่อว่าพี่ปลอดไม่ได้ใส่ร้ายคุณนาย”
       ปลอดตบบ่าถวิล “ขอบใจว่ะ ที่ฉันเฝ้าสงสัยก็คือการตายของนาย แกอยู่ที่ไร่ น่าจะรู้สาเหตุใช่มั้ยว่านายตายเพราะอะไร”
       “พอนายป่วย ก็นอนพักอยู่แต่ในเรือนใหญ่ คุณนายไม่ยอมให้ใครเข้าเยี่ยมเลย พอต่อมานายก็หัวใจล้มเหลว ฉันก็รู้เท่านี้แหละ พี่สงสัยอะไรเหรอ” ถวิลคาใจ
       “ฉันยังบอกอะไรแกตอนนี้ไม่ได้ แต่จำไว้คุณใหญ่ไม่ได้เป็นคนเลวอย่างที่ใครๆ คิด”
       ถวิลอึ้ง “หมายความว่า คุณใหญ่ไม่ได้เป็นโจร เป็นเสือใช่มั้ย พี่ปลอดด้วย”
       ปลอดไม่ตอบ แต่พูดให้คิด “สิ่งที่แกเห็นมันไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงเสมอไป ฝากแกดูแลคุณใหญ่ด้วยก็แล้วกัน”
       “ถึงพี่ไม่ฝาก ชั้นก็ต้องดูแลคุณใหญ่อยู่แล้ว เพื่อตอบแทนบุญคุณนายไพศาล”
       ปลอดถามหยั่งเชิงเรื่องปิ่นอนงค์ “แล้วปิ่นล่ะ เด็กคนนี้เป็นคนยังไง”
       ถวิลบอกกังวลๆ “ก็เป็นเด็กดี แต่กลัวคุณนายกันทั้งแม่ทั้งลูก”
       ปลอดนิ่งคิดแล้วพูดเบาๆ “หวิน ฉันอยากให้แกช่วยอะไรฉันสักอย่าง”
       
       ถวิลมองหน้าปลอดด้วยความสงสัยนักว่า อดีตรุ่นพี่คนงานไร่จะให้ทำอะไร

--------------------------------------------------------------------

ห้องนอนในบ้านพักใหญ่ที่รีสอร์ต ถูกแต่งเป็นห้องหอบ่าวสาว บนเตียงโรยดอกกุหลาบไว้อย่างสวยงาม แต่ปิ่นอนงค์กลับนั่งมองดอกปีบในมือ ที่ใหญ่ขยำทิ้งตอนรดน้ำสังข์       
       ปิ่นอนงค์เก็บดอกปีบใส่ไว้ในสมุดที่ชอบทับดอกปีบเก็บไว้ ซึ่งในนั้นมีดอกปีบอยู่หลายหน้าปิ่นอนงค์คิดถึงทรรศนะขึ้นมาอีก
       “จากนี้ไป ปิ่นคงไม่สามารถคิดถึงคุณนะได้อีก” ปิ่นอนงค์ร้องไห้ออกมา ใหญ่โผล่มาแย่งสมุดจากมือปิ่นอนงค์
       ปิ่นอนงค์ตกใจเงยหน้ามองใหญ่เขม็ง รู้ทั้งรู้ว่ามันมีแฟนอยู่ ยังยอมโง่ให้มันหลอก”
       ปิ่นอนงค์โมโห “แล้วคุณใหญ่ละคะ เคยหลอกปิ่นบ้างหรือเปล่า”
       ใหญ่ชะงักสงสัยว่าปิ่นอนงค์หมายถึงอะไร “ฉันจริงใจกับเธอมากที่สุดแล้วปิ่นอนงค์”
       “ทำไมคุณใหญ่ถึงได้รู้ว่าปิ่นทำต้มบ๊วยหมูสับเป็น เพราะคุณใหญ่เคยเห็นปิ่นที่เก็บกระดูกคุณไพศาลแถมตอนที่คุณใหญ่เจอปิ่นในไร่ครั้งแรก ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้จักปิ่น คุณใหญ่มีจุดประสงค์อะไร ทำไมต้องหลอกปิ่น”
       ใหญ่อึกอักตอบไม่ถูก “นี่ใช่มั้ยคะที่คุณใหญ่เรียกมันว่า ความจริงใจ”
       ใหญ่เบี่ยงเบนความสนใจโวยวายกลับ “เธอคิดจะเฉไฉพาฉันออกนอกเรื่อง เพราะกลัวฉันจะเล่นงานไอ้นะ ก็เลยกุเรื่องบ้าบอนี่ขึ้นมา”
       “คุณใหญ่หลอกปิ่นได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ ที่คุณใหญ่พูดปาวๆ ว่าเกลียดพ่อ แล้วไปไหว้กระดูกท่านทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะคุณใหญ่ยังผูกพันกับท่านอยู่”
       ใหญ่อึ้ง ปิ่นอนงค์บอกต่ออย่างมีอารมณ์ “ขอดอกปีบคืนให้ปิ่นเถอะค่ะ”
       ใหญ่พาลโยนสมุดลงกลางเตียง “ถ้าหวงแหนมันนักหนา ก็ไปเอาเองสิ”
       ปิ่นอนงค์ไม่รู้ว่าโดนใหญ่หลอก คลานขึ้นเตียง กำลังจะหยิบสมุดที่ทับดอกปีบไว้ ใหญ่ยิ้มจะแกล้งปิ่น “เธอเสร็จฉันแน่ปิ่นอนงค์ คืนนี้แหละ ฉันจะทำให้เธอลืมไอ้นะให้ได้”
       ปิ่นเหลียวมาเห็นใหญ่ดูน่ากลัวเสียงทัศนีย์ก้องในหัว “ฉันเคยเห็นกับตาว่านังอ่อนเคยถูกพาตัวไปบำเรอคุณใหญ่ พอออกมานะเนื้อตัวงี้เขียวช้ำไปหมด ขนาดต้องใช้คนงานสองคนแบกกันออกมา”
       ปิ่นอนงค์ระดมปาหมอนใส่ ตะเพิดใหญ่ “อย่าเข้ามานะ ออกไป” 
       ใหญ่ปัดหมอนทิ้ง “จะให้ไปไหนละจ้ะ บนเตียงเนี่ยดีแล้ว นุ่มนิ่มน่านอน เหมาะกับเล่นจ้ำจี้มะเขือเปราะกันสองต่อสอง มามะมาอยู่ในอ้อมแขนของเสือใหญ่เสียดีๆแม่ยอดขมองอิ่มของพี่”
       ใหญ่กระโจนเข้าหาปิ่นอนงค์สุดตัว ปิ่นอนงค์ร้องกรี๊ด “ไม่ อย่า ช่วยด้วย” แล้วกลิ้งม้วนตัวออกจากกลางเตียงเพื่อหลบใหญ่
       ใหญ่วืดกระแทกตัวลงกลางเตียงเสียงดังโครม!
       
       เวลานั้รปานเทพ พงษ์ และเหล่าลูกน้องปลอดเดินถือขวดสาโทเข้ามา เปี๊ยกตามมา ทุกคนได้ยินเสียงโครม ทุกคนมองจุดเดียวกันที่ห้องใหญ่ “คุณใหญ่”
       หมู่เฮาลุกพรวด ชักปืน วิ่งเข้าบ้านหน้าตาตื่น
       
       พงษ์นำทีมหมู่เฮากระแทกประตูเข้ามา เล็งปืน เปี๊ยกตามท้ายขบวน เห็นเตียงนอนหักกลางเป็นรูปตัววี ใหญ่นอนบิดไปมาเพราะเจ็บหลัง ปิ่นอนงค์นั่งปลายเตียงจุดที่เตียงไม่หัก หน้าตาตื่นตระหนก
       ปานเทพ และพงษ์กลั้นหัวเราะ รีบเก็บปืน “ไปดื่มกันต่อดีกว่า ขอโทษนะไอ้คุณใหญ่ที่เข้ามาขัดจังหวะ”
       ปานเทพหัวเราะคิกคัก ทั้งหมดถอยออกไป ปิดประตู ปิ่นอนงค์จ้องหน้าใหญ่ แทนที่จะโกรธกลับรู้สึกสงสารเพราะเห็นใหญ่ยังนอนหน้าแหยอยู่ “คุณใหญ่เจ็บมากมั้ยคะ ให้ปิ่นช่วยประคองขึ้นมามั้ย”
       ใหญ่อายลูกน้อง ตวาดลั่น “ไม่ต้อง เพราะเธอ ทำให้ฉันขายหน้าลูกน้องหมด”
       “เพราะปิ่นเหรอคะ คุณใหญ่ไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นคนผิดบ้างเลย เห็นมั้ยคะให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว” ปิ่นอนงค์เถียง แล้วลงจากเตียง ไปนอนตรงที่ตัวเองปูผ้าไว้
       ใหญ่ลุกนั่งโวยวาย “แล้วฉันล่ะจะนอนตรงไหน”
       ปิ่นอนงค์พลิกตัวหันหลังให้ ไม่สนใจ
       ใหญ่บ่นงึมงำ “ฝากไว้ก่อนเหอะ วันพระไม่ได้มีหนเดียว อู๊ย...”
       ใหญ่ครางเจ็บหนึบที่บริเวณหลัง
       รู่งเช้าที่ศาลาชุมนุมคนงาน บรรดาคนงานนั่งกินข้าวกัน ซุบซิบหัวเราะกัน ถวิล จอม เปี๊ยก และหวาน เข้ามานั่ง ถวิลงง
       “มันขำอะไรกันนักหนา”
       หวานรีบรายงาน “คนงานคุยกันว่าอะไร เตียงหักๆ นี่แหละ” เปี๊ยกส่งเสียงอ้อแอ้ๆ เล่าว่าใหญ่เตียงหัก หวานบอกเสียงสูง “คุณใหญ่กับปิ่นนอนด้วยกันจนเตียงหักเมื่อคืน จริงเหรอวะ ฮ่าๆๆ โอ้โห นอนด้วยกันอีท่าไหนเนี่ย ทำไมเราไม่เคยหักกับเค้าบ้างเนอะไอ้เปี๊ยก”
       หวานกับเปี๊ยกหัวเราะชอบใจ จอมพาล “หยุดขำได้แล้ว หนวกหู คนจะกินข้าว”
       หวานเหน็บ “แน่ใจนะว่าจะกินข้าว เห็นแกเอาแต่ซดน้ำเปลี่ยนนิสัยทุกวัน”
       จอมงอนเก็บจานลุกออกไป ถวิลส่ายหน้าระอาใจนัก “เมื่อไหร่สมองมันจะโตเหมือนตัวมันสักที ไอ้ลูกไม่รักดี” รถกระบะเข้ามาจอดอุ่นเรือนกลับจากตลาด ลงรถหิ้วถุงหมู ไก่เข้ามา รถขับออกไป
       หวานตะโกนไปก่อนเลย “โถ ป้าอุ่น เป็นถึงแม่ยายเจ้าของไร่ ทำไมต้องเหนื่อยมาเองอย่างนี้ ใช้ใครก็ได้นี่ป้า”
       อุ่นเรือนเดินหน้าบูดเข้ามา “ถ้าแกพูดอย่างนี้ ก็ไม่ต้องมานับถือกัน”
       ถวิลเข้าไปหาอุ่นเรือน “แม่อุ่นน่าจะดีใจ ที่ปิ่นมันมีความสุขไปแล้ว ได้แต่งงานกับคุณใหญ่ สมหน้าสมตา”
       “แต่งงานกับโจรมันจะมีความสุขสมหน้าสมตาได้ยังไง” อุ่นเรือนยิ่งคับแค้นใจ
       เวลาเดียวกันใหญ่ยืนอยู่บนเนินเขา จุดชมวิวในไร่ไพศาล มองออกไปสุดลูกหูลูกตา
       ปานเทพเข้ามาทางด้านหลัง “แกเรียกฉันมาทำไมแต่เช้าวะ” หาวหวอดๆ
       ใหญ่หันมา “ได้เวลาที่เราจะเอาคืนคนพวกนั้นแล้ว”
       ปานเทพดีใจที่เรื่องวุ่นๆ จะได้ปิดฉากเสียที “แกจะยอมไปแสดงตัวต่อศาลว่ายังมีชีวิตอยู่แล้วเหรอวะ”
       “ยัง ฉันจะเอาคืนในแบบของฉัน แบบไม่ต้องรอกฎหมาย”
       “แกจะฆ่าเค้าเหรอ อย่านะโว้ยใหญ่”
       ปานเทพสยองใหญ่ไม่ตอบผุดยิ้มร้ายออกมา
       
       ด้านปิ่นอนงค์เดินไปจะออกจากบ้าน ยินเสียงกริ่งประตูดัง ปิ่นอนงค์สะดุ้งฉากหลบ แอบดู น้อยโผล่อยู่ที่ประตูกระจก กระโดดโบกไม้โบกมือให้ ปิ่นอนงค์รีบไปเปิดประตูให้ น้อยเข้ามาโถมตัวนั่งที่โซฟา
       “ทำไมต้องทำเป็นลับๆ ล่อๆ ด้วยพี่ปิ่น” น้องสงสัย
       “เปล่าๆ แค่อยากรู้ว่าใครมา”
       น้อยนิ่งคิด ปิดปากขำ “อ๋อ รอคุณใหญ่อยู่เหรอ คริๆ เค้าร่ำลือกันว่า เมื่อคืนพี่กับคุณใหญ่เล่นจ้ำจี้กันจนเตียงหักสนั่นไร่เลยพี่”
       ปิ่นอนงค์อาย ตีแขนน้อย “อย่าพูดอีกนะ น่าเกลียด แล้วน้อยมาทำไมถึงนี่”
       “คุณใหญ่ให้คนงานมาส่ง สั่งให้น้อยมาช่วยพี่ปิ่นเก็บของ”
       “เก็บของ เก็บไปไหน” ปิ่นอนงค์งงๆ ไม่เข้าใจ
       ใหญ่นั่งสบายอารมณ์อยู่ในห้องทรรศนะ มีปานเทพยืนสั่งการ คนงานเข็นราวแขวนเสื้อแบบมีล้อ แขวนเสื้อผ้าของทรรศนะออกไปหน้าประตู ส่วนคนงานอีกคน เอากะละมังใส่ของใช้ในห้องน้ำออกไปวางบนพื้นหน้าห้อง
       “เอ้า เร่งมือกันหน่อย อย่าให้เหลืออะไรแม้แต่ชิ้นเดียว”
       อรสอางค์ กับทรรศนะ เข้ามามองงงๆ “คุณใหญ่ คุณใหญ่ทำอะไรห้องผม”
       ใหญ่กวนกลับ “อ้าว ... ทำเป็นลืมไปได้ ห้องนี้มันห้องของชั้นตั้งแต่เด็กๆ พอนายมา พ่อให้ชั้นย้ายออกไป แล้วนายเข้ามาอยู่แทน ตอนนี้ชั้นอยากรื้อฟื้นความหลัง ชั้นกับปิ่นเลยจะย้ายมาอยู่ที่นี่”
       ปานเทพพูดต่อ “ส่วนคุณนะ ไปอยู่บ้านพักที่รีสอร์ตแทน”
       อรสอางค์เดินรี่ไปยืนหน้าใหญ่ “นายทำเกินไปแล้ว นะเค้ามีสิทธิ์ตามกฎหมาย เค้าเป็นเจ้าของที่นี่ เค้าจะอยู่ห้องนี้ นายมีสิทธิ์อะไรมาไล่เค้าอย่างนี้”
       ใหญ่ทำยียวนแคะหู ป้องหู “อะไรนะ นายนะน่ะเหรอเห็นเจ้าของที่นี่”
       “ก็ใช่น่ะสิ ตามพินัยกรรมที่คุณไพศาลทำเอาไว้” อรสอางค์แว้ดใส่
       ใหญ่สบตายิ้มๆ กับปานเทพ หันไปจ้องทรรศนะที่คงคุยโวไว้ ทรรศนะก้มหน้าหลบตา
       อรสอางค์ อึ้ง งง เป็นจังหวะที่ครองสุขเข้ามาหน้าตาตื่น “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
       ใหญ่เดินเข้าไปหาครองสุข แบมือ “ว่าที่สะใภ้คุณนายบอกว่า คุณพ่อทำพินัยกรรมยกไร่ให้นายนะ ขอผมดูหน่อย ถ้าเป็นเรื่องจริง ผมจะได้รีบออกไปจากไร่วันนี้เลย”
       ครองสุขอ้ำอึ้งกลัวความแตก “เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว เอาอย่างนี้ ถ้าคุณใหญ่อยากย้ายมาอยู่เรือนหลังนี้ ก็ไปอยู่ห้องน้าก็แล้วกัน เดี๋ยวน้าย้ายไปอยู่ที่รีสอร์ตเอง
       ทรรศนะกับอรสอางค์ตะลึง โดยเฉพาะทรรศนะนั้นมองอย่างแค้นใหญ่ ครองสุขรีบจูงอรสอางค์ออกไป ทรรศนะกำหมัดฮึดฮัด แล้วเดินตามออกไป
       
       ใหญ่กะปานเทพยิ้มให้กันอย่างสะใจ

------------------------------------------------------------------------------------------

สามคนอยู่ในห้องทำงานของครองสุข อรสอางค์ฉุนขาดตามไปยืนมองหน้าครองสุขขอคำตอบ        
       “ทำไมคุณน้าต้องยอมมันอีกแล้ว อรไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมไม่เอาพินัยกรรมไปจ่อหน้าให้มันดู แล้วก็รีบๆ เฉดหัวมันไปซะ”
       “พินัยกรรม น้าเอาไปฝากตู้นิรภัยที่ธนาคาร เอาไปให้มันดูได้ที่ไหน ถ้าไอ้ใหญ่มันเห็น มันก็เผาทิ้งเท่านั้นเอง”
       อรสอางค์แค้นหนัก “มันเลวแบบนี้ คุณน้ากับนะจะยังไปเห็นแก่พี่แก่น้องอยู่ทำไมกันคะ”
       อรสอางค์ทั้งหงุดหงิดทั้งโมโหกระแทกตัวลงนั่ง ครองสุขลุกไปบีบไหล่ปะตอแหลเอาใจอรสอางค์
       “เพราะน้าไม่อยากให้มีการใช้ความรุนแรงกันน่ะซิจ๊ะ เราต้องใจเย็นๆอดทนไปก่อน ทำดีกับมันให้มันตายใจ อีกไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นของเรา”
       “ไม่นานของคุณน้า เมื่อไหร่คะ อรไม่มีเวลาแล้ว” อรสอางค์หลุดปาก
       “ไม่มีเวลาอะไรกันจ๊ะ”
       “ก็ ทางคุณพ่อคุณแม่อรเร่งมา ถ้าท่านรู้ว่าทางนี้มีปัญหา ท่านอาจไม่ยกอรให้นะก็ได้”
       “น้าเข้าใจ ไม่ต้องกลัว อรเป็นลูก เอ่อ หลานสะใภ้น้า น้าไม่ให้น้อยหน้าใครหรอก”
       ปิ่นอนงค์ น้อย หิ้วกระเป๋าข้าวของเข้ามาที่บันได
       ครองสุขหิ้วกระเป๋าใบย่อม ทรรศนะหิ้วกระเป๋าใหญ่ คนงานหญิงหิ้วเสื้อผ้า ชุดกระโปรง กล่องรองเท้า สวนลงบันไดมา ปิ่นอนงค์ กะน้อย งงๆ วางข้าวของ ครองสุขหยุดมองปิ่นอนงค์
       “คุณนายจะไปไหนคะ”
       ครองสุขทำหน้าสลด “แกช่วยตรวจดูในห้องชั้นด้วยนะ ปิ่นอนงค์ เผื่อมีอะไรตกหล่นหลงลืมอะไรเอาไว้ ก็ช่วยเอาออกไปด้วยก็แล้วกัน รีบมากอย่างนี้ กลัวเก็บไม่หมด”
       พลางครองสุขแกล้งมองทั่วบ้านทำเป็นอาลัยอาอาวรณ์ แล้วทำเป็นบีบน้ำตา
       “ฝากบ้านด้วยนะปิ่น ฉันมันหมดวาสนาแค่นี้”
       ครองสุขเดินไป ปิ่นอนงค์ยังงงอยู่ “ทำไมคุณนายต้องขนของออกจากห้องด้วยละคะ”
       ทรรศนะเดินหน้าขรึมเข้ามา “คุณใหญ่บอกว่าเค้ากับเธอจะย้ายมาอยู่ห้องคุณน้า แล้วไล่คุณน้าไปอยู่ที่รีสอร์ต”
       ปิ่นอนงค์มองขึ้นไปชั้นบน เครียดหนัก
       ใหญ่นอนหนุนแขนตัวเองกับหัวเตียงบนหมอนที่พาดเอาไว้ ปิ่นอนงค์เปิดประตูเข้ามาเดินไปหาใหญ่หน้าเครียดเคร่ง
       “ทำไมคุณใหญ่ใจร้ายอย่างนี้คะ ทำอะไรไม่มีเหตุผล”
       “อ้าว...ก็อยากให้เมียอยู่สบายๆ มันผิดตรงไหน เธอดูสิปิ่น เตียงนี้มันใหญ่โตดูแข็งแรงดี” วางท่ากรุ้มกริ่ม “รับรองคืนนี้ไม่หัก”
       “ถ้าอย่างนั้น คุณใหญ่ก็อยู่ไปคนเดียวเถอะค่ะ ปิ่นจะกลับไปอยู่กับแม่ที่ห้องเก่า”
       ปิ่นอนงค์หันกลับเดินไปที่ประตู ใหญ่เข้าไปขวางหน้าดุใส่
       “อย่าทำให้ฉันอารมณ์เสีย ไม่งั้นอาจมีใครๆ ตายกลายเป็นศพหลายคน”
       ปิ่นอนงค์อึ้งใหญ่ดุ ใหญ่เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง
       “ทางที่ดี เธอก็ทำตัวเป็นเมียที่ดี อยู่ในโอวาทเชื่อฟังชั้น ช่วยกันดูแลไร่นี้ด้วยกัน ไม่เห็นจะยากเย็นตรงไหน” ใหญ่หยิบพวงกุญแจพวงใหญ่ ยี่สิบกว่าดอก เดินไปยื่นให้ตรงหน้าปิ่นอนงค์ แต่ปิ่นอนงค์ยังงงๆ ใหญ่จับมือแล้วยัดพวงกุญแจให้
       “ต่อไปนี้ เธอต้องดูแลทรัพย์สินทุกอย่างในไร่ เธอคือผู้ถือกุญแจทั้งหมดของไร่ไพศาล”
       สองคนสบตากันเครียด
       
       ครองสุขนั่งเครียดอยู่ในบ้านพักที่รีสอร์ต ธีระพุ่งเข้ามาหาที่ชุดรับแขก หน้าตาตื่น
       “นี่มันไล่พี่มาอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอครับ”
       ครองสุขหงุดหงิด “ก็เห็นๆอยู่นี่ ยังมาถามอะไรอีก”
       ธีระทรุดตัวนั่งเก้าอี้อีกตัวฝั่งตรงข้าม “ไอ้ปาน มันก็มายึดบ้าน ยึดสำนักงานของผม ไล่ให้ผมไปอยู่เรือนคนงาน”
       “เราก็ทำทุกอย่างที่มันสั่ง” ครองสุขบอก
       “แล้วไอ้พวกลูกไร่มันจะมองเรายังไงครับพี่ ผมไม่รู้จะไปสู้หน้ากับใครได้อีกแล้ว” ธีระก้มหน้ากุมขมับ
       “ใครจะมองยังไงก็ช่างหัวมันปะไร ดีซะอีกให้นังปิ่นมันมีสิทธิ์มีเสียงนั่งชูคอเป็นใหญ่ มันจะได้มีช่องทางดูดเงินจากไอ้ใหญ่ ส่วนเราก็นั่งเฉยๆแล้วค่อยไปรีดมาจากนังปิ่นอีกที เธอก็เห็นใช่มั้ยว่าไอ้ใหญ่มีเงินมีทองขนาดไหน”
       ธีระยิ้มออก เดินเข้าไปบีบไหล่บีบแขนเอาใจครองสุข “พี่ของผมเนี่ย มาเหนือเมฆจริงๆ แต่ว่า ถ้าเกิดปิ่นไปเป็นพวกไอ้ใหญ่ละครับ”
       “ลืมแล้วเหรอว่ายังมีคนคนหนึ่งที่ไม่มีวันเอาใจออกห่างเรา”
       พูดไม่ทันขาดคำอุ่นเรือนก็เดินหน้าเครียดเข้ามา ธีระรีบถอยห่างจากครองสุขแทบไม่ทัน อุ่นเรือนคุกเข่าจับขาครองสุขอย่างรู้สึกผิด และโกรธแค้นใหญ่กับปิ่นอนงค์
       อุ่นเรือนผินหน้าด่าไปอีกทาง
       “อุ่นได้ยินพวกคนงานมันว่า คุณนายถูกไล่มาอยู่ที่นี่ นังปิ่นมันทำกับคุณนายได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ เนรคุณ อกตัญญู”
       ครองสุขจับไหล่อุ่น เล่นละครตีหน้าเศร้า “อย่าไปโกรธนังปิ่นมันเลยอุ่น มันคงลำบากมานาน ก็อยากจะสบายบ้าง แกเองก็เหมือนกัน รีบกลับไปซะเถอะ อย่ามารับใช้อะไรชั้นเลย เดี๋ยวนังปิ่นมันรู้เข้าจะมาวีนเอากับฉัน”
       อุ่นเรือนยิ่งโมโหปิ่นอนงค์ ครองสุข ยิ้มเยือกเย็น ธีระเก็ตทันทีว่าอุ่นเรือนนี่เอง จะเป็นเครื่องมือของพวกตน
       
       ที่โถงเรือนใหญ่ น้อยเอาของว่างกับเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ใหญ่กับปิ่นอนงค์ซึ่งวันนี้สวมใส่กระโปรงหรู น้อยสบตาปิ่นอนงค์แวบหนึ่ง แอบยิ้มเดินออกไป
       ถวิลเข้ามานั่ง ใหญ่สั่งการ
       “นายหวิน เชิญนั่งครับ ผมฝากให้นายหวินไปบอกคนงานทุกคนด้วย ต่อไปนี้ปิ่นอนงค์คือคุณผู้หญิงคนใหม่ของไร่” ปิ่นอนงค์อึดอัด ไม่สบายใจ “มีสิทธิ์สั่งการ สั่งงานทุกคนเหมือนผม อำนาจของคุณ...” อุ่นเรือนเข้ามาแอบฟัง “ผู้หญิงนอกจากที่เรือนใหญ่นี้ ยังครอบคลุมไปทุกแผนก ทุกส่วนของไร่ แค่นี้แหละครับ ขอบคุณ”
       “ครับคุณใหญ่” ถวิลเดินออกไปทันที
       ใหญ่หันไปเจออุ่นเรือนเมียงมองอยู่ ใหญ่ลุก ปิ่นอนงค์ลุกตาม
       “อ้าว ป้าอุ่น เข้ามาซิครับ
       อุ่นเรือนเดินสงบเสงี่ยมเข้ามาที่โต๊ะ ใหญ่ “นั่งก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับป้าอุ่นอยู่พอดี”
       “ไม่เป็นไรค่ะ” อุ่นเรือนไม่ยอมนั่ง
       “คือผมอยากให้ป้าอุ่นมาอยู่ที่เรือนใหญ่นี้ด้วยกันกับผมกับปิ่น เรื่องงานการอะไรก็ปล่อยให้พวกเด็กๆ มันทำแทน” ใหญ่บอก
       “เห็นจะไม่ได้หรอกค่ะ ดิฉันขอไปรับใช้คุณนายเหมือนเดิม”
       ปิ่นอนงค์อึ้ง “แม่ ...”
       “ยังไงเสีย ก็ต้องขอบพระคุณในความกรุณา แต่ดิฉันต้องรับใช้ดูแลคุณนายต่อไป ให้ดิฉันมานั่งเชิดหน้าชูคอเป็นวัวลืมตีนอยู่บนเรือนใหญ่ ดิฉันทำไม่เป็น” มองหมิ่นปิ่นอนงค์
       ปิ่นอนงค์สะอึกที่โดนแม่ด่า “แม่ ฟังปิ่นอธิบายก่อน”
       “ถ้าไม่มีอะไรอีก ดิฉันขอตัวนะคะ”
       อุ่นเรือนออกไปเร็วรี่ ปิ่นอนงค์จะวิ่งตามแม่ ใหญ่ดึงรั้งมือไว้ ใหญ่
       “แม่เธอเหมือนพ่อฉันไม่มีผิด เห็นคนอื่นดีกว่าลูกตัวเอง”
       “แต่ปิ่นจะไม่ทำเหมือนคุณใหญ่ ที่ทิ้งพ่อไปค่ะ”
       ปิ่นอนงค์แกะมือใหญ่ออก แล้วเร่งฝีเท้าตามอุ่นเรือนไป ใหญ่ยืนอึ้งเจ็บจี๊ดกับคำพูดปิ่นอนงค์
       อุ่นเรือนมาถึงเรือนหยิบยาจากถุงสามถุงจะกิน ปิ่นอนงค์เข้ามารีบเอาแก้วใส่น้ำมาให้ อุ่นเรือนมองปิ่นอนงค์ แล้วลุกไปรินน้ำมากินกับยาเอง
       อุ่นเรือนเลื่อนแก้วที่ปิ่นอนงค์เอามาให้ ไปตรงหน้า ปิ่นอนงค์อึ้ง “ทำไมแม่ต้องทำกับปิ่นอย่างนี้”
       “แล้วแกทำกับคุณนายได้ยังไง ยึดบ้านช่องห้องหอ คนที่เค้ามีบุญคุณคุ้มกะลาหัวแกมาตั้งแต่เกิด”
       “ปิ่นไม่รู้เรื่องจริงๆ นะแม่ ปิ่นไม่เคยคิด อยากจะไปอยู่เรือนใหญ่ไม่เคยคิดอยากจะอยู่ห้องคุณนาย คุณใหญ่เป็นคนจัดการเรื่องนี้เองทั้งหมดคนเดียว”
       อุ่นเรือนมองปิ่นอนงค์หัวจรดเท้า “คราวหน้าคราวหลัง แกไม่ต้องมาเหยียบที่เรือนนี้อีก มีอะไรก็ให้คนมาตามชั้นไปพบ ชั้นไม่อยากให้แกอับอายใครที่มีแม่เป็นแค่แม่บ้าน มันจะเสียเกียรติคุณผู้หญิงคนใหม่ของไร่ไพศาล”
       ปิ่นอนงค์นิ่งเสียใจนัก น้ำตาไหลริน อุ่นเรือนเองก็น้ำตาคลอออกมารีบลุก ก่อนที่น้ำตาจะไหล เดินหนีเข้าห้อง ปิดประตูทันที
       
       ตกคืนนั้นปิ่นอนงค์นั่งหน้าเครียด มีน้อยที่จัดเตียงให้อยู่เมียงมองเป็นระยะ แล้วเดินมานั่งที่พื้นข้างๆ
       “อย่าคิดมากเลยพี่ปิ่น ป้าแกก็เป็นอย่างนี้แหละ”
       “ทั้งคุณนาย ทั้งคุณนะ แล้วก็ยังแม่ ทุกคนเข้าใจพี่ผิดหมดพี่พยายามทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่ทำไมมันกลับแย่ลง”
       “พี่ปิ่น” น้อยจะปลอบใจต่อ ใหญ่เดินเข้ามา
       “ต่อไปให้เรียกคุณปิ่นว่า คุณผู้หญิง บอกทุกคนที่เรือนคนงานด้วย” ใหญ่สั่งน้อย
       “ไม่ น้อย เรียกเหมือนเดิม” ปิ่นอนงค์ไม่ยอม
       น้อยทำตาปริบๆ ใหญ่ตาถลน แกล้งตวาดใส่ “เธอจะเชื่อใคร”
       น้อยตกใจ “เชื่อคุณใหญ่ค่ะ” รีบลนลานออกไป ปิดประตู ปิ่นอนงค์ไม่พอใจ
       “คุณใหญ่ทำแบบนี้ ปิ่นจะวางตัวลำบากนะคะ”
       “ฉันทำอะไร” ใหญ่ตีรวน
       “ก็บังคับให้ทุกคนเรียกปิ่นว่าคุณผู้หญิง แล้วยังไล่คุณนายไปอยู่ที่รีสอร์ต คุณใหญ่อาจจะสนุกที่ได้แกล้งคนนั้นคนนี้ แต่ปิ่นไม่สนุกด้วยนะคะ”
       ใหญ่นึกน้อยใจปิ่นอนงค์ “ฉันไม่ได้ต้องการทำให้เธอสนุก แต่ฉันทำเพื่อเรียกศักดิ์ศรีให้เธอ เธอบอกเองไม่ใช่เหรอ เธอไม่มีค่าในสายตาของใครๆต่อไปนี้ทุกคนต้องยกย่องและก้มหัวให้ปิ่นอนงค์ นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันจะทำ”
       ปิ่นอนงค์อึ้ง “แต่ปิ่นไม่ได้ต้องการแบบนั้น ปิ่นไม่ต้องการให้คนมายกย่องก้มหัวให้ ปิ่นต้องการให้ทุกคนยอมรับปิ่นด้วยหัวใจ เพราะความจริงใจที่ปิ่นมีให้”
       “แล้วฉันจะทำให้เธอเห็นว่า การทำดีกับคนเลวๆ มันเปล่าประโยชน์....ปิ่นอนงค์”
       ใหญ่พูดเป็นปริศนาแล้วเข้าห้องน้ำปิดประตูดังปัง
       
       ใหญ่หยุดมองที่อ่างน้ำ มีน้ำใส่รองไว้เกือบเต็มอ่าง ยังมีดอกมะลิโรยไว้ส่งกลิ่นหอม ใหญ่กวาดตามาที่อ่างล้างหน้า แปรงสีฟันใส่ยาวางไว้เรียบร้อย ผ้าเช็ดตัว ชุดนอนของใหญ่พาดไว้อีกมุม
       ใหญ่มองไปทางประตู ยิ้มๆ รู้สึกดีที่มีคนคอยดูแล หยิบแปรงสีฟันแล้วทำปากจุ๊บๆ เบาๆ ให้ปิ่นอนงค์ ปากร้ายใจอ่อนตามเคย
       
       ปิ่นอนงค์นอนคุดคู้ห่มผ้าถึงคออยู่ที่โซฟา ใหญ่ใส่เสื้อกล้ามกางเกงเล เข้ามามองเหล่ หมั่นไส้มาก
       ใหญ่ดึงผ้าห่มออก ปิ่นอนงค์สะดุ้ง ยื้อไว้ “คุณใหญ่ทำอะไรคะ”
       “มานอนตรงนี้ทำไม เตียงอยู่โน่น”
       “คุณใหญ่นอนเถอะค่ะ ปิ่นอยากนอนตรงนี้”
       “แล้วชุดที่เธอใส่อยู่นี่ มันเรียกว่าชุดนอนเหรอ”
       “ก็ปิ่นใส่ของปิ่นอย่างนี้นอนทุกคืนนี่คะ”
       ใหญ่หงุดหงิด “เถียงคำไม่ตกฟาก”
       ใหญ่อุ้มปิ่นอนงค์ลอยไปวางบนเตียง “คุณใหญ่ จะทำอะไรคะ”
       “ก็ผัวเมียเค้าทำอะไรกันล่ะ”
       ปิ่นอนงค์ใจเสีย “ปิ่นขอร้อง ปิ่นยังไม่พร้อม”
       ใหญ่ดึงผ้าห่มที่ปิ่นอนงค์ยื้อไว้ไปจนได้ แล้วไปวางบนที่โซฟา ก่อนจะหยิบหมอนในหนึ่งไปวางที่โซฟา
       “เธอเอาผ้าผืนเล็กไปแล้วกัน” ชี้ไปที่ปลายเตียง
       ใหญ่ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาห่มผ้า ปิ่นอนงค์มองอึ้งๆ
       “ถึงฉันเป็นโจร ก็มีศักดิ์ศรี เรื่องอะไรจะเสียแรงปล้ำเมียตัวเอง”
       
       เห็นใหญ่นอนหลับ ปิ่นอนงค์โล่งอก เอื้อมมือไปปิดไฟ

-----------------------------------------------------------------------

ที่โต๊ะอาหารเรือนใหญ่เช้าวันต่อมา ทัศนีย์เดินมานั่งเป็นคนแรก หน้าตางัวเงียยังง่วงนอนอยู่ จึงไม่ทันสังเกตว่าบนโต๊ะว่างเปล่า       
       ทัศนีย์นั่งลง แหกปากตะโกนตามความเคยชิน “นังปิ่น ตักข้าวสิ”
       เงียบกริบไม่มีเสียงตอบ ทัศนีย์เลยเงยหน้ามองโต๊ะเต็มตา ไม่มีกับข้าวเลย โวยวายต่อ
       “อะไรกันเนี่ย สายป่านนี้แล้วยังไม่จัดโต๊ะอีกเหรอ นังปิ่น”
       จิ๋วเข้ามาแขวะเอา “ส่งเสียงอื้ออึง นึกว่าอยู่ในตลาดสดก็ไม่ปาน”
       ทัศนีย์ยิ้มแย้มลอยหน้าลอยตากระแทกแดกดัน “ต๊าย ตาเซ่อจัง ดูยังไงว่าบ้านคนเป็นตลาดสดไปได้คะคุณผู้ดีแปดสาแหรก”
       จิ๋วจะอ้าปากด่า แต่เห็นทรรศนะกับอรสอางค์เดินเคียงกันเข้ามาพอดี
       “โทษทีผมลงมาช้า ทานข้าวกันเถอะครับอร” เห็นโต๊ะว่างเปล่า “อ้าว”
       อรสอางค์โมโห “ระบบระเบียบที่นี่ใช้ไม่ได้เลยนะคะ อาหารเช้าควร จะเรียบร้อยตอนเจ็ดโมงเช้า นี่อะไรกันคะ ต้องมานั่งรอกันอีกเหรอ ถ้าอรมาคุมที่นี่เมื่อไหร่คงต้องอบรมกันเสียบ้างแล้ว”
       น้อยถือจานไข่เจียวเดินผ่าน “น้อย ทำไมวันนี้ยังไม่ตั้งโต๊ะ” ทรรศนะถาม
       “ก็หนูไม่รู้จะเอาอาหารเช้าที่ไหนมาเสิร์ฟนี่คะ”
       คู่ผัวเมียข้าวใหม่ยังอยู่ในห้องนอน ปิ่นอนงค์นั่งบนเตียง ถูกใหญ่กอดไว้แน่น ปิ่นอนงค์พยายามดิ้นรน
       “ปล่อยปิ่นเถอะค่ะ ปิ่นต้องลงไปทำอาหารเช้ามันเป็นงานของปิ่น”
       ใหญ่ไม่ยอมปล่อย “ก็ให้คนอื่นทำไป เธอเป็นคุณผู้หญิงแล้ว มันไม่ใช่หน้าที่ หน้าที่ของเธอคือปรนนิบัติพัดวีฉันคนเดียว ในฐานะเมียที่ดี เข้าใจมั้ย”
       “ถ้าปิ่นไม่ทำ ก็ไม่มีใครเข้าครัวเป็น แล้วแม่ก็ไปอยู่รับใช้คุณนายที่รีสอร์ตแล้วด้วย” ปิ่นอนงค์ว่า
       “ก็ช่างปะไร ทำไม่เป็นก็ไม่ต้องกิน”
       “นี่ใช่มั้ยคะ เรื่องสนุกต่อไปของคุณใหญ่ ทำให้คนอื่นต้องพลอยลำบากไปกันหมด คุณใหญ่ใจร้าย” ปิ่นอนงค์โมโหขึ้นมา
       ใหญ่กดตัวปิ่นอนงค์ไว้กับเตียง “เสียงเธอเนี่ยน่ารำคาญจริงๆ มิน่าเค้าถึงได้พูดกันว่าผู้หญิงพอได้เป็นเจ้าของเราเมื่อไหร่ ก็จะขี้บ่นจู้จี้จุกจิก สงสัยต้องปิดปาก” ใหญ่แกล้งปิ่นอนงค์อีก
       “คุณใหญ่จะทำอะไรน่ะ”
       “ก็เอาปากฉันปิดปากเธอไง”
       “อย่านะคะ” ปิ่นอนงค์เอียงหน้าหนีสุดชีวิต
       
       น้อยมีท่าทีเชิดๆ ไม่กลัวพวกนี้แล้ว “หนูได้รับคำสั่งมาจากคุณใหญ่ ใครจะกินอะไรก็ให้ไปทำเอง”
       ทัศนีย์โวยวาย “เรื่องไรจะทำ ป้าอุ่นไม่อยู่แล้ว แกก็ไปทำสิ”
       “หนูทำไม่เป็นนี่” น้อยบอก
       “ทำไม่เป็นแล้วนี่มันอะไร” ทัศนีย์ชี้จานในมือ
       “ไข่เจียวค่ะ หนูทำกินเอง”
       ทัศนีย์จะแย่งจานไข่เจียวจากมือน้อย “งั้นเอามาให้ฉัน
       น้อยเบี่ยงหนี “ ให้ไม่ได้ค่ะ คุณนีอยากกินก็ต้องไปทำเอง”
       ทัศนีย์แย่ง สองคนยื้อกันไปมา “ไม่ทำ ทำไม่เป็น ฉันจะกินของแกนี่แหละ เอามานี่”
       น้อยไม่ปล่อยมือ “อ๊าย ปล่อยมืออีน้อย” ทัศนีย์เรียกจิกหัว
       “ปล่อยไม่ได้ค่ะ มันของหนู”
       อรสอางค์มองอย่างรังเกียจ ดึงแขนทรรศนะให้เดิน
       “ไปเถอะนะ ออกไปทานข้าวนอกไร่ก็ได้ ขืนอรอยู่ต่อ อีกแค่นาทีเดียวอรต้องประสาทเสียแน่”
       ปานเทพเข้ามายืนมาดอย่างเท่ขวางไว้ “เห็นทีวันนี้จะไปไหนยากสักหน่อยนะครับ”
       ทัศนีย์กับน้อยหยุดยื้อกัน น้อยรีบไปยืนข้างปานเทพ
       “เพราะรถราทุกคันถูกเอาไปรับนักท่องเที่ยวหมด แต่ถ้าคุณอรอยากออกไปจริงๆ คงต้องไปซ้อนมอเตอร์ไซค์ แล้วไปต่อรถสองแถวที่หน้าไร่อีกที”
       “บ้าเหรอ ระดับฉันไม่มีทางทำแบบนั้น” อรสอางค์เชิดหน้าบอก
       “งั้นผมก็จนปัญญาเพราะนี่เป็นมาตรการรัดเข็มขัดของไร่ไพศาล กินอยู่ง่ายๆ ตามหลักพอเพียง ผมหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกคนนะครับ”
       ปานเทพยิ้มๆ จะเดินไป แล้วหันมาหาทัศนีย์ “ถ้าคุณนีทนหิวไม่ไหว จะไปกินร่วมกับพนักงานที่รีสอร์ตก็ได้นะครับ”
       น้อยสะใจ ทัศนีย์กระแทกเท้าเดินตามปานเทพไป จิ๋วมองน้อยอย่างเหยียดหยาม น้อยสะบัดหน้าเชิดใส่ไม่แยแสแล้วเดินออกไป
       อรสอางค์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “มันจะมากไปแล้ว” เดินขึ้นข้างบนจะไปเอาเรื่องใหญ่
       ทรรศนะตาม “อร”
       
       เวลานั้นใหญ่แกล้งโน้มหน้าไปชิดใบหน้าปิ่นอนงค์ “ปิ่นอนงค์ กลัวฉันมากเหรอ”
       ใหญ่เชยคางปิ่นอนงค์ให้หันหน้ามามอง ปิ่นอนงค์อึกอักพูดเสียงเบาๆ “ ปิ่น ปิ่น...ปิ่น”
       “เธอไม่เคยมองฉันจริงๆ เธอถึงไม่เคยรู้ว่าตัวตนจริงๆ ของฉันเป็นยังไง ทำไมเธอไม่ลองมองฉันด้วยหัวใจจริงๆ ล่ะ”
       ปิ่นอนงค์มองหน้าใหญ่ ใหญ่มองตอบส่งสายตาซึ้ง
       
       อรสอางค์โมโหมากจะเดินไปเอาเรื่องใหญ่ ทรรศนะเร่งฝีเท้าตามมาพยายามจะรั้งไว้
       “อย่าไปยุ่งกับมันเลยอร คุณใหญ่เหมือนหมาบ้า เวลาโกรธขึ้นมาไม่เคยไว้หน้าใคร”
       อรสอางค์หยุดเดินหันขวับมาหาทรรศนะ “มันหยามเราขนาดนี้ นะทนได้ แต่อรไม่ทน”
       อรสอางค์เดินต่อ จิ๋วรีบวิ่งตาม “คุณหนู ระวังตัวนะคะ”
       
       ปิ่นอนงค์นอนนิ่งอยู่บนเตียง ใหญ่จูบหน้าผากปิ่นอนงค์อย่างแผ่วเบา กำลังจะเลื่อนมาที่ปาก
       ประตูห้องเปิดผัวะ
       อรสอางค์จิ๋วยืนก๋าหน้าบูดอยู่ที่ประตู แต่พออรสอางค์เห็นภาพก็ร้องกรี๊ด จิ๋วพลอยพยักตามเคย
       “ต๊ายยย บัดสีบัดเถลิง น่าไม่อาย” ใหญ่กับปิ่นอนงค์หันมามอง ปิ่นอนงค์ตกใจ ส่วนใหญ่รีบโอบไหล่ปิ่นโชว์ “ผัวเมียนอนด้วยกันไม่เห็นมีอะไรต้องอาย”
       ทรรศนะตามมาพอดีมองเข้าไปในห้อง เห็นปิ่นอนงค์นั่งเคียงอยู่บนเตียงกับใหญ่ ปิ่นอนงค์หน้าเสีย ใหญ่รีบจุ๊บแก้มปิ่นอนงค์เพื่ออวดทรรศนะ กอดตัวปิ่นอนงค์กลม มองเย้ยอีกด้วย
       ปิ่นอนงค์รีบเบี่ยงตัวออก “ขอโทษด้วย อรเราออกไปก่อนเถอะ เอาไว้คุยวันหลัง”
       “ไม่ต้องเกรงใจ ไหนๆ ก็มาแล้ว ไปนั่งรอหน้าห้องก่อนนะ ผมจู๋จี๋กับเมียอีกนิดเดียว ไม่นานหรอก”
       อรสอางค์สบถ “ต่ำสิ้นดี”
       จิ๋วผสมโรง “เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น”
       ใหญ่ด่าไปนิ่มๆ “คนที่ควรโดนประณามว่าต่ำ น่าจะเป็นคนที่ไร้มารยาท ถือวิสาสะเปิดเข้ามาในห้องส่วนตัวของคนอื่นมากกว่า”
       จิ๋วเต้นเร่าๆ “คุณหนู มันด่าเราว่า” เน้นเสียงขณะหันไปทางอรสอางค์ “ต่ำ ไร้มารยาท”
       อรสอางค์จ้องใหญ่อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนสะบัดหน้าพรืดไป จิ๋วรีบสะบัดก้นตาม ทรรศนะมองจ้องปิ่นอนงค์ ทำเอาปิ่นอนงค์อายมาก ใหญ่กวนประสาทต่อ
       “อ้าวทำไมไม่ตามไปล่ะ อยากจะดูฉันกับปิ่นหรือไง” 
       ทรรศนะถือโอกาสเหยียดหยามและหยันใหญ่ต่อหน้าปิ่นอนงค์
       “คุณใหญ่ไม่น่าพูดแบบนี้ มันไม่ให้เกียรติปิ่น รู้มั้ยว่าคุณพ่อคุณใหญ่ไม่เคยทำกิริยาแบบนี้กับคุณน้าต่อหน้าใครเลยนะ คุณใหญ่ควรเป็นสุภาพบุรุษให้ได้ซักครึ่งของคุณลุงไพศาลนะครับ”
       ทรรศนะพูดจบก็เดินออกไป ใหญ่โกรธมาก
       “เพราะความหลงจนหน้ามืดมากกว่า ผู้หญิงพรรค์นั้น”
       “แต่ก็เป็นผู้หญิงที่ท่านรัก.....ถึงปิ่นจะเป็นแค่ของเล่นของคุณใหญ่ แต่คุณใหญ่ก็ไม่ควรแกล้งปิ่นจนลืมหน้าตาวงศ์ตระกูลของตัวเอง”
       ใหญ่หน้าชา เพราะปิ่นอนงค์ด่าถูก แต่ใหญ่ไม่ยอมรับพาลต่อ “อย่ามานอกเรื่องดีกว่า เธอกลัวแฟนเก่าจะสะเทือนใจใช่มั้ย”
       ปิ่นอนงค์ไม่อยากเถียงกับใหญ่ เบือนหน้าหนี ใหญ่โกรธลุกพรวดขึ้น
       “ได้ งั้นก็มาดูกันว่าสุภาพสตรีที่พ่อฉันยกย่อง ธาตุแท้เป็นยังไง”
       
       ไม่นานต่อมาเปี๊ยกกับถวิลช่วยกันลากธีระเข้ามาหาใหญ่ที่ยืนรออยู่แล้วกับปานเทพตรงลานมุมหนึ่งในไร่
       “ปล่อยโว้ย บอกให้ปล่อย กล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้”
       ถวิลกับเปี๊ยก ปล่อยธีระให้ใหญ่
       “คุณใหญ่ นี่มันเรื่องอะไรกัน” ธีระถามอย่างมีอารมณ์
       “ผมก็แค่อยากสะสางเรื่องที่ค้างคาให้จบ
       “เรื่องอะไร”
       “ก็เรื่องลูกน้องสองคนของคุณไง ไอ้เจิด ไอ้ก้าน” ใหญ่เข้าเรื่อง
       “ผมตามตัวมันไม่เจอ ผมบอกแล้วไง” ธีระยืนกระต่ายขาเดียว
       “มันเข้ามาในไร่ทำร้ายจอมแล้วก็หนีไป” ถวิลบอก เปี๊ยกเสริม ประมาณว่าได้สู้กับสองคนนั่นด้วย ถวิลพูดต่อ “เปี๊ยกมันก็เห็น”
       ธีระตกใจ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม”
       “กฎของแก๊งโจร ลูกน้องผิด หัวหน้าต้องรับ” ใหญ่พูดเสียงซีเรียส
       ธีระตาค้าง “อะไรนะ”
       
       บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวเพียงจานเดียว ครองสุขตักผักบุ้งขึ้นมาดู วางช้อนกระแทกจานเสียงดัง
       ครองสุขแค้นหนักแต่พยายามข่มใจ “นี่ฉันตกต่ำขนาดต้องกินข้าวกับผัดผักบุ้งแล้วเหรอ”
       อุ่นเรือนเสียใจรีบเข้าไปคุกเข่ายกมือไหว้ครองสุข “มันเป็นความผิดของอุ่นเอง ที่สั่งสอนลูกไม่ดี” เริ่มสะอื้นแล้วร้องไห้ออกมา “นังปิ่นมันถึงได้หยิ่งผยองพองขน กล้าทำกับคุณนายกับคุณๆทุกคนอย่างนี้”
       ครองสุขเล่นละครต่อ “เป็นฉัน ฉันก็คงทำ เงินทอง อำนาจวาสนามากองอยู่ตรงหน้าแล้วนี่ เอาไป ฉันไม่กิน”
       “แต่ถ้าไม่ทานอะไรเลย อาจจะไม่สบายนะคะ”
       “ดีซิ ตายๆ ไปซะได้ จะได้ไม่เปลืองข้าวเปลืองน้ำ”
       “ไม่นะคะ อุ่น ไม่ยอมให้คุณนายตาย”
       “งั้นแกก็ไปเอาเงินจากนังปิ่นมาให้ฉันซักล้านหนึ่ง ทำได้มั้ยล่ะ”
       อุ่นเรือนอึ้ง ทัศนีย์วิ่งหน้าตื่นเข้ามาขัดจังหวะ “คุณน้า คุณน้า”
       ครองสุขแว้ดใส่ “อะไรยัยนี มาผิดจังหวะตลอดเลยแก”
       “ตอนนี้กิ๊กคุณน้า กำลังจะแย่แล้ว ไปดูเร็ว”
       ครองสุขตกใจ
       
       ครู่ต่อมา ครองสุขวิ่งถลามากับอุ่นเรือนและทัศนีย์ เห็นธีระถูกมัดอยู่กับเสากลางลานกว้างแห่งนั้น สภาพกางแขนไปกับกางเขนไม้ โดยมีขวดตั้งเรียงบนไม้เหนือแขน
       ก่อนที่ปานเทพจะกำลังเอาขวดไปตั้งบนหัวธีระ ขณะที่ใหญ่บรรจุกระสุนในปืน
       “โน่นไง ยืนล่อเป้าอยู่นั่น”
       ครองสุขกรีดร้อง “ตายแล้ว ทำอะไรกันน่ะ”
       ธีระครวญคราง “พี่ ช่วยผมด้วย”
       ใหญ่ “อ้าว คุณน้า ป้าอุ่น น้องนี มาทำไมกันครับ เรื่องหวาดเสียวแบบนี้ไม่เหมาะกับผู้หญิง”
       ครองสุขถามแทบเป็นตะคอก “คุณใหญ่จะทำอะไรธีระ”
       ใหญ่หันไปทางปานเทพ “บอกไปซิ ผู้จัดการ”
       ปานเทพประกาศ “คุณธีระมีโทษฐานปล่อยให้ไอ้เจิดไอ้ก้าน ไปจ้างพรานป่ามาทำร้ายคุณใหญ่ แล้วก็ยังตามตัวมารับโทษไม่ได้ คุณธีระก็เลยต้องรับโทษแทน”
       ใหญ่ประกาศกร้าว “แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ เห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างคุณน้ากับคุณธีระ ผมก็เลยให้โอกาส...” ใหญ่เล็งปืน “ถ้าผมยิงแม่นพอถูกขวดทุกใบ คุณธีระก็รอด แต่ถ้าเกิดมือสั่น...”
       ใหญ่ค้างคำพูดไว้เพียงนั้นครองสุขโกรธจนตัวสั่น
       “บ้า บ้าที่สุด เธอมีสิทธิ์อะไรมาลงโทษคนด้วยวิธีป่าเถื่อนแบบนี้”
       ใหญ่ย้อนแบบไม่กลัวเกรง “สิทธิ์ของความเป็นเจ้าของไร่ไพศาลไงล่ะ”
       ครองสุขแว้ดออกมา “แต่ฉันเป็นเมียคุณไพศาล เป็นแม่เลี้ยงเธอ ฉันก็เป็นเจ้าของที่นี่เหมือนกัน ฉันไม่ยอมให้เธอรังแกคนของฉัน”
       ใหญ่เล็งปืนมาที่ครองสุข อุ่นเรือนเข้ามาขวางทัศนีย์รีบหลบหลัง
       “อย่าทำอะไรคุณนายนะ”
       ใหญ่เหน็บอุ่นเรือน “ป้า นี่จงรักภักดีกันขนาดเอาชีวิตเข้าแลกเหรอ”
       
       ย่อมแน่ว่าบ่าวอย่างอุ่นเรือนยังรักภักดีต่อครองสุขไม่คลาย ประกาศกร้าว
       “คนอกตัญญูอย่างคุณไม่มีวันเข้าใจหรอก เอาซิ จะฆ่าก็ฆ่าฉันเลย แต่อย่าแตะต้องคุณนายกับคุณนี”
       ใหญ่ลดปืนลง “ผมจะใจร้ายกับแม่ยายได้ไง เดี๋ยวเมียก็มาเล่นงานผมตาย” หันไปทางปานเทพ “ปาน นายหวิน”
       สามคน ปานเทพ ถวิล และเปี๊ยก รู้กัน ช่วยกันลากพวกครองสุขออกไป ครองสุขแหกปากร้องลั่น
       “ไม่นะ ปล่อยฉัน ไอ้พวกบ้า ฉันสั่งให้แกแก้มัดธีระเดี๋ยวนี้”
       ใหญ่ยิงเปรี้ยงๆ ขวดกระเด็น ธีระช็อก เหลือขวดบนหัว ธีระเหงื่อแตกซิก
       “อย่านะคุณใหญ่ อย่า....ผมกลัวแล้ว”
       ใหญ่คาดคั้น “บอกมา แกเป็นคนจ้างพรานแจ้งมาฆ่าฉันกับปิ่นใช่มั้ย”
       ธีระหันไปมองครองสุขแวบหนึ่ง “ไม่ ผมไม่รู้เรื่อง”
       
       ใหญ่ยิงเปรี้ยง!! ครองสุขกับทัศนีย์ร้องกรี๊ด แล้วครองสุขเป็นลมล้มพับลงไป อุ่นเรือนกับทัศนีย์ประคองไว้ทันธีระช็อกตาค้างเป็นลมไปอีกคน

---------------------------------------------------------------------------

โปรดติดตามตอนที่ 9

ประกันชั้น 2+ เริ่มต้น 720 บาท/เดือน ฟรี กระป๋าผ้าเอนกประสงค์ มูลค่า 199 บาท ด่วน! หมดแล้วหมดเลย

No comments:

Post a Comment