Sunday, July 15, 2012

ดูละครปิ่นอนงค์ ตอนที่ 5 Pin Anong 偷心俏冤家 05

>> ปิ่นอนงค์ Pin Anong 偷心俏冤家 EP05

ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 5 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


ในเวลาเดียวกันนั้น ลูกน้องพงษ์ขับรถตู้ที่ปานเทพเช่าไปรับปลอดที่ท่าเรือ ปลอดนั่งคู่มากับพงษ์ รถมาจอดที่หน้าบ้านเสี่ยตง พงษ์กับลูกน้องลงจากรถ เปิดประตูแล้วกระชากสมุนเสี่ยตงทั้ง 8 คน ซึ่งแต่ละคนต่างสะบักสะบอม จึงลงมาจากรถอย่างทุลักทุเล ทั้งหมดถูกมัดโยงติดกันเป็นพรวน คนถูกยิง และถูกใหญ่อัดจนมีแผล ก็ถูกพันแผลให้แบบลวกๆ
       
       พงษ์กับลูกน้อง ยิงปืนขึ้นฟ้า แล้วขับรถออกไป สมุนเสี่ยตง นั่งๆ นอนๆ กองอยู่ที่พื้น ร้องโอดโอย
       เสี่ยตงหน้าตื่นออกมากับสมุนอีก 2 คน
       “เฮ้ย อะไรกันวะ ใคร ... ใครทำพวกมึง”
       สมุนที่เป็นหัวโจกรีบบอก “พวกลูกน้องไอ้ใหญ่ มันตามไปช่วยไอ้ใหญ่กับปิ่นมันฝากจดหมายถึงเฮียด้วยครับ”




       สมุนหัวโจกล้วงจดหมาย ยื่นให้เสี่ยตงมือไม้สั่น เสี่ยตงฉีกจดหมายอ่านอย่างหงุดหงิดและโมโห
       “เสี่ยตง เสือย่อมไม่กินเนื้อเสือ คราวนี้ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน คราวหน้าถ้าบังอาจแตะต้องคุณใหญ่อีก เตรียมนับศพกันได้ จาก ปลอด ปาดังเบซา”
       เสี่ยตงเครียดครางออกมา “ปลอด ปาดังเบซา”
       “พวกมันมีอาวุธครบมือ ไม่รู้เป็นพวกค้ายาแถวตะเข็บชายแดนรึเปล่า พวกเราสู้มันไม่ได้เลย” ลูกน้อง 1 ใน 8 บอก
       “บัดซบ” เสี่ยตงขยำจดหมายขว้างทิ้ง
       
       ด้านครองสุขและคณะ ต่างถอยกรูดไปติดผนังบ้านห้องรับแขก ทรรศนะ ยืนอยู่ข้างหน้า ชี้หน้าใหญ่ กับ ปานเทพ ที่เดินช้าๆ เข้าหา
       “อย่าเข้ามานะ คุณใหญ่ บ้านเมืองมีขื่อมีแป จะมาใช้กำลังกัน เป็นพวกบ้านป่าเมืองเถื่อนไม่ได้”
       ใหญ่เหน็บแนม “ก็ยังเป็นพระเอกคนเดิมเปี๊ยบ แต่สำหรับชั้น มันต้องกฎหมู่ ดิบๆ เถื่อนๆ ถึงจะสะใจ ใช่มั้ย ไอ้ปาน”
       ปานเทพรับลูกล้วงมือเข้าไปในเสื้อ ครองสุขหน้าตาตื่น รีบออกมายืนบังๆ ทรรศนะ
       “เดี๋ยวๆ ค่อยๆ พูด ค่อยๆจากันดีกว่า น้าไม่รู้จริงๆ ว่าเสี่ยตงมันจะทำอะไรห่ามๆอย่างนี้ มันคงติดใจนังปิ่นแล้วแค้นที่มาขอกับน้า แต่น้าปฏิเสธมันไป มันก็เลยจับตัวนังปิ่นไป”
       ทรรศนะ หันไปมองครองสุข
       ใหญ่เยาะ “แต่น้าเป็นคนเรียกปิ่นอนงค์ไปพบที่บ่อนไอ้เสี่ยตงไม่ใช่เหรอครับ”
       ครองสุขร้องลั่น “ว้าย ... บ้าแล้ว นี่นังปิ่นมันใส่ร้ายชั้นอย่างนี้เหรอ”
       อุ่นเรือนจูงปิ่นอนงค์เข้ามาพอดี มีน้อยตามติด
       ปิ่นอนงค์สบตากับทรรศนะตะลึง มองจ้องกัน
       “เรื่องจริงมันเป็นยังไงกันแน่ นังปิ่นมันบอกว่า เสี่ยตงฉุดมันไปขัง จะปล้ำมัน แล้วคุณใหญ่ไปช่วยเอาไว้ จริงๆ เหรอคะ” อุ่นเรือนถาม
       ใหญ่บอกกวนๆ “ปิ่นว่าไง ก็ว่างั้น”
       “แล้วทำไมไม่พานังปิ่นกลับบ้านล่ะคะ” อุ่นเรือนถามต่อ
       ใหญ่มองไปเห็นปิ่นอนงค์กับทรรศนะสบตากัน เลยพูดขวางๆ
       “อ้าวป้าอุ่น ถามแปลก ผมเสี่ยงชีวิตเกือบตายไปช่วยปิ่น มันก็ต้องพากันไปปลอบขวัญหน่อยสิครับ”
       ปิ่นอนงค์รีบอธิบาย มองทรรศนะ กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด
       “เรากลัว กลัวคนร้ายจะตามล่า ก็เลยหนีไปหลบกันก่อนค่ะ”
       ใหญ่ปล่อยมุก เพราะขวางหูขวางทรรศนะ “อะไรกันปิ่นอนงค์ ก็ไหนเธอบอกกับชั้นว่ายังไม่อยากกลับไร่ ขอให้พาไปไหนก็ได้ที่มีแต่เราสองคน”
       ปิ่นอนงค์ตะลึง มองทุกคนไปมา อุ่นเรือนงงมองหน้าลูกสาว
       ครองสุขทำสีหน้าผิดหวัง “แกนี่มันเหลือเกิน นังปิ่น ไม่รู้เหรอว่าทุกคนเค้าเป็นห่วงแกขนาดไหน”
       ปิ่นอนงค์สับสน แค้นใจมองจ้องหน้าครองสุข ปานเทพทนไม่ไหว
       “พูดจาเอาตัวรอดกันทั้งนั้น สะสางคนผิดกันเลยดีกว่า”
       พลางปานขยับมือในเสื้อ มองตาขวาง ทัศนีย์ร้องกรี๊ด ปิ่นอนงค์เข้าไปขวาง
       “อย่านะ นายปาน ปิ่นขอร้อง”
       “เอาน่ะ ปาน ปิ่นของชั้นขอร้องทั้งที ก็เว้นให้ซักครั้งแล้วกัน”
       ปานเทพยักไหล่สวมมาด ปาน ป่าหวาย “ได้” ควักยาดมมาดมแล้วยื่นให้ทัศนีย์ พลางบอก “กลิ่นนี้ชื่นใจใช้ได้”
       ทัศนีย์รับมาอย่างกลัวๆ เกลียดๆ ขยะแขยง ปิ่นอนงค์กับทรรศนะสบตากัน ใหญ่เหลือบมอง
       ใหญ่หมั่นไส้เดินไปตบไหล่ทรรศนะดังป้าบ
       “เป็นไง ทรรศนะไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา คงพูดภาษาปะกิดคล่องน่าดู มา มาฟุตฟิตฟอไฟกันหน่อย”
       ใหญ่โอบคอทรรนะให้เดินไป แต่ทรรศนะขืนตัว มองครองสุข ครองสุขจะตาม ด้วยความเป็นห่วง
       “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณน้า” ทรรศนะกลัวแต่ทำเป็นใจดีสู้เสือ “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ผมก็อยากคุยกับคุณใหญ่ให้รู้เรื่องเหมือนกัน”
       ใหญ่โอบทรรศนะออกไป ปานเทพแกล้งบิดขี้เกียจ แล้วเดินไปชั้นบน
       “ขอไปล้างกลิ่นคาวเลือดหน่อยนะ เหนียวตัวมาก”
       ทัศนีย์สยอง “คุณน้า เอาไงดี”
       ครองสุขแค้นใจ จ้องปิ่นอนงค์เขม็ง ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “แกไปตามธีระมาหาชั้น นังปิ่น ตามชั้นมา”
       ทั้งหมดเข้ามาในห้องหนังสือ ครองสุขกระชากปิ่นอนงค์เหวี่ยงไป
       “แกโทษชั้น แกหาว่าชั้นล่อลวงแกไปให้ไอ้เสี่ยตงใช่มั้ย นังปิ่น พูดมาเลย พูดให้แม่แกได้ยินกับหู”
       ปิ่นอนงค์เก็บข่มความเจ็บใจ แค้นใจ “ปิ่นไม่เคยคิดกล่าวหาคุณนายอย่างนั้นเลยนะคะ พวกเสี่ยตงมันจับปิ่นแล้วคุณใหญ่ก็เข้าไปช่วยปิ่น จนเราสองคนเกือบถูกพวกเสี่ยตงจับไปฆ่า”
       ครองสุขกับอุ่นเรือนงุนงงสงสัยสิ่งที่ปิ่นอนงค์พยายามเล่า
       “ชั้นไม่เชื่อ ลำพังแค่ไอ้ใหญ่จะสู้พวกเสี่ยตงได้ยังไง”
       “นายปานไปตามพวกอาปลอดมาช่วยเราค่ะ” ปิ่นอนงค์บอกต่อ
       “ปลอด ไอ้ปลอดพ่อไอ้ปานน่ะเหรอ” ครองสุขไม่อยากเชื่อ
       “ค่ะ อาปลอดไปตั้งแก๊งโจรอยู่ทางใต้ พอช่วยคุณใหญ่กับปิ่นได้ อาปลอดก็พาเราไปที่บ้าน เมียอาปลอดก็เป็นคนดีมาก คุณใหญ่ก็ไม่ได้ข่มเหงรังแกอะไรปิ่นเลยค่ะ”
       ครองสุขถามคาดคั้น “แล้วไอ้ใหญ่อยู่ดีๆจะไปช่วยแกได้ยังไง ถ้าไม่ได้นัดแนะกันหรือว่าไปด้วยกันตั้งแต่แรก”
       อุ่นเรือนมองหน้าปิ่นอนงค์รอฟัง
       “คุณใหญ่ขึ้นรถไปกับปิ่นตอนออกจากไร่จริงๆค่ะ แต่ก็ลงไปก่อน จนกระทั่งปิ่นเอาของไปให้คุณนาย แล้ว...” ปิ่นอนงค์มองครองสุข และจะพูดว่าครองสุขส่งตัวเองให้เสี่ย ครองสุขรีบสวนขัดออกมา
       “แกเอาของไปให้ชั้น แล้วบอกจะไปธุระต่อ ทำไมไม่กลับบ้าน แกนัดให้ไอ้ใหญ่มาหาแกใช่มั้ย บอกถูกจับอย่างโน้นอย่างนี้ สุดท้ายก็ไประเริงอยู่กับไอ้ใหญ่”
       ปิ่นอนงค์อึ้ง “ปิ่นไม่ทราบจริงๆ ว่าทำไมคุณใหญ่พูดอย่างนั้น”
       อุ่นเรือนคาดคั้น “แกไม่ได้โกหกใช่มั้ย ปิ่น”
       “ปิ่นพูดความจริงทุกอย่าง ทุกอย่างที่ปิ่นจะพูดได้” ปิ่นอนงค์มองหน้าครองสุข
       ธีระเคาะประตูแล้วเข้ามากับทัศนีย์ หน้าเครียดมาก มองปิ่นอนงค์กับอุ่นเรือน
       “นั่งอุ่น นังปิ่น แกออกไปก่อน ชั้นยังต้องชำระสะสางกับแกอีกยาว”
       สองคนออกไปแล้ว ครองสุขหันมาทางธีระ
       “ว่าไงธีระ”
       “ไอ้ใหญ่มันร้ายกว่าที่คิด เสี่ยตงขอสงบศึกกับเรา แถมยกหนี้ที่เหลือให้ด้วย มันบอกไม่คุ้ม”
       ครองสุขตกตะลึง “แสดงว่าที่นังปิ่นพูดเรื่องแก๊งโจรไอ้ปลอดไปช่วยมันก็เรื่องจริงซิ”
       ทัศนีย์สยองมากขึ้น “แก๊งโจร มีแก๊งโจรด้วยเหรอ โอ๊ย แล้วคุณน้าใจเย็นอยู่ได้ยังไง หนูไม่เอาด้วยแล้วนะ”
       ครองสุขตวาด “เงียบ”
       “ผมนึกแล้วว่ามันคงไม่ได้มีกันแค่สองคน ไม่งั้นมันไม่กล้าเข้ามาป่วนเราที่นี่หรอก อย่างงี้เราเสียเปรียบมันนะพี่” ธีระกังวล
       “อย่าโง่ไปหน่อยเลยธีระ ถ้าไอ้ใหญ่มันต้องการฆ่าพวก เรา มันทำไปแล้ว มันไม่รอจนป่านนี้หรอก”ครองสุขนิ่งคิดหน้าเครียด
       “หรือมันจะรอพี่นะกลับมาค่อยฆ่าล้างโคตรพวกเรา ไอ้ใหญ่มันเกลียดพี่นะจะตาย” ทัศนีย์โพล่งขึ้น
       
       อุ่นเรือนจูงลูกสาวเดินมาที่เรือน ปิ่นอนงค์เอ่ยขึ้น
       “แม่ ขอปิ่นไปหาคุณนะ ก่อนได้มั้ย ไม่รู้คุณใหญ่ทำอะไรคุณนะบ้าง”
       “พอเถอะนังปิ่น เท่านี้แกยังหาเรื่องไม่พออีกเหรอ ลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นใคร”
       ปิ่นอนงค์อึ้งไป “ ปิ่นขอโทษ ที่ทำให้แม่เป็นห่วง แต่ปิ่นไม่ได้โกหก ปิ่นกับคุณใหญ่ไม่มีอะไรกันจริงๆ แม่ก็รู้ว่าปิ่นไม่เคยรักใครนอกจาก....”
       อุ่นเรือนตัดบท “พอแล้ว จะเป็นใครเค้าก็อยู่คนละชั้นกับแกทั้งนั้น เลิกใฝ่สูงลมๆ แล้งๆ ซะที ไม่งั้นคนที่เจ็บก็คือแก รู้มั้ยปิ่น”
       อุ่นเรือนอยากจะบอกเรื่องอรสอางค์แฟนทรรศนะ แต่ก็กลัวลูกสาวเสียใจ เลยเดินผละไป
       ปิ่นอนงค์เข้ามาในห้อง เปิดลิ้นชักโต๊ะ ค้นๆ แล้วหยิบการ์ดออกมาเปิดดูอาการปลื้มๆ
       เป็นการ์ดที่ปิ่นอนงค์ทำเอง โดยเอาดอกปีบมาใส่ทับไว้จนแห้งติดกาวเป็นรูปต่างๆ
       “ปิ่นไม่สนใจหรอกแม่ ว่าคุณนะจะรักตอบปิ่นมั้ย ปิ่นขอแค่ให้ได้รักก็พอแล้ว”
       ปิ่นอนงค์บอกกับตัวเอง
       
       สองคนต่างยืนมองคุมเชิงกันและกัน ทรรศนะมองรอบๆ ไม่มีใคร พยายามข่มความกลัว
       “จำได้มั้ยว่า ชั้นเคยขี่ม้าแข่งกับนายตรงนี้ นายแพ้ ตกม้า แต่พ่อกลับทำโทษชั้น ยึดม้าชั้นไปให้นาย” ใหญ่ว่า
       “ที่คุณลุงยึดม้าคุณใหญ่เพราะคุณใหญ่ไม่ยอมรับว่าคุณใหญ่แกล้งให้ผมตกม้าต่างหาก”
       “เออ จริงด้วย ความจำนายดีนี่ สมเป็นเด็กเรียนจริงๆ มิน่าพ่อชั้นชื่นชมนายนักหนา ถึงกับอยากได้นายไปเป็นลูกแทนชั้น”
       “คุณไพศาลท่านรักคุณมาก คุณไม่รู้หรอกว่าตอนที่คุณหนีไปท่านเสียใจมากแค่ไหน พวกเราต้องช่วยกันปลอบใจท่านจนวินาทีสุดท้าย”
       ใหญ่ฟังแล้วกำมือแน่น “ชั้นต้องขอบคุณนายซินะ”
       “คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก มันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำให้ผู้มีพระคุณอยู่แล้ว ถ้าคุณอยากให้วิญญาณพ่อคุณสบายใจก็แค่กลับเนื้อกลับตัวทำสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น”
       ทรรศนะบอก
       ปิ่นอนงค์ขี่จักรยานตามหาใหญ่กับทรรศนะทั่วไร่ไพศาล
       จนเมื่อปิ่นขี่จักรยานเข้ามามุมที่ทรรศนะคุยกับใหญ่เมื่อสักครู่ ก็เจอผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือด วางอยู่บนพื้นหญ้า
       ปิ่นอนงค์หยิบมาดู “คุณนะ” ตกใจมาก เรียกหา “คุณนะๆ อยู่ที่ไหนคะ”
       ทรรศนะเดินเข้ามาเอาหลังมืออุดจมูก
       “คุณนะ คุณใหญ่ทำร้ายคุณนะใช่มั้ยคะ คุณนะเจ็บตรงไหนบ้าง”
       ทรรศนะเอามือออกเห็นจมูกมีเลือดไหล ปิ่นอนงค์ตกใจ “เลือด”
       ปิ่นอนงค์ควักผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าถักเล็กๆ ที่สะพายมาด้วย ออกมาซับ “ไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ” “ไม่เป็นไรปิ่น แดดร้อน เลือดกำเดามันก็เลยไหล จำไม่ได้เหรอ ตอนเด็กๆ พี่ก็เป็นบ่อยๆ”
       
       ปิ่นอนงค์โล่งอก ที่ใหญ่ไม่ได้ทำร้ายทรรศนะ

-----------------------------------------------------------------------

ปิ่นอนงค์ขี่จักรยานจอดอยู่ใต้ต้นปีบแล้ว ทรรศนะนั่งแหงนหน้าพิงต้นปีบ ปิ่นอนงค์นั่งคุกเข่าข้างๆ
       
       “ไม่ไปหาหมอแน่เหรอคะ”
       “เลือดหยุดแล้ว ตอนอยู่เมืองนอก พี่ไม่เป็นเลยนะ แสดงว่าไม่ถูกกับอากาศเมืองไทยจริงๆ”
       “ปิ่นเสียใจนะคะ ที่เกิดเหตุการณ์ไม่ดี ในวันที่คุณนะกลับมาบ้าน”
       “พี่เองก็ไม่ได้คิดว่าจะเจอคุณใหญ่เหมือนกัน ตอนนี้เธอกับคุณใหญ่คงจะสนิทสนมกันดี ไม่เหมือน
       เมื่อก่อน แล้วใช่มั้ย”
       ปิ่นอนงค์ไม่เข้าใจ “คุณนะหมายความว่ายังไงคะ”
       “ก็เมื่อก่อน ตอนเด็กๆ เวลาเธอถูกคุณใหญ่รังแก เธอชอบร้องไห้มาหาพี่บ่อยๆ”
       “ตอนนี้คุณนะก็ยังเป็นคนที่ปิ่นคิดถึงที่สุด ไว้วางใจที่สุดเหมือนเดิมค่ะ คุณนะเชื่อปิ่นใช่มั้ยคะ”
       ทรรศนะยิ้มให้ “เชื่อซิ ปิ่นไม่เคยโกหกพี่นี่”
       ปิ่นอนงค์ยิ้มกว้างหยิบการ์ดในกระเป๋าส่งให้ ทรรศนะเปิดดู อาการงงๆ
       “คุณนะ ยังจำได้มั้ยคะ”
       
       ใต้ต้นปีบแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน ปิ่นอนงค์สวมชุดนักเรียนมัธยมปลาย ขณะที่ทรรศนะสวมชุดจะไปเรียนต่อเมืองนอก
       ปิ่นอนงค์เช็ดน้ำตาป้อยๆ ไม่มองทรรศนะนะ ดอกปีบต้องลมร่วงหล่นลงมาเป็นระยะๆ
       “ไม่ไปส่งพี่เหรอปิ่น” ทรรศนะถาม
       ปิ่นอนงค์ส่ายหน้า
       “ถ้าอย่างนั้นก็รอวันที่พี่กลับมาหาเธอก็แล้วกัน อย่าไปมีแฟนก่อนล่ะ” ทรรศนะเก็บดอกปีบที่ร่วงลงมาบ้าง ที่พื้นบ้าง สี่ห้าดอกจับมือปิ่นอนงค์แล้วเอาดอกไม้วางใส่มือ “เก็บเอาไว้ให้ดีนะ อย่าลืมดูแลต้นปีบของเราด้วย”
       ทรรศนะเดินออกไป ปิ่นอนงค์มองตามนะ น้ำตากลบตา
       
       ปิ่นอนงค์นึกถึงความหลังครั้งนั้น ดึงตัวเองกลับมา มองทรรศนะอยู่ ทรรศนะดูการ์ดแล้วแหงนหน้าดูต้นปีบ
       “จำได้สิ แล้วเธอก็เก่งมากนะปิ่นที่ดูแลต้นปีบจนสูงใหญ่มีดอกเต็มต้นอย่างนี้”
       “อะไรที่คุณนะให้ปิ่น มีค่าเสมอค่ะ ปิ่นต้องดูแลให้ดีที่สุดอยู่แล้ว”
       ใหญ่บังเอิญเดินเข้ามาจากอีกมุมหนึ่ง ชะงักแอบมอง ทรรศนะล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบถุงผ้าเล็กๆ ออกมา ส่งให้ ปิ่นอนงค์ดีใจสุดๆ เปิดถุงดู หยิบปิ่นเงินปักผมออกมา
       “ของฝากสำหรับปิ่น พกมาตั้งแต่ถึงเมืองไทย ตั้งใจว่ามาเจอก็จะให้เลย” ทรรศนะว่า
       “แปลกจังเลยค่ะที่อเมริกามีปิ่นปักผมขายด้วย” ปิ่นอนงค์พูดพาซื่อ ทรรศนะยิ้มเจื่อนๆ
       “ทั้งร้านก็มีอยู่อันเดียวนี่แหละ ชอบมั้ย”
       ปิ่นอนงค์ยิ้มปลื้มลืมโลก พยายามม้วนผมเอาปิ่นปัก “ชอบซิคะ ชอบที่สุดเลย”
       ทรรศนะเข้ามาช่วยถือปิ่นปักผม ปิ่นอนงค์ม้วนผมเป็นปม ทรรศนะเสียบปิ่นปักผมให้
       เห็นสองคนใกล้ชิดกัน ใหญ่แค้นนัก
       
       ปิ่นอนงค์ยิ้มระรื่นเดินมาที่บริเวณริมลำธารในไร่ ใหญ่โผล่มาขวางทาง ปิ่นอนงค์ตกใจ ใหญ่ฉกปิ่นปักผมออกจากหัว ปิ่นอนงค์รีบแบมือขอคืน
       “คุณใหญ่ ขอปิ่นปักผมคืนให้ปิ่นเถอะนะคะ”
       “หวงอะไรนักหนา ไอ้ปิ่นกระจอกๆ แบบนี้ เดี๋ยวชั้นไปปล้นเอามาให้เธอใหม่เอาแบบฝังเพชร ฝังพลอยสวยๆ เธอจะเอากี่อัน”
       ปิ่นอนงค์โกรธจัด พูดด้วยสีหน้าเข้ม “ปิ่นไม่อยากได้ของคนอื่น มันไม่มีคุณค่า แต่ปิ่นที่คุณใหญ่แย่งไป มันเป็นของฝากที่คุณนะให้ปิ่น ขอปิ่นคืนเถอะค่ะ”
       ใหญ่ยิ้มสะใจ แกล้งทำเป็นส่งคืนให้ปิ่นแล้วหันไปเอาตัวบัง แล้วแกล้งทำเป็นขว้างปิ่นปักผมลงน้ำไป “อ้าว จมหายไปเลย”
       ปิ่นอนงค์แค้นสุดๆ มองตามสายตาใหญ่ แล้วมองน้ำในลำธาร ก่อนจะกระโดดลงน้ำไป
       ปิ่นอนงค์ดำผุดดำว่ายผลุบๆ โผล่ๆ มือควานหาปิ่นปักผมที่พื้นน้ำ รอบๆ ตัว
       ใหญ่อึ้งไป ไม่คิดว่าปิ่นอนงค์จะกระโดด “ยัยบ้าเอ๊ย”
       ใหญ่มองปิ่นปักผมในมือตะโกนบอก “งมให้ตายก็ไม่เจอหรอก” ใหญ่หมั่นไส้เลยยืนดู
       แต่แล้วนาทีนั้นปิ่นอนงค์ชะงักตัวแข็ง ตะคริวกินน่อง มือไม้วักน้ำทรงตัว ใหญ่หน้าเสีย ถอดเสื้อ พันปิ่นปักผมวางไว้ จะกระโดดน้ำไปช่วย
       ทว่าจอมวิ่งมาจากไหนไม่รู้ พุ่งพรวดลงน้ำไปก่อน ใหญ่ชะงัก จอมประคองปิ่นขึ้นมาจากน้ำทุลักทุเลปิ่นอนงค์ร้องไห้เสียใจเป็นนักหนา จอมชี้หน้าใหญ่ เดินเข้ามาหาใหญ่อย่างเอาเรื่อง
       “คุณทำอะไรปิ่น”
       “ไม่ใช่จอม คุณใหญ่ไม่ได้ทำอะไรปิ่น” ปิ่นอนงค์ร้องห้าม
       จอมชะงักใหญ่เดินไปเฉียดปิ่นอนงค์พูดเย้ยหยัน
       “มีองครักษ์คอยช่วยอย่างงี้ ชั้นก็หมดสนุกเท่านั้นเอง ขอให้หาของรักเจอนะ”
       ปิ่นอนงค์แค้นสุดๆมองตามใหญ่
       “เค้าพูดอะไรของเค้า ของรักอะไร”
       จอมงงสุดๆ
       ครองสุขกำลังจะขึ้นรถกอล์ฟไปกับธีระ ทรรศนะเดินกลับมาก่อน
       “นะ” ครองสุขวิ่งลงมาหาทรรศนะ “หายไปไหนมา ไอ้ใหญ่มันทำอะไรนะรึเปล่า น้ากำลังจะไปตามเชียว”
       “ตอนแรกผมก็คิดว่าจะแย่เหมือนกัน แต่มันไม่ใช่อย่างงั้น”
       ครองสุขงง ภาพเหตุการณ์ใต้ต้นปีบผุดขึ้นในความคิดของทรรศนะ
       ตอนนั้นใหญ่ขยุ้มคอทรรศนะ หลังจากถูกเตือน
       “ผมพูดก็เพราะหวังดี เพราะถึงยังไงเราก็เหมือนญาติกันผมไม่อยากเห็นคุณต้องหมดอนาคต
       จู่ๆ ใหญ่ค่อยๆ ปล่อยเสื้อทรรศนะ “ซาบซึ้งมาก เพิ่งรู้ว่านายหวังดีกับชั้นขนาดนี้ ได้ ชั้นจะเอาคำพูดของนายไปคิดดู”
       
       ฟังแล้วครองสุขคิดหนัก “ไอ้ใหญ่มันเล่นเกมอะไรกันแน่ นอกจากไม่เอาเรื่องเรา แล้วยังยกห้องให้นายนะอยู่ฟรีๆ ตัวเองยอมระเห็จไปอยู่บ้านในรีสอร์ต”
       “ปิ่นอาจจะขอร้องไว้” ธีระว่า
       “นังปิ่นน่ะเหรอจะทำให้ไอ้ใหญ่เชื่องได้ขนาดนี้”
       “ถ้ามันไม่ชอบปิ่น มันคงไม่เสี่ยงชีวิตไปช่วยปิ่นจากพวกเสี่ยตงหรอก เฮอะ แถวซ่องโจรที่มันเคยอยู่คงหาผู้หญิงดีดีอย่างปิ่นไม่ได้”
       ครองสุขตวัดสายตามาทางธีระ
       “พี่ก็น่าจะรู้ ผู้ชายน่ะเก่งแค่ไหนก็แพ้ผู้หญิงวันยังค่ำ เหมือนที่ผมแพ้พี่ไง”
       พูดจบธีระเข้ามากอด ครองสุขค้อน แต่ก็คิดตาม
       ใหญ่อยู่ที่บ้านพักในรีสอร์ต นอนดูปิ่นปักผมอย่างแค้น ปานเทพนอนหลับอยู่อีกเตียง
       ภาพทรรศนะกับปิ่นอนงค์สวีตกันใต้ต้นปีบผุดเข้ามาในหัว ใหญ่ขว้างปิ่นออกไปที่ผนัง ปานเทพสะดุ้งตื่น ชักปืนใต้หมอนออกมา
       “ใครแหย่หนวดเสือวะ”
       ปานเทพขยี้ตามอง “ไอ้คุณใหญ่ เกิดอะไรขึ้น” ปานเทพมองไปเห็นปิ่นปักผมที่กระเด็นตกอยู่ข้างเตียง หยิบขึ้นมางง “แล้วนี่”
       ใหญ่เดินไปแย่งมา “ไม่มีอะไร รีบนอนเหอะ พรุ่งนี้ชั้นมีงานให้แกทำแต่เช้า”
       ใหญ่ปิดไฟ ล้มตัวลงนอน ปานเทพงงมากๆ
       
       เช้าวันต่อมา อรสอางค์นั่งคุยโทรศัพท์ที่ริมสระว่ายน้ำ ในชุดเสื้อคลุมตัว เพิ่งจะตื่นนอน มีหนังสือแฟชั่นวางบนโต๊ะเล็กข้างๆ เตียงพับ
       “ไฮ นะ เป็นไงบ้าง”
       ทรรศนะพูดโทรศัพท์จากในห้องนอน
       “ตอนนี้ที่ไร่กำลังยุ่งมากๆ เลยครับ เลยต้องรีบโทรมาบอกอรก่อน” 
       “ดีแล้วล่ะค่ะ อรก็ยังไม่อยากจะไปเลย คุณเป็นคนคะยั้นคะยออรเองต่างหาก เอาอย่างนี้ นะมาหาอรวันปาร์ตี้ญาติๆกับเพื่อนๆของอรที่บ้านดีกว่า จะได้แนะนำตัวทีเดียวไปเลยนะคะ”
       “ครับ ได้ครับ”
       “ค่ะ อย่าลืมที่อรบอกก็แล้วกัน อย่าเข้าไปที่เค้าเลี้ยงสัตว์ เชื้อโรคมันเยอะ ระวังยุงป่าด้วยนะคะ เดี๋ยวเป็นไข้เลือดออก เป็นมาลาเรียล่ะ แย่เลย”
       จิ๋วเอาน้ำส้มมาวางที่โต๊ะแล้วนั่งมือวางบนตักรอ “แค่นี้นะคะ นะ คิดถึงค่ะ”
       อรสอางค์กดวางสาย แล้ววางโทรศัพท์บนโต๊ะ หยิบแก้วน้ำส้มมาดูด
       “ขอบคุณค่ะ พี่จิ๋ว”
       “พี่จิ๋วขออนุญาตถามนะคะ คุณชายถวัลย์วงศ์ ด๊อกเตอร์อุทยาน ลูกท่านรัฐมนตรี ไม่อยู่ในสายตาคุณหนูเลยเหรอคะ คุณทรรศนะนี่ ต่างจากคนอื่นๆ ตรงไหนคะ”
       “ที่พี่จิ๋วพูดมา ขอโทษนะคะ บางคนก็เชยสนิท บางคนก็โง่ บางคนก็หลงตัว มีทรรศนะนี่แหละค่ะฉลาดเฉลียว แล้วก็คุยกับอรได้รู้เรื่องที่สุด”
       “จิ๋วเป็นห่วงคุณหนูบ้านช่องคุณนะอยู่ไร่นาป่าเขาอย่างนั้น คุณหนูจะไปใช้ชีวิตอยู่ได้เหรอคะ”
       “ใครว่าอรจะไปอยู่ล่ะคะ ไปเที่ยวสองสามวันคงพอได้ จะให้ไปอยู่คงไม่ไหวหรอกค่ะ ไม่ชินการอยู่กับช้างม้าวัวควาย พวกนั้น”
       เสียงท่านปลัดดังลอดเข้ามา “แน่จริงก็ฟ้องไปเลย ชั้นเป็นข่าวขึ้นมา ธนาคารแกก็หนี้สูญล่ะวะ”
       อรสอางค์กับจิ๋วสบตากัน
       เห็นฝ่ายสินเชื่อของแบงก์เดินถือกระเป๋าหน้าเครียดออกมานอกบ้าน
       “นั่นใคร” อรสอางค์สงสัย
       “ไม่ทราบคะเห็นมาขอพบคุณท่านแต่เช้า ปิดห้องคุยกันเงียบเลย”
       อรสอางค์เดินเข้ามาในห้องรับแขก เห็นพ่อนั่งกุมหัวเครียด แม่นั่งมองพ่ออย่างห่วงใย
       “ใจเย็นๆคุณ เดี๋ยวความดันขึ้น” คุณหญิงปลอบสามี
       ที่พื้นมีเอกสารการฟ้องร้องหล่นกระจัดกระจาย
       “มีเรื่องอะไรกันคะ ใครมาทำให้คุณพ่อโมโห”
       อรสอางค์เก็บเอกสารขึ้นมาดูๆ สามสี่แผ่น สีหน้าเครียด อรสอางค์อ่านผ่านๆ ทุกแผ่น
       “นี่มันอะไรกันคะ ทั้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ทั้งคำฟ้องล้มละลาย”
       คุณหญิงหน้าเจื่อนๆ เล่าเรื่อง “คุณพ่อโดนหลอกใช้ ให้ตั้งบริษัทเข้าประมูลงานของกระทรวง พอถูกตรวจสอบ พวกมันก็ทิ้งคุณพ่อความเสียหายทั้งหมด คุณพ่อต้องชดใช้คนเดียว”
       “แล้วคุณพ่อจะไปยอมพวกมันทำไมคะ แฉเลยค่ะ สื่อสารมวลชนมีตั้งเยอะ มันอยู่พรรคไหน ตำแหน่งอะไร เราเป็นใคร มันเป็นใคร ให้ไอ้พวกขี้โกงมาทำกับเราอย่างนี้ได้ยังไงคะ” อรสอางค์ฉุนขาด
       ท่านปลัดตวาด “เงียบเดี๋ยวนี้อรสอางค์ ไม่รู้อะไรก็อย่าพูด เรื่องทั้งหมดแกไม่ต้องยุ่ง ชั้นจะจัดการเอง”แล้วเดินออกไป
       “หนูพูดอะไรผิดเหรอคะ คุณแม่”
       “คุณพ่อเค้าเครียดมาก มันไม่ใช่แค่เรื่องเงินทองที่ต้องชดใช้เท่านั้น มันมีความผิดเรื่องฮั้วประมูล เรื่องทุจริตที่จะตามมาอีก ถ้าเป็นข่าวขึ้นมา ก็ต้องถูกสอบสวน มันจะเป็นคดีอาญาติดคุกติดตะรางเลยนะลูก”
       
       อรสอางค์ตะลึง อึ้งอยู่อย่างนั้น

-----------------------------------------------------------------

  เวลาเดียวกัน อุ่นเรือนนั่งอยู่ที่พื้นต่อหน้าครองสุข บอกเรื่องที่จะส่งปิ่นอนงค์กลับบ้านที่ต่างจังหวัด
       
       “จะให้นังปิ่นไปอยู่ที่อื่น” ครองสุขถามย้ำ
       “ค่ะ เพื่อตัดปัญหา อุ่นจะให้มันกลับไปบ้านเดิมของเรา ที่นั่นอุ่นยังพอมีคนรู้จักอยู่บ้าง”
       “แกไม่ดีใจหรอกเหรอ ถ้าไอ้ใหญ่มันชอบนังปิ่นจริงๆ แกก็สบายไม่ต้องมารับใช้ชั้นอย่างนี้” ครองสุขเหน็บแนม
       “คนอย่างคุณใหญ่ ไม่รักชอบใครจริงจังหรอกค่ะ นังปิ่นมันจะต้องตกนรกมากกว่าขึ้นสวรรค์” อุ่นเรือนไม่เคยมองใหญ่ดีเอาเสียเลย
       “ชั้นดีใจนะที่แกฉลาดคิดได้ ถึงชั้นจะดุด่านังปิ่น แต่ก็เพราะเห็นมันเหมือนลูกหลาน พูดจริงๆว่าถ้าตานะไม่มีแฟนไปซะก่อน ชั้นก็หวังจะได้นังปิ่นนี่แหละเป็นสะใภ้” ครองสุขป้อนคำหวาน
       อุ่นเรือนตื้นตันจนน้ำตาคลอ “คุณนาย...”
       “ชั้นน่ะถึงไม่ได้บอกมันเรื่องหนูอร กลัวมันจะเสียใจ แต่นังปิ่นมันอาจจะไม่รักชั้นอย่างที่ชั้นรักมัน ถึงคิดหันไปหาไอ้ใหญ่”
       “ไม่จริงคะ นังปิ่นมันสาบานกับอุ่นแล้วว่าจะจงรักภักดีกับคุณนายคนเดียว คุณนายวางใจได้”
       ทัศนีย์โผล่พรวดเข้ามา “คุณน้า”
       “นี่ ยัยนี เมื่อไหร่แกจะหัดเป็นผู้ดีกับเค้าซะบ้าง” ครองสุขหงุดหงิด ระอาใจกับมารยาทของทัศนีย์
       “ไอ้ใหญ่มันลากพี่นะออกไปจากบ้าน มันบอกว่ามันจะประชุมคนงาน ให้เรารีบตามไปเดี๋ยวนี้”
       อุ่นเรือนกับครองสุขตกใจ
       
       ที่ศาลาประชุม มีการจัดโต๊ะ ใหญ่นั่งหัวโต๊ะ ปานเทพนั่งข้างๆ ทรรศนะนั่งถัดไป ถวิลอยู่ติดขวามือ เหล่าคนงานชายหญิง 25 คน นั่งตามมุมต่างๆ เป็นกลุ่ม เมาท์กันว่านักดประชุมเรื่องอะไรกันแน่ ประไพ พนักงานควบคุมฝั่งรีสอร์ต มาประชุมด้วย
       จอมนั่งแยกเดี่ยววางมาดขรึม ธีระนั่งริมขวาอยู่ท้ายโต๊ะ เจิดกะก้านยืนอยู่ห่างๆ
       ครองสุข อุ่นเรือน และทัศนีย์ เดินตามกันมา อย่างร้อนรนใจ
       ใหญ่ลุกขึ้นผายมือไปตามเก้าอี้ที่จัดเตรียมเอาไว้
       ถวิลจัดสมุดบัญชีไปมามีอยู่ 4 เล่ม
       “เชิญครับคุณน้า น้องนี นั่งเลยนะครับ”
       ทุกคนเข้านั่ง ครองสุขยืนเชิดหน้า “นี่มันเรื่องสำคัญอะไรนักหนา ต้องเรียกประชุมด่วนอย่างนี้”
       ครองสุขมองจ้องธีระ แต่ธีระส่ายหน้าทำนองว่าไม่รู้เหมือนกัน
       “ใจเย็นๆครับ เดี๋ยวผมจะแจกแจงให้ฟัง ปานแกดูซิว่าครบหรือยัง”
       ปานเทพนับ “หนึ่ง สอง สาม สี่ ยี่สิบ สามสิบ ครบแล้ว”
       “ไอ้บ้า นับเลขแค่นี้ไม่ถ้วน เดี๋ยวปั๊ดตัดเงินเดือน” สองคนกวนตีนกันเล่นๆ ให้ดูไร้สาระเข้าไว้
       “แหม ก็มันไม่ค่อยได้ใช้ แต่เท่าที่ดูก็ครบแล้วละ”
       “ใครบอกว่าครบ ยังขาดคนสำคัญโว้ย” น้อยจูงปิ่นอนงค์เข้ามา ใหญ่บอกต่อ “อ้าว นั่นไง”
       ทุกคนหันไปมองตามใหญ่ “ไม่มีคนนี้ไม่ได้เลย ปิ่นอนงค์มาเลยจ้ะ มานั่งใกล้ๆ กันตรงนี้”
       เห็นทุกคนจ้องเป็นตาเดียวปิ่นอนงค์เขินมาก
       “เห็นมั้ยพี่ปิ่น น้อยบอกแล้วว่าคุณใหญ่ให้ไปตามพี่มาจริงๆ” น้อยว่า
       อุ่นเรือนมองจ้องปิ่นอนงค์เขม็ง ตาดุ ปิ่นอนงค์หลบตามานั่งข้างใหญ่
       “โอเค คราวนี้ก็ครบ” เห็นปิ่นอนงค์อึกอัก ใหญ่หน้าดุ ก่อนจะประกาศการวาระประชุม
       “ที่เรียกประชุมใหญ่วันนี้ ก็เพราะนายทรรศนะ น้องชายสุดที่รักของชั้น...” ทรรศนะงงๆ ใหญ่ฟุ้งต่อ “เค้านี่แหละที่เป็นคนเตือนสติชั้น ทำให้ชั้นคิดได้ว่าตั้งแต่กลับมาที่นี่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้สมกับที่เป็นทายาทไร่ไพศาลเลย ชั้นก็เลยจะเริ่มทำงานซะที ต่อไปนี้ชั้นจะเข้าควบคุมกิจการทั้งหมด และนี่คือรายชื่อและตำแหน่งของพนักงาน”
       ใหญ่ยื่นกระดาษแผ่นใหญ่ที่เป็นลายมือโย้เย้เท่าหม้อแกง ให้ทุกคนเห็น
       “นายปาน อ่านซิ”
       ปานเทพกระแอม แล้วดึงกระดาษไป
       และแล้วการเล่นละครของใหญ่และปานเทพเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าเป็นคนไม่มีความรู้ ก็เริ่มขึ้น ณ บัดนาว!
       “คนแรก ปาน ป่าหาย” ปานเทพแกล้งอ่านชื่อตัวเองผิด
       “ป่าหวาย!” ใหญ่แก้ให้
       “อ้อ ป่าหวาย แหมก็ลายมือแกยังกะไส้เดือนปาน ป่าหวาย เป็นผู้จัดการไร่และรีสอร์ต”
       ธีระลุกพรวดเหลียวมองสบตาครองสุข “ได้ยังไง อยู่ดีๆ มาปลดผม ผมทำอะไรผิด”
       ใหญ่รีบบอก “อย่าเข้าใจผิด คุณธีระทุ่มเททำงานให้ไร่เหน็ดเหนื่อยมานานแล้ว ผมเกรงใจจริงๆ หน้าที่ของคุณคือเป็นที่ปรึกษาให้ปาน ป่าหวาย มีอะไรเกิดขึ้นในไร่ในรีสอร์ตก็รายงานให้ปานรับรู้ มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ”
       ใหญ่จ้องหน้าธีระรีบบอก “ไม่ ไม่มี”
       ใหญ่เดินดูสมุดบัญชีไปที่เก้าอี้ข้างหลังปิ่นอนงค์ แล้วชี้ข้ามโต๊ะไปที่ทัศนีย์เป็นสัญญาณให้ปานเทพเชือดต่อ
       “คุณทัศนีย์ ไปอยู่ที่รีสอร์ตเป็นพนักงานต้อนรับ” ปานเทพอ่านต่อ
       “ได้ยังไง ชั้นเป็นเจ้าของที่นี่” ทัศนีย์โวยลั่น
       ใหญ่มองหน้าเป็นเชิงบอกว่าพูดผิดพูดใหม่ได้
       ครองสุขรีบแก้ต่าง “ยัยนีหมายถึงเป็นญาติกับเจ้าของ ควรจะได้ตำแหน่งสูงกว่านี้”
       ใหญ่จ้องหน้าทัศนีย์ “ยิ่งเป็นญาติเจ้าของนี่ละครับ ยิ่งต้องไปคลุกคลีกับงาน จะได้เป็นหูเป็นตาให้ผม”ทัศนีย์ขบกรามกัดฟันแน่น ซอยเท้ากระทืบกับพื้น
       “ส่วนคุณทรรศนะ ไปเป็นหัวหน้าคนงานแทนนายถะ ถะวิล” ปานเทพทำเป็นอ่านไม่ออก “ส่วนนายถวิลย้ายมาเป็นผู้ช่วยคุณชลัต”
       ใหญ่แกล้งสะดุ้งโหยง “ชาลิต! ฉันชื่อชาลิตโว้ย”
       หมู่มวลคนงานขำก๊าก ฮาครืน จอมส่ายหน้า ถวิลชู้วปาก
       “มานี่ชั้นอ่านเอง” ใหญ่แย่งเอากระดาษมา
       ครองสุขสวนขัดออกมา “เดี๋ยว นายนะจบบริหารมาจากเมืองนอก ไม่ควรเป็นแค่หัวหน้าคนงานนะ”
       “จบบริหารก็มาช่วยผมดูแลบริหารพวกคนงาน มันก็ดีแล้วนี่ครับ หรือทรรศนะไม่อยากทำเพราะรังเกียจพวกคนงาน ไม่อยากปะปนกับคนรากหญ้า”
       คนงานมองจ้องทรรศนะเป็นตาเดียวรอฟัง “ผมไม่มีปัญหา ผมทำได้”
       ใหญ่เดินกลับไปที่หัวโต๊ะ ชี้จอม “ดี ส่วนนาย ... จอม อยู่มานานประสบการณ์ในไร่สูงเป็นผู้ช่วยทรรศนะ” จอมมองหน้าว่าใหญ่จะมาไม้ไหน ตั้งท่าจะพูดเถียง
       ถวิลรีบตัดบท “ได้ครับคุณใหญ่ ผมกับไอ้จอมจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดครับ”
       ธีระหลบตากระแทกตัวนั่ง ใหญ่ว่าต่อ “เรื่องการเงินทั้งหมด” ใหญ่เกาหัวแกรก “ให้ปิ่นอนงค์เป็นผู้ควบคุมดูแล”
       ปิ่นอนงค์ตาค้างตกใจมาก
       ทุกคนสบตากันไปมา ปิ่นอนงค์อึ้ง “เป็นไปได้ยังไง นังปิ่นมันเรียนคหกรรม ไม่ได้จบบัญชีซักหน่อย มันจะไปรู้เรื่องการเงินการทองได้ยังไง”
       ใหญ่ดูสมุดบัญชี “แล้วธีระ เรียนมาเหรอครับคุณน้า อะไรเนี่ย คุณธีระเรียนกฎหมายมาสามปีครึ่งแล้วก็ออก ออกนะครับไม่ใช่จบ” ธีระก้มหน้าแค้นจัด “คุณธีระมาอยู่ไร่เรา คุมทั้งเงิน เป็นทั้งผู้จัดการ แล้วทำไมปิ่นอนงค์ จะทำไม่ได้ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ความซื่อสัตย์ครับ” ใหญ่รวบตึงด่ากระทบธีระพร้อมครองสุข
       อุ่นเรือนลุกขึ้นจะพูด “แต่ว่า....”
       ใหญ่รู้ว่าไม่น่าจะใช่เรื่องดี จึงรีบตัดบท “ขอบคุณทุกคน ขอให้เริ่มทำงานกันตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปเลย จอมดูแลน้องชายชั้นดีดีนะ เอ้าแยกย้ายกันไปซิ”
       ทรรศนะข่มอารมณ์สุด จอมเองก็เซ็ง แต่ต้องพาทรรศนะออกไป
       ใหญ่มองปิ่นอนงค์ยิ้มๆ ก่อนเดินไป ธีระสังเกต ครองสุขยืนอึ้งคิดไม่ถึงว่าใหญ่จะมาไม้นี้
       
       อุ่นเรือนร้อนใจ รีบวิ่งตามครองสุขที่เดินกลับเรือนใหญ่กับทัศนีย์
       “คุณน้า คุณน้าต้องช่วยหนูนะ หนูไม่อยากไปรับใช้พวกลูกค้า ถ้าเพื่อนหนู กิ๊กหนูรู้ หนูจะเอาหน้าไว้ไหน”
       ครองสุขตวาด “โอ๊ย แกเงียบก่อนได้มั้ย ชั้นกำลังใช้ความคิด”
       “คุณนายขาคุณนาย” อุ่นเรือนเรียกไว้
       ครองสุขชี้หน้า “แกไม่ต้องมาตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จอีก นังอุ่น”
       “อุ่นไม่รู้เรื่องจริงๆ นะคะ”
       “ไม่รู้เรื่องเหรอ ถ้าไม่มีอะไรลับลมคมในกัน มันจะให้ตำแหน่งนังปิ่นทำไม แกกับลูกมันงูพิษทั้งคู่”ครองสุขบันดาลโทสะสลัดแขนผลักอุ่นเรือนเซไป ปิ่นอนงค์ที่ตามมา เข้าไปประคอง
       “แม่ คุณนายอย่าโกรธแม่เลยค่ะ แม่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
       “แกนี่ละตัวดี นังปิ่น แกอยากตีเสมอพวกชั้นมานานแล้วใช่มั้ย ก็เลยไปยั่วไอ้ใหญ่จนมันหลง ให้อำนาจแกมากลั่นแกล้งพวกชั้น นังอกกตัญญู อีนกสองหัว นี่แน่ะ”
       ทัศนีย์ตบปิ่นอนงค์กระเด็น แล้วเข้าไปซ้ำด้วยความแค้น
       น้อยเข้ามาเห็นแอบดูตกใจ ละล้าละลัง “อย่าค่ะ คุณนี” อุ่นเรือนร้องเสียงหลง
       อุ่นห้ามโดนตบด้วย ปิ่นอนงค์โมโหที่แม่ถูกทำร้าย “คุณนีอย่าทำแม่นะคะ”
       ปิ่นอนงค์ทะยานเข้าจับมือ ฮึดสู้ “แกสู้ชั้นเหรอ”
       ครองสุขตวาดลั่น “หยุดนะนั่งปิ่น”
       ครองสุขเข้ากระชากปิ่นอนงค์สุดแรง ทัศนีย์เลยตบอีกที คราวนี้ปิ่นอนงค์กับอุ่นเรือนลงไปกองรวมกัน”ถ้าแกอยากไปถือหางไอ้มหาโจรนั่นแกก็ไปเลย แต่บอกซะก่อนนะ ว่าแกจะต้องเสียใจ”
       ครองสุขเดินไปทัศนีย์ทำท่าจะเล่นงานปิ่นอนงค์อีก น้อยรีบตะโกนบอก
       “คุณนี คุณปานให้มาตามไปหาที่รีสอร์ตค่ะ”
       ทัศนีย์จำต้องไปอย่างแค้น แต่ชี้หน้าปิ่นอนงค์อย่างเกรี้ยวกราด “เพราะแก นังปิ่น”
       อุ่นเรือนร้องไห้มองปิ่นอนงค์ ทั้งเสียใจ แค้นใจ กระชากมือปิ่นอนงค์ลากไป
       “มานี่เลย”
       น้อยใจเสีย “พี่ปิ่นเละแน่”
       
       อุ่นเรือนลากปิ่นอนงค์เข้าห้องมา แล้วตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า อุ่นเรือนโยนกระเป๋าเดินทางลงบนเตียง
       “เก็บข้าวเก็บของซะ ชั้นจะส่งแกกลับบ้าน ขืนแกอยู่ที่นี่ต่อไป ก็มีแต่จะสร้างปัญหา”
       “แม่ก็ไม่เชื่อใจปิ่นเหรอจ๊ะ ปิ่นไม่มีวันเนรคุณอกตัญญูกับคุณนายได้หรอกจ้ะ”
       “ตอนนี้แกจะพูดยังไงก็ไม่มีใครเชื่อแล้ว แกต้องไป”
       
       ไม่นานนัก อุ่นเรือนลากปิ่นอนงค์ออกมาหน้าบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทาง ปิ่นอนงค์เช็ดน้ำตาป้อยๆ น้อยวิ่งนำใหญ่มา
       “พี่ปิ่นต้องโดนตีตายแน่ๆ ค่ะคุณใหญ่”
       ใหญ่โผล่มาขวางถามเสียงเข้ม “จะไปไหนกัน”
       อุ่นเรือนมองน้อยตาขวาง ทำนองว่าจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง น้อยหลบตาลี้ตัวออกไป
       “จะส่งปิ่นกลับบ้านที่ต่างจังหวัดค่ะคุณใหญ่ อย่ามาขัดขวางเลยนะคะ ป้าขอร้อง”
       “ปิ่นไปไหนไม่ได้หรอกครับ ต้องอยู่ทำงานที่นี่” ใหญ่บอกท่าทีนิ่งเฉย
       อุ่นเรือนเขย่าแขนจะให้ปิ่นอนงค์พูด “นังปิ่นมันลาออกแล้ว บอกคุณใหญ่สิ”
       ใหญ่แอบมอง แล้วเก๊กดุ “จะลาออกง่ายๆได้ยังไง ปิ่นเป็นหนี้ผมตั้งหลายแสน”
       ปิ่นอนงค์อ้ำอึ้ง อุ่นเรือนตกใจ “ต้องทำงานใช้หนี้ให้หมดซะก่อน”
       อุ่นเรือนรีบจับปิ่นอนงค์หันมาประจันหน้า “แกไปเป็นหนี้อะไรคุณใหญ่ บอกมาเดี๋ยวนี้”
       ใหญ่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องต้องเป็นอย่างนี้ “ตกลงเธอไม่ได้บอกแม่เธอเหรอ”
       “เอ่อ พอดี ตอนที่แม่ป่วยปิ่นไม่อยากรบกวนคุณนาย เลยไปกู้เงินไปซื้อหวยใต้ดิน แต่ก็ถูกกินเรียบ ปิ่นเลยต้องยืมเงินคุณใหญ่มาใช้หนี้จ้ะ” ปิ่นโกหกแม่
       อุ่นเรือนโกรธจนตัวสั่น ถามคาดคั้น “เท่าไหร่ แกเป็นหนี้เท่าไหร่”
       “ถ้าหักจากเงินเดือนก็คงต้องรอเป็นปีถึงจะครบ แต่อย่าห่วง ผมไม่คิดดอกเบี้ยหรอก”
       
       อุ่นเรือนจะเป็นลม

-----------------------------------------------------------------------

ใหญ่เดินนำเข้ามาในบ้านพักที่รีสอร์ต ปิ่นอนงค์ตามต้อยๆ จังหวะหนึ่งจู่ๆ ใหญ่ก็หันมาดึงรั้งร่างปิ่นอนงค์เข้ามาในระยะประชิด ปิ่นอนงค์ตกใจ        
       ใหญ่เป็นห่วงเอามือแตะแก้มปิ่นอนงค์ก้มลงมาดูใกล้ๆ ปิ่นอนงค์ยังเจ็บไม่หาย
       “น้อยบอกว่าเธอถูกคุณน้ากับทัศนีย์ทำร้าย”
       “เปล่าค่ะ คุณนายแค่ดุว่าเท่านั้น”
       ใหญ่ยิ้มเยาะผละตัวออก “นึกแล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้”
       ปิ่นอนงค์พนมมือ “ปิ่นขอบคุณคุณใหญ่ ที่เป็นห่วง แล้วก็ไม่บอกแม่ว่าปิ่นเอาเงินนั้นไปจ่ายค่าผ่าตัด”
       “ขอบคุณทำไม เธอต้องทำงานใช้หนี้อยู่แล้ว”
       “ปิ่นคงทำไม่ได้หรอกค่ะ ให้ปิ่นช่วยงานไร่ทั่วไปอย่างเดิมดีกว่า”
       “ถ้าไม่ทำก็เอาเงินมาใช้หนี้ฉันเดี๋ยวนี้”
       “คุณใหญ่ก็รู้ว่าปิ่นไม่มี”
       “เอ๊ะ หนี้ก็ไม่ใช้ ให้ทำงานก็ไม่ทำ เห็นว่าชั้นชอบเธอมากใช่มั้ยถึงเล่นตัวขนาดนี้”
       ปิ่นอนงค์อึ้ง “ปิ่นรู้ว่าคุณใหญ่แค่อยากแกล้งปิ่น แต่คุณใหญ่ทำแบบนี้คนอื่นจะเข้าใจผิด คิดว่าเรา..มีอะไรกันจริงๆ”
       ใหญ่อารมณ์มากรุ่นๆ หึงหวงปิ่นอนงค์ “เธอกลัวคนอื่นจะเข้าใจผิดหรือกลัวนายทรรศนะ”
       ปิ่นอนงค์เงียบ ใหญ่ปรี๊ด หึงจี๊ดๆในใจ “ไอ้นะนี่ช่างเป็นมารความสุขชั้นจริงๆ สงสัยคงเอามันไว้ไม่ได้แล้ว”
       ใหญ่เดินก๋าไปหยิบปืน ปิ่นอนงค์ถลาเข้าไปจับ “อย่า คุณใหญ่อย่าทำอะไรคุณนะ นะคะ ปิ่นทำก็ได้ค่ะ”
       ใหญ่เก็บปืนในลิ้นชักตามเดิม “งั้นก็ไปเอาบัญชีทรัพย์สินทั้งหมดของชั้นมาจากธีระ ชั้นขอดูเมื่อไหร่ ต้องได้”
       ปิ่นอนงค์รับคำ “ค่ะ”
       ปิ่นอนงค์ตั้งท่าจะเดินไป “เดี๋ยว ปิ่นอนงค์”
       ปิ่นอนงค์หันกลับ เจอใหญ่เข้ามา หยิบปิ่นปักผมจากลิ้นชักโยนลงบนโซฟาตรงหน้าปิ่น
       ปิ่นอนงค์แปลกใจ รีบหยิบมา “คุณใหญ่หลอกปิ่น คุณใหญ่ไม่ได้ทิ้งลงน้ำ”
       “ถ้าไม่อยากให้ชั้นทิ้งจริงๆ ก็รีบเอาไปให้พ้นหูพ้นตา”
       “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมาก”
       
       ปิ่นอนงค์วิ่งออกไปเร็วรี่ ดีใจสุดๆ ใหญ่มองตามตาขวาง หึงสุดๆ เช่นกัน
       
       ในขณะที่จอมยืนมองอยู่ในไร่ ถวิลพาทรรศนะเดินดูไร่ ถวิลชี้อธิบายโน่น นี่ ทรรศนะทำท่าร้อน ปาดเหงื่อไปมา ถวิลถาม
       
       “ไหวมั้ยครับคุณนะ เอาหมวกผมไปใส่ก่อน”
       “ขอบใจ”
       “หน้านี้แดดแรงซะด้วย เดี๋ยวเราไปดูคอกวัวนมแล้วก็พักนะครับ เฮ้ย จอมไปเอารถมารับคุณนะที”จอมเดินไปเอารถอาการเซ็งๆ ปิ่นอนงค์แอบมองอยู่แถวนั้น
       “จอม”
       จอมเหลียวไปมอง “ปิ่น...”
       “ปิ่นฝากจอมช่วยดูแลคุณนะดีๆ ด้วยนะ คุณนะแพ้แดด ถ้าเลือดกำเดาไหล ต้องให้เค้าเข้าร่มแล้วเอาน้ำแข็งประคบ แล้วนี่ก็ยา”
       จอมรับมาอึ้งๆ พูดอะไรไม่ออก
       “ขอบคุณนะจอม”
       จอมได้แต่ฝืนยิ้ม พยักหน้า ปิ่นเดินไป
       จอมข่มความน้อยใจ ขับรถกอล์ฟไปรับทรรศนะ
       
       ที่ล็อบบี้ในส่วนออฟฟิศของรีสอร์ต ปานเทพวางมาดเท่นั่งไขว่ห้าง ประไพพนักงานไร่ส่วนรีสอร์ท พาทัศนีย์ที่แต่งชุดพนักงานเดินหน้าบึ้งเข้ามา ปานเทพมองปิ๊งปั๊ง
       “เรียบร้อยค่ะ”
       “เออ แต่งชุดนี้แล้วดูเรียบร้อยกว่าพวกสายเดี่ยวเอวลอยเป็นไหนๆ”
       ทัศนีย์บ่นงุบงิบ “แต่ชุดเชยๆแบบนี้ชั้นไม่อยากใส่ ให้ชั้นใส่ชุดของชั้นไม่ได้เหรอ”
       “ไม่ได้หรอกครับ มันไม่เป็นระเบียบ แล้วก็เป็นตัวอย่างไม่ดีกับพนักงาน”
       ประไพถามปานเทพ “คุณปานจะให้คุณนีทำอะไรบ้างคะ”
       “เอาเถอะน่า ชั้นรู้แล้ว ไม่ต้องมาสอนหรอก ชั้นจะคอยต้อนรับลูกค้าอยู่แถวนี้เอง” ทัศนีย์ตีขลุมทำท่าจะไปนั่ง ปานเทพท้วงไว้ก่อน
       “อ๊ะๆๆ เดี๋ยว ก่อนจะต้อนรับลูกค้ามันต้องเรียนรู้งานระดับล่างก่อน จะได้บริการลูกค้าถูก”
       “หมายความว่าไง” ทัศนีย์อึ้ง ชักสีหน้า
       “ก็หมายความว่า คุณนีควรจะไปหัด ทำความสะอาดห้องพัก ปูเตียง ขัดห้องน้ำ ซะก่อนน่ะซิครับ”
       ทัศนีย์ยัวะ “บ้าเหรอ นั่นมันงานแม่บ้าน”
       “ทำไม่ได้ใช่มั้ยครับ ผมจะได้ไปรายงานคุณใหญ่ เฮ้อ มันขี้โมโหไม่ชอบให้ใครขัดใจซะด้วย” ปานเทพถาม
       ทัศนีย์แค้นสุด ยอมรับปาก “ก็ได้ ชั้นทำก็ได้”
       ปานเทพพยักหน้าให้ประไพพานีไป
       ปานเทพเดินคุยโทรศัพท์กับพ่อมาตามทางในรีสอร์ต
       “ไอ้คุณใหญ่มันเข้าคุมกิจการในไร่เป็นเรื่องเป็นราวแล้วพ่อ ไม่นานคงได้หลักฐานเด็ดๆมาอีก ไม่ต้องห่วง ผมระดับไหน ถ้าไม่มามัวช่วยไอ้ใหญ่ ผมสอบเป็นอัยการไปแล้ว”
       พอดีกับที่จินตนาเดินเลี้ยวมา เจอปานเทพ ถึงกับชะงัก
       ปานเทพเองก็ตกใจเจอโจทย์เก่ารีบวางสาย “แค่นี้ก่อนนะพ่อ
       “มาเดินลับๆล่อๆอะไรแถวนี้” ปานเทพถาม
       “ใครกันแน่ที่มาเดินลับๆ ล่อๆ”
       “ขอโทษ ผมน่ะ เป็นผู้จัดการของที่นี่ ผมจะเดินตรวจซอกมุมไหนก็ได้”
       “นายนี่นะ ผู้จัดการ โม้หรือเปล่า คุณธีระต่างหากที่เป็นผู้จัดการของไร่” จินตนาไม่เชื่อ
       “คุณธีระถูกปลดไปเรียบร้อย เจ๊นี่ตกข่าวนะ”
       พอปานเทพพูดจบก็จะไป จินตนาเรียกไว้
       “เดี๋ยว....ที่จริงชั้นก็ไม่น่าจะสงสัยหรอกนะ คนที่สนใจศึกษาหาความรู้ก็มีสิทธิจะเป็นผู้บริหารได้”
       จินตนาควักคู่มือกฎหมายมาจากกระเป๋า ปานเทพอึ้ง
       “โดยเฉพาะคนที่ตั้งใจศึกษากฎหมายอย่างนาย
       ปานเทพกระโดดคว้าหนังสือหมับ แต่จินตนาไม่ให้
       “ยอมรับใช่มั้ยว่าคู่มือกฎหมายนี่น่ะ ของนาย”
       “ก็ใช่ดิ ของผม แล้วไง เป็นโจรมันก็ต้องรู้กฎหมายไว้บ้าง”
       “เหรอ...” จินตนาเปิดโชว์ให้ดู “รู้บ้าง แต่ก็มีโน้ตเป็นภาษาอังกฤษไว้ตรงนั้นตรงนี้”
       ปานเทพตกใจกลัวเรื่องแดง คิดทางออก “อ๋อ นังแหม่มเจ้าของมันเขียนไว้น่ะซิ เล่มเนี้ยได้มาตอนไปปล้น ฆ่า ข่มขืนแหม่มที่หาดป่าตองโน่น” จินตนาชักกลัว ปานเทพฟุ้งต่อ “นังนั่นน่ะมันมานั่งท่องหนังสือคนเดียว เปลี่ยวๆ แถมยังนุ่งแต่กางเกงลิงตัวเดียว”
       ปานเทพหยุดแล้วมองด้วยสายตาโลมเลีย “ไอ้ปานไปเจอเข้าก็เลย จัดการซะ ว่าไป หุ่นเจ๊นี่ก็คล้ายๆนะ เสียแต่ดำไปหน่อย”
       จินตนาร้องลั่น “อย่าเข้ามานะ เดี๋ยวจะหาว่าชั้นไม่เตือน”
       ปานเทพไม่หยุดเข้ามาจับแขน จินตนาหลับหูกลับตาร้องแล้ว ยกเข่ากระทุ้งท้อง พร้อมกับเอาหนังสือฟาดๆๆๆๆ ไม่เลี้ยง ก่อนจะขว้างหนังสือใส่แล้ววิ่งหนีไป
       ปานเทพจุกแอ้ก ครางออกมาอย่างอารมณ์เสีย
       “ยัยหมอหมา อุย”
       
       ด้านอรสอางค์นั่งกอดเข่าพิงหัวเตียงในห้องนอน หน้าเครียดจัด คุณหญิงแม่เปิดประตูห้องเข้ามายืนมองอย่างเป็นห่วง “ออกไปกินข้าวกินปลาบ้างเถอะลูก กับข้าวเย็นหมดแล้ว”
       “ตกลงเรื่องหนี้ เรื่องคดีคุณพ่อ เราจะเคลียร์ได้ใช่มั้ยค่ะ”
       คุณหญิงนิ่ง ก่อนจะส่ายหน้า อรสอางค์ร้องกรี๊ด ขว้างหมอนไปอีกทาง
       “ทำไมคุณพ่อทำอย่างนี้ แล้วหนูจะสู้หน้ากับใครได้ งานรวมญาติงานเลี้ยงรุ่น จะทำยังไงคะ”
       คุณหญิงเข้ามานั่งข้างๆ เอามือจับเข่าอรสอางค์เหมือนมีเรื่องสำคัญ “บอกเลื่อนออกไปก่อนนะลูก ถ้าเราพร้อม ก็นัดกันใหม่ได้”
       “คุณแม่บอกเลื่อนเองก็แล้วกัน อรอายเค้า”
       อรสอางค์มองมือแม่ที่จับเข่า มองหน้าแม่อย่างสงสัย คุณหญิงไม่ปล่อยแล้วยังบีบเข่าแน่นอีก
       คุณหญิงอึกอักอ้ำอึ้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างยากเย็น “อร ตอนนี้ลูกมีเงินในบัญชีธนาคารอยู่เท่าไหร่ แล้วพวก...” จิ๋วจะเข้าห้องมา ชะงักแอบฟัง “เครื่องเพชร เครื่องทองที่คุณยายท่านให้มา ยังเก็บเอาไว้อยู่ ใช่มั้ยลูก”
       อรสอางค์หรี่ตามองแม่อย่างสงสัย “คุณแม่ถามทำไมคะ”
       “แม่จะรวบรวมเอาไปเคลียร์ให้ธนาคารที่มันจะฟ้องคุณพ่อก่อน”
       “เรื่องอะไร มาเอาของหนู ทำไมไม่เอาของคุณแม่ล่ะคะ”
       “เอ๊ะ ลูกนี่ยังไงกัน ก็ของพวกนี้คุณย่าคุณยายกับแม่เป็นคนให้ลูกเองนะ คุณพ่อกำลังเดือดร้อนก็เอามาช่วยๆกันก่อนสิ”
       “ไม่รู้ล่ะ ให้แล้วให้เลย ให้หนูแล้วก็ต้องเป็นของหนู” อรสอางค์ไม่ยอม
       “ถ้าอย่างนั้นก็ช่างหัวแก บ้านช่องห้องหอก็ให้มันมายึดไป ส่วนแกก็นอนกอดเครื่องเพชรสมบัติบ้าอะไรของแกอยู่ข้างถนนก็แล้วกัน”
       พลางคุณหญิงเปิดประตูจะออกไป เห็นจิ๋วยืนเครียดรออยู่หน้าห้อง
       “คุณหญิงคะ เกิดเรื่องใหญ่ นังพวกเล็กๆ มันไม่ยอมทำงานทำการ บอกว่าถ้าเดือนนี้มันไม่ได้เงินเดือนมันจะลาออก เหิมเกริมมากจริงๆ ขี้เกียจทำงานแล้วบังอาจมากล่าวหาว่าเราไม่จ่ายเงินเดือน ท่านปลัดกับคุณหญิงน่ะเหรอจะทำอะไรน่าเกลียดแบบนี้ คุณหญิงต้องจัดการนะคะ” จิ๋วรายงาน
       “ตอนนี้ชั้นปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ใครอยากจะไปไหนก็ให้มันไสหัวไปเลย” คุณหญิงบอก
       คุณหญิงเดินไป จิ๋วอ้าปากค้าง เข้าไปหาอรสอางค์จะฟ้อง “คุณหนู”
       อรสอางค์สุดจะทนแล้วกรีดร้องเสียงดังก้อง ขว้างข้าวของกระจาย จิ๋วอุดหูแทบไม่ทัน
       
       เวลาเดียวกันจอมกับเปี๊ยก และคนงาน 2 คน กำลังช่วยกันล้าง ทำความสะอาดคอกม้า แต่ทรรศนะนั่งเอาหมวกพัดตัวเอง
       ใหญ่โผล่เข้ามา “ขยันขันแข็งกันดีนะ” ทรรศนะรีบลุกพรวดขึ้น “แต่รู้สึกว่าชั้นจะสั่งให้จอมเป็นผู้ช่วยคอยแนะนำงานไม่ใช่เหรอ นี่ไปทำแทนหัวหน้าซะแล้ว”
       “นี่มันแค่งานล้างคอก มันเป็นงานของพวกผมอยู่แล้ว” จอมว่า
       ใหญ่ไม่ยอมพูดประชด “จะงานอะไร คนเป็นหัวหน้าก็ต้องทำได้หมด ยกเว้นจะเป็นพวกคุณหนู ทำไม่ไหว”
       ทรรศนะฉุนเดินมาแย่งไม้กวาดจากเปี๊ยก “ชั้นทำเอง พวกนายไปพักเถอะ”
       เปี๊ยกยื้อไว้ใหญ่มอง เปี๊ยกยอมให้ จอมวางถังใส่น้ำ เดินตามเปี๊ยกไป ใหญ่มองทรรศนะกวนตีนๆ
       
       ทรรศนะกวาดคอกม้าทุลักทุเล เพราะไม่ถนัดงานใช้แรง

------------------------------------------------------------------------

 โทรศัพท์มือถือทรรศนะซึ่งวางเอาไว้บนโต๊ะตรงมุมที่เก็บฟางดังขึ้น ขณะที่ทรรศนะกวาดคอกม้าอยู่ มือของใหญ่เอื้อมมาหยิบมือถือกดรับสาย
       
       ใหญ่เอาโทรศัพท์จ่อหู ทรุดนั่งบนฟางมัดเป็นสี่เหลี่ยม ข้างๆ มีโต๊ะเล็กวางกระติกน้ำ
       “นะ อรโทรตั้งหลายหน ทำไมไม่รับ”
       “ขอโทษ คุณนะไม่สะดวกมารับสาย” ใหญ่บอก
       “แล้วนายเป็นใคร ถึงมารับโทรศัพท์นะ” อรสอางค์งง
       “ผมเป็นคนงานไร่ไพศาลครับ ตอนนี้คุณนะกำลังประชุมอยู่” ใหญ่ยังไว้หน้าทรรศนะ
       “แต่ชั้นอรสอางค์เป็นแฟนคุณทัศนะมีเรื่องสำคัญมากจะพูดกับเค้า” อรสอางค์วางอำนาจตามนิสัย
       ขณะที่ใหญ่ชะงัก เพิ่งรู้ว่าทรรศนะมีแฟนแล้ว “คงไม่ได้หรอกครับ เพราะคุณทัศนะประชุมเรื่องสำคัญมาก เกี่ยวกับธุรกิจเป็นร้อยเป็นพันล้าน มีอะไรให้รับใช้บอกผมก็ได้ ผมเป็นผู้ช่วยคุณทัศนะ...อ้อ ได้เลยครับ ผมจัดการให้ พรุ่งนี้ซักกี่โมงดีครับ ครับสวัสดีครับ”
       ใหญ่กดวาง แล้วปิดเครื่อง เอาโทรศัพท์นะยัดเข้าไปในฟางที่นั่งทับอยู่ หากไม่สังเกตไม่มีใครเห็น
       ปานเทพนั่งซ่อมตำรากฎหมายอยู่ในห้องพักที่รีสอร์ต สีหน้าเครียด ใหญ่เดินคิดแผนต่างๆ อย่างสะใจเข้ามา
       “เป็นยังไงบ้าง ท่านผู้จัดการ”
       “เกือบไปน่ะซิ ยัยจินตนาเพื่อนปิ่น เก็บคู่มือชั้นได้จากไหนไม่รู้”
       “แล้วเค้าสงสัยอะไรรึเปล่า”
       “เฮอะ ชั้นขู่จนขวัญหนีดีฝ่อไปแล้ว” ปานเทพเยาะ
       ใหญ่โล่งอก “ดี ทุกอย่างกำลังไปได้สวย ชั้นไม่อยากให้มีอะไรมาขัด ยิงปืนนัดเดียว ได้นกหลายตัวได้ทั้งแก้แค้น ค้นหาความจริง และพิสูจน์ใจใครบางคน” ใหญ่นึกถึงปิ่นอนงค์
       “นี่แกเอาปิ่นมาคุมเรื่องเงิน เพื่อจะพิสูจน์ใจงั้นซิ”
       ใหญ่ยิ้มเยาะ หันมามองปานเทพ “นั่นมันเรื่องของชั้น แกทำหน้าที่ผู้จัดการของแกให้ดีก็แล้วกัน”
       ปานเทพดูจะกังวลใจกับความคิดใหญ่
       
       ครองสุขอารมณ์เสีย ขว้างของนั่น ผลักของนี่กระเด็นกระดอนระบายอารมณ์
       “ไอ้ใหญ่ นังปิ่น ชั้นไม่มีทางยอมแพ้แก”
       ครองสุขฉุกคิดขึ้นมาตอนคุยกับธีระ
       “นังปิ่นน่ะเหรอจะทำให้ไอ้ใหญ่เชื่องได้ขนาดนี้”
       “ถ้ามันไม่ชอบปิ่น มันจะคงไม่เสี่ยงชีวิตไปช่วยปิ่นจากพวกเสี่ยตงหรอก เฮอะ แถวซ่องโจรที่มันเคยอยู่คงหาผู้หญิงดีดีอย่างปิ่นไม่ได้”
       ครองสุขตวัดสายตาหาธีระ “พี่ก็น่าจะรู้ ผู้ชายน่ะเก่งแค่ไหนก็แพ้ผู้หญิงวันยังค่ำ เหมือนที่ผมแพ้พี่ไง”
       พอนึกถึงเรื่องนี้ครองสุขหรี่ตาร้าย ยิ้มเพราะคิดแผนออก รีบหยิบมือถือมาโทร.ออกทันที
       “ธีระ หยุดเคลียร์บัญชีก่อน พี่มีเรื่องด่วนจะปรึกษา”
       
       ด้านอรสอางค์บึ่งรถจากกรุงเทพฯ ตรงดิ่งมายังไร่ไพศาล และแวะรอตามที่นัดกับใหญ่ที่ร้านกาแฟในปั๊มแห่งหนึ่ง มีจิ๋วตามมาคอยรับใช้ ข้างๆ มีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ 5 ใบ
       “จะดีเหรอคะ อยู่ดีดีก็ออกจากบ้านมาโดยไม่เรียนท่านปลัดกับคุณหญิง ท่านจะเป็นห่วงนะคะ” จิ๋วกังวลไม่หาย
       อรสอางค์ไม่ใส่ใจ นั่งกระสับกระส่าย ดูนาฬิกาข้อมือ “ใครจะอยู่รอให้คนมาไล่ ไม่มีทาง ใครทำอะไรไว้ก็รับไปเองซิ”
       “ใครคะ ใครจะมาไล่ คุณหนูคิดมากไปแล้ว มันไม่มีทางหรอกคะ ท่านเป็นใคร ระดับไหน”
       “พี่จิ๋วไม่รู้เรื่องอะไรก็เงียบไปเลยดีกว่า” อรสอางค์ดุ
       ระหว่างนั้นใหญ่ขับรถเข้ามาจอดก้าวลงรถ
       “คุณอรสอางค์ใช่มั้ยครับ ผมมาจากไร่ไพศาล เชิญครับ”
       จิ๋วเชิดหน้า ชี้ให้ใหญ่ดูกองกระเป๋า แล้วชี้ไปที่ประตูรถใหญ่รีบวิ่งไปเปิดประตูรถให้อร แล้วขนกระเป๋าใส่ท้ายรถ ใหญ่ขับรถออกไป
       
       เวลาเดียวกันจอมเตรียมต้อนวัวไปกินหญ้า ปีนดูบนรั้ว เห็นรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อไกลๆ ทรรศนะจูงลูกวัวเข้ามา ยื้อยุดฉุดกระชาก ลูกวัวพยศ ทรรศนะหน้ามืด ปล่อยลูกวัวไป ยืนโซเซกุมหน้าผาก
       จอมหันมาเห็น กระโดดลงจากรั้ว วิ่งเข้าไปประคองนะ จอมยืนเอาหมวกพัดให้ทรรศนะที่นั่งบนเสื่อ พิงต้นไม้ เห็นรถกระบะลิบๆ
       ปิ่นอนงค์หน้าตื่นเข้ามา นั่งชันเข่าจับไหล่จับแขนทรรศนะ
       “คุณนะ...จอม ปิ่นบอกว่าคุณนะไม่แข็งแรงไง ทำไมปล่อยให้ทำงานหนักขนาดนี้”
       “คุณใหญ่มาคุมตั้งแต่เช้า ปิ่นจะให้ทำยังไง” จอมบอกเสียงขุ่น
       “รีบไปเอาข้าว ยาหอม แล้วก็น้ำเกลือแร่มาเร็วๆ ซิจอม”
       จอมอึ้ง เดินไป เจ็บปวดในใจ
       ปิ่นอนงค์นั่งพับเพียบ เอาหมวกพัดให้ทรรศนะไปมา “หายใจลึกๆ ค่ะ”
       ทรรศนะจับมือปิ่นอนงค์ หยิบเอาหมวกออกจากมือ วางมือปิ่นอนงค์วางขาตัวเอง
       “มาดูแลชั้นอย่างนี้ ถ้าเจ้าของไร่มาเห็นเข้า คงไม่พอใจเพราะตอนนี้เธอเป็นคนสนิทของคุณใหญ่ไปแล้วนี่”
       “ปิ่นไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยค่ะ ปิ่นก็แค่ลูกจ้างคนนึงเท่านั้น”
       ทรรศนะทำเป็นรำพันด้วยความเสียใจ “คุณใหญ่คงเอ็นดูเธอมาก อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตไปช่วยเธอสนับสนุนหน้าที่การงานให้เธอ เธอจะไม่มีใจให้เค้าเลยเหรอปิ่น”
       ปิ่นอนงค์ส่ายหน้ามองตาทรรศนะ “คนที่ปิ่นรัก มีคนเดียวค่ะ”
       สองคนมองสบตากัน
       ใหญ่ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าเรือนใหญ่ รีบเดินอ้อมไปเปิดประตูให้อรสอางค์
       อรสอางค์ก้าวลงจากรถสำรวจเรือนใหญ่ ไม่ยินดียินร้าย จอมมาเอายาที่ปิ่นอนงค์สั่ง ยืนข้างประตูเรือน มองด้วยความสงสัย ใหญ่ผายมือให้อรสอางค์ไปทางเรือนใหญ่
       “เชิญครับ เชิญบนเรือนก่อน เดี๋ยวจะให้คนไปบอกคุณนะ ว่าคุณมาถึงแล้ว”
       อรสอางค์กะ จิ๋วเดินตามใหญ่ไป
       “ขอบใจ”
       น้อยโผล่ออกมา ส่งถุงข้าวกับขวดน้ำให้จอมพูดกำชับ “บอกคุณนะกินข้าวก่อน ยาหอมกับเกลือแร่กินทีหลัง”
       อรสอางค์ชะงัก รีบเดินไปหาจอม “คุณนะ คุณนะเป็นอะไร”
       “คุณนะเป็นลมครับ” จอมบอก
       อรสอางค์ตกใจ เอามือปิดปาก ใหญ่รีบเสริม
       “คุณนะคุมงานอยู่ที่คอกวัวครับ จอมช่วยพาคุณอรเพื่อนคุณนะ ไปพบคุณนะด้วย”
       สามคนสบตากันไปมา
       
       ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในไร่ ปิ่นอนงค์นั่งพับเพียบ ทรรศนะนอนหนุนตัก ทรรศนะกุมมือปิ่นอีกข้างบนหน้าอกจอมขับรถมาจอด อรสอางค์เปิดประตูรถก้าวลงมา
       ปิ่นอนงค์กับทรรศนะ ผละออกจากกัน อรสอางค์ชี้หน้าปิ่นอนงค์
       “นะ ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”
       ทรรศนะรีบลุกขึ้นพร้อมกับปิ่นอนงค์ ทรรศนะเงอะงะ ทำตัวไม่ถูก
       “อร ... อรมาได้ยังไง”
       “ไม่ต้องพูดมาก ไม่รู้ว่าอรมาก็ดีแล้ว ไม่งั้นอรคงไม่ได้มาเห็นคุณกับผู้หญิงคนอื่นพลอดรักกันจะจะแบบนี้”
       จอมอึ้ง ปิ่นอนงค์งง มองทรรศนะ มองอรสอางค์ สลับกันไปมา
       ปิ่นอนงค์มองสบตาอรสอางค์ “คุณ ...”
       “ชั้นชื่ออรสอางค์ เป็นแฟนคุณนะ แกเป็นใคร”
       ปิ่นอนงค์ตกตะลึง ทรรศนะรีบไปยืนข้างอรสอางค์ ยิ้มเจื่อนๆ
       “ปิ่นอนงค์ ลูกสาวแม่บ้านที่ผมเคยเล่าให้อรฟังไง”
       อรสอางค์ทำหน้านึก “ปิ่น อ๋อ ... ยัยเด็กปิ่น ที่นะบอกว่า ซื่อๆ โง่ๆ แล้วมาปลื้มคุณน่ะเหรอ”
       ปิ่นอนงค์ยิ่งช็อกอัดอั้นตันใจ ผินหน้าหนีไปอีกทาง
       “ครับ ผมมาคุมงานหน้ามืด ปิ่นเลยมาช่วย แล้วนี่ทำไมอรมากะทันหัน ไหนว่าจะอยู่จัดงานปาร์ตี้ก่อน”
       “อรเปลี่ยนใจ กรุงเทพฯ อากาศมันมีแต่มลพิษ” ฃ
       จู่ๆ อรสอางค์ก็ทำตาโต เมื่อมองไปเห็นปิ่นปักผมบนหัวปิ่นอนงค์ อรสอางค์ปรี่เข้าไปหาปิ่นอนงค์ ชี้ปิ่นปักผมบนหัว “นี่มันปิ่นปักผมที่อรซื้อจากไชน่าทาวน์ตั้งใจจะเอามาแจกพวกคนใช้ คุณเอามาให้เด็กปิ่นเหรออรทำท่าจะเข้าไปดึงปิ่นปักผมบนหัวปิ่น”
       ทรรศนะรีบจับแขนอรสอางค์เดินหนีไป “แหม ซื้อมาตั้งหลายอันไปเถอะครับอร ไปพักผ่อนที่เรือนใหญ่ก่อน เดินทางมาเหนื่อยๆ”
       ทรรศนะจูงอรสอางค์ไปขึ้นรถ อรสอางค์ยังเหลียวหันมามองปิ่นอนงค์ไม่วางตา
       ทรรศนะ กะอร ขึ้นรถกอล์ฟขับออกไป
       ปิ่นอนงค์ช็อกอยู่มองตามสองคนหน้านิ่งจอมรีบเข้ามาหาปิ่นอนงค์
       “ปิ่น จอมขอโทษ จอมไม่รู้ว่าเค้าเป็นแฟนคุณนะ คุณใหญ่บอกว่าเป็นเพื่อนคุณนะ ให้จอมพามา”
       ปิ่นอนงค์ได้สติ ยิ้มร่าเริงทั้งม่านน้ำตา
       “ปิ่นไม่เป็นอะไรหรอกจอม ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ปิ่นไปทำงานก่อนนะ”
       ปิ่นอนงค์เดินออกไปเร็วนี่ จอมมองตามด้วยความเจ็บปวด และเห็นใจ
       
       จิ๋วยืนมองทิวทัศน์ที่หน้าเรือนใหญ่ มีกระเป๋ากองอยู่ข้าง น้อยถือตะกร้าจะไปเก็บผัก สบตากันกับจิ๋ว
       จิ๋วกวักมือเรียก น้อยเข้ามาหา สำรวจกันไปมา
       “ช่วยขนกระเป๋าเข้าบ้านหน่อย”
       น้อยชี้มือ อธิบาย “ไม่ใช่แล้ว ถ้าจะมาพักรีสอร์ต ต้องเลียบเขาไปอีกฝั่งโทร.มาจองรึยัง น้า”
       “ชั้นไม่ใช่นักท่องเที่ยว ชั้นเป็นแขกของทายาทไร่ไพศาล” จิ๋วเบ่งออกมาดคุณนาย
       น้อยเซ็ง “เอาอีกแล้ว ทายาทอีกแล้ว มาสายไหนล่ะเนี่ย ความวัวยังไม่ทันหายความควายมาแทรก” จิ๋วโกรธ “แกว่าอะไรนะ วัว ควายอะไร ไร้การศึกษา พูดจาก็ไม่มีหางเสียง รู้ซะบ้างชั้นเป็นใคร แกเป็นใคร”
       น้อยของขึ้นนิดๆ “ชั้นผู้ช่วยแม่บ้าน แล้วป้าล่ะ”
       ทั้งคู่เดินเข้าหากัน พอดีกับที่ทรรศนะขับรถมาจอด ลงมากับอรสอางค์ จิ๋วกับน้อยหยุดกึก
       ทรรศนะ “อ้าว พี่จิ๋วมาด้วย สวัสดีครับ น้อยยกกระเป๋าของคุณอรกับพี่จิ๋วไปที่ห้องรับรองแขกด้วย”
       จิ๋วได้ทีทำเป็นเชิด “คุณทัศนะ ควรจะอบรมพวกคนรับใช้ให้มีมารยาทมากกว่านี้นะคะ”
       “น้อย..ไปล่วงเกินพี่จิ๋วพี่เลี้ยงแฟนชั้น ขอโทษเดี๋ยวนี้”
       น้อยอึ้ง รีบไหว้ “ขอโทษค่ะ” หน้าเจื่อนรีบยกกระเป๋าเท่าที่เอาไปได้
       “คุณน้าของนะล่ะคะ”
       อรสอางค์ถามหาครองสุข
       
       ครองสุขเปิดดูสมุดบัญชีคร่าวๆ
       “ไอ้ใหญ่ ไอ้ปาน มันดูบัญชีไม่รู้เรื่องหรอกพี่ ได้แต่หลงอำนาจไปวันๆ ถ้าปิ่นร่วมมือกับเรา ก็หมดปัญหา”
       ครองสุข ยิ้มหยัน “แม่มันอยู่ในโอวาทพี่ พี่สั่งอะไรมันต้องทำ”
       เสียงโทรศัพท์เข้า ครองสุขกดรับ “ฮัลโหล ว่าไง นะ” ครองสุขตกใจตาค้าง
       ครองสุขกดวางสาย “รีบกลับไร่เร็ว หนูอรแฟนตานะมาที่ไร่”
       
       สองมารร้ายสบตากันเครียด
       
       ปิ่นอนงค์หลบมาร้องไห้ สะอึกสะอื้นคนเดียว นั่งพิงต้นปีบหมดอาลัยตายอยาก ใหญ่เข้ามามองด้วยความสงสาร ปิ่นอนงค์หันมาเห็นรีบเช็ดน้ำตา กลั้นสะอื้น ลุกยืนแค้นสุดๆ
       “ปิ่นอนงค์”
       “คุณใหญ่สนุกมากมั้ยคะ นี่ใช่มั้ยคะ ที่คุณใหญ่อยากเห็นหรืออยากจะเห็นให้สะใจมากกว่านี้ ได้”
       ปิ่นอนงค์จ้องตาใหญ่ ชักปิ่นปักผมออกจากหัว เงื้อจะแทงคอตัวเอง ใหญ่พุ่งเข้าจับมือปิ่นอนงค์ กอดไว้ “จะบ้าเหรอปิ่นอนงค์ อกหักแค่นี้ก็จะฆ่าตัวตาย มันคุ้มมั้ยกับคนที่เค้าไม่เคยรักเธอ ไม่เคยคิดถึง ไม่แยแสอะไรกับเธอเลยซักนิด เธอไปรักคนที่เค้าไม่เคยเห็นคุณค่าของเธอซักนิดเดียว มันคุ้มแล้วเหรอปิ่นอนงค์”
       ปิ่นอนงค์ไม่สนใจ กำปิ่นปักผมแน่น ดันตัวออกจากใหญ่
       “ปิ่นไม่เคยคิดว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม ให้ใครแล้วก็ไม่เคยคิดว่าจะได้อะไรกลับ สำหรับปิ่นขอแค่ได้รักก็พอคุณใหญ่ไม่เคยรักใคร ไม่เคยให้ใคร มีแต่ไปยื้อแย่งของคนอื่น จะมาเข้าใจอะไร”
       
       ปิ่นอนงค์ร้องไห้เดินกำปิ่นปักผมไป ขณะที่ใหญ่ยืนช้ำใจคาที่

-----------------------------------------------------------------------

ทัศนีย์ถูกใจมาก และกำลังชื่นชมกระเป๋าแบรนเนมด์ที่อรสอางค์นำมาฝาก       
       “ไง ชอบมั้ย อรเค้าเลือกเองนะ” ทรรศนะถามยิ้มๆ
       “ชอบซิ ชอบสุดๆ แบบนี้ค่อยคู่ควรเป็นพี่สะใภ้นีหน่อย” ทัศนีย์เดินเข้าไปหาอรสอางค์หวังจะไปประจบแต่อรสอางค์ดันพูดขึ้นก่อน ขณะมองโถเบญจรงค์ในห้องโถง
       “ไม่มีเทสต์”
       ทัศนีย์งง
       อรสอางค์ไล่สายตามองเครื่องแก้วคริสตัลแล้วบอก “ดาดๆ”
       น้อยยกน้ำมาเสิร์ฟให้ถึงตัว อรสอางค์ยกน้ำดื่ม แล้วทำหน้าแหย “ไม่ใช่น้ำแร่ พี่จิ๋ว”
       น้อยนั่งที่พื้นมองอรสอางค์ว่าเวอร์ได้โล่ห์สุดๆ
       “พี่จิ๋วขนน้ำแร่มาด้วยค่ะ คิดไว้แล้วว่าที่ไร่ไกลปืนเที่ยงขนาดนี้ คงไม่มีน้ำแร่ที่คุณหนูดื่มประจำหรอกค่ะ” จิ๋วเอาใจนายเหนือหัว
       จังหวะนั้นเสียงครองสุขก็ดังขึ้น “ใครว่าไม่มีจ๊ะ”
       อรสอางค์ ทรรศนะ และจิ๋ว มองไปทางเสียง เห็นครองสุขเดินเฉิดฉายเข้ามา หน้าตายิ้มแย้ม
       “น้ากับยัยนีน้องสาวตานะ ก็ดื่มแต่น้ำแร่เหมือนหนูอรเปี๊ยบ แสดงว่าครอบครัวเรารสนิยมเดียวกัน”
       อรสอางค์สวนออกมาไม่เกรงใจสไตล์เว่อร์ๆ ตามนิสัยคุณหนูไฮโซ “ไม่น่าจะใช่นะคะ เพราะน้ำแร่ยี่ห้อต้องอรดื่มขวดประดับด้วยคริสตอล สวารอฟสกี้ ฝาเป็นจุกไม้ก๊อกแท้ ขวดละสี่พันแปด ร้านค้าทั่วไปคงไม่มีขาย”
       ทัศนีย์ตาโต ทึ่งว่าอรสอางค์เว่อร์ได้ใจ ครองสุขสะอึก ทรรศนะหน้าเจื่อนรีบแนะนำสองคนให้รู้จักกัน
       “คุณน้าผมเอง อรแฟนผมครับคุณน้า”
       อรสอางค์ยื่นมือไปจับแบบธรรมเนียมฝรั่ง “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณน้า”
       ครองสุขรับไหว้เก้อ รีบยื่นมือไปจับด้วย “จ้ะๆ ดีใจจริงๆที่หนูอรมา ตานะเล่าถึงหนูอรให้ฟังตลอด สวยน่ารักอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด แล้วคุณพี่คงเป็นคุณนายท่านปลัด”
       ครองสุขไหว้จิ๋ว ทัศนีย์แอบขำ จิ๋วเองก็ยืนเชิดประหนึ่งเป็นแม่อรสอางค์ จนทัศนีย์ต้องกระซิบบอก
       “คนใช้ของคุณอรค่ะ”
       ครองสุขพนมค้าง
       “ดิฉัน จิ๋ว เป็นพี่เลี้ยงของคุณหนูค่ะ” จิ๋วแนะนำตัวพร้อมกับไหว้แบบรับไหว้อย่างถือตัว
       ครองสุขปรี๊ดแต่เก็บอารมณ์ “ต๊าย ราศีจับจนแยกไม่ออกเลย” ในใจนึกอยากด่า
       “แล้วนี่จะให้อรพักที่ไหนคะ ร้อนมากๆ อยากอาบน้ำเต็มที่”
       “พักห้องเดียวกับพี่นะก็ได้นี่คะ พวกเราไม่ถือ” ทัศนีย์โพล่งขึ้น
       ครองสุขหยิกทัศนีย์จนร้อง “โอ๊ย”
       “ยัยนีชอบพูดเล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง พักที่ห้องรับรองใกล้ๆ ห้องตานะดีกว่าจ้ะ เดี๋ยวน้าให้เด็กรีบจัดให้ ตอนนี้หนูอรนั่งพักก่อนนะจ๊ะ”
       
       ครองสุขรีบดึงแขนทรรศนะออกมาคุยที่อีกมุมหนึ่งสองคนซุบซิบกัน
       “หนูอรเจอกับไอ้ใหญ่หรือยัง”
       “ยังครับ” ทรรศนะยังไม่รู้ว่าใหญ่นั่นแหละเป็นคนไปรับอรสอางค์มาเอง
       ครองสุขโล่งอก “ค่อยยังชั่ว ดี อย่าเพิ่งให้เจอกัน เดี๋ยวขอน้าคิดก่อนว่าจะบอกเรื่องไอ้ใหญ่กับหนูอรยังไง แล้วนี่เค้าจะอยู่นานมั้ย”
       “คงเป็นเดือนครับ เค้าบอกว่าบ้านเค้าซ่อมอยู่ ผมกลุ้มใจจริงๆ ตอนนี้ไร่เรามันไม่ค่อยสะดวกสบาย อรเค้าเนี๊ยบมาก แล้วถ้ามาเจอคุณใหญ่กักขฬะใส่ อรทนไม่ไหวแน่”
       “เอาเถอะ เดี๋ยวน้าจัดการเอง นะเทคแคร์เค้าให้ดีก็แล้วกัน”
       พอทรรศนะออกไป ทัศนีย์ก็เดินเข้ามายิ้มเยาะ “ไงคะคุณน้า ลูกสะใภ้ไฮโซที่อยากได้นักอยากได้หนา ไฮโซน่าตบถูกใจมั้ย”
       “ก็ดีกว่า ลูกเขยโลโซกุ๊ยๆ ที่แกหามาให้น่ะแหละ แล้วไอ้นิสัยต่ำๆ ของแกเก็บไว้ให้มิด ไม่ต้องมาสำแดงให้หนูอรเห็น” ครองสุขด่า
       “เฮอะ สุภาษิตเค้าว่า ลูกไม้มันหล่นตรงไหนน๊า”
       ครองสุขจะหยิบของขว้างใส่ ทัศนีย์ชี้ พูดประชด “แน่ะๆ ผู้ดี ค่ะ คุณน้า ผู้ดี”
       ครองสุขรีบวาง ทัศนีย์วิ่งหนี ครองสุขมองซ้ายมองขวา ธีระปรี่เข้ามาหน้าตาตื่น
       “พี่ครับ ไอ้ใหญ่โทร.มาสั่งให้เอาบัญชีทรัพย์สินกับโฉนดที่ดินทั้งหมดไปให้มันดูตอนนี้เลย”
       
       อุ่นเรือนจัดวางจานผลไม้ ฝรั่ง มะละกอ อยู่ที่ครัว ในใจกลุ้มหนักเรื่องปิ่นอนงค์
       จิ๋วโผล่มาพร้อมกับน้อย “ครัวอยู่ทางนี้ค่ะ”
       อุ่นเรือนเก็บมีดปอกผลไม้ แต่ใจลอยจนมือไปโดนกล่องที่เก็บมีดหลายขนาดหล่นพื้น มีดกระจาย จิ๋วตกใจ น้อยรีบเก็บมีด จิ๋วบ่นอุบ
       “ซุ่มซ่ามกันจริงๆ”
       “ขอโทษๆ ค่ะ” อุ่นเรือนขอโทษขอโพย
       จิ๋วเอามือไขว้หลัง มองบนโต๊ะ ยิ้มเยาะ “ไม่มีกีวีเหรอ คุณอรเธอชอบ”
       น้อยแกล้งไม่รู้จักพูดกับจิ๋ว “กีวีขัดรองเท้านะเหรอป้า”
       “ผลไม้ต่างประเทศย่ะ” จิ๋วด่า “พวกหลังเขา”
       จิ๋วกวาดตามองสำรวจครัว “ไม่มีเครื่องดูดควัน พื้นผนังฆ่าเชื้อบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ ผ้ากันเปื้อนก็ไม่มี สกปรก ยังไม่ได้มาตรฐาน คงต้องปฏิวัติกันขนาดใหญ่”
       จิ๋วเดินเชิดออกไป อุ่นเรือนถามงงๆ “ใครกัน”
       น้อยรีบเข้ามากระซิบ “มันคือคนใช้ส่วนตัวของคุณอร แฟนคุณนะ”
       อุ่นเรือนตะลึง “แล้วปิ่นมันรู้รึยัง”
       “ทำไมจะไม่รู้ ตอนนี้ถูกคุณนายใช้ไปจัดที่นอนให้คุณอรน่าสงสารจริงๆ อะไรๆ ก็ลงที่พี่ปิ่นตลอด”
       อุ่นเรือนสงสารแต่พูดไม่ตรงกับปาก “มันเป็นหน้าที่ ปิ่นมันต้องทำอยู่แล้ว”
       น้อยบ่นอีก “แต่ฉันเห็นหน้าพี่ปิ่นนะ ตาบวม เหมือนคนร้องไห้เลย”
       ได้ฟังแล้วอุ่นเรือนได้แต่สงสารลูก
       
       ปิ่นอนงค์เดินถือตะกร้าใส่ผ้าปูที่นอนเก่ามา ท่าทีเหม่อๆ นึกเรื่องที่อรสอางค์พูดเรื่องปิ่นปักผมขึ้นมาอีกปิ่นอนงค์ปาดน้ำตาด้วยความเจ็บใจ ธีระเดินเข้ามาหา
       “ปิ่น คุณนายให้ไปหาเดี๋ยวนี้”
       
       เวลานั้นเปี๊ยก กะหวาน ให้อาหารม้าอยู่ จอมถีบของกระเด็น โมโหจัด ถวิลอยู่ด้วย ตกใจ
       “เฮ้ยๆ ไอ้จอม อย่าให้มันเกินไป เอะอะไม่พอใจก็ใช้กำลัง อีกหน่อยคงได้ไปกินข้าวแดงอยู่ในคุก ข้อหาฆ่าคนตายเข้าสักวัน” ถวิลอบรม
       จอมยังฮึดฮัดขัดใจอยู่ “ถ้าฆ่าคนตายแล้วไม่ติดคุก คนแรกที่ฉันจะเหยียบมันให้จมดินก็คือไอ้คุณใหญ่ ตามมาด้วยไอ้คุณนะ”
       หวานพอนึกออก “ว่าแล้วเพราะพิษรักแรงหึงอีกตามเคย”
       ถวิลระอาใจ “ไอ้จอมพ่อเตือนกี่หนแล้ว ฟังแล้วหัดเอามันไปใส่สมองทึบๆของเอ็งบ้าง หวังอะไรก็ให้มันสมฐานะ”
       หวานทักท้วง “ฉันไม่ได้เข้าข้างไอ้จอมนะลุง แต่ปิ่นมันก็ลูกแม่บ้าน ฐานะก็สมน้ำสมเนื้อแล้วนี่ลุง”
       ถวิลถามหวาน “ถ้าเป็นเอ็ง เอ็งจะเลือกใครระหว่างคนรวยกับคนจน”
       หวานตอบไม่ต้องคิด “ก็ต้องคนรวย ฉันจะได้นั่งรถโก้ๆ กินของแพงๆ” ทำท่าฝันหวาน “อยู่บ้านหลังโตๆ”
       เปี๊ยกส่งเสียงร้องอ้อแอ้ไม่พอใจ
       “มันเรื่องติ๊งต่างไอ้เปี๊ยก ทำเสียงดังเดี๋ยวแม่หลังมือ” หวานยกมือขู่ เปี๊ยกรีบกระโดดถอยหลัง
       จอมหันมาโมโหใส่พ่อ ท่าทีซีเรียส “ฉันมั่นใจว่าคนอย่างปิ่น เงินซื้อไม่ได้ พ่ออย่ามาพูดดูถูกปิ่นอีก แค่นี้ปิ่นก็เสียใจมากพอแล้ว”
       จอมเดินหนี “ดูมัน ดื้อด้านไม่เคยฟังใคร”
       หวานเหน็บ “เหมือนใครไม่รู้”
       ถวิลด่าเอา “เดี๋ยวเหอะนังหวาน อย่าลามปามผู้ใหญ่”
       หวานรีบยกมือไหว้ “ขอโทษจ้า ปากมันพาไป”
       เปี๊ยกทำท่าสมน้ำหน้าหัวเราะ หวานถลึงตาใส่ เปี๊ยกจ๋อย
       
       ภายในสำนักงานธีระเวลานั้นครองสุขหยิบเอกสารบนโต๊ะวางกระแทกบนสมุดบัญชี ปิ่นอนงค์ยืนงง “เอาเลยปิ่นอนงค์ เอาไปตรวจสอบดูพบเห็นอะไรผิดปกติ ก็บอกไอ้ใหญ่ไปเลย ทำหน้าที่ของแกให้เต็มที่ จะได้ความดีความชอบ ไม่ต้องมาสนใจไยดีชั้น”
       “ตรวจสอบบัญชีอะไรกันคะ”
       “ก็ปิ่นได้รับมอบหมายให้ดูแลบัญชีการเงินไม่ใช่เหรอลองดูแล้วกัน ก็จะรู้ว่าไร่ไพศาล มันไม่มีเงินสดหรอก มีแต่หนี้” ธีระอธิบาย
       ครองสุขขัดขึ้น ไม่ต้องไปอธิบายมันให้เสียเวลา ถ้าไอ้ใหญ่มันจะเอาเงินก็ให้มันมาเอาชีวิตฉัน ไปแทน”
       พลางครองสุขเดินไปหยิบปืนในลิ้นชักออกมา ธีระเข้าแย่ง ปิ่นอนงค์ตกใจมาก
       “ไม่นะครับ มันไม่ใช่ความผิดของพี่คนเดียวนะครับ เงินที่หายไปจากบัญชีก็เพราะพี่เอาไปส่งเสียให้คุณนะเรียนที่เมืองนอก” ธีระยกเรื่องทรรศนะมาอ้าง ธีระแย่งปืนมาได้
       “แล้วจะให้ไอ้ใหญ่มันมาฆ่าตานะหรือไง มันเกลียดตานะยังกะอะไร” ครองสุขหันมาหาเหน็บแนมปิ่นอนงค์อีก "แต่ก็คงสมใจแกละซิ นังปิ่น แกแค้นที่ตานะมันไปมีแฟนใช่มั้ย”
       “ไม่นะคะ ปิ่นไม่เคยแค้นคุณนะ”
       “งั้นแกก็ต้องแค้นชั้น ที่ไม่ส่งเสริมแกกับตานะ แกไม่รู้หรอกว่าชั้นลำบากแค่ไหน เพื่อให้ทุกคนมีกินมีใช้ ที่ชั้นต้องไปเล่นพนันในบ่อน ก็เพราะชั้นไม่มีทางเลือก แม้แต่เรื่องที่ชั้นขายแกให้เสี่ยถ้าชั้นไม่ทำ ไร่นี่อาจจะถูกยึด แล้วไอ้ใหญ่มันก็คงไม่ปล่อยพวกเราไว้”
       ปิ่นอนงค์เข้าใจ และรู้ทันครองสุขเพราะโดนด้วยตัวเองมาเยอะแล้ว
       “ปิ่นเชื่อว่าคุณใหญ่คงไม่ใจร้ายอย่างนั้นหรอกค่ะ”
       “พูดอย่างงี้ มั่นใจละซิว่ามันกำลังหลงแกมาก งั้นแกก็คงอธิบายเรื่องเงินกับโฉนดที่หายไปได้ใช่มั้ย”
       ธีระพูดกรอกหู “ความเป็นความตายของทุกคนขึ้นอยู่กับปิ่นนะ”
       ปิ่นอนงค์ถามอย่างเซ็งๆ “แล้วคุณนายจะให้ปิ่นทำยังไงคะ”
       ครองสุขลุกแล้วเดินมาจับไหล่ปิ่นอนงค์สองข้างให้หันมาหา พูดโอ้โลม 
       “ทำยังไงก็ได้ให้ไอ้ใหญ่ไม่มาสนใจเรื่องบัญชีทรัพย์สิน ตอนนี้ไอ้ใหญ่มันกำลังรักกำลังหลงแก มารยาหญิงแกมีอยู่เท่าไหร่ใช้ไปให้สุดๆ เลยก็แล้วกัน ชั้นรู้เรื่องนี้แกเอาอยู่”
       
       ปิ่นอนงค์ฟังแล้วจุกสุดๆ มองครองสุขพลางคิดในใจว่าพูดขนาดนี้ได้ไง

----------------------------------------------------------------------

ปิ่นอนงค์กลับมาเรือนพักอยู่ในห้องแล้ว พอเปิดสมุดตรวจดูบัญชี ปิ่นอนงค์ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นการยักยอกเงินของครองสุข       
       “มากขนาดนี้เชียวเหรอ”
       อุ่นเรือนเดินเข้ามา “ปิ่น” ปิ่นอนงค์ชะงักรีบปิดสมุดบัญชี “ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” แม่ถาม
       “จ้ะ ปิ่นสบายดี”
       “แม่เคยเตือนแกแล้ว เห็นมั้ยว่ามันเป็นอย่างที่แม่พูดจริงๆ”
       “ถ้าแม่หมายถึง เรื่องคุณอรสอางค์แฟนคุณนะ แม่ไม่ต้องห่วง ปิ่นเข้าใจทุกอย่าง” ปิ่นอนงค์บอกทั้งที่ในใจกลัดหนอง
       “ดี ต่อไปนี้แกก็ตั้งหน้าตั้งตา ทำงานแทนพระคุณ คุณนาย ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว” อุ่นเรือนพร่ำสอนคำเดิม พลางเข้ามาลูบไหล่ลูกแล้วเดินออก สัมผัสนั้นทำให้ปิ่นอนงค์ตื้นตันน้ำตาคลอ
       “จ้ะ ปิ่นจะทดแทนพระคุณๆนายอย่างถึงที่สุดเลย”
       
       รุ่งเช้า ปิ่นอนงค์นำบัญชีมาส่งให้ใหญ่ที่บ้านพักในรีสอร์ตใหญ่กระชากบัญชีจากมือปิ่นอนงค์ด้วยความหงุดหงิด
       “ทำไมเอามาช้านัก ฉันขอไปตั้งแต่เมื่อวาน กลับเอามาให้วันนี้” ใหญ่พาลพาโล
       ปิ่นอนงค์รู้ได้ว่าใหญ่หาเรื่องแกล้งโดยไร้เหตุผลจึงไม่อยากคุยด้วย หันหลังจะกลับใหญ่รีบคว้ามือไว้ “ฉันยังพูดไม่จบ”
       ปิ่นอนงค์พยายามใจเย็น “คุณใหญ่ต้องการแค่บัญชีไม่ใช่เหรอคะ”
       ใหญ่หมั่นไส้ จึงเหน็บแนมถากถางเรื่องทรรศนะขึ้นมาอีก “จะรีบร้อนไปหานายทรรศนะล่ะสิ เจ็บแล้วหัดรู้จักจำเสียบ้าง อย่าโง่ให้มันหลอก”
       ปิ่นอนงค์พยายามดึงมือออก “ปล่อยปิ่นค่ะคุณใหญ่”
       “ทำไม คุยกับฉันมันไม่ออดอ้อนน่าฟังเหมือนไอ้นะพูดสินะ”
       “คุณไม่มีเหตุผล ดีแต่พูดจาหาเรื่องคนอื่นตลอดเวลาเหมือนโกรธคนทั้งโลก ปิ่นรู้ว่าคุณมีอดีตที่น่าเห็นใจแต่คนอื่นเค้าไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์เคียดแค้นของคุณ”
       ใหญ่โดนด่าตรงๆ ถึงกับอึ้ง ปิ่นอนงค์พยายามแกะมือใหญ่ ใหญ่ยังกำแน่นไม่ปล่อย ปิ่นอนงค์ก็ไม่ยอมจะแกะออกให้ได้
       “ปล่อยมือปิ่น”
       ใหญ่แกล้งต่อ “เก่งนักก็แกะให้หลุดสิ”
       ปิ่นอนงค์ฉุนขาด “คุณใหญ่”
       ใหญ่ลอยหน้าลอยตากวน “จ๋า เรียกทำไมจ๊ะ”
       ปิ่นอนงค์ไม่สนุกด้วยเพราะหัวใจกำลังเจ็บช้ำ บอกด้วยเสียงเหนื่อยใจ “ปิ่นอยากตาย”
       ใหญ่ตกใจปล่อยมือทันที “ฉันปล่อยเธอก็ได้ ไม่เห็นต้องขู่กันอย่างนี้”
       ปิ่นอนงค์ยิ้มเศร้า “ไม่ได้ขู่ค่ะ รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แต่คงไม่ทำ เพราะมันเป็นบาป”
       ระหว่างนั้นปานเทพเข้ามาพอดี ถามใหญ่ทันที “ได้บัญชีแล้วเหรอ”
       ใหญ่ยื่นให้ปานเทพ แล้วรีบหันกลับมาหาปิ่นอนงค์ “อย่าเพิ่งกลับ เผื่อผู้จัดการฉันสงสัยตรงไหนจะได้ถามให้รู้เรื่องกันไปเลย”
       ใหญ่พยักพเยิดให้ปาน ป่าหวายพูดสนับสนุน ปานเทพรีบรับลูก “ถูกต้องแล้วครับ”
       
       ปานเทพปิดบัญชี ปานเทพมองหน้าปิ่นอนงค์ยังไม่กล้าพูด
       “พูดมาเลย บัญชีมีปัญหาอะไร”
       ปานเทพลืมตัว หลุดปากพูดจาอย่างมีหลักการ
       “ฉันดูคร่าวๆ แล้ว การบันทึกรายรับ รายจ่าย คร่าวมาก รายละเอียดทรัพย์สิน อะไรก็ไม่มี น่าสงสัยว่า จะมีการตกแต่งบัญชีเพื่อยักยอกทรัพย์
       ใหญ่ไม่ได้ตกใจอะไร “คิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นอย่างนี้”
       ใหญ่หันไปทางปิ่นอนงค์ที่ยืนรอสงบนิ่งอยู่ “เธอคงไม่ได้ดูซินะ”
       “ปิ่นดูแล้วค่ะ” ปานอนงค์บอกหน้าตาเฉย
       “หมายความว่า เธอรู้ว่าบัญชีนี่ผิดปกติ”
       “ไม่รู้หรอกค่ะ เพราะปิ่นไม่ได้เรียนบัญชี”
       ปานเทพร้อนตัว ร้องโวยวาย “ของแบบนี้ไม่ต้องเรียนก็ได้ แค่นับเลขเป็นก็ดูรู้ ไร่ไพศาลตั้งกว้างใหญ่ มันจะมีเงินแค่นี้ได้ไง”
       ปิ่นอนงค์ตอบหน้านิ่งๆ “เงินที่หายไป ปิ่นเป็นคนยักยอกเอาไว้เอง”
       ใหญ่ตะลึง “เป็นไปไม่ได้”
       จังหวะนั้น ปิ่นอนงค์ทอดสายตามองออกไปทางหน้าต่าง ไกลออกไปในไร่ เห็นภาพทรรศนะขับรถกอล์ฟพาอรเที่ยวชมรีสอร์ต สองคนท่าทางมีความสุขกันมาก
       ปิ่นอนงค์ละสายตากลับมา เกิดอารมณ์อยากประชดชีวิต
       “ตอนนั้น ปิ่นติดพนันบอลกับเล่นหวยใต้ดิน พอเสียมากๆเข้าเลยต้องเอาเงินไปใช้หนี้พวกเจ้ามือ”
       “ปิ่นอนงค์ เธอพูดอะไรออกมา รู้ตัวรึเปล่า”
       “ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ ปิ่นยังแอบเอาโฉนดชื่อคุณใหญ่ไปปลอมแปลงชื่อ แล้วเอาไปจำนอง จำนำกับพวกปล่อยเงินกู้ด้วย พอคุณนายจับได้ก็โกรธและเสียใจมากเลยให้คุณธีระมารับหน้าที่นี้แทนปิ่น”
       ใหญ่โมโห ถามคาดคั้น “ปิ่นอนงค์ พูดความจริงกับฉัน”
       “ปิ่นพูดไปหมดแล้วค่ะ”
       “ชั้นไม่เชื่อ มานี่” ใหญ่ลากปิ่นอนงค์ออกจากบ้าน
       
       ใหญ่ลากปิ่นอนงค์เข้ามาใกล้ๆ เรือนใหญ่ ปิ่นอนงค์ถาม “คุณใหญ่ต้องการอะไรจากปิ่นอีก ปิ่นก็บอกไปหมดแล้ว ว่าปิ่นเป็นคนทำ ปิ่นเป็นคนเอาเงินไป ปิ่นอยาก...” ปิ่นอนงค์น้อยใจพูดจาประชดประชันตัวเอง “ได้เงิน เพราะปิ่นมันจน เป็นแค่ลูกคนใช้ที่อยากถีบตัวเองให้เป็นนางฟ้า”
       ใหญ่พูดสวน “อยากเป็นนางฟ้าไม่ต้องใช้เงินหรอก”
       ปิ่นอนงค์ชะงักรู้ตัวว่าปล่อยอารมณ์เสียออกไป ใหญ่มองจ้องตาพูดอย่างจริงใจ “แค่เป็นอย่างที่เธอเป็นก็พอ”
       ปิ่นอนงค์แทบไม่เชื่อหูที่ใหญ่พูดดีด้วย
       ใหญ่รีบเปลี่ยนอารมณ์ เพราะรู้สึกว่าซึ้งเกิ๊น พูดต่อเป็นใหญ่จอมโฉดคนเดิม
       “...ใสซื่อให้ใครต่อใครจิกใช้เป็นเครื่องมือต่อไป คนพวกนั้นก็จะเห็นเธอเป็นนางฟ้าเอง”
       ใหญ่ห่วงปิ่นอนงค์นัก แต่ยังคงปากหนัก พูดดีไม่เป็นเหมือนเคย
       ได้ผลเพราะปิ่นอนงค์โกรธ ประชด “ค่ะ ปิ่นจะทำ”
       ใหญ่ยิ่งโกรธ ปิ่นอนงค์ทำท่าจะเดินหนี “อย่าคิดว่าฉันจะเชื่อเรื่องที่เธอแต่งขึ้น ถ้าเธอรู้สึกผิดที่โกหกฉัน ก็สารภาพมาตรงๆ ฉันจะยกโทษให้”
       ปิ่นอนงค์หันขวับกลับมา เบื่อหน่ายกับทุกสิ่งอย่างในชีวิตเหลือเกินแล้ว
       “ปิ่นจะพูดอีกครั้งนะคะ ปิ่นยักยอกเงินคุณใหญ่ไปเองไม่มีใครมาบังคับขู่เข็ญให้ปิ่นพูด คุณใหญ่จะลงโทษปิ่นยังไงก็ได้ จะส่งตัวปิ่นให้ตำรวจก็ได้ ปิ่นยอมทุกอย่างค่ะ”
       ใหญ่ขัดใจเข้ามาจับไหล่ปิ่นอนงค์ให้หันกลับมา
       “คิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ ไม่ต้องถึงตำรวจหรอก ฉันจะพิพากษา พวกเธอยกแก๊ง ตั้งแต่เจ้านายเธอ มาถึงแม่เธอด้วย”
       ปิ่นอนงค์ตกใจ “อย่านะคะ คุณใหญ่ เรื่องนี้เป็นความผิดของปิ่นคนเดียว”
       ใหญ่กระชากปิ่นอนงค์เข้ามา “แล้วเธอจะชดใช้ฉันยังไง”
       อุ่นเรือนมาจากไหน มาตอนไหนไม่รู้ เห็นเข้าก็ตกใจ “ปิ่น”
       ทั้งคู่ผละจากกัน ใหญ่เดินอารมณ์เสียออกไปไม่พูดไม่จา อุ่นเรือนจ้องปิ่นอนงค์เขม็ง
       “คุณใหญ่ พูดอะไรกับแก ทำไมต้องถึงเนื้อถึงตัวกัน” อุ่นเรือนไม่พอใจมาก
       
       พอรู้เรื่องครองสุข อุ่นเรือนแทบหมดแรงนั่งแปะลง
       “คุณนายน่ะเหรอบังคับให้แกยอมรับว่ายักยอกเงินของไร่ไพศาลไป”
       “คุณนายเอาเงินไปส่งคุณนะเรียนต่อเมืองนอกจ้ะแม่”
       “ที่แท้อย่างงี้ นึกแล้วว่าคุณนายต้องมีความจำเป็น”
       ปิ่นอนงค์เซ็งหนัก “หมายความว่าแม่เห็นด้วยกับคุณนาย ที่ปิ่นต้องรับผิดชอบแทน”
       อุ่นเรือนหันไปจับมือปิ่นอนงค์มากุม “ปิ่น มันเป็นโอกาสของเราที่จะได้ตอบแทนบุญคุณคุณนายท่าน แกจำไม่ได้เหรอ ที่แกเรียนจบมาได้ ก็เพราะคุณนายขอร้องคุณไพศาลให้ช่วยส่งเสียแก”
       ปิ่นอนงค์ผิดหวังมาก “แม่”
       “เงินที่คุณนายเอาไป มันก็เงินคุณไพศาล เงินของผัวก็เหมือนเงินของเมีย จะว่าคุณนายโกงได้ยังไง คุณนายไม่ผิด คนที่ผิดคือคุณใหญ่ต่างหาก เป็นลูกแท้ๆ ไม่เคยมาเหลียวแลพ่อสักนิด อยู่ๆ ก็โผล่มาจะฮุบเงินไปทั้งหมด มันไม่ถูก” อุ่นเรือนยังเข้าข้างครองสุขเป็นชีวิตจิตใจเช่นเคย
       ปิ่นอนงค์อึ้ง “แม่ต้องการอย่างนี้จริงๆ เหรอจ๊ะ”
       “แม่จะขอร้องคุณใหญ่ให้ยกโทษให้ปิ่น แม่จะรับผิดชอบเรื่องเงินเอง อย่างมากก็แค่ติดคุก”
       ปิ่นอนงค์ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว “แม่จ๊ะ ปิ่นไม่ยอมให้แม่ติดคุกหรอกจ้ะ”
       
       ฟากใหญ่หน้าเครียดอยู่ในบ้านพัก “ยัยเด็กโง่”
       ปานเทพมองแล้วตบไหล่ใหญ่เบาๆ “เค้าเรียกรู้หน้าไม่รู้ใจ เห็นใสซื่อบริสุทธิ์ ใครจะไปรู้เอาเรื่องไม่ใช่เล่น”
       “ชั้นไม่เชื่อ เรื่องจริงอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราเห็นก็ได้ เท่าที่ฉันเคยรู้จักเค้า ปิ่นไม่ใช่คนอย่างนั้น”
       “นั่นมันกี่ปีมาแล้ว เรื่องเงินๆ ทองๆ มันไม่เข้าใครออกใครหรอก เอาล่ะแกอาจคิดว่าพวกคุณนายเป็นคนยักยอกเงินแก แต่ปิ่นก็คือ ผู้สมรู้ร่วมคิดแน่ๆ แกควรระวังๆเอาไว้บ้าง อย่าให้อะไรมาบังตา”
       “อะไรที่แกว่า มันคืออะไรวะ” ใหญ่งงที่ปานเทพพูดยาวเหยียด
       “จะไปรู้ได้ยังไง แกก็ลองถามใจตัวเองดูสิ”
       ใหญ่มองหน้าปานเทพ ด้วยท่าทีฮึดฮัดขัดใจ
       
       ด้านปิ่นอนงค์กำลังพับเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง รูดซิปปิด อุ่นเรือนนั่งน้ำตาไหลข้างๆ นึกสะท้อนใจ สงสารลูกสาวนัก
       “ปิ่น แกแน่ใจนะ” อุ่นเรือนถามย้ำ 
       “นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดจ้ะ คุณใหญ่ต้องการจะแกล้งปิ่น ไม่มีปิ่นซะคน ก็คงจบ แล้วปิ่นจะรีบหางานทำ เอาเงินมาใช้หนี้คุณใหญ่นะจ๊ะ”
       
       ปิ่นอนงค์สวมกอดอุ่นเรือนแน่วนิ่ง

-------------------------------------------------------------------

บรรยากาศรีสอร์ตยามเช้าแสนสดใส ใหญ่เปิดประตูห้องออกมาเห็นเป็นน้อยยกถาดข้าวผัด กับข้าวอีกจานหนึ่งเข้ามา ให้รู้สึกผิดหวัง        
       น้อยเอ่ยขึ้น “อาหารเช้าค่ะ” แล้วเอามาวางบนโต๊ะทานอาหาร
       ใหญ่นั่งลงตักข้าวกิน ตักกับชิม และทำหน้าดุ น้อยตัวลีบจัดเสร็จจะรีบไป
       “เดี๋ยว รสชาติห่วยแตกกระเดือกไม่ลงอย่างนี้ ไม่ใช่ฝีมือปิ่น ปิ่นไปไหน” ใหญ่ถาม
       น้อยหลบตายืนขาสั่น “คือๆ”
       ใหญ่ตบโต๊ะเสียงดังปัง น้อยสะดุ้งโหยง
       “คืออะไร พูดมาเร็วๆ หรือต้องให้ฉันเอาไอ้นี่” ใหญ่หยิบส้อมขู่ “ช่วยง้างปากให้”
       น้อยสะดุ้งรีบนั่งพนมมือไหว้ พูดละล่ำละลัก “พี่ ... พี่ปิ่นไปแล้ว ไม่รู้ไปไหนจ้ะ”
       ใหญ่ลุกพรวด น้อยนึกว่าใหญ่จะทำร้ายร้องลั่น “อ๊าย อย่าทำน้อยค่ะ น้อยกลัวแล้ว”
       น้อยรีบคลานเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะกินข้าว ใหญ่พุ่งออกจากเรือนไปเร็วรี่ น้อยรีบคลานออกไป
       
       ที่เรือนใหญ่กำลังทานอาหารเช้า อุ่นเรือนยื่นจดหมายให้ครองสุข
       “ปิ่นมันหนีไปแล้ว เขียนจดหมายเอาไว้ว่า ไม่อยากเป็นตัวปัญหาของใครอีก”
       ทรรศนะหน้าตื่น ครองสุขคลี่กระดาษจดหมาย
       ใหญ่เดินเข้ามากระชากจดหมายไปจากมือครองสุข แล้วก้มอ่าน ก่อนจะขยำจดหมายเขวี้ยงทิ้ง
       ใหญ่พุ่งเข้าไปหาอุ่นเรือน “ปิ่นไม่ได้บอกป้าเหรอว่า จะไปไหน”
       อุ่นเรือนเกลียดขี้หน้าใหญ่อยู่แล้วเป็นทุนเดิมเลยย้อนกลับ “ในจดหมายมีเขียนไว้หรือเปล่าล่ะคะ”
       ใหญ่โกรธเกรี้ยว ขยำจดหมาย
       หลังมือเช้าทุกคนรวมตัวอยู่ที่ห้องรับแขก ทั้งหมดนั่งที่โซฟา อุ่นเรือนกับน้อยนั่งที่พื้น
       “ฉันเตือนมันแล้วให้ไปสารภาพตรงๆ กับคุณใหญ่ เรื่องเงินที่มันเอาไป นี่มันคงอายไม่กล้าไปยอมรับผิด ก็เลยหนีความผิด”
       “ปิ่นสารภาพกับผมแล้วว่าเป็นคนยักยอกเงินไปทั้งหมด” ใหญ่บอก มองจับกิริยา
       ครองสุขเนื้อเต้นดีใจมาก “จริงเหรอคะ”
       ทัศนีย์ไม่เชื่อ “นังปิ่นน่ะเหรอ มีปัญญาทำอะไรแบบนี้”
       ครองสุขปรี๊ด เอาเล็บจิกขาทัศนีย์อย่างแรง “อุ๊ย” ทัศนีย์ร้องลั่นด้วยความเจ็บ
       ทรรศนะกับใหญ่มองจ้องหน้าครองสุขพร้อมกัน ครองสุขรีบกลบเกลื่อนตีหน้าเศร้า
       “มันสารภาพออกมาแบบนี้ก็ดี น้าจะได้ไม่ต้องลำบากใจ ที่จริงเรื่องนี้ น้ารู้มาตั้งนานแล้ว แต่นังอุ่นมันมาอ้อนวอน ขอไม่ให้เอาเรื่อง น้าก็เห็นใจให้อภัยมัน เพราะน้าก็ผิดเองที่ไว้ใจมันมากไป”
       อุ่นเรือนรีบพูดผสมโรง “อุ่นต้องขอโทษแทนปิ่นมันด้วยค่ะ อุ่นยินดีรับผิดแทนลูกทุกอย่าง”
       ครองสุขสร้างภาพแสนดีทันที “ไม่ได้ ถ้าจะเอาผิด ฉันนี่แหละผิด เพราะฉันไว้ใจปิ่นมันมากไป ถ้าคุณใหญ่จะลงโทษก็มาลงที่น้าเถอะ”
       อุ่นเรือนยิ่งซาบซึ้งหนัก ทัศนีย์รู้ทัน แต่เห็นแม่ยอมเล่นละครแล้วทนไม่ไหว ขอแดกดันตามนิสัย
       “ไม่น่าเล้ย นังปิ่นนี่มันอกตัญญูจริงๆ คุณน้าดีกับมันขนาดนี้มันยังทำได้”
       ครองสุขจ้องหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “ยัยนี ไม่ต้องออกความเห็น”
       ทรรศนะก็แตะแขนทัศนีย์ห้ามพูดต่อ ทรรศนะลุกยืน “แต่ผมไม่เชื่อว่าปิ่นจะทำเรื่องแบบนี้ได้ มันต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ ผมจะไปตามปิ่นกลับมาคุยให้รู้เรื่อง”
       น้อยได้ฟังเอากุมมือแนบอกปลื้มในความดีของทรรศนะ น้อยถึงกับเพ้อ “เทพบุตร”
       ใหญ่ลุกพรวด พูดยียวนทรรศนะ “นายเอาเวลาไปจี๋จ๋ากับแฟนไฮโซของนายจะดีกว่าปัญหาในไร่ มันเป็นหน้าที่ของเจ้าของ คือ ฉัน”
       ใหญ่เน้นคำตรงท้าย ทรรศนะหน้าเจื่อนแค้นใจแต่ต้องเก็บอารมณ์
       ปานเทพ กับถวิลวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นถวิลรีบถาม “มีอะไรครับ คุณใหญ่”
       ใหญ่รีบสั่งการเสียงดัง “ปิ่นหายตัวไป น้าหวิน รีบไปสั่งให้คนงานช่วยกันออกตามหาให้ทั่ว ปิ่นคงยังไปไม่ไกลจากไร่ ไอ้ปาน แกมากับชั้น”
       ใหญ่ ปานเทพ และถวิล ออกไปอย่างรวดเร็ว
       อรสอางค์กับจิ๋วเข้ามาทันได้ยินใหญ่สั่งงาน อรสอางค์มองตามหลังใหญ่ จิ๋วรีบบอก
       “นี่มันคนงานที่มาส่งเราที่ไร่นี่คะคุณหนู”
       ครองสุขกับทรรศนะตกใจ ครองสุขจะอ้าปากพูด
       “คนงานคนนี้มันใหญ่โตมาจากไหนคะ ทำไมมายืนกร่างสั่งคนโน้น สั่งคนนี้ได้”
       ทรรศนะอึกอัก น้ำท่วมปากมองหน้าครองสุข “ได้ยินอรถามมั้ยคะนะ” อรสอางค์ถามย้ำ
       ครองสุข กับทรรศนะอึกอัก ยังไม่ทันตอบ ทัศนีย์หมั่นไส้อรสอางค์ จึงตั้งใจป่วน
       “อุ๊ย นี่ คุณอรไม่รู้จักคุณใหญ่ ลูกชายเจ้าของไร่ไพศาลเหรอคะ”
       อรสอางค์งง มองครองสุขกับทรรศนะไปมา
       
       อรสอางค์นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ในห้องทำงานครองสุข ไม่พอใจอย่างมาก ครองสุขนั่งข้างๆ พยายามอธิบาย “ไอ้ใหญ่มันก่อคดีแล้วหนีหายสาบสูญไปตั้งนาน อยู่ๆมันก็เพิ่งกลับมานี่แหละหนูอร น้ากำลังหาข้อกฎหมายเล่นงานมันอยู่ ไม่ได้คิดจะโกหกหนูอรเลยสักนิด”
       ทรรศนะนั่งอีกข้างจับมืออรสอางค์ “ผมเองพยายามหาจังหวะจะบอกอรอยู่แล้ว แต่อรก็มารู้เรื่องเสียก่อน อรอย่าโกรธผมเลยนะจ๊ะ”
       อรสอางค์ลุกพรวดเดินห่างออกมา ครุ่นคิด แต่ทรรศนะเข้าใจว่าอรสอางค์ยังโกรธอยู่ เหลียวมองหน้าครองสุขให้ช่วย ครองสุขลุกยืนตั้งใจจะหว่านล้อมต่อ อรสอางค์หันกลับมา
       “อรรู้จักเพื่อนๆ คุณพ่อเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตั้งหลายคน เราไปขอให้มาจัดการมันเลยก็ได้นะคะ”
       ทรรศนะนั้นโล่ง แต่ครองสุขกลับอ้ำอึ้ง “ถ้าเป็นข่าวมันเสียชื่อเราน่ะสิจ๊ะ ยังไงก็ขึ้นชื่อว่าเกี่ยวดองกัน แล้วที่สำคัญคุณใหญ่ก็ถูกถอดจากกองมรดกแล้ว คุณไพศาลทำพินัยกรรมยกไร่ให้ตานะคนเดียว”
       อรสอ่งค์หันขวับมาหาทรรศนะ “จริงเหรอคะ”
       ทรรศนะมองครองสุข เห็นครองสุขขยิบตา ทรรศนะรับเสียงอ่อยๆ “ครับ ผมกับคุณใหญ่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ผมอยากให้โอกาสเค้ากลับตัว”
       อรสอางค์ติ “นะก็ใจดีไม่เข้าเรื่องตามเคย” หันไปทางครองสุข “อีกเรื่อง อรขอให้ช่วยเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ม่าน และผ้าห่มในห้องอรให้เป็นสีขาวทั้งหมดนะคะ ของเดิมที่จัดไว้มันมีดอกมีดวงดูบ้านนอกไป อรรับไม่ได้”
       อรสอางค์ดึงทรรศนะออกไป ครองสุขอยากด่าแต่พยายามข่มไว้
       
       ที่เรือนอเนกประสงค์ มีการประชุมคนงาน ถวิล จอม เปี๊ยก หวาน และคนงานราว10 คน รวมตัวกันอยู่ จอมตกใจมาก
       “ปิ่นหนีไปเพราะยักยอกเงินของไร่ บ้าแล้ว”
       เจิดกะก้านสังเกตุการณ์อยู่ที่อีกมุมหนึ่ง
       “จริงหรือไม่จริง เจอตัวปิ่นก็รู้ ใครมีพรรคพวก ญาติพี่น้องที่ไหนก็ส่งๆข่าวออกไปแต่วันนี้ช่วยกันออกตามหาปิ่นในพื้นที่ก่อน แยกย้ายกันไปได้แล้ว” ถวิลสั่งการ คนงานกระจายกันไป
       เจิดรีบออกความเห็น “ไม่มีทางเจอหรอก หอบเงินไปขนาดนั้น ป่านนี้ หนีออกชายแดนไปแล้ว”
       จอมเข้าผลักเจิดกระเด็น เจิดโมโห “เฮ้ย อะไรวะ”
       จอมชี้หน้า “แกไม่รู้จักปิ่น อย่ามาพูด คนอย่างปิ่นไม่มีวันโกงใคร”
       เปี๊ยก หวาน พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ หัวหน้าแกนั่นแหละทำ แล้วมันก็เอาเศษเงินที่โกงมาโยนให้หมารับใช้อีกที” เปี๊ยกถูกใจตบมือชอบอกชอบใจ
       ก้านจะเล่นหวาน “อีนี่ ด่ากูเป็นหมาเหรอ มึง”
       ก้านจะตบหวาน จอมไวกว่าจับข้อมือก้านยั้งไว้ทัน แล้วต่อยหมัดสวน ต่อยซ้ายต่อยขวาไม่นับ ก้านเซไปเซมา เปี๊ยกเข้าซ้ำ แต่โดนถีบกระเด็น เจิดพุ่งเข้ามาพร้อมไม้ในมือ
       “ระวังไอ้จอม” ถวิลตะโกนบอก
       จอมหลบทัน ถวิลโยนไม้ให้จอม จอมรับไว้แล้วฟาดใส่เจิด 2-3 ที ไม้เจิดหลุดมือ จอมไล่ตีทั้งเจิด ทั้งก้าน วิ่งเตลิดหนีไป หวานกับเปี๊ยกช่วยกันไล่ตะเพิด เอาของขว้าง
       “ไป ไปให้พ้น ไอ้พวกหมาขี้เรื้อน”
       “ขอบคุณพ่อ” จอมขอบคุณถวิล
       ถวิลเขิน ทำเป็นด่าโวยวายกลบเกลื่อน
       “ข้าไม่ได้ห่วงเอ็ง แต่ห่วงนังหวานโว้ย ไอ้พวกหน้าตัวเมียที่ชอบรังแกผู้หญิง ข้าเกลียดนัก”
       ถวิลเดินหนีไป จอมอมยิ้มรู้ว่าพ่อปากไม่ตรงกับใจ
       “โห วันนี้ลุงหวินแกแมนว่ะ”
       หวานตะโกนตามหลัง เปี๊ยกยกนิ้วให้
       
       ปานเทพขับรถมาตามทาง ใหญ่นั่งเครียดเมียงมองสองข้างถนน ข้างทางไม่มีใคร เห็นคนคล้ายก็ไม่ใช่ปิ่นอนงค์ มีเสียงโทรศัพท์ดัง ปานเทพกดอุปกรณ์ช่วยฟังรับ แล้วเหลือบมองใหญ่
       “ครับพ่อ ... มีเรื่องไม่ดีครับ ปิ่นถูกบังคับให้ยอมรับว่าโกงเงินเลยหนีไป... ไอ้คุณใหญ่ เนี่ยครับนั่ง…งุ่นง่านอยู่กับผมนี่แหละ”
       ใหญ่สอดส่องสายตาหาปิ่นอนงค์
       
       ปลอดคุยจากระเบียงบ้านที่เหมืองแร่ มีพงษ์นั่งฟังอยู่ที่โต๊ะ ท่าทางนอบน้อมตั้งใจ เพ็ญหน้าเครียดนั่งข้างปลอด
       “ต้องหาปิ่นอนงค์ให้เจอ เรื่องนี้สำคัญมาก เอามือดีๆไปช่วยกันหา” ปลอดเอ่ยขึ้น
       “ครับ นายหัว” พงษ์รับคำแล้วออกไป
       เพ็ญออกความเห็น “คุณใหญ่คงจะชอบหนูปิ่นจริงๆนะพี่ ถึงห่วงขนาดนี้”
       “นี่ละน่ากลัว ไม่รู้เป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำรึเปล่า” ปลอดกังวลมาก
       “นายปานอยู่ด้วย คุณใหญ่คงไม่หลงกลง่ายๆ” เพ็ญปลอบ
       “ไอ้ปานมันเอาถ่านที่ไหน สมัยเรียนก็คอยให้คุณใหญ่ออกหน้าทุกทีเวลาโดนพวกเด็กช่างมาหาเรื่อง คุณใหญ่ปกป้องมันสุดชีวิต ส่วนมันน่ะเหรอ วิ่งไปตั้งหลักอยู่ไหนไม่รู้”
       “แต่ปานก็บอกว่าช่วยทำรายงานให้คุณใหญ่ตลอดนี่คะ”
       “เห็นมั้ยไอ้ปานมันมีเธอคอยเข้าข้าง แต่คุณใหญ่มีใคร แม่ก็ตาย พ่อก็ไปหลงเมียน้อย พี่ไม่เคยลืมแววตาของเด็กคนนี้ วันที่หนีกระเซอะกระเซิงมาหาพี่ มันลืมไม่ลงจริงๆ”
       
       เพ็ญมองปลอดอย่างเข้าใจ รับรู้ว่าปลอดคิดถึง และห่วงใหญ่มากเพียงใด

-------------------------------------------------------------------------------------------------

โปรดติดตามตอนที่ 6 

No comments:

Post a Comment