Monday, July 16, 2012

ดูละครปิ่นอนงค์ ตอนที่ 6 Pin Anong 偷心俏冤家 06

>> ปิ่นอนงค์ Pin Anong 偷心俏冤家 EP06

ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 6 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์              

ขณะที่ทุกคนออกตามหาตัวปิ่นอนงค์ตามคำสั่งของใหญ่กันจ้าละหวั่นตอนเช้าวันต่อมา  ไม่มีใครรู้ว่าที่แท้ปิ่นอนงค์หลบมาพักอยู่กับจินตนานั่นเอง สองสาวนั่งอยู่ริมระเบียงบ้าน โดยปิ่นอนงค์นั่งครุ่นคิด สับสน มองวิวทิวทัศน์เบื้องหน้า ทอดสายตาไปไกลลิบ จินตนามองเพื่อนรักอย่างห่วงใย

       
       “อย่าไปคิดมากเลยปิ่น ชั้นบอกเธอแล้ว ไร่ไพศาลมันมีอะไรไม่ชอบมาพากล อยู่ๆ คุณใหญ่ก็กลับมา ตามด้วยนายปานที่ทำตัวลับลมคมนัยแปลกๆ”
       ปิ่นอนงค์หันมามองจินตนาหน้าตาเฉยเมย
       “คุณใหญ่เป็นลูกคุณไพศาล เค้าก็คงอยากกลับมาอยู่บ้านเค้า”






       “แต่มันไม่ยุติธรรมกับเธอนะปิ่น คุณนะก็อีกคน เห็นแก่ตัวที่สุด ที่ไม่ยอมบอกเธอเรื่องมียัยอรเป็นแฟน”
       “คุณนะไม่จำเป็นต้องบอกเรา เค้าไม่ผิดเพราะเรารู้สึกกับเค้าข้างเดียว”
       จินตนาขัดใจ “ปิ่น เธอจะแก้ตัวให้กับทุกคนในโลกหรือไง มองคนในแง่ดีมันก็ดีหรอกนะ แต่เธอน่ะมองดีเกินไป” จินตนาเน้นคำประชดประชัน “เกินไปจนน่าหมั่นไส้”
       ปิ่นอนงค์ยิ้มจืดๆ ไม่ได้โกรธอะไรจินตนา “เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ ที่เราหนีมาเพราะเราไม่อยากเห็น ไม่อยากคิด ไม่อยากรับรู้เรื่องของคนที่นั่นอีก”
       “ที่พูดเนี่ยเพราะห่วง”
       “ถ้าห่วง ก็ช่วยหางานให้เราที”
       จินตนายอมแพ้สาวแสนดี พยักหน้าหงึกๆ รับปาก
       
       เวลาเดียวกัน ทรรศนะยืนครุ่นคิดอยู่ที่ห้องรับแขก คิดเรื่องปิ่นอนงค์ที่เขาเพิ่งคุยกับครองสุข ในห้องทำงานเมื่อวานนี้
       “ปิ่นทำจริงเหรอครับคุณน้า”
       “คนโง่อย่างมันนะเหรอจะมีปัญญายักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน หรือแต่งบัญชีเป็น”
       “หมายความว่าปิ่นเป็นแพะรับบาป”
       
       ทรรศนะคิดหนักเรื่องนี้ ระหว่างนั้นน้อยมาเสิร์ฟกาแฟทรรศนะรู้สึกจึงหันมา
       “คุณอรล่ะน้อย”
       “เห็นคุยโทรศัพท์อยู่กับใครไม่รู้ค่ะ พอเห็นน้อย คุณอรก็รีบเดินหนีไปคุยทางอื่น” น้อยบอก
       ทรรศนะยกกาแฟขึ้นจิบ “คงเป็นธุระสำคัญ ขอบใจสำหรับกาแฟถ้วยนี้ สุดยอด” ยกนิ้วโป้งให้น้อยว่าชงกาแฟอร่อยแล้วเดินไปน้อยปลื้มสุด
       “คนอะไรก็ไม่รู้ทั้งอ่อนโยน ทั้งนุ่มนวล น่ารักอ่ะ ไม่เหมือนคุณใหญ่หน้าตา น่ากลัว อี๊ แค่นึกถึงก็สยอง”
       น้อยทำท่าขนลุกขนพอง
       
       อรสอางค์หน้าเครียด เหลียวดูรอบตัว กลัวคนมาได้ยิน
       “อรไม่กลับแน่ๆ ค่ะ อรทนไม่ได้ที่จะเห็นพวกเจ้าหนี้มาตามทวงหนี้คุณพ่อ อรอาย ได้ยินมั้ยคะว่าอรอาย”
       คุณหญิงอยู่บ้านหลังใหญ่ กำลังตั้งหน้าหน้าตากล่อมลูกเต็มที่ “ถ้างั้นหนูก็ช่วยพูดกับตานะให้แม่หน่อยสิจ๊ะไหนๆก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว มันไม่น่าเกลียดหรอก”
       อรสอางค์พูดอย่างเย่อหยิ่ง “หนูคืออรสอางค์ลูกสาวปลัดกระทรวงนะคะ ให้หนูไปขอเงินเหมือนเป็นขอทาน มันเสียศักดิ์ศรี”
       ทรรศนะเดินตรงมาแต่ยังไม่ได้ยิน “อรครับ คุยกับใครเหรอ”
       อรสอางค์สะดุ้งสุดตัว รีบตัดบท “แค่นี้ก่อนนะคะ นะมาแล้ว”
       อรสอางค์กดวางสาย แล้วหันมาส่งยิ้มกลบเกลื่อน
       “คุณแม่ค่ะ ท่านคิดถึงก็เลยโทร.มา”
       อรสอางค์หลบตา สีหน้ากระอักกระอ่วนกลัวทรรศนะรู้ความจริงว่าถังแตก
       
       ปลัดนั่งเครียด ดูเอกสารฟ้องร้อง คุณหญิงถือโทรศัพท์เดินเข้ามา
       “ลูกอรอยู่ที่ไร่ตานะ เราไปหากันมั้ยคะ เผื่อจะพูดจาขอความช่วยเหลือทางคุณน้าตานะได้บ้าง” คุณหญิงว่า
       “คุณจะบ้าเหรอ พูดไม่คิด คุณเป็นใคร ผมเป็นใครไปขอความช่วยเหลือพวกบ้านป่าบ้านไร่ เสียศักดิ์ศรี”
       คุณหญิงโมโหสุดขีด
       “ลูกก็ศักดิ์ศรี ผัวก็ศักดิ์ศรี ถามจริงๆ เถอะ ไอ้ศักดิ์ศรีเนี่ยมันกินได้มั้ย ตอนนี้คุณไม่เหลือใครแล้ว หมดสิ้นอำนาจ ก็เหมือนหมาตัวหนึ่งเท่านั้น ตื่นได้แล้วท่านปลัด คนที่หวังจะพึ่งได้มีคนเดียวเท่านั้น คือตานะ ลูกเขยในอนาคตของเรา”
       ปลัดอึ้ง คิดตาม
       
       ในเวลานั้นใหญ่นั่งเครียด เปี๊ยกอธิบายวุ่นวาย หวานตีแขนเปี๊ยก
       “พวกเราแยกย้ายกันค้นหาทั่วทั้งไร่แล้วครับคุณใหญ่ไม่มีวี่แววปิ่นเลย”
       จอมเดินเอาหมวกพัดให้ตัวเองเข้ามา
       หวานรีบถาม “ว่าไงจอม พวกคนงานด้านโน้นเห็นปิ่นบ้างมั้ย”
       จอมนั่งลงพลางส่ายหน้า
       ใหญ่ลุกขึ้น “ขอบคุณทุกคน ที่ช่วย” จะเดินออกไป
       จอมครุ่นคิด แล้วจู่ๆ ก็ลุกพรวด “ยังมีอีกที่ ที่ปิ่นจะไป เดี๋ยวผมลองถามดู”
       จอมเดินจะไป ใหญ่เรียกไว้ “เดี๋ยวจอม ฉันไปด้วย”
       จอมวางมาดขรึม มองใหญ่ “ไม่ดีมั้งครับ ถ้าปิ่นเห็นคุณใหญ่ อาจจะหนีเตลิดไปอีก”
       “นั่นมันเรื่องของฉันกับปิ่นอนงค์ ไม่ใช่เรื่องของนาย”
       สองชายที่รักในหญิงเดียวกัน สบตาสู้สายตากัน
       
       เวลาต่อมาที่สำนักปศุสัตว์อำเภอ จินตนายิ้มคุยโทรศัพท์กับปิ่นอนงค์
       “ปิ่นช่วยงานพี่ๆเค้า ไปก่อนนะ แล้วเราจะทำเรื่องขอเบิกเป็นลูกจ้างรายวันให้”
       จินตนาหันไปเห็นจอมกะใหญ่ รีบวางหู จอมกับใหญ่เดินเข้ามา
       จินตนาทำไก๋ไม่รู้เรื่อง “ว่าไงจอม มาเอายาหรือเอาปุ๋ย”
       “เปล่า ปิ่นหายไปเมื่อวาน เค้ามาหาคุณจินรึเปล่าครับ”
       จินตนาทำทีเป็นสงสัย “เปล่านี่ แปลกจริงๆ ปกติมีอะไรก็ต้องติดต่อมา”
       ใหญ่แทรกขึ้น “ปิ่นยักยอกเงินบริษัทไป ใครให้ที่พัก ก็ต้องมีความผิดด้วย”
       ถ้าจะต้องติดคุกพร้อมกับคนดีๆ อย่างปิ่น ฉันก็เต็มใจ” จินตนาประชดในที
       “เค้ายอมสารภาพเอง ไม่มีใครใส่ร้ายเค้าเลย” ใหญ่บอก
       “ถ้าคุณรู้จักปิ่น คุณก็จะไม่มีวันเชื่อ”
       ใหญ่พยายามจับพิรุธ “งั้นถ้าไม่ผิดทำไมต้องหนี” จินตนาเผลอหลุดกิริยาโกรธใหญ่
       “คนอย่างปิ่นอนงค์ เป็นคนมีเหตุผลอยู่แล้ว เค้าไม่อยากอยู่เป็นตัวปัญหาของใคร”
       จินตนารู้ตัว หยุดพูด
       ใหญ่สบตาจินตนา คุ้นหูคำพูดจินตนา เพราะเหมือนคำพูดอุ่นเรือนที่ประชดตน
       “ปิ่นมันหนีไปแล้ว เขียนจดหมายเอาไว้ว่า ไม่อยากเป็นตัวปัญหาของใครอีก”
       จินตนาอ้ำอึ้ง “ไม่รบกวนแล้วละ ดูท่าทางคุณจินคงไม่รู้จริงๆ ขอบคุณมาก”
       ใหญ่ออกไปกับจอมแล้ว จินตนามองตาม “เกือบไปแล้ว”
       จินตนากดโทร.หาปิ่นอนงค์ทันควัน
       
       ใหญ่กะจอมเดินมาที่รถ จู่ๆ ใหญ่เอ่ยขึ้น
       “นายกลับไร่ไปก่อน ฉันรู้สึกเหนียวตัวอยากขอไปลง...” ใหญ่เอียงมาพูดเบาๆ นายพอจะรู้จักที่ๆ มีสาวแจ๋วๆ อกสบึมๆ หน่อยมั้ย”
       จอมโมโห “ปิ่นไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง แต่คุณยังมีแก่ใจหาความสุขใส่ตัว”
       “อ้าว ทำไมฉันต้องทุกข์ไปกับคนที่ขโมยเงินฉันไปด้วยเล่า ที่ออกตามหาเนี่ยเพราะอยากได้เงินคืน”
       จอมระอาเหลือหลาย “ผมก็ว่างั้น” จอมไม่พอใจ เดินฮึดฮัดไปที่รถ แล้วขับออกไป
       ใหญ่ยิ้มกระหยิ่ม มองกลับไปที่ทำการปศุสัตว์
       ปิ่อนงค์อยู่ที่คอกสัตว์ในที่ทำการปศุสัตว์ ปิ่นอนงค์และเจ้าหน้าที่ 3 คน เตรียมให้ยาสัตว์ในคอก ปิ่นอนงค์สวมหมวกมีผ้าปิดปาก เจ้าหน้าที่คนหนึ่งคอยจดบันทึก เจ้าหน้าที่อีกคนเป็นคนใส่ยาสัตว์ในคอก
       เจ้าหน้าที่ที่เป็นหัวหน้า ชี้ให้ปิ่นอนงค์ไปที่คอกห่างออกไป ปิ่นอนงค์เดินไปใส่ยา ใหญ่เข้ามาเมียงมอง ปิ่นอนงค์หันมาเห็นใหญ่ตกใจ ถอยหลังกรูด ใหญ่สงสัยรีบตาม ลดเลี้ยวไปตามกรง ปิ่นอนงค์แอบทำตัวลีบเล็ก แล้วไม่รู้จะทำไง หมาหรือสัตว์ที่ขังไว้เห็นปิ่นอนงค์ ดันแตกตื่นร้อง ใหญ่หันมา รีบเดินมาที่ปิ่นอนงค์ซ่อนอยู่ แต่พอจะถึง กลับเห็นควันพุ่งออกมา
       ใหญ่ชะงักกึก รีบปิดตาปากจมูก สำลักไอไปมา ควันจาง ใหญ่ขยี้ตา มองหาปิ่นอนงค์
       จินตนาถือเครื่องพ่นยาทำหน้าตาย “คุณใหญ่จะมาดูสัตว์ก็ไม่บอก ต้องพ่นยาฆ่าเชื้อก่อนแล้วก็ต้องใส่หน้ากากกันติดเชื้อด้วยค่ะ”
       “ขอโทษ ผมก็แค่อยากมาหาความรู้เรื่องปศุสัตว์ไว้บ้าง”
       “เหรอคะ งั้นฉันพาทัวร์เองเอามั้ย”
       “ไม่เป็นไร ขอบคุณ”
       ใหญ่ชะเง้อชะแง้หาปิ่นอนงค์ เมื่อไม่เจอ จึงเดินหนีไป
       จินตนาเดินมองหาปิ่นอนงค์ที่ไปแอบอยู่อีกที่
       “ไปแล้ว อีตานี่เจ้าเล่ห์มาก ดีนะว่าฉันเอะใจเดินมาดู”
       “ขอบใจนะจิน ขอบใจมาก”
       
       สองสาวกังวล รู้ว่าใหญ่ไม่ยอมวางมือง่ายๆ แน่นอน 

---------------------------------------------------------------

ที่สระว่ายน้ำรีสอร์ตเวลานั้น ฝรั่งชายนักท่องเที่ยวใส่กางเกงว่ายน้ำ นั่งเก้าอี้อยู่ริมสระ ทาครีมกันแดดที่แขนไปมาทัศนีย์เดินถือถาดใส่น้ำสีฟ้าในแก้วทรงสูงกับหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ เข้ามานั่งวางบนโต๊ะเล็กข้างๆ เก้าอี้ มีหลอดครีมกันแดดวางอยู่นีมองเรือนร่างฝรั่ง หูตาแพรวพราว
       
       “THANKS” ฝรั่งยิ้มๆ
       ทัศนีย์เหลียวดูรอบตัวเห็นว่าปลอดคน “May I HELP YOU? - มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ”
       พลางทัศนีย์บีบครีมจะทาให้ ฝรั่งโบกไม้โบกมือพัลวัน
       “NO NO… I CAN DO MYSELF, THANK YOU. - ไม่เป็นไร ผมทำเองได้ ขอบคุณ”
       สาวเจ้าชู้ทัศนีย์ยื้อทาแข้ง ทาขาไปมา ฝรั่งเริ่มโอเค ทัศนีย์จัดเต็มขยับมือไปทากล้ามท้อง อีกมือทาต้นขาฝรั่งชายเคลิ้ม
       ระหว่างนั้นเมียคนไทยของชายฝรั่งเข้ามาเห็นก็เกิดหึง
       “ทำอะไรของแก อีนี่”
       ทัศนีย์ลุกพรวด เมียฝรั่งตบผัวะ
       “แกตบฉัน” ทัศนีย์โกรธจัดตบสวนทันที สองคนยื้อยุดสู้กันไปมา
       อีตาฝรั่งเข้าห้าม ถูกเมียตัวเองตบจนฝรั่งเซไป “นี่มันรีสอร์ตหรือซ่องกันแน่” เมียฝรั่งด่า
       “แล้วแกล่ะ ถูกออฟมากี่บาท” ทัศนีย์ไม่ยอม
       “อีบ้า ชั้นเป็นเมียจดทะเบียนโว้ย อี ... อี ...”
       ปานเทพ กับประไพ วิ่งเข้ามาหน้าตื่น ปานเทพตะโกนก้อง
       “หยุดๆ คุณนี หยุดเดี๋ยวนี้”
       ปานเทพจับทัศนีย์แยกออก ประไพจับเมียฝรั่งแยกไปอีกทาง
       
       ไม่นานต่อมาใหญ่ขับรถกอล์ฟเข้ามาจอด เดินลงมาเห็นปานเทพนั่งเครียด
       “ผู้จัดการ มานั่งอู้งานอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวก็ปลดซะหรอก”
       “ก็ยังดีกว่าเจ้าของอย่างแกละวะ วันๆ เอาแต่ตามหญิง ปล่อยให้ฉันรับมือกับยัยชะนีบ้านั่นคนเดียว”
       ใหญ่งง “ทำไม ทัศนีย์ทำอะไร”
       “ตบกับลูกค้าเมียฝรั่ง จะไปแย่งผัวเค้า ไม่ไหว หน้าตาก็ดีดี ทำไมทำตัวแบบนี้ก็ไม่รู้ อย่าให้มาเกี่ยวข้องกับชั้นดีกว่า ถ้าแกอยากแก้แค้นอะไรยัยชะนี ก็เอาไปทำงานที่อื่น”
       ใหญ่ครุ่นคิดขรึมๆ แล้วนึกบางอย่างออกค่อยๆ คลี่ยิ้ม “แก้แค้นงั้นเหรอ ดี แกทำให้ฉันนึกอะไรออก แกไปตามทัศนีย์มาหาฉันเดี๋ยวนี้เลย” 
       ใหญ่เดินเข้าบ้านพักไป ปานเทพมองตามไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน
       
       ทัศนีย์เคาะประตู ไม่มีใครเปิด ก็หงุดหงิด บิดลูกบิดประตูเปิดกว้าง ทัศนีย์กลอกสายตาหาใหญ่ไปมาเมื่อไม่เจอ ทำหน้าแหวะเบ้ปาก จังหวะนั้นใหญ่ถอดเสื้อโผล่มายืนข้างหลัง ปะแป้งที่หน้า ที่ตัวลายพร้อยเหมือนจิ๊กโก๋งานวัด
       ทัศนีย์หมุนตัวกลับ เจอใหญ่ ก็ร้องกรี๊ดตกใจ ใหญ่กอดทัศนีย์ลากเข้าห้อง ถีบประตูปิดดังปัง
       ใหญ่ดันทัศนีย์ ล้มไปบนเตียง “คุณใหญ่ คุณใหญ่จะทำอะไรนี”
       “จะเอาเธอเป็นเมียน่ะสิ ถามได้” ใหญ่ตะคอก พร้อมกับกระชากทัศนีย์ ทัศนีย์ตาเหลือก
       “ปิ่นอนงค์ พวกของเธอหนีไป เธอก็ต้องมารับหน้าที่บำเรอฉันแทนปิ่น”
       ใหญ่แกล้งทำตาถลน สีหน้าหื่นเถื่อนและถ่อย แล้วกระโดดจะคร่อมแบบตะกละตะกลาม เหมือนพวกโจรในหนังไทย ทัศนีย์เบี่ยงตัวหลบร้องกรี๊ดๆ ด้วยความขยะแขยง
       “ทำไมจ๊ะ น้องนีรังเกียจพี่เหรอ พี่ออกจะหล่อ พ่อก็รวยแถมยังรสรักซาบซ่าน รับรองน้องนีไม่ผิดหวัง”
       ทัศนีย์ยี้ รีบยกมือไหว้ปลกๆ “คุณใหญ่เมตตาสงสารนีเถอะ นีไม่สวย ไม่เซ็กส์ สู้นังปิ่นไม่ได้หรอก”
       ใหญ่คำราม “เมื่อปิ่นไม่อยู่ เธอต้องรับผิดชอบ”
       “ให้นีทำอย่างอื่นเถอะ นียอมทำงานหนักทุกอย่าง จะให้ถูพื้น ขัดห้องน้ำ ขุดดิน ทำสวนอะไรก็ได้”
       ใหญ่ถอยออกมาตีหน้าเครียด พูดจริงจัง “แน่ใจเหรอว่าทำได้ทุกอย่าง”
       ทัศนีย์กะพริบตาถี่ อยากรู้ว่าจะไปให้ทำอะไร
       
       ส่วนปานเทพเดินรออยู่อย่างกระวนกระวาย ไม่รู้ว่าใหญ่ทำอะไร ทัศนีย์วิ่งหัวหูยุ่งเหยิงออกมา ชนกับปานเทพ
       “คุณนี”
       ทัศนีย์ไม่พูดไม่จาวิ่งออกไปแบบกลัวๆ
       “ไอ้ใหญ่” ปานเทพอุทานวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างเร็วรี่
       
       ใหญ่นั่งสบายใจเฉิบในแผนอันเฉียบคม ปานเทพพรวดเข้ามา
       “แกทำอะไรคุณนี แกหน้ามืด ถึงขนาดข่มเหงคุณนีเหรอวะแกบ้าไปแล้วหรือไง หา” ปานเทพใส่เป็นชุด
       “ไอ้ปาน เดี๋ยว ฟังฉันก่อนโว้ย”
       “ไม่ฟัง ฉันไม่ร่วมสังคายนาทำเรื่องเลวๆ กับเพศแม่กับแกอีกแล้ว”
       “ไอ้ปาน ฉันบอกให้แกฟัง ฉันไม่ได้ทำอะไรยัยนีทั้งนั้นฉันแค่บีบให้ยัยนีไปหาตัวปิ่นอนงค์”
       ปานเทพหูผึ่ง “จริงเหรอ”
       “ก็เออซิ ฉันแน่ใจว่าปิ่นอนงค์ต้องอยู่กับจินตนาแต่ฉันไม่อยากไปคุกคามมาก เดี๋ยวปิ่นจะหนีไปอีก ก็เลยต้องใช้วิธีนี้”
       ปานเทพโล่งอก “ค่อยยังชั่ว แล้วยัยชะนีจะมีปัญญาไปตามปิ่นเหรอ”
       “ทัศนีย์ไม่มีแต่คุณนายครองสุขมี”
       ใหญ่เหยียดยิ้ม มั่นใจยิ่งนัก
       
       ธีระรอเปิดประตูรถให้ครองสุขที่คุยโทรศัพท์อยู่
       “จะกลับเย็นหน่อยเหรอ กลับให้ดึกไปเลยก็ได้ หนูอรจะจะได้ไม่มาเจอเรื่องวุ่นวายที่นี่”
       ทัศนีย์เดินหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามา “แค่นี้ก่อนนะ”
       ครองสุขมองสารรูปทัศนีย์เห็นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผมกระเซิง ก็ไม่ถามไถ่ แถมด่ากลับ
       “กลับมาทำไม ไม่ทำงานทำการ เดี๋ยวไอ้ใหญ่มันก็เล่นงานเอาหรอก”
       “มันเพิ่งเล่นงานหนูเมื่อกี้นี้เอง”
       ครองสุข ตกใจตาค้าง “หา...”
       “มันบอกให้หนูตามนังปิ่นกลับมาให้ได้ ไม่อย่างนั้น มันจะเอาหนูเป็นเมียแทนนังปิ่น คุณน้าต้องช่วยหนูตามปิ่นกลับมานะหัวเด็ดตีนขาดหนูก็ไม่ยอมเป็นเมียไอ้ใหญ่”
       ครองสุขสบตาธีระ “ทำไม ไอ้ใหญ่มันต่างจากพวกกุ๊ยของแกยังไง”
       ทัศนีย์ตะลึง “นี่คุณน้า อย่าบอกนะว่า”
       ครองสุขเหลียวซ้ายแลขวากลัวใครได้ยิน แล้วตรงเข้าจับไหล่ทัศนีย์มองจ้องตา
       “ถึงเวลาที่แกต้องเสียสละเพื่อครอบครัวแล้ว ยอมมันใช้ประสบการณ์ของแก ทำให้ไอ้ใหญ่มันหลงหัวปักหัวปำ”
       “คุณน้าก็ยอมซะเองสิ” ทัศนีย์สวนกลับ ไม่แยแส
       “จะบ้าเหรอ ถ้าฉันอ่อนกว่านี้อีก20ปี ฉันตกลงไปแล้วแกไปนอนกับคนไปทั่ว จะมีเพิ่มอีกสักคนจะเป็นไรไป”
       “นี่คุณน้าลืมไปแล้วใช่มั้ยว่าหนูเป็นลูกสาวคุณน้า”
       ครองสุขสวนออกไป “สิบล้าน ถ้าแกจดทะเบียนกับมันได้ ฉันจะจ่ายแกสิบล้าน ถ้ามีลูกกับมันได้ เอาไปเลยยี่สิบล้าน”
       
       ทัศนีย์ที่ตั้งท่าโวยกลับเต็มที่ นิ่งงันไป 

---------------------------------------------------

ที่ตลาดสดวันนี้บรรยากาศยังดูวุ่นวายเช่นทุกวัน ผู้คนยังคงจับจ่ายซื้อข้าวของคึกคัก แม่ค้าขายของสดระวิง อรสอางค์เดินคู่มากับทรรศนะมองสภาพตลาดอย่างรังเกียจ จิ๋วกางร่มให้เดินตามต้อยๆ
       
       “นี่เหรอตลาดของที่นี่ สกปรก รับไม่ได้”
       “ตลาดนี้ไม่ผ่านค่ะคุณนะ จะให้แม่บ้านเอาของจากที่นี่ไปทำอาหารขึ้นโต๊ะให้คุณหนูไม่ได้นะคะ” จิ๋วผสมโรง
       ทรรศนะรีบพูดเอาใจอรสอางค์ “แล้วผมจะบอกป้าอุ่นให้สั่งอาหารจากภัตตาคารในเมืองไปส่งนะครับ”
       ใกล้ๆ นั้นเองปิ่นอนงค์กำลังเลือกซื้อของอยู่ กลุ่มทรรศนะเดินมาผ่านแผงผัก เป็นจังหวะที่แม่ค้าขายผัก เอาน้ำพรมผักพอดี แต่น้ำกระเซ็นไปถูกอรสอางค์
       “ว้าย อี๊ น้ำอะไรเนี่ย”
       จิ๋วแว้ดใส่แม่ค้า “ตายจริง นี่หล่อนไม่มีตาหรือไง ถึงสาดน้ำมาถูกคุณหนูของฉันไร้มารยาทสิ้นดี”
       แม่ค้าของขึ้น “นี่มันตลาด ถ้าไม่อยากโดนอะไรเลยก็ไปเดินบนฟ้า บนสวรรค์โน่น”
       ปิ่นอนงค์หันไปมองสบตากับทรรศนะอย่างจัง ปิ่นอนงค์รีบถอยวิ่งหนี ทรรศนะรีบตามติด โดยที่จิ๋วกะอรสอางค์ไม่ทันสังเกต
       “อย่าไปเถียงกับคนพวกนี้เลยพี่จิ๋วเสียเวลา มันพูดคนละภาษากับเรา” อรสอางค์แสดงท่าทีรังเกียจ
       แม่ค้าปลาที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยิน รู้สึกหมั่นไส้ แกล้งโยนปลาไหลใส่อรสอางค์ ทำทีเหมือนปลาหลุดมือ
       “ว้าย ลูกแม่”
       ปลาไหลลอยมาตกบนไหล่อรสอางค์พอดิบพอดี อรสอางค์เห็นร้องกรี๊ด ปัดออกไปหล่นตรงหน้าจิ๋ว
       จิ๋วกรี๊ดลั่นตลาด
       
       ปิ่นอนงค์หนีมา ทรรศนะตามชนกับคนเข็นรถผักมาขวาง ปิ่นอนงค์รีบเอาผ้าพลาสติคคลุมตัวหลบนั่งอยู่ข้างกองเข่งผัก ทรรศนะมองไม่เจอ จิ๋วกับอรสอางค์วิ่งหนีมาทางนี้
       “นะช่วยด้วย พวกมันจะทำร้ายอร”
       อรสอางค์เข้ามากอดทรรศนะ จิ๋วตามมา แม่ค้าสองสามคนเดินดาหน้ามาอย่างเอาเรื่อง
       “เรื่องอะไรกัน” ทรรศนะงง
       “ก็แม่ค้าพวกนี้ซิ มันแกล้งคุณหนู อีพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” อรสอางค์ด่าอีก
       แม่ค้าขายผักได้ยิน “ทำไมจะไม่รู้” เอามือชี้ที่หัว “ว่าเนี่ยสูง” แล้วชี้ที่เท้า “นี่ต่ำ”
       จิ๋วรับไม่ได้ “ว้าย ดูซิ มันยกเท้าให้เรา บังอาจมาก แกรู้มั้ย ว่าคุณหนูลูกใคร”
       เพื่อนแม่ค้าสวนออกมา “ไม่รู้โว้ย รู้แต่พ่อแม่คงไม่ค่อยอบรมสั่งสอน ถึงได้เที่ยวดูถูกมนุษย์ด้วยกัน”
       อรสอางค์โกรธตัวสั่น “แก แกด่าพ่อแม่ฉัน”
       อรสอางค์ทั้งท่าจะเข้าไปลุย แล้วต้องถอยกลับเพราะเห็นท่าว่าแม่ค้าเอาจริง
       “อย่าครับ อย่ามีเรื่องกันเลย ผมขอโทษแทนแฟนผมด้วย” ทรรศนะไหว้อย่างนอบน้อม อรสอางค์ไม่พอใจมาก “นะไปไหว้มันทำไม”
       ทรรศนะกระซิบบอก “พอแล้ว มีเรื่องกับพวกนี้ไม่คุ้มหรอก” หันมายิ้มให้แม่ค้า “ผมเป็นหลานคุณนายครองสุข คนกันเองทั้งนั้น อย่าถือโทษกันเลยนะครับ”
       แม่ค้าผักร้องอ๋อ “หลานยัยคุณนายทะเลเรียกพี่น่ะเหรอ งั้นก็ต้องเป็นเจ้านายหนูปิ่นน่ะซิ เป็นพี่ที่หนูปิ่นเล่าว่าไปเรียนนอกใช่มั้ย”
       “ครับ ใช่”
       ปิ่นอนงค์ที่ซ่อนตัวอยู่ ได้ยินชื่อตัวเอง จึงเปิดผ้าแอบมอง
       พวกแม่ค้ามีท่าทีอ่อนลง ต่างแยกย้ายกันเดินกลับ ทรรศนะร้องขอโทษขอโพย แล้วโอบปลอบอรสอางค์อย่างสนิทสนม ปิ่นอนงค์เห็นแล้วยิ่งสะท้อนใจ
       ทรรศนะเดินออกไปแล้ว ปิ่นอนงค์เปิดผ้า แต่ก็นั่งอยู่ตรงนั้นน้ำตาคลอ จินตนาหิ้วของเข้ามาตบบ่าเรียก
       “ปิ่น”
       ปิ่นอนงค์สะดุ้งหันมาเห็นจินตนา
       จินตนามองหน้าปิ่น “ทำไมหน้าซีดอย่างนี้ ไม่สบายหรือเปล่า”
       “เมื่อกี้เราเจอคุณนะกับแฟนเขา”
       “จริงเหรอ โอ๊ย จังหวัดนี้มันแคบจริงๆ แล้วเค้าเห็นปิ่นมั้ย”
       “ไม่ เรารีบกลับกันเถอะ”
       
       ใหญ่อยู่ในห้องรับแขกบ้านพัก และกำลังดื่มน้ำอยู่ขณะฟังครองสุขพูด แล้วถึงกับสำลักพรวด
       “อะไรนะ คุณน้า” ปานเทพแอบดูอยู่มุมหนึ่ง
       “น้าตกลงยกยัยนีให้คุณใหญ่ตามที่คุณใหญ่ต้องการถือว่าเป็นการสมานฉันท์ปรองดองระหว่างพวกเรา”
       ปานเทพอึ้ง นึกไม่ถึงครองสุขจะมาไม้นี้
       “แล้วทัศนีย์จะยอมเหรอ” ใหญ่ถามอึ้งๆ
       “น้าคุยกับหลานแล้ว ยัยนีบอกว่าถ้าจะทำให้คุณใหญ่มีความสุข หายโกรธหายแค้น ยัยนีก็เต็มใจ แต่น้าอยากขอร้องให้คุณใหญ่ยกย่องหลานน้าออกหน้าออกตาได้มั้ย”
       ใหญ่นิ่งคิดนิดหนึ่ง “แน่ใจเหรอ ผมมันโจรเดนตายนะ เป็นเมียคนอย่างผมต้องอดทน”
       “อย่าพูดอย่างงั้น เรื่องที่แล้วก็ให้มันแล้วไป เรามาเริ่มกันใหม่ ไร่ไพศาลจะได้สงบสุขซะที”
       ปานเทพกลั้นหัวเราะ
       ครองสุขลากลับ “ถ้างั้น น้ากลับเรือนใหญ่ก่อน เดี๋ยวจะให้ยัยนี มันขนเสื้อผ้ามาที่นี่คืนนี้เลย”
       ใหญ่นั่งเครียด
       ปานเทพนอนขำกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในห้อง ใหญ่หน้าเครียดอยู่อย่างเดิม
       “ว่ายังไง จุกอ่ะดิ สมน้ำหน้าไอ้คุณใหญ่ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว”
       “ใครจะไปรู้ว่ายัยคุณนายจะขายหลานกินได้ เห็นแก่ตัวสุดๆ ไอ้ปาน”
       “ครับผม จะให้ผมจัดงานแต่งเหรอครับ แล้วจะแต่งแบบไหนดี เอาท์ดอร์ หรืออินดอร์ โรงแรมห้าดาว บนเขาหรือริมทะเล” ปานเทพเล่นไม่เลิก
       ใหญ่ทำท่าอยากเตะ “แกต้องแก้ปัญหาให้ฉัน”
       “เฮ่ย ฉันไม่แต่งกับยัยชะนีแทนแกหรอกนะ ไม่เด็ดขาด”
       “ฉันไม่ให้แกทำถึงขนาดนั้นหรอกน่า มันยังมีวิธีอื่นอีก”
       
       ทัศนีย์นั่งหน้าตาบึ้งตึงอยู่ในรถกอล์ฟ ค้อนปานเทพ พอปานเทพหันมา ทัศนีย์ก็สะบัดหน้าไปทางอื่น
       ปานเทพอมยิ้มขำ
       “ถามจริงเหอะ คุณนายครองสุขน่ะ เป็นน้าคุณจริงเหรอ”
       ทัศนีย์สะดุ้งโพล่งหลุดปาก “นายรู้”
       “รู้อะไร”
       ทัศนีย์อึกอัก “เปล่านี่ แล้วนายถามทำไม”
       “ก็สงสัยว่าทำไมยกคุณให้ผู้ชายง่ายๆ”
       ลึกๆ ในใจ ทัศนีย์ก็เจ็บปวดแต่ทำเป็นไม่แคร์ “ทำไม คุณใหญ่เป็นเจ้าของไร่นี้ คุณน้าหวังดีต้องการให้ฉันเป็นคุณนายไร่ไพศาล มันผิดตรงไหน”
       “ฝันหวานไปเถอะ แค่ผ่านคืนนี้ไปให้ได้ ก็นับว่าเก่งแล้ว”
       ทัศนีย์ฉงน “หมายความว่ายังไง”
       ปานเทพไม่ตอบ พูดเป็นนัย “บอกก่อนก็ไม่สนุกนะสิ ของแบบนี้ต้องรู้เอาเอง”
       
       รถกอล์ฟเข้ามาจอดหน้าเรือนพักของใหญ่ เห็นคนงานช่วยกันหิ้วปีกหญิงสาวชื่ออ่อนออกมา อ่อนหมดสติ เสื้อผ้าขาดวิ่น หน้าตาและเนื้อตัวเขียวช้ำไปหมดทั้งตัว
       ทัศนีย์ลงจากรถกอล์ฟตกใจมาก “เกิดอะไรขึ้น นี่มันนังอ่อน คนงานในไร่นี่”
       คนงานไม่ตอบหิ้วปีกอ่อนผ่านไป ทัศนีย์มองตาม ปานเทพมองอยู่ ได้โอกาสจึงเริ่มปล่อยของ
       “สงสัยคุณใหญ่เล่นหนักไปหน่อย”
       ทัศนีย์อึ้ง “ฝีมือคุณใหญ่เหรอ เค้าทำร้ายนังอ่อนทำไม”
       “ทำร้ายที่ไหน คุณใหญ่เค้ามอบความสุขให้ นี่ยังนับว่าน้อยนะ บางคนก็นอนหยอดน้ำข้าวต้มลุกไม่ขึ้นไปหลายวัน”
       ทัศนีย์ตาโตเท่าไข่ห่าน “คุณใหญ่เป็นพวก พวกซาดิสต์เหรอ”
       ปานเทพพยักหน้า กระซิบเบาๆ “ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเผ่นไปให้ไกลที่สุด บอบบางอย่างคุณเจอคุณใหญ่ไป โอ๊ยไม่อยากจะนึกภาพ”
       จู่ๆ มีหมอนถูกเหวี่ยงออกมาโดนปานเทพตามด้วยเสียงใหญ่ตะโกนเรียก “นีมาหรือยัง ทำไมไอ้ปานมันช้านัก เดี๋ยวปัดยิงแม่งให้หมด”
       ปานเทพแกล้งดึงแขนทัศนีย์ “มาแล้วครับคุณใหญ่”
       ทัศนีย์สยอง สะบัดมือสุดแรงจนหลุด “ฉันไม่เอาด้วยแล้ว”
       ทัศนีย์วิ่งหนีสุดชีวิต ปานเทพแกล้งตะโกนเรียกแต่ไม่ได้วิ่งตาม
       “อ้าว เดี๋ยวจะไปไหน ไม่อยากเป็นคุณนายไร่ไพศาลแล้วเหรอ”
       
       ทัศนีย์กรี๊ดแตกล้มลุกคลุกคลาน ตะเกียกตะกายวิ่งต่อ ใหญ่ออกมาหัวเราะขำกับปานเทพ

--------------------------------------------------------------------------------------------

แผนสำเร็จเรียบร้อยสมใจใหญ่ ปานเทพส่งเงินให้เปี๊ยก 
       
       “คุณใหญ่ให้ ค่าเหนื่อยที่ช่วยหาคนมาเล่นละครให้”
       เปี๊ยกส่ายหน้า พูดอ้อแอ้ว่า ใหญ่สั่งต้องทำ
       ใหญ่บอก “เอาไปเถอะเปี๊ยก ฉันรู้ว่าตอนนี้คนงานที่นี่ ไม่ได้ค่าแรงกันเต็มเม็ดเต็มหน่วยมานานแล้ว ฉันสัญญาว่าต่อไปฉันจะดูแลคนงานที่นี่ให้มากขึ้น”
       ใหญ่ตบไหล่แล้วเดินไป เปี๊ยกมองอึ้งๆ
       “คุณใหญ่มาที่นี่ มาดี ไม่ได้มาร้าย จำไว้”
       ปานเทพบอกแล้วรีบตามใหญ่ไป
       
       รุ่งเช้าพอทรรศนะรู้เรื่องรีบมาหาครองสุขทันที ครองสุขหันขวับมาทางทรรศนะ
       “เป็นความจริง น้ายกยัยนีให้ไอ้ใหญ่ไปแล้ว”
       “จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
       ครองสุขเข้าไปแตะบ่ากล่อม “นะฟังน้านะ ยัยนีมันเปลี่ยนแฟนยิ่งกว่าเปลี่ยนรองเท้า ขืนปล่อยต่อไป น้ากลัวมันจะไปคว้าคนเลวๆ มานะสิ สู้ให้มันเป็นเมียไอ้ใหญ่ เรายังได้ประโยชน์”
       “ผมห่วงว่าไอ้ใหญ่จะทรมานนีน่ะสิครับ มันยิ่งบ้าๆอยู่”
       “น้องแกไม่ใช่ไก่อ่อน แล้วน้าก็ยังอยู่ทั้งคนไม่ปล่อยให้ยัยนีถูกรังแกหรอกน่า”
       ทรรศนะหัวอ่อนเริ่มคล้อยตาม “แล้วนียอมหรือครับ”
       “โอ๊ย ป่านนี้ข้าวสารคงหุงเป็นข้าวสุกแล้วมั้ง”
       ใหญ่เปิดประตูผลัวะเข้ามา ปานเทพตาม “สวัสดีตอนเช้าครับคุณน้า”
       ครองสุขแปลกใจ “คุณใหญ่ มีอะไรแต่เช้า”
       “ผมมาตามทัศนีย์ ไหนว่าจะส่งน้องไปให้ผม รอทั้งคืนไม่เห็นแม้แต่เงา”
       “เป็นไปไม่ได้ เมื่อวานยัยนีขนเสื้อผ้าย้ายไปอยู่กับคุณใหญ่แล้วนี่ เดี๋ยวน้าจะไปตามให้”
       “เสียเวลาเปล่า มีคนงานเห็นว่าคุณนีหนีออกไปจากไร่แล้ว” ปานเทพบอก
       ครองสุขไม่เชื่อ “ไม่จริง”
       “ผมอุตส่าห์ให้โอกาสแล้ว แต่คุณน้าไม่รับความหวังดีของผม ผมก็คงต้องใช้วิธีนี้”
       ใหญ่พยักหน้า ปานเทพชักปืนที่เหน็บไว้ เข้ามากระชากทรรศนะ
       “เฮ้ย มาจับฉันทำไม” ทรรศนะโวบวาย
       “อย่านะคุณใหญ่ ตานะไม่เกี่ยวอะไรด้วย”
       “ถ้าอย่างนั้นคุณน้าก็เอาตัวคนที่เกี่ยวมาแลกกับหลานรักของคุณน้า ผมต้องได้ตัวคนที่โกงเงินไปก่อนตะวันตกดินพรุ่งนี้ ถ้าไม่ได้ อย่าหาว่าผมใจร้าย” มองจ้องทรรศนะ “กับหลานรักของคุณน้า”
       ปานเทพกระชากทรรศนะไปอย่างแรงครองสุขใจหายวูบ วิ่งตามลูกชายสุดที่รัก
       “นะ ตานะ”
       
       ยินเสียงเอะอะแว่วมาในห้องอรสอางค์ ที่เพิ่งออกจากห้องน้ำ ส่วนจิ๋วกำลังจัดที่นอน
       “เสียงเอะอะอะไรแต่เช้า”
       “ก็คงพวกคนใช้ คนงานละมังคะ พวกหลังป่า หลังเขาก็อย่างงี้ พูดค่อยๆ กันไม่เป็น” จิ๋วว่า
       “ไม่รู้นะทนอยู่ได้ยังไงกับพวกบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างงี้ ยิ่งไอ้คุณหย่งคุณใหญ่นั่น ยิ่งน่าขยะแขยงสิ้นดี”
       “นั่นน่ะซิคะ จิ๋วละเป็นห่วงคุณหนูจริงๆ ต่อไปถ้าต้องเป็นดองเป็นญาติกันจะเป็นยังไง”
       “อรไม่ยอมนับญาติด้วยหรอก อรต้องให้นะจัดการคนพวกนี้ให้เรียบร้อยก่อนแต่งงาน” อรสอางค์มั่นใจว่าเอาอยู่
       ทรรศนะถูกใหญ่ กะปานเทพ ลากพาขึ้นรถไป ครองสุขวิ่งตาม น้อยเดินมาจากครัวเห็นตกใจ
       
       อุ่นเรือนมองซ้ายมองขวา แอบใช้โทรศัพท์สำนักงานโทร.ออก
       “ฮัลโหล ปิ่น เป็นไงบ้างลูก”
       “ปิ่นสบายดีจ้ะ ทางโน้นล่ะจ๊ะ”
       “ก็ยังไม่มีอะไร คุณใหญ่ก็ดูเงียบๆ ไป แต่ก็ไม่ได้มาคาดคั้นถามเรื่องแกกับแม่”
       “ดีแล้วล่ะจ้ะ ไม่นานคนที่นั่นคงลืมปิ่นไปเอง แม่ดูแลตัวเองนะ อย่าลืมกินยาตามหมอสั่งด้วย”
       “เออ รู้แล้ว แกก็ต้องรักษาตัวนะ”
       น้อยวิ่งหน้าตั้งเข้ามา “โอ๊ยป้า มาอยู่นี่เอง หาแทบแย่ เกิดเรื่องอีกแล้ว”
       “แค่นี้ก่อนนะ” อุ่นเรือนรีบวางหันมาถามน้อย “มีอะไร น้อย”
       “คุณนะถูกคุณใหญ่จับไป”
       อุ่นเรือนตาค้าง “ฮ้า”
       
       ปิ่นอนงค์ได้ยินเสียงน้อยโวยวาย รู้สึกเป็นห่วงแม่ จินตนาเดินจิบกาแฟเข้ามา “ป้าอุ่นว่าไง”
       “เราได้ยินเสียงน้อยโวยวาย ไม่รู้ที่ไร่เกิดเรื่องอะไร”
       “นี่เธอยังมีแก่ใจห่วงคนอื่นอีกเหรอ ตัวเองยังจะเอาไม่รอดเลย”
       “แต่เราอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่เด็กนะ”
       “หมั่นไส้จริงแม่คนดี การที่ปิ่นไปยอมรับผิดแทนคุณนายจอมโหดนั่นมันผิดรู้มั้ย ความใจดีของปิ่นจะทำให้คนพวกนี้ได้ใจ”
       “เธอไม่เข้าใจหรอก”
       จินตนาร่ายยาวเหมือนท่องจนขึ้นใจ
       “เพราะแม่เธอพร่ำสอนตั้งแต่เด็กจนโตว่าคุณนายช่วยชุบเลี้ยงส่งเสียให้เรียนจนจบ คุณนายมีบุญคุณล้นฟ้าเธอต้องตอบแทน โธ่เอ๊ยปิ่น เธอกับแม่ก็ทำงานยิ่งกว่าขี้ข้า แค่นี้มันยังชดใช้ไม่พออีกเหรอ” จินตนาตั้งท่าจะร่ายต่อ
       ปิ่นอนงค์พูดเสียงนุ่มนวลเหมือนน้ำเย็น “แม่เป็นแค่เด็กกำพร้าที่แม้แต่ญาติของแม่ก็ไม่เคยต้องการ จะมีก็แต่ครอบครัวของคุณนายเท่านั้นที่เป็นที่ปลอดภัยสำหรับแม่ สังคมของแม่จึงมีแค่บ้าน ตลาดสด แล้วก็คุณนาย ชีวิตแม่มีอยู่แค่นี้”
       ปิ่นอนงค์ยิ้มอย่างขมขื่นจับมือจินตนา “อะไรที่ปิ่นทำให้แม่สบายใจ ปิ่นทำได้ทุกอย่าง ถึงจะถูกใครๆมองว่าโง่ก็ตามเถอะ”
       จินตนาถอนหายใจตบหลังมือปิ่นอนงค์เป็นเชิงบอกว่าตนเข้าใจดี
       “เอาละๆ ไม่พูดแล้ว ไปทำงานกันดีกว่า”
       ครองสุขนั่งกุมหัวอยู่ในห้องรับแขก อุ่นเรือนเข้ามาอย่างร้อนใจ
       “คุณนาย คุณใหญ่กล้าทำกับคุณนะขนาดนี้เชียวเหรอคะ”
       “ก็เพราะนังปิ่นลูกสาวแกนั่นแหละ ไอ้ใหญ่มันให้เอายัยนีไปสังเวยให้มันแทน จนยัยนีหนีไป มันเลย
       หันไปเล่นงานนายนะ”
       อุ่นเรือนยกมือทาบอก “คุณพระช่วย”
       ระหว่างนั้นธีระเดินเร็วๆ เข้ามาหาครองสุข
       “ผมสืบมาได้แล้ว ไอ้ใหญ่มันพาตัวคุณนะไปขังที่กระท่อมท้ายไร่ มีคนงานคอยเฝ้าอยู่ตลอด” ครองสุขฟังแล้วลุกยืน เครียดจัด “พี่สั่งมาคำเดียว ผมจะให้ไอ้เจิดกับไอ้ก้านไปชิงตัวมา”
       “แน่ใจเหรอว่าคนของเธอจะสู้ไอ้ใหญ่ได้ ฉันไม่เห็นเคยได้เรื่องสักครั้ง”
       ธีระจ๋อย “แล้วพี่จะเอายังไง”
       ครองสุขจ้องอุ่นเรือนเขม็ง “แกรู้ใช่มั้ยว่าลูกแกอยู่ที่ไหน”
       
       อุ่นเรือนอึกอัก

---------------------------------------------------------------------

    ทรรศนะถูกมัดอยู่ในกระท่อม พอเห็นใหญ่เดินเข้ามา ทรรศนะจึงพูดจาหยามหยัน 
       
       “คนดีๆ เค้าไม่ทำกันแบบนี้”
       ใหญ่ไม่สน ลอยหน้ากวนประสาท “ลืมแล้วเหรอว่าฉันเป็นโจร โจรจะทำอะไรก็ได้ ไม่น่าเกลียด”
       “ผมไม่แปลกใจ คุณใหญ่เก่งแต่ใช้กำลังมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้วนี่”
       ใหญ่ไม่พอใจ “เพราะฉันไม่ถนัดเป็นเด็กเลี้ยงแกะเหมือนนาย”
       ทรรศนะมองจ้องหน้า ใหญ่เตือนความจำ “จำกระท่อมนี้ได้มั้ยว่านายเคยทำวีรกรรมอะไรไว้”
       
       วันนั้นเมื่อในอดีต ไฟกำลังลุกไหม้กระท่อม ใหญ่วิ่งเข้ามาเห็นหน้าตาตื่น เสียงทรรศนะร้องให้ช่วย
       “ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย ผมติดอยู่ในนี้”
       ใหญ่วิ่งฝ่าเพลิงเข้าไป เห็นทรรศนะนั่งหวาดกลัวอยู่มุมกระท่อมไม่มีปัญญาวิ่งออกมา ใหญ่เงยหน้าเห็นหญ้าแฝกที่มุงหลังคากำลังจะหล่นลงมาใส่ทรรศนะ
       ใหญ่ตัดสินใจเข้าช่วยพาทรรศนะวิ่งออกมาจากกระท่อมได้ทัน ไพศาล ครองสุข ปลอด และคนงานวิ่งเข้ามา
       “ตานะ”
       “คุณน้า”
       ทรรศนะโผเข้ากอดครองสุข ปลอดกับคนงานวิ่งเข้าไปดับไฟ
       “เกิดอะไรขึ้นไอ้ใหญ่”
       ใหญ่กำลังจะอ้าปากบอก ทรรศนะตื่นตระหนกกลัวความผิดรีบชิงพูดก่อน
       ทรรศนะชี้ที่ใหญ่ “คุณใหญ่เอาพลุมาจุดเล่นครับ แล้วมันก็พุ่งไปในกระท่อม”
       ใหญ่ช็อกมองทรรศนะอย่างคาดไม่ถึง พูดไม่ออก
       “โชคยังดีนะคะที่แค่ไหม้กระท่อม ถ้าเป็นเรือนใหญ่ หรือบ้านในรีสอร์ต ครองไม่อยากจะนึกภาพเลย” ครองสุขผสมโรง
       ไพศาลเบื่อหน่ายใหญ่เต็มทน
       “ฉันขี้เกียจจะยุ่งกับแกแล้ว ดีแต่ก่อเรื่องเดือดร้อนตลอดแกจะไปไหนก็ไปให้พ้นหน้าฉัน”
       ใหญ่มองทรรศนะอย่างแค้นเคือง ทรรศนะรู้ตัวเบียดครองสุขหาคนปกป้อง ใหญ่เดินหนีไป
       ครองสุขดึงทรรศนะมาคุย “บอกน้ามาสิ ไอ้ใหญ่ทำจริงเหรอ”
       ทรรศนะยิ้มๆ “เปล่าครับ นะเป็นคนทำเอง พลุมันวิ่งไปติดในกระท่อม นะพยายามเข้าไปดับ แต่ดับไม่ได้”
       ครองสุขอึ้ง “อ้าว แล้วไอ้ใหญ่ทำไมไปอยู่ที่นั่น”
       ทรรศนะอึกอัก “เค้า” เปลี่ยนใจไม่บอกว่าใหญ่เป็นคนมาช่วย “เค้าเพิ่งมาถึงตอนที่นะวิ่งหนีออกมา นะกลัวโดนคุณลุงทำโทษ ก็เลย...” ครองสุขดันชอบอกชอบใจ “เก่งมาก นะทำได้ดีแล้ว หลานน้าฉลาดจริงๆ”
       ครองสุขกอดนะอย่างชื่นชม ทรรศนะยิ้มพอใจกับคำชื่นชมนั้น
       สองคนไม่รู้ว่า ห่างออกไปหน่อย ใหญ่ยืนหลบอยู่ได้ยินเรื่องทั้งหมด
       
       ใหญ่ยิ่งคิดยิ่งแค้น ขยุ้มคอเสื้อทรรศนะ
       “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย คุณใหญ่ต่างหากที่ทำตัวเองถ้าคุณทำให้พ่อเชื่อใจ ไม่ว่าผมจะพูดยังไง ก็ไม่มีใครทำอะไรคุณได้หรอก”
       “ตอนนั้น ฉันน่าจะปล่อยให้แกตายไปซะ” ใหญ่เงื้อหมัดจะชก ทรรศนะตกใจรีบพูดเอาตัวรอด
       “อย่าคุณใหญ่ ฟังผมก่อน หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผมก็รู้สึกผิดมาก ผมพยายามจะไปสารภาพผิดกับ
       คุณลุง แต่คุณลุงเกิดไม่สบายขึ้นมา ผมก็เลยไม่กล้ากลัวอาการคุณลุงจะทรุดลงไป”
       ใหญ่ไม่เชื่อ “แกนี่หาเหตุผลเอาตัวรอดได้เสมอนะ แต่ขอโทษที ฉันไม่เคยเชื่อแก ฉันไม่เหมือนปิ่น ที่หลงใหลภาพลวงตาที่แกสร้างขึ้น”
       ใหญ่ปล่อยมือจากทรรศนะ เดินหนีไป
       อุ่นเรือนดึงครองสุขไว้ ครองสุขมีปืนในมือ “อย่าไปค่ะคุณนาย เชื่ออุ่นเถอะนะคะ”
       “ปล่อยฉันอุ่น ถ้ามันไม่ปล่อยตานะ ฉันจะแลกชีวิตกับมัน” ครองสุขเล่นละครต่อ
       แต่อุ่นเรือนไม่ยอมปล่อย “คนใจคอโหดเหี้ยมอย่างคุณใหญ่ สักวันบาปกรรมต้องตามสนอง คุณของอุ่นอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเลยนะคะ”
       “ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น ฉันต้องช่วยตานะให้ได้”
       ครองสุขผลักอุ่นเรือนจนกระเด็น อุ่นเรือนรีบคลานไปกอดขาไว้แน่น
       “ไม่ค่ะ อุ่นไม่ยอมให้คุณนายเอาชีวิตไปเสี่ยง”
       ธีระวิ่งเข้ามา “คืนปืนให้ผม พี่ไม่มีทางไปสู้กับไอ้พวกโจรได้หรอก”
       “แล้วพี่จะทำยังไง มันให้เวลาถึงแค่พรุ่งนี้เท่านั้น” ครองสุขคร่ำครวญ
       อุ่นเรือนตัดสินใจ “อุ่นจะพาปิ่นกลับมาเองค่ะ
       ครองสุขที่กำลังยื้อปืนกับธีระทำเป็นชะงัก ยอมปล่อยปืน
       “จริงหรืออุ่น”
       
       อุ่นเรือนกังวลหนักรีบวิ่งออกจากเรือนใหญ่ตรงไปที่ไร่ โดยไม่รู้ว่าที่ระเบียงชั้นบน ครองสุขกับธีระยืนมองอุ่นเรือนวิ่งออกจากเรือนใหญ่
       และสองคนมองหน้ากันยิ้มที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
       
       เวลานั้นจอมช่วยคนงานต้อนวัวเข้าคอก ถวิลยืนคุมอีกที น้อยประคองอุ่นเรือนเดินรีบร้อนเข้ามา “ลุงหวิน จอมล่ะ”
       จอมแหวกฝูงวัวมาหาอุ่นเรือน “ผมอยู่นี่ป้า”
       “ป้ามีเรื่องให้ช่วยหน่อย”
       อุ่นเรือนดึงแขนจอมเดินออกไป
       ถวิลหันมาทางน้อย “เอ็งรู้มั้ยเรื่องอะไรนังน้อย”
       “โอ๊ยจะเรื่องอะไรซะอีก ก็เรื่องที่...”
       ถวิลรีบยกมือไหว้คนที่อยู่ข้างหลังน้อย “สวัสดีครับคุณอร”
       น้อยหันไปข้างหลัง เห็นจิ๋วกางร่มให้อรสอางค์เดินมา อรสอางค์ยกมือปิดจมูกเหม็นขี้วัว “คุณนะอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
       “ผมไม่เห็นนะครับ”
       อรสอางค์หันไปทางน้อย เห็นน้อยเดินหนีห่างไปแล้ว
       
       อรสอางค์หงุดหงิด ตามเข้าไปกระชากแขนน้อย “พวกแกปิดบังอะไรฉัน แกรู้ใช่มั้ยว่านะไปไหน”
       “หนูไม่ใช่หมอดู จะรู้ได้ไง”
       “คุณหนูไม่ใช่เพื่อนเล่นแกนะ นังไพร่” จิ๋วตวาด
       เปี๊ยกกับหวานวิ่งมาแต่อรสอางค์กับจิ๋วไม่ทันเห็น เปี๊ยกจะเข้าไปลุย หวานดึงไว้ แล้วให้เปี๊ยกมองไปที่ขี้วัว นึกแผนออก
       “ไม่บอกก็รู้ คุณหนูของป้าแก่กว่าฉันตั้งเยอะ ยิ่งป้านี่ทิ้งกันไม่เห็นฝุ่น”
       “ปากดีนักนะ”
       จิ๋วเงื้อมือ เปี๊ยกปาขี้วัวโดนหน้าจิ๋วแบบเต็มๆ จิ๋วยืนช็อกเพราะไม่รู้มันมาได้ยังไง ป้ายขี้วัวมาดู
       “อี๊ มันอะไรเนี่ย”
       หวานรีบบอก “เรียกให้มันไพเราะเสนาะหูหน่อยก็ต้องเรียกว่า ปุ๋ยคอก ถ้าเรียกแบบคนบ้านนอกก็เรียกว่า ขี้วัวไงป้า”
       จิ๋วเต้นเร่าๆ รังเกียจสุดๆ “อ๊ายย อีบ้า อีพวกสกปรกโสโครก”
       น้อยกับเปี๊ยกเดินเข้ามายืนข้างน้อย “สกปรกตรงไหนคะ ขี้วัวเนี่ยช่วยรักษามลพิษให้โลกนะตายจริง คนมีการศึกษาทำไมไม่ยักรู้เนอะ”
       เปี๊ยก น้อย และหวานประสานเสียงหัวเราะขำก๊าก
       อรสอางค์แค้นสุดๆ “เลวมาก ฉันจะให้นะไล่พวกแกออก”
       “คงออกมาไล่เราไม่ได้หรอกคุณ เพราะคุณนะถูกจับตัวไปขังลืมแล้ว”
       อรสอางค์ตะลึง “อะไรนะ”
       เปี๊ยกพูดอ้อแอ้ ทำท่าเชือดคอตัวเองแล้วคอพับลิ้นห้อยมีความหมายว่าทรรศนะตายแล้ว น้อยแกล้งตกใจ
       “ถึงขั้นเดดซะมอเล่เลยเหรอ”
       
       อรสอางค์หน้าเสีย มองหน้ากับจิ๋ว 

-------------------------------------------------------------------

เวลาเดียวกันปิ่นอนงค์กำลังซื้อผลไม้ พอส่งเงินให้แม่ค้าแล้วเดินออกไป โดยไม่รู้ว่าพงษ์กับลูกน้อง ที่ปลอดสั่งให้มาช่วยงานใหญ่ เดินก้าวตามไป
       
       ปิ่นอนงค์เดินเลี้ยวไปทางแคบๆที่ปลอดคน รู้สึกว่ามีคนตาม หันไปมอง แต่ไม่เห็นอะไร
       ปิ่นอนงค์เร่งฝีเท้าเพราะเกิดความกลัว พงษ์กับลูกน้องโผล่ออกมา
       “จำไว้ ห้ามทำร้ายคุณปิ่นเด็ดขาด ถ้าเป็นแผล หรือมีรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว นายหัวเอาพวกแกตาย”
       ลูกน้องรับคำแข็งขัน พงษ์พยักหน้าให้สัญญาณ ลูกน้องแยกย้ายไปคนละทาง ส่วนพงษ์ตามปิ่นอนงค์ไป พอปิ่นอนงค์เดินเลี้ยวไปทางขวา เจอลูกน้องพงษ์คนหนึ่งเดินมาขวางทาง
       ปิ่นอนงค์ถอยหนีหันหลังจะไปเลี้ยวไปอีกทาง เจอลูกน้องพงษ์อีกคน มายืนขวางอีก
       ปิ่นอนงค์หันหลังจะกลับทางเดิม พงษ์เดินมาขวาง ปิ่นอนงค์จ้องหน้าจำได้
       “นายพงษ์ นายอยู่กับเสือปลอดที่เหมืองไม่ใช่เหรอ แล้ว ทำไมมาอยู่ที่นี่ หรือว่าคุณใหญ่สั่งให้มาจับฉัน”
       “เป็นคำสั่งของเสือปลอดครับ ถ้าคุณยอมไปดีๆ...” พงษ์พูดไม่ทันจบ
       ปิ่นอนงค์รวบรวมสติ ทำใจดีสู้เสือ “ฉันขอเดินไปเองได้มั้ย” มองดูท่าทีลูกน้องพงษ์
       พงษ์โบกมือให้ลูกน้องถอยห่าง “เดินพ้นออกไปจากซอยนี้ ก็เจอรถแล้วครับ”
       พงษ์แหวกทางให้ ปิ่นอนงค์เดินช้าๆ จนพ้นจากพงษ์ ปิ่นอนงค์เหลือบมองถาดสังกะสีใส่ปลาแห้งวางเรียงรายตากแดดอยู่
       ปิ่นอนงค์รีบคว้าถาดปาใส่พงษ์จังๆ พงษ์เจ็บหัวตัวงอ ลูกน้องอีกคนสองคนพุ่งเข้าหา ปิ่นอนงค์คว้าถาดอีกใบหลับหูหลับตา ฟาดๆ ลูกน้องได้แต่ปัดป้องเพราะไม่กล้าโดนตัวปิ่น
       
       จอมกับจินตนาวิ่งมาถึง จอมเห็นปิ่นอนงค์กำลังแย่
       “ปิ่น!” จอมตะลึง
       พงษ์หันไปมอง ปิ่นอนงค์กัดมือพงษ์ร้องลั่น “โอ๊ย!” พงษ์ปล่อยมือ
       ปิ่นอนงค์ดีใจ “จิน”
       จินตนาก็ดีใจ “ปิ่น”
       ปิ่นอนงค์รีบวิ่งไปหาจินตนา พวกพงษ์ตาม จอมกระโดดเข้ามาชกพงษ์หงาย เตะยอดอกลูกน้องคนแรก แล้วจับลูกน้องอีกคนทุ่มอย่างบ้าพลัง
       จากนั้นจอมคว้าถาดใส่ปลาแห้งเป็นอาวุธต่อสู้กับพวกพงษ์ จนทั้งสามนอนสิ้นลายบนพื้น พงษ์ตะเกียกตะกายลุกยืน
       “ถอยก่อน”
       ลูกน้องรีบประคองกันล่าถอยตามพงษ์
       จอมหันมาทางปิ่นอนงค์อย่างห่วงใย “ปิ่นบาดเจ็บหรือเปล่า”
       “เราไม่เป็นอะไร”
       “พวกนี้มันเป็นใคร ทำไมต้องทำร้ายเธอด้วย”
       ปิ่นอนงค์ไม่อยากบอกเพราะปลอดก็เคยช่วยตนไว้ “คงเป็นพวกดักจี้เอาเงินมั้ง แล้วจอมรู้ได้ไงว่าเรามาอยู่กับจิน จินบอกจอมเหรอ”
       “อย่าพูดซี้ซั้วนะยะ ไม่ใช่เราแน่”
       ปิ่นอนงค์มองจอมเขม็งรอคำตอบ
       
       ส่วนพงษ์คุยมือถือกับใหญ่ “ผมขอโทษด้วยนะครับที่ช่วยคุณใหญ่ไม่สำเร็จ”
       ใหญ่ยืนอยู่หน้ากระท่อมขังทรรศนะ “ไม่เป็นไรพี่พงษ์ ฝากบอกอาปลอดด้วยว่า ผมมีทางเอาปิ่นกลับมาแล้ว”
       ใหญ่ตัดสายมองเข้าไปในกระท่อม
       
       จอมยื่นจดหมายให้ปิ่นอนงค์ “ป้าอุ่นฝากมาให้”
       ปิ่นอนงค์งง แต่รีบเปิดจดหมายอ่าน
       “รีบกลับไร่ด่วน คุณใหญ่จับคุณนะไป ขู่ว่าจะฆ่าทิ้ง ถ้าคุณนายเอาตัวปิ่นมาแลกไม่ได้”
       “คุณนะ!” ปิ่นอนงค์ตกใจมาก
       
       อรสอางค์เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ยื่นโทรศัพท์ให้จิ๋ว “โทรแจ้งตำรวจเลยค่ะ พี่จิ๋ว”
       “มันเบอร์อะไรละคะ”
       “ก็ถาม1133ซิคะ”
       ครองสุขเข้ามาจับมือไว้ “อย่าให้เรื่องมันถึงตำรวจเลยนะเชื่อน้า”
       “คุณน้ากลัวมันถึงกับกล้าปิดอร แต่อรไม่กลัว อรจะเอาตำรวจมาลากคอมันเอง” อรสอางค์ฉุนขาด
       “น้าไม่ได้กลัว คุณใหญ่เป็นลูกคุณไพศาล เป็นผู้มีพระคุณของน้า ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ”
       อรสอางค์ไม่สนใจ “แต่ไม่ใช่ญาติอรค่ะ ดังนั้นอรไม่สน ถ้ามันเล่นนะ อรก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้ามันเหมือนกัน โทร.เร็วพี่จิ๋ว”
       จิ๋วกด
       ครองสุขสีหน้าซีดเผือด ดูหวาดกลัวผิดปกติ
       
       ครองสุขเดินเข้ามาอย่างตื่นกลัว เห็นรูปไพศาลขนาดใหญ่ ครองสุขยิ่งผวา
       ภาพตอนไพศาลใกล้จะตายผ่านเข้ามาแวบสั้นๆ ไพศาลนอนอยู่บนเตียงชี้หน้าครองสุข
       “เธอๆ นังงูพิษ เธอต้องโดนกรรมสนอง กฎหมายต้องลงโทษเธอ”
       ธีระเปิดประตูเข้ามา “พี่”
       ครองสุขสะดุ้ง “เข้ามาทำไมไม่เคาะประตู”
       “ไหนพี่ว่าเรื่องจะไม่ถึงตำรวจ ทำไมให้คุณอรแจ้งตำรวจ”
       “ฉันไม่ได้ให้มันแจ้ง มันแส่เอง”
       “แต่ผมว่าก็ดีนะ อย่างน้อยจับมันเข้าตารางไปก่อน แล้วเราหาทางเล่นงานไม่ให้มันได้ประกันตัว หาพยานจากคดีนายผามาเพิ่ม”
       “แต่ฉันไม่ต้องการให้ตำรวจสาวเรื่องเก่าๆ”
       “ถ้าพี่กลัวเรื่องที่พี่ฆ่าไอ้ผาปิดปาก เดี๋ยวผมหาแพะให้”
       “มันไม่ใช่คดีนั้น”
       ธีระอึ้ง งงรับประทาน “อ้าว แล้ว…”
       “ไป ไปเธอลงไปรับหน้าตำรวจ ฉันอยากคิดอะไรคนเดียว” 
       ครองสุขดันหลังธีระออกจากห้อง ปิดประตูดังปัง มองไปที่รูปไพศาลอีกครั้ง
       
       ปิ่นอนงค์กับจอมบุกขึ้นมาบนบ้านพักใหญ่ “คุณนะ คุณนะ”
       ปานเทพเดินออกมาตกใจที่เห็น “คุณปิ่น”
       “คุณนะอยู่ไหนคะ”
       “อยู่กับคุณใหญ่ที่ท้ายไร่”
       จอมสวนทันควัน “เราพาไปเอง”
       “คุณใหญ่ต้องการเจอปิ่นแค่คนเดียว”
       ปานเทพมองจอมเขม็ง จอมดึงปิ่นอนงค์จะพาไป “ไปเถอะปิ่น ไม่ต้องไปฟังใคร”
       “แกคิดจะขัดคำสั่งผู้จัดการไร่อย่างฉันหรือไง”
       จอมเดินเข้าหา ขยุ้มคอเสื้อปาน “ใช่ ข้องใจอะไรมั้ย”
       “ไม่ข้องเลยจ้ะ”
       จอมปล่อยมือ ปานเทพรีบฉากออก ชี้หน้าจอม “นักเลงจริงไม่เก่งแต่ปากโว้ย ฉันไล่แกออก”
       จอมจะถลาไปชก ปิ่นอนงค์รีบกันจอมไว้
       “พอแล้วจอม ปิ่นไปคนเดียวได้ จอมกลับไปก่อนนะ”
       จอมขัดใจ “แต่...”
       “ปิ่นขอร้อง”
       ปานเทพมองจอมเย้ยๆ “เชิญ อย่าให้ต้องไล่”
       
       ทรรศนะพยายามแกะเชือก เห็นประตูกระท่อมขยับ ใหญ่เดินเข้ามา ถือจานข้าวในมือ
       “จนป่านนี้แล้ว น้าคนดีของแกยังไม่ได้ตัวปิ่นมา ฉันคงต้องทำตามที่ลั่นวาจาไว้”
       “คุณใหญ่จะทำอะไรผม”
       ใหญ่วางจานตรงหน้าทรรศนะ “มื้อสุดท้ายของนาย กินซะ”
       ใหญ่แก้เชือกให้ ทรรศนะมองขวดน้ำ พอใหญ่หันหลัง ก็คว้ามาตีใหญ่ แต่ใหญ่ไวกว่าจับข้อมือทรรศนะทัน และยื้อแย่งกัน
       
       ปิ่นอนงค์ปั่นจักรยานเข้ามาจอดพิงไว้ตรงต้นไม้ จะวิ่งไปที่กระท่อม
       
       ใหญ่กระชากขวดมาได้ ตบทรรศนะหน้าคว่ำ ทรรศนะเซไปชนข้างฝากระท่อม เจ็บ ใหญ่ตามเข้าไปเอาขวดจิ้มที่คอทรรศนะ
       “อย่างนายเก่งแต่ลับหลัง ถ้าเจอกันซึ่งๆหน้า นายไม่มีทางเอาชนะฉันได้”
       ทรรศนะยิ้มยั่ว “ผมก็เห็นคุณใหญ่แพ้ผมมาตลอด ต่อไปก็เหมือนกัน”
       “คิดว่าจะมีต่อไปเหรอ วันนี้คือวันตายที่ฉันเลือกให้แก”
       “เอาเลย ถึงคุณใหญ่จะฆ่าผม ก็ไม่ทำให้ลุงไพศาลรักคุณใหญ่ขึ้นมาหรอก ผมตายไป คุณใหญ่ก็เปลี่ยนอดีตไม่ได้อยู่ดี คนที่เกลียดก็จะเกลียดคุณใหญ่อยู่อย่างนั้นคนที่รัก ก็ไม่เห็นจะมีสักคน ขนาดปิ่นอนงค์ที่โกรธเกลียดใครไม่เป็น ยังเกลียดคุณเลย”
       ใหญ่เงื้อขวดเหล้าฟาดเปรี้ยง ใครไม่รู้คงคิดว่าใหญ่ฟาดทรรศนะสุดแรงเกิด และทรรศนะตายแน่ๆ
       
       เสียงขวดดัง เพล้ง! ปิ่นอนงค์หกล้มพอดี
       ใหญ่เดินออกมาจากกระท่อม ในมือถือขวดเหล้าที่กลายเป็นปากฉลาม ปิ่นอนงค์ตกใจ
       “คุณนะ อยู่ที่ไหน”
       ใหญ่ยียวน “อ๋อ ก็เธอมาช้า ฉันขี้เกียจรอ ก็เลยจัดการซะ แก้แค้นให้เธอเรียบร้อย หมดทุกข์หมดโศกกันซะทีนะ ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีคนทำให้เธอเสียใจอีก”
       ปิ่นอนงค์ไม่เข้าใจ “แก้แค้น”
       ใหญ่เล่นละครต่อ “ฉันเจ็บใจที่มันนอกใจเธอ ฉันก็เลย” ชูขวดโชว์ ทะลวงเข้าไปในหัวใจมัน เพื่อเธอนะยัยเด็กโง่”
       ปิ่นอนงค์ช็อกจะวิ่งเข้าไปในกระท่อม ใหญ่จับไว้
       “เธอน่าจะขอบใจฉันสักคำมันถึงจะถูก”
       “คุณทำได้ยังไง ฆ่าคนอย่างเลือดเย็นได้ยังไง คุณไพศาลคงผิดหวังที่มีลูกใจคอโหดเหี้ยมอย่างคุณ
       คุณมันใจร้าย ใจดำ”
       ใหญ่ถูกสะกิดแผลเรื่องพ่อก็ของขึ้น “ต้องหลอกผู้หญิงถึงสองคนอย่างหวานใจของเธอ ถึงจะเป็นคนดีสินะ”
       “คุณนะไม่ได้หลอกปิ่น คุณนะมีสิทธิ์จะรักใครก็ได้”
       ปิ่นอนงค์ร้องไห้โฮออกมา
       ใหญ่ปล่อยมือปิ่น ยักไหล่พรึด “ใครจะไปรู้ล่ะว่าเธอไม่โกรธเค้า แต่ฉันก็ฆ่าเค้าไปแล้วด้วยสิ คงชุบชีวิตคืนให้เธอไม่ได้ เอาอย่างงี้แล้วกัน ฉันยกศพให้เธอ จะเอาไปนอนกอดไว้ทั้งคืนก็ตามสบาย
       ปิ่นอนงค์ตบหน้าใหญ่สุดแรงเกิด “ปิ่นพยายามเข้าใจว่าคุณเป็นเด็กมีปัญหา เพราะขาดความรักจากคุณลุง ปิ่นไม่เคยเชื่อว่าคุณใหญ่เป็นคนเลวจากนิสัยที่แท้จริงของคุณใหญ่เอง แต่วันนี้ปิ่นมั่นใจว่า ใช่!”
       ปิ่นอนงค์ผลักประตูกระท่อมเข้าไป ใหญ่อึ้งจับแก้ม
       
       ปิ่นอนงค์ยืนตะลึง มองไปเห็นทรรศนะสลบอยู่ตรงมุมห้อง
       “คุณนะ”
       ปิ่นอนงค์เข้าไปประคองทรรศนะ ไม่เห็นเลือดตรงไหนเลย ปิ่นอนงค์ยิ่งงง มองตรงอกนทรรศนะ คำพูดและท่าทีกวนตีนของใหญ่ผุดขึ้น
       “ฉันเจ็บใจที่มันนอกใจเธอ ฉันก็เลย ทะลวงเข้าไปในหัวใจมัน....”
       ใหญ่ยืนที่ปากประตูไม่ได้เข้ามา พูดเยาะ “หวานใจเธอนี่ไม่ไหวเลย ใจเสาะเป็นบ้า ฉันยังไม่ทัน
       ได้ทำอะไร ก็เป็นล้มซะละ”
       ปิ่นอนงค์โล่งใจ ทรรศนะขยับตัว ปรือตามอง “ปิ่น”
       ทรรศนะรีบลุกนั่ง มองไปที่ใหญ่ ได้โอกาสแกล้งใหญ่คืน “นี่ปิ่นจริงๆ เหรอ”
       “ค่ะ”
       “พี่ดีใจที่เห็นปิ่นกลับมา ตั้งแต่ปิ่นหนีไปพี่ไม่เคยสบายใจเลย ห่วงแต่ว่าปิ่นจะอยู่ไหน จะกิน จะอยู่ยังไง”
       ปิ่นอนงค์ดีใจนัก ลืมตัวกอดทรรศนะร้องไห้ “คุณนะต้องลำบากเพราะปิ่น ปิ่นขอโทษค่ะ”
       ทรรศนะตั้งใจสวมกอดปิ่นให้ใหญ่เจ็บใจ แลพได้ผลใหญ่ยืนมอง เจ็บปวดกับภาพที่เห็นตรงหน้า
       “ปล่อยตัวคุณนะได้แล้วใช่มั้ยคะ หวังว่าคุณใหญ่จะทำอย่างที่พูดไว้”
       ใหญ่หมั่นไส้ ผายมือให้ “ได้ เชิญตามสบาย”
       ปิ่นอนงค์ประคองทรรศนะจะเดินออก ใหญ่จับแขนปิ่นอนงค์ไว้
       “เดี๋ยว”
       “อะไรอีกล่ะ” ทรรศนะงง
       “นายไปคนเดียว ปิ่นอยู่ก่อน”
       “ทำไม คุณใหญ่จะทำอะไรปิ่น”
       “สนใจด้วยเหรอว่าชั้นจะทำอะไรปิ่น นายกลับไปหาแฟนได้ก็น่าจะพอ” ทรรศนะชักลังเล “หรือจะเปลี่ยนใจ อยู่ด้วยกันที่นี่ชั้นก็ไม่เกี่ยงนะ”
       ปิ่นอนงค์มองหน้าทรรศนะ “ปิ่น ขอโทษนะ”
       
       ทรรศนะเดินออกไปเฉยเลย ปิ่นอนงค์มองตามอย่างน้อยใจ ใหญ่สะใจนัก

-----------------------------------------------------------------------------------------

ที่หน้าเรือนใหญ่เวลานั้น มีตำรวจสามนายชุดเดิมที่เคยมาตรวจครั้งก่อน ยืนคุยอยู่กับอรสอางค์ และจิ๋ว โดยมีธีระสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ
       
       ตำรวจนายหนึ่งเอ่ยถามขึ้น “มีใครนำทางไปกระท่อมที่ว่ามั้ยครับ” พลางมองไปที่จิ๋ว
       จิ๋วรีบออกตัว “อุ๊ย ไม่ใช่คนที่นี่ค่ะ”
       “นี่ค่ะ ผู้จัดการไร่นำไปได้” อรสอางค์โบ้ยให้ธีระ
       “เอ่อ คือตอนนี้ผมไม่ใช่ผู้จัดการแล้ว อีกอย่างผมก็จำทางไม่ค่อยได้ด้วย”
       ตำรวจคนเดิมถามย้ำ “แล้วตกลงจะมีใครไปกับผมมั้ย”
       อรสอางค์หงุดหงิดมาก “โอ๊ย ชักช้ากันอยู่นั่นแหละ ป่านนี้นะถูกมันซ้อมมันทำทารุณอะไรบ้างก็ไม่รู้ นี่ถ้านะเป็นอะไรไป ฉันจะให้พ่อสั่งย้ายพวกนายหมดทุกคน”
       จังหวะนั้นทรรศนะเดินโซซัดโซเซมาจิ๋วมองไปเห็นก่อนใคร “เอ๊ะ คุณหนูคะ นั่นมันคุณนะนี่คะ”
       ทุกคนหันไปตาม เห็น สารรูปทรรศนะเหงื่อโชกไปทั้งตัว สภาพมอมแมม หมดแรงเซยันมือเท้าเข่า
       “นะ” อรสอางค์ พร้อมด้วยจิ๋วถลารีบไปประคอง
       ธีระกับตำรวจมองตามอย่างงงๆ
       ปิ่นอนงค์นั่งมองชะเง้อชะแง้ ใหญ่เข้ามานั่งด้วย
       “ยังคิดว่าไอ้นะมันจะย้อนกลับมาอีกเหรอไง”
       “คุณนะต้องพาคนมาช่วยปิ่นแน่” ปิ่นอนงค์มั่นใจนัก
       “เธอนี่มันชอบหลอกตัวเองนะ ถ้ามันห่วงเธอมันไม่ทิ้งเธอไว้กับฉันหรอก”
       ใหญ่พูดแทงใจดำตรงๆ ปิ่นอนงค์เถียงไม่ออก ทำหงุดหงิดใส่ใหญ่
       “แล้วคุณใหญ่ต้องการอะไรอีกคะ อยากให้ปิ่นกลับมาปิ่นก็กลับมาแล้ว จะเอาปิ่นเข้าคุกก็รีบแจ้งตำรวจมาจับปิ่นเลย รออะไรอยู่ละคะ”
       ใหญ่พูดดีด้วย “เรามาพูดความจริงกันดีกว่า เธอถูกคุณนายครองสุขบังคับให้รับผิดแทนใช่มั้ย”
       “ปิ่นพูดความจริงไปหมดแล้ว ปิ่นเป็นคนโกงคุณใหญ่เอง”
       ใหญ่หน้าเครียด ลุกพรวด “ก็ได้ ถ้าเธอยืนยันอย่างนี้ ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับไปง่ายๆ”
       ใหญ่ฉวยมือปิ่นอนงค์ดึงร่างมา “หมายความว่าไงคะ คุณใหญ่จะพาปิ่นไปไหน”
       ใหญ่ทำมาดโจรใส่ “เธอเอาเงินฉันไปตั้งเยอะ เธอก็ต้องชดใช้”
       “ไม่ ปิ่นจะอยู่รอคุณนะที่นี่”
       “ในหนังเวลาพระเอกจะมาช่วยชีวิตนางเอก มันต้องมีอุปสรรคหน่อย จะมาช่วยกันง่ายๆมันจะสนุกได้ยังไงล่ะ”
       ใหญ่จับข้อมือปิ่นอนงค์ลากไป ปิ่นอนงค์ดิ้นรนขัดขืน
       “ปล่อย คุณใหญ่ ปิ่นไม่ไป”
       ใหญ่ไม่ฟังลากปิ่นอนงค์เข้าป่าหลังกระท่อมไป
       ครองสุขดีใจมากสวมกอดทรรศนะอย่างโล่งอก “ปลอดภัยก็ดีแล้ว น้าเป็นห่วงแทบแย่”
       น้อยเอาน้ำมาเสิร์ฟ ในอาการสอดรู้สอดเห็นเต็มขึ้น
       “ตกลงคนร้ายจับคุณไปทำไม แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหน” ตำรวจถาม
       ทรรศนะหยิบน้ำมาดื่ม หลบตานายตำรวจที่มองจ้องรอฟังอยู่
       “บอกตำรวจไปสิคะ ว่าไอ้ใหญ่มันจับตัวคุณไปขังมันขู่เข็ญทำร้ายอะไรคุณบ้าง”
       ครองสุขนึกรู้จ้องตาทรรศนะ “เป็นเรื่องเข้าใจผิดใช่มั้ย ตานะ ไม่มีใครทำอะไรแกใช่มั้ย”
       “ทุกคนเงียบก่อนครับ ฟังผู้เสียหายพูดดีกว่า ตกลงเรื่องราวเป็นยังไงครับ คุณ ทรรศนะ” ตำรวจนายนั้นเสียงเข้ม
       ทรรศนะมองอรสอางค์ สลับกับมองครองสุข ตัดสินใจบอกไป “ผมกับคุณใหญ่ เราไปเดินป่ากัน โทรศัพท์ผมเสียอรแฟนผม เลยติดต่อกับผมไม่ได้ ก็เลยเข้าใจผิดความจริงไม่มีการกักขัง ทำร้ายอะไรกันทั้งนั้นครับ”
       อรสอางค์โวยวาย “แต่นังน้อยมันบอกอรว่ามันเห็นกับตา”
       ครองสุขแว้ดใส่น้อย “แกเองเหรอ อยากตกงานใช่มั้ย”
       “เอ่อ คือ” น้องงงวย
       สองคนสบตากันไปมา อรสอางค์งงๆ ส่วนตำรวจเซ็ง
       รถตำรวจแล่นออกไปแล้ว น้อยยืนส่ง อุ่นเรือน จอม ถวิล เข้ามา
       “น้อย คุณนะกลับมาแล้วเหรอ แล้วนังปิ่นล่ะ”
       “คุณนะ ไม่เห็นพูดถึงพี่ปิ่นเลยป้า แถมบอกว่าไปเดินเล่นกับคุณใหญ่ด้วย หนูเกือบโดนข้อหาแจ้งความเท็จแล้ว”
       อุ่นเรือนรีบแจ้นเข้าไปในบ้านอย่างร้อนใจ จอม กับถวิลตามติด
       
       ทรรศนะเอ่ยกับทุกคนในห้องรับแขกขึ้น
       “ตอนนี้ ปิ่นยังอยู่กับคุณใหญ่ คุณน้าให้คนงานไปช่วยปิ่นเถอะครับ”
       อรสอางค์ไม่เข้าใจ “แล้วเกี่ยวอะไรกับปิ่นด้วย”
       พวกอุ่นเรือนเข้ามา “คุณนะ นังปิ่นล่ะคะ ทำไมไม่กลับมาด้วย”
       “เอ่อ คุณใหญ่ไม่ยอมปล่อยปิ่นมา”
       จอมโมโห ชี้หน้าทรรศนะ “อะไรวะ ปิ่นไปช่วยคุณนะแท้ๆ พอรอดตัวก็กลับมาดื้อๆคนเดียว ไม่ได้คิดจะช่วยปิ่นเลยเหรอไม่ใช่ลูกผู้ชายเลย”
       จิ๋วตบอกผาง “ต๊ายสามหาว แกระดับไหน ถึงมาว่าคุณทรรศนะ”
       ครองสุขโกรธจอมมาก “มันจะมากไปแล้วนะ นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของฉัน พวกคนงานอย่างแกไม่เกี่ยว”
       ถวิลถามอีกคน “พวกเราก็แค่อยากรู้ว่าปิ่นอยู่ที่ไหนนะครับ”
       ครองสุขรีบตัดบท “ปิ่นเป็นคนของฉัน มันจะเป็นจะตาย ฉันรับผิดชอบเอง พวกแกออกไปได้แล้ว หรือถ้ายังไม่พอใจ ก็ออกจากไร่ฉันไปเลย”
       จอม...จอมมุทะลุโกรธจัด “ได้ ผมก็ไม่อยากอยู่ กับนายที่ไร้น้ำใจเหมือนกัน” จอมเดินออกไปทันที ถวิลหน้าเสีย “ผมต้องขอโทษแทนจอมมันด้วย” ไหว้ครองสุข แล้วออกไป
       อรสอางค์งงและเริ่มโกรธเหมือนสองคนมีความลับกับตนอีก “นี่ตกลงมันยังไง นังปิ่นเปิ่นนั่นมาเกี่ยวอะไรด้วย นะกับคุณน้ามีอะไรปิดบังอรกันแน่”
       “ไอ้จอมมันชอบนังปิ่น พอนังปิ่นหนีไปมันก็เที่ยวโทษคนนั้นคนนี้ไปทั่ว แกก็เหมือนกันนะนังอุ่น ฉันรู้ว่าแกเป็นห่วงลูก แต่ก็ไม่ควรจะเอาเรื่องลูกแกมาปนเปกับหลานฉัน แค่นี้ฉันก็ปวดหัวพออยู่แล้ว ไป ไป๊”
       อุ่นเรือนได้แต่นิ่ง แล้วเดินออกไป
       ขณะที่อรสอางค์ยังไม่วางใจ “นี่ตกลงคุณน้าจะยอมไอ้ใหญ่มันเหรอคะ”
       “นั่นน่ะซิคะ ยอมไม่ได้นะคะ” นายว่าขี้ข้าอย่างจิ๋วก็พลอยผสมโรง
       “ก็มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนี่ครับ คุณใหญ่มันแค่แกล้งผมเล่นๆ ดูสิ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
       “แต่นะเป็นเจ้าของไร่ไพศาลนะ หรือว่า..ไร่นี้ไม่ใช่ของพวกคุณ แต่เป็นของไอ้ใหญ่”
       ทรรศนะอ้ำอึ้ง “ไม่มีทางที่ไร่นี้จะเป็นของมัน ไอ้ใหญ่พอมันรู้ว่าจะต้องเสียไร่ให้นะ มันก็เลยพาลหาเรื่องแก้แค้น หนูอรใจเย็นๆ ศาลสั่งบังคับคดีเมื่อไหร่ ไอ้ใหญ่ก็หมดน้ำยาเมื่อนั้น”
       
       บริเวณป่าเส้นทางทะลุไปยังหมู่บ้านนาข้าวขั้นบันไดที่ใหญ่เคยหนีมาสมัยเป็นวัยรุ่น สองข้างทาง เป็นทุ่งดอกไม้สวยๆ ใหญ่จูงปิ่นอนงค์เดินมาตามทาง
       ปิ่นอนงค์มีสีหน้ากังวล มองรอบตัวไปมาตลอดเวลา เหนื่อยหอบ
       “คุณใหญ่จะพาปิ่นไปไหนคะ”
       “ทะลุแนวป่าข้างหน้า เธอก็จะเห็น”
       สองคนเดินเข้าในป่าอีกมุม ปิ่นอนงค์เหลียวหลังล่อกแล่ก กลัวทรรศนะจะตามมาไม่ทัน ในที่สุดปิ่นคิดแผนได้ แกล้งก้าวขาพลาด เซล้มลง กุมข้อเท้า
       “โอ้ย ... เจ็บจังเลยค่ะ สงสัยขาแพลง ขอปิ่นพักก่อนนะคะ”
       ปิ่นทำบีบข้อเท้า ใหญ่แอบยิ้มรู้ทัน “ถ้าอย่างนั้น ฉันล่วงหน้าไปก่อนก็แล้วกัน รีบๆ ตามไปล่ะ ระวังจะหลงทาง อ้อ ... ระวังตัวด้วยนะปิ่นอนงค์ ป่าแถวนี้งูมันเยอะ”
       ใหญ่เดินออกไปแล้ว ปิ่นอนงค์หน้าตาเลิ่กลั่กมองไปมารอบๆ ตัว
       ครองสุขเดินมากับธีระจะไปสำนักงานธีระ อุ่นเรือนมาดักอยู่แล้ว
       “คุณนายคะ”
       ครองสุขถามฉุนๆ “นังอุ่น แกจะมาต่อว่าที่ฉันทิ้งนังปิ่นใช่มั้ย”
       “แต่อุ่นเป็นคนบอกให้นังปิ่นมันไปหาคุณใหญ่นะคะ มันต้องอยู่กับคุณใหญ่แน่ๆ”
       “ฉันรู้”
       อุ่นเรือนงง “แล้วทำไม”
       “ฉันไม่อยากให้หนูอรคิดว่าไร่เรามีแต่เรื่องป่าเถื่อน ฉันน่ะตั้งใจจะให้คนไปช่วยนังปิ่นมันทีหลังอยู่แล้ว แกไม่ต้องห่วง”
       “คุณนายพูดจริงๆ นะคะ”
       “ก็จริงนะซิ แกไปคอยฟังข่าวดีได้”
       “ขอบคุณค่ะ คุณนาย”
       อุ่นเรือนไหว้แล้วเดินออกไป
       “ผมจะให้ไอ้เจิดไอ้ก้าน หามือดีมาช่วย แต่ว่าพอช่วยปิ่นแล้ว พี่จะเอาไงกับไอ้ใหญ่ เก็บเลยมั้ย จังหวะนี้ผมว่าเหมาะนะ” ธีระเอ่ยขึ้น
       “ใช่ จังหวะเหมาะ แต่ไม่ใช่เก็บไอ้ใหญ่คนเดียว”
       “อะไรนะครับ”
       “ฉันอยากทำให้เหมือนมันถูกพรานป่าปล้นฆ่า หรือถูกเสือสางคาบไปทั้งคู่ ถ้านังปิ่นรอดมันจะกลับมาพูดมาก ทำได้มั้ย”
       “ได้ครับ”
       
       ธีระเดินออกไปเร็วรี่

--------------------------------------------------------

 ด้านปิ่นอนงค์กึ่งวิ่งกึ่งเดินหนีใหญ่ออกมาที่อีกมุมหนึ่งในป่า จนพอจังหวะหนึ่งจึงหยุดยืนนิ่งหน้าเครียด เหลียวมองไปมารอบตัว และรู้ว่าตัวเองหลงทาง ปิ่นอนงค์ชูนิ้วอย่างสับสน ชี้ทางไปมา พยายามนึกหาทางกลับ
        
       จู่ๆ ตุ๊กแกร้องขึ้น ปิ่นอนงค์ตกใจ มองไปเห็นตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะต้นไม้ ไม่ใกล้ไม่ไกล มีเสียงใบไม้แห้งกรอบแกรบ เห็นตัวเหี้ยคลานแกมวิ่งผ่านไป ปิ่นอนงค์หน้าเสีย ถอยหลังจะไปอีกทาง จังหวะนั้นเถาวัลย์ถูกโยนข้ามหัวปิ่นอนงค์ พร้อมกับเสียงใหญ่ตะโกนก้อง
       “ระวัง งู”
       ปิ่นอนงค์ตกใจ วิ่งเข้าหาใหญ่ หลับหูหลับตา กรี๊ดแตก
       ร่างของปิ่นอนงค์ปะทะซบที่อกแกร่งของใหญ่ “ช่วยปิ่นด้วยค่ะ คุณใหญ่”
       ใหญ่กอดปิ่นยิ้มๆ ถามเหมือนจะเอาเรื่อง “แล้วหนีฉันมาทำไม”
       “ไม่หนีๆแล้วค่ะ” ใหญ่มองปิ่นอนงค์รักใคร่ เอาแก้มตัวเองแนบเรือนผมปิ่นอนงค์
       ปิ่นอนงค์นิ่งอยู่นาน แล้วค่อยๆ ลืมตาใหญ่จุ๊ปากบอก
       “จุ๊ๆ... ชู่ๆ... อย่าขยับปิ่นอนงค์ งูมันแผ่แม่เบี้ย” ปิ่นอนงค์กลัวจับจิตหลับตาปี๋ ใหญ่กระซิบแผ่วๆ “อยู่ข้างหลังเธอ”
       ใหญ่ลูบหัวปิ่นอนงค์เบาๆ ด้วยกิริยาทะนุถนอม เคลิ้มรักใหญ่กระซิบอีก
       “ค่อยๆ เหยียบเท้าฉันปิ่นอนงค์”
       ปิ่นอนงค์ทำตามอย่างว่าง่าย เหยียบเท้าใหญ่ทั้งสองข้าง ใหญ่โอบร่างปิ่นอนงค์แนบตัว ค่อยๆ ก้าวเท้า ทีละนิดๆ ใหญ่ยิ้มเจ้าเล่ห์ แกล้งอีก
       “เฮ้ย นั่น...” ปิ่นอนงค์ตกใจ กระโดดเอาขาขึ้นเข้าทางใหญ่เลยอุ้มไว้
       “มันมาอีกตัวแล้วเหรอคะ”
       ใหญ่รีบเดินหนี อุ้มปิ่นอนงค์ไปด้วย ใหญ่ยิ้มกริ่ม “ใช่ แถวนี้งูชุมจริงๆ รีบไปเถอะ”
       อรสอางค์หลบมุมมายืนคิดเครียดอยู่กับจิ๋ว
       “น้าของนะ ต้องมีอะไรลับลมคมนัยแน่”
       “นั่นน่ะซิคะ ท่าทางพิรุธ หลุกหลิก ไม่น่าไว้ใจ พี่จิ๋วว่าที่นี่มันแปลกๆนะคะคุณหนู นอกจากจะห่างไกลความเจริญ ผู้คนก็ยังไร้การศึกษา ไร้มารยาท ไร้ยางอาย ไม่มีสมบัติผู้ดีเลยซักนิดถ้าคุณท่านกับคุณนายมาเจอต้องเป็นลมตายแน่ๆ” จิ๋วเหลืออดแล้ว
       “เค้าไม่จำเป็นต้องมาหรอก นะได้เป็นเจ้าของที่นี่อย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ อรจะขายไร่นี้ เอาเงินไปซื้อบ้านที่กรุงเทพฯให้หลังใหญ่กว่าเดิมอีก ส่วนพวกคุณนายชาวไร่จะไปอยู่ที่ไหนก็ไป ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกัน” อรสอางค์บอก
       “อย่างนั้นก็ดีค่ะ”
       พอจิ๋วเหลียวมองไปเห็นรถตู้คันหนึ่งวิ่งมาจอด และเห็นเป็นคุณหญิงลงจากรถ “คุณหญิงนี่อายุยืนจริงๆ พูดถึงก็มาเลย” แล้วรู้สึกตัว “หา คุณหญิง”
       อรสอางค์ฉงน “คุณหญิงไหน”
       จิ๋วชี้ไปที่รถตู้ “คุณหญิงแม่น่ะซิคะ คุณหญิงแม่มา”
       อรสอางค์หันไปดูแล้วช็อก
       คุณหญิงหันมาเห็นออกอาการดีใจ “ลูกอร” พลางโบกไม้โบกมือให้
       เวลาต่อมาคุณหญิงแม่ของอรสอางค์ยืนเกาะระเบียงเรือนใหญ่มองทิวทัศน์รอบตัว มีครองสุข อรสอางค์ จิ๋ว และทรรศนะอยู่ใกล้ๆ
       “แหม ไร่ไพศาลกว้างใหญ่ ไพศาลสมชื่อจริงๆ วิวก็สวยมากด้วย”
       ครองสุขอวดโอ้ “ที่ติดเขา ติดลำธาร บนเขาก็มีนะคะ ไม่ใช่ที่ ส.ป.ก. ส.ค.หนึ่ง มีโฉนดทุกแปลงค่ะ ก็ตั้งใจยกให้ตานะคนเดียวค่ะ คุณหญิง”
       คุณหญิงรีบออกตัวสร้างภาพ “ไอ้เรื่องทรัพย์สินเงินทองมันเรื่องเล็กค่ะ ที่ดิฉันมาวันนี้มีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณครองสุข”
       ครองสุขงงงวย “เรื่องอะไรเหรอคะ”
       “เรื่องการแต่งงานของลูกอรกับตานะ” คุณหญิงบอกจริงจัง
       “คุณแม่” อรสอางค์ตกตะลึง
       ทรรศนะมองหน้ากันกับครองสุข นึกไม่ถึง
       
       เจิด กะก้านถูกธีระส่งตัวมาเจรจา กำลังนั่งอยู่บนพื้นเถียงนา มองหาพรานแจ้งไปมา
       “มันจะมาเหรอพี่ ไม่มากลับไปเราโดนกระทืบ” ก้านบ่น
       “พรานแจ้งไม่ผิดคำพูด ขอให้เงินถึงซะอย่าง ที่สำคัญ วิธีฆ่าของมันไม่โฉ่งฉ่าง”
       เจิดว่า ดื่มน้ำจากขวด แล้ววางบนโต๊ะไม้ไผ่เล็กๆ
       จู่ๆ มีลูกศรหน้าไม้พุ่งใส่ขวดกระเด็นไปติดเสาเถียงนา เจิดและก้านตาค้าง
       พรานแจ้งเดินเข้ามาหน้าตาเหี้ยมเกรียม
       ส่วนจอมเอาของจำเป็นใส่เป้ ถวิลพยายามห้าม จอมแบกเอาปืนยาวไปด้วย
       “คุณนายเค้าพูดถูก ปิ่นเป็นคนของเค้า เราไม่ควรไปยุ่ง” ถวิลปรามลูกชาย
       “แต่ปิ่นเป็นคนที่ฉัน...” จอมตั้งใจจะพูดคำว่ารัก แต่เปลี่ยนใจ “....ปิ่นเป็นเพื่อนฉัน ฉันทนเห็นปิ่นถูกคุณใหญ่ข่มเหงไม่ได้”
       ถวิลพูดต่อ “คุณใหญ่อาจจะไม่ได้ทำอะไรปิ่นก็ได้”
       เปี๊ยกอยู่ด้วยส่งเสียงอ้อแอ้เห็นด้วยกับถวิล และบอกว่าคุณใหญ่เป็นคนดี
       “พี่ไม่ต้องเข้าข้างคุณใหญ่เลย ถ้ากลัวจะโดนไล่ออกกันละก็ อยู่ให้คุณนายกดขี่เอาเปรียบกันเถอะ ถ้าฉันช่วยปิ่นได้จะพาไปให้ไกลจากที่นี่เลย”
       จอมพูดจบก็เดินออกไป
       ถวิลระอาใจนัก “ไอ้จอมๆ ไอ้ลูกหัวดื้อ...”
       จอมเดินมาตามทาง มุ่งหน้าไปทางหลังไร่ จินตนาขับรถเข้ามาทางขวามือ จอดเอี๊ยด
       “จะไปไหนจอม”
       “ไปช่วยปิ่นครับ ปิ่นถูกคุณใหญ่เอาตัวไว้ ไม่ยอมปล่อยกลับไร่”
       “จริงเหรอ งั้นก็ขึ้นมา ไปรถเรา”
       จอมขึ้นรถไปกับจินตนา
       อีกมุมหนึ่งปานเทพขับรถกอล์ฟ พลางโทรศัพท์ไปด้วย
       “ตอนนี้ปิ่นคงอยู่กับไอ้คุณใหญ่แล้วพ่อ อ๋อ ผมไม่ได้อยู่ด้วย โทรไปมันก็ไม่รับ” นิ่งไป โดนพ่อด่า “ครับๆ ไม่ต้องด่าแล้ว พอแล้วๆ เข้าใจแล้วว่าไม่ควรปล่อยไอ้คุณใหญ่ไว้ลำพัง ไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
       ปานเทพส่ายหน้าระอาใจ จู่ๆ รถสะดุดกึกแล้วดับไป “อ้าว เฮ้ย ทำไมหมดแรงดื้อๆ”
       ปานเทพสตาร์ทยังไงก็ไม่ติด รถจินตนาแล่นมาพอดี ปานเทพวิ่งไปโบก
       “จอดก่อนๆ”
       จินตนาจอดเอี๊ยด พอปานเทพวิ่งไปใกล้เห็นเป็นจินตนาก็อึ้ง
       “อ้าว...จะไปไหนกัน”
       “ก็ไปช่วยปิ่นนะซิ จริงด้วย นายเป็นลูกน้องคุณใหญ่บอกมานะว่าคุณใหญ่เอาตัวปิ่นไว้ทำไม ทำไมปล่อยแต่คุณนะกลับมาคนเดียว”
       ปานเทพบอก “ไม่รู้”
       จอมโมโห “ไม่รู้ไม่ได้”
       “เอ๊ะ ก็มันไม่รู้จะมาบังคับ..”
       จู่ๆ ปานเทพชะงักกึก อึ้งเพราะไม่รู้ว่าจอมลงจากรถเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เอาปืนจี้เอว
       “เฮ้ย อย่าเล่นแบบนี้เดี๋ยวกระสุนลั่นโป้งป้าง นายติดคุกข้อหาฆ่าคนตายนะโว้ย”
       จอมไม่สน “ฉันไม่สน แกพาฉันไปหาคุณใหญ่เดี๋ยวนี้”
       ปานเทพเหงื่อแตก เห็นจอมเอาจริง
       ที่บริเวณกระท่อมท้ายไร่ไพศาลเวลานั้น ประตูถูกถีบเข้ามาอย่างแรง พรานแจ้งเล็งหน้าไม้ไปมาพร้อมกับกวาดสายตามองรอบห้องแต่ไม่มีใคร พรานแจ้งก้มๆ เงยๆ ดูรอยเท้าไปมา ก้มดูไปเรื่อยๆ เห็นรอยเท้าใหญ่กับปิ่นอนงค์ที่ลากถูกันไปอยู่บนพื้น
       พรานแจ้งดูปลายรอยเท้า มองตามไป เงยหน้าเล็งทิศทางอย่างชำนาญการ
       
       พ้นแนวป่าออกมาเป็นนาข้าวขั้นบันไดสวยสุดสายตา ปิ่นอนงค์หน้าตื่นตะลึงมองทิวทัศน์ตรงหน้าอย่างตื่นเต้น ใหญ่ยืนหน้านิ่งสงบ
       “ที่นี่สวยจังเลยค่ะคุณใหญ่ อากาศก็ดี สงบดีจริงๆทำไมคุณใหญ่รู้จักที่นี่ได้ มันไกลจากไร่เรามากนะคะ” ใหญ่ยังดูเหม่อลอย “ตอนเด็กๆ เวลาทะเลาะกับพ่อ ฉันจะร้องไห้วิ่งไปเรื่อยๆ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จนมาเจอที่นี่เข้า อยู่ที่...” ปิ่นอนงค์อึ้ง มองจ้องใหญ่ รู้สึกสงสารสีหน้าสลด “หมู่บ้านชาวนา วันสองวันค่อยกลับไร่”
       “หลังจากคุณใหญ่หนีออกจากไร่ คุณไพศาลท่านเป็นห่วงคุณใหญ่มาก พูดถึงคุณ ...”
       ใหญ่หันขวับ มองปิ่นตาดุ “หยุดพูดถึงชื่อนี้อีก ปิ่นอนงค์ ไม่อย่างนั้น ฉันจะจับเธอโยนลงไปเดี๋ยวนี้”
       ปิ่นอนงค์หลับตา เม้มปาก ใหญ่เดินลงไปตามขั้นบันไดทางเดิน
       ปิ่นอนงค์รีบเดินตามไปติดๆ
       
       ใหญ่เดินมาทรุดตัวนั่งลงที่บันไดขั้นหนึ่ง ปิ่นอนงค์ค่อยๆ นั่งลงห่างไปหนึ่งเมตร
       ปิ่นอนงค์แอบมองใหญ่ แล้วหันไปลุ่มหลงกับธรรมชาติตรงหน้า ยิ้มน้อยๆ
       ใหญ่หันมามองปิ่นอนงค์ เพ่งพินิจ สีหน้าอ่อนโยน ปิ่นอนงค์รู้สึกตัวว่าถูกมองอยู่ ค่อยๆ หันไปมองใหญ่ สองคนสบตากัน
       “คุณใหญ่มองปิ่นทำไมคะ”
       “ใครบอก ฉันกำลังมองต้นข้าวสวยๆ เพลินๆ เธอต่างหากหันมามองฉัน”
       ปิ่นอนงค์สงสัย ถามหน้าซื่อ “คุณใหญ่ยังไม่มีแฟน เอ้อ ... ยังไม่มีผู้หญิงที่คุณใหญ่รักจริงๆ เหรอคะ”
       ใหญ่อึกอัก กระแอม แล้วก้มหน้าหลบตา “ฉันเป็นโจร เป็นเสือปล้น จะให้ไปรักใครได้ยังไง”
       “จะเสือจะโจร ก็เป็นคน ต้องมีหัวใจมีความรัก”
       “ใช่ ฉันก็รักเป็นเหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ แต่เค้าไปรักไปชอบคนอื่น”
       ปิ่นอนงค์สีหน้าสลดลง กอดเข่า เอาคางเกยมือบนเข่า ใหญ่หันมามองปิ่นอนงค์บ้าง
       “น่าเศร้าจังเลย เหมือนปิ่น”
       “เธอต้องตัดใจจากเค้าให้ได้ปิ่นอนงค์ เธอจะได้มีความสุข”
       ปิ่นอนงค์หันไปมองใหญ่ สบตากันอีก “ปิ่นผูกพันกับความรักครั้งนี้ ปิ่นมีความสุขที่ได้รักและคุณใหญ่ล่ะคะ ตัดใจจากผู้หญิงคนนั้นได้รึยัง”
       ใหญ่จ้องปิ่นอนงค์เขม็ง “ยัง แล้วจะไม่ตัดใจด้วย แต่ฉันจะแย่งเค้ากลับมาให้ได้”
       “ทำแบบนั้นไม่ดีนะคะ คุณใหญ่ไม่ควรทำตัวเป็นมือที่สาม มันทำให้คนอื่นเจ็บปวด” ปิ่นอนงค์พูดพาซื่อ
       ใหญ่หัวเราะในลำคอ “ใครจะเจ็บปวดก็ชั่งหัวมัน อย่าว่าแต่มือที่สามเลย ให้เป็นมือที่สี่ ที่ห้าฉันก็จะทำ ฉันจะแย่งผู้หญิงที่ฉันรักกลับมาให้ได้”
       
       ปิ่นอนงค์มองใหญ่ด้วยสีหน้าผิดหวังแล้วลุกเดินหนีไปอีกทาง ใหญ่มองตาม

----------------------------------------------------------------------

โปรดติดตามตอนที่ 7

No comments:

Post a Comment